หนึ่งเดือนต่อมา…
งานเลี้ยงง่ายๆ ถูกจัดขึ้นที่บ้านของเขา.. จะว่างานเลี้ยงก็ไม่ใช่เพราะป้านวลเป็นคนทำกับข้าวและการจดทะเบียนสมรสถูกจัดแจงขึ้นที่บ้านของเขาโดยมีพ่อของฝ่ายหญิงและพ่อของฝ่ายเขาที่มาเป็นสักขีพยานไอ้น้องทั้งสองคนของเขามันก็ไม่ได้มาร่วมงานนี้เพราะมันอ้างว่าไม่อยากมากลัวโดนจับแต่งงาน.. ส่วนคนพี่.. ไม่โผล่หัวมาให้เห็นเลย.. เกลียด ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเกลียดคนบ้านนี้ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ชอบขี้หน้า ไม่ถูกโฉลกเลยสักนิด..
“คุณหนูมิ้นท์ทานเยอะๆ นะคะป้าทำสุดฝีมือเลย…”
“ไม่ต้องเรียกคุณหนูหรอกค่ะ เรียกหนูว่ามิ้นท์เฉยๆ ก็ได้..” เธอรู้สึกว่าป้านวลนั้นอบอุ่นมาก ป้านวลเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีทั้งหน้าตาและการกระทำไม่เหมือนใครบางคน แก่ซะเปล่าแต่ทำตัวไม่น่าเคารพเอาเสียเลย.. เธอไม่ได้ว่าใครนะเธอไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา..
“แหม… ป้านวลรีบเลยนะครับ.. รีบทำคะแนนเหรอ? ไม่มีเกรดไม่มีคะแนนให้หรอกนะครับเพราะยังไงก็ไม่ผ่านการประเมินสำหรับผมตั้งแต่แรก..”
เฮ้อ..
ปากจัด ปากนี่คมเสียเหลือเกิน… เมื่อก่อนเธอเคยชื่นชอบเขานะ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเลยละ แต่ทำไมนะ กาลเวลาทำไมถึงทำให้คนที่เธอเคยปลาบปลื้มถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้..
“หยุดๆ เจ้าไคล์ พูดมาก ตักกับข้าวให้น้อง..”
น่าเบื่อ แม่งโคตรน่าเบื่อเลย เขาไม่อยากปั้นหน้าแบบนี้แล้วเขาจะอ้วก.. ถ้าเขาลุกไปอ้วกมันจะเป็นอะไรไหม…
การรับประทานอาหารมื้อนี้เป็นอะไรที่โคตรไม่อร่อยเลย.. เป็นมื้ออาหารที่ทำให้เขากลืนไม่ลง.. แค่ได้เห็นหน้ายัยเด็กคนนี้มันก็ทำให้เขาแทบจะอ้วกพุ่งออกมาทันที.. เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยัยเด็กคนนี้ถึงกินลง เห็นแก่เงินและเห็นแก่กินซินะ…
……
เหนื่อยนะ.. เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยเล่นสงครามประสาทกับเขา.. เธอไม่คิดว่าการเล่นสงครามประสาทกับเขาจะทำให้เธอหมดแรงได้ขนาดนี้.. เธอผู้ที่เคยเป็นผู้ช่วยพยาบาลมาก่อนเธอได้เจอคนไข้ต่างๆ นานา มาก็เยอะมันยังไม่เหนื่อยเหมือนกับการที่เธอต้องมาเล่นสงครามประสาทกับคนแบบเขาเลย..
งืด… งืด…
“เหมียว.. คิดถึงจัง..”
“ห้องอยู่นู่น.. แล้วอย่างสะเหล่อเข้ามาในพื้นที่ของฉันล่ะ..”
ขวับ..
ตึกตึกตึก…
ปัง!!!
“เหมียว.. ฉันควรจะทำยังไงดี.. ฉันไม่อยากอยู่กับเขาเลย.. ฮึก..”
“ไหวไหมแก.. ให้ฉันไปรับไหม…”
“ไหวๆ ยังไหวอยู่.. ขอบใจนะ.. ช่วยคุยกับฉันหน่อยนะ ฉันไม่รู้จะต้องทำยังไงตอนนี้… ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำยังไงต่อไป.. เหมียว.. ฉันไม่รู้เลย…”
“มิ้นท์.. อดทนหน่อยนะ รอเวลาหน่อย รอเวลาสักนิดแล้วแกค่อยไปคุยกับเขา.. ลองคุยกับเขาว่าแกไม่อยากอยู่กับเขาคนนั้นหรือว่าอยากจะหย่า.. แต่รอสักนิดตอนนี้ถ้าแกไปถามมันจะเร็วไปเพราะแกเองก็ไม่รู้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของแกฝ่ายนั้นเขาได้ทำสัญญาอะไรกับพ่อแกรึเปล่า.. ฉันเองก็อยากจะช่วยแกนะแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง..”
“ไม่เป็นไรเหมียว ไม่เป็นไร.. แค่แกอยู่คุยกับฉัน อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนแค่นี้ก็พอแล้ว.. ฉันไม่อยากรู้สึกตัวคนเดียวอีกครั้งเหมียว..”
ความรู้สึกแบบนี้เธอไม่ต้องการอีกแล้ว.. ครั้งสุดท้ายที่เธอรู้สึกแบบนี้ก็คือตอนที่แม่ของเธอเสีย.. มันเป็นความอ้างว้างที่พ่อและพี่มายด์ไม่มีทางเข้าใจ.. เธอมีแม่คอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ว่าเธอจะเจ็บ ไม่สบายหรือร้องไห้.. เธอก็จะมีแม่ของเธอเสมอ แม่ที่คอยปลอบใจ แม่ที่คอยให้กำลังใจเธออยู่ตลอดเวลา.. แต่เมื่อวันหนึ่งเธอต้องสูญเสียแม่ไปด้วยโรคภัยที่มันมาอย่างเงียบๆ .. ตอนนั้นโลกทั้งใบของเธอมันพังทลายลงมาไม่เป็นท่า.. เธอต้องจมอยู่กับความทุกข์และความเศร้าใจอยู่เป็นเวลานาน.. ถ้าวันนั้นเธอเลือกที่จะไปอยู่กับตาและยาย.. บางทีเธออาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้.. แต่เธอเลือกที่จะเชื่อฟังพ่อ พ่อบอกว่าถ้าเธอไปพ่อคงจะต้องเหงามากเลยทีเดียวเพราะแม่ของเธอก็มาด่วนจากไปและเธอก็เป็นสิ่งเดียวที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้พ่อไว้ดูต่างหน้า.. มันเลยทำให้เธออยู่กับพ่อมาตลอดจนถึงวันหนึ่งวันที่เธอออกไปทำตามความฝันที่เธอเคยฝันและเคยสัญญาเอาไว้กับแม่ว่าเธอจะเป็นนางฟ้าในชุดสีขาวให้แม่ให้ได้.. นั่นแหละมันคือสิ่งที่เธอเลือกและตัดสินใจเองในการเลือกทางเดินของเธอ..
“แกยังมีฉันและไอ้นิวนะ.. แกไม่ได้ตัวคนเดียวเข้าใจไหม..”
“อืม.. ขอบใจนะ.. ขอบใจพวกแกที่ยังรักฉันเหมือนเดิมต่างจากคนอื่นๆ …”
บางครั้งการรักตัวเองอาจจะดีที่สุดจริงๆ การที่เธอรักคนอื่นมากกว่าตัวเองมันก็ทำให้ตัวของเธอเองนั้นต้องเจ็บและเสียใจมากๆ .. แต่ไม่เป็นไรเธอถือว่าสิ่งที่เธอทำนั้นคือสิ่งที่ลูกคนหนึ่งทำให้คนเป็นพ่อก็แล้วกัน…
~~~~~~~
พรึบ…
“ซักผ้าให้ด้วย คงจะซักเป็นนะ อยู่บ้านเฉยๆ ก็หัดทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง.. ไม่ใช่แค่นั่งรอใช้เงินไปวันๆ ฉันไม่มีให้หรอกนะ..” จะมาทำตัวเป็นคุณนายของเขาเหรอ? ฝันไปเถอะ พวกปลิงดูดเลือดแบบนี้ไม่มีทางที่จะได้เงินจากเขาสักแดงเดียว…
เธอเนี่ยนะไม่ทำอะไร.. ห้องน้ำก็ล้างให้ บ้านก็ทำความสะอาดให้ จะบอกว่าบ้านก็ไม่ถูกต้องบอกว่าคอนโดของเขาเธอก็เป็นคนดูแลและจัดการให้ตลอด.. เธอได้มาอาศัยอยู่กับเขาเกือบสองอาทิตย์แล้ว.. เธอเบื่อมากๆ นะเธอผู้ที่เคยไปทำงานและหาเงินใช้เองแต่วันนี้เธอต้องมานั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องที่มันไม่แคบ.. แต่แล้วยังไงไม่แคบแต่เธอก็โดดเดี่ยวและสุดแสนจะเหงา เธอจะโทรไปรบกวนเพื่อนๆ ก็ไม่ได้เพราะทุกคนต่างมีงานมีการเป็นของตัวเองทำยกเว้นเธอ.. ดังนั้นเธอจึงมีเวลาแค่ช่วงเย็นหลังที่นิวและเหมียวเลิกงานเท่านั้นที่เธอจะสามารถคุยกับทั้งสองคนได้สักห้านาทีสิบนาที..
“นี่ฉันพูดเธอเข้าใจรึเปล่า..”
“Nervig” (*)
“นี่ ช่วยพูดอะไรที่ฉันเข้าใจได้ป่ะ เมื่อกี้ฉันถามว่าเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดรึเปล่า..” แม่งทำไมทำตัวน่ารำคาญแบบนี้วะ..
“เข้าใจค่ะ แค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะสั่งถ้าอย่างนั้นรบกวนเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วยนะคะฉันจะได้เอาไปซักให้…”
ตึกตึกตึก….
น่ารำคาญ.. เขาเป็นคนแก่น่ารำคาญสุดๆ เลยล่ะ ขี้เก๊ก ชอบทำตัวกร่าง.. รู้อยู่ว่าตัวเองตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แต่ไม่จำเป็นต้องทำท่าทางและแสดงออกมาว่าตัวเองดุร้ายราวกับกระทิงก็ได้มั้ง..
ตุบ…
“อะ.. ซักให้สะอาด รีดให้เรียบ อย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะเพราะฉันเป็นถึงเจ้าของมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อของประเทศ…”
เชอะ..
นั่นเขาเห็นว่าเธอเบ้ปากใส่เหรอ? หรือว่าเขาตาฝาด.. คงไม่ใช่หรอก ยัยเด็กนั่นไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไรแบบนั้นออกมาแน่นอนเพราะอย่างน้อยๆ ก็ต้องเกรงใจที่ว่าเขาเป็นเจ้าหนี้ให้ครอบครัวหล่อน.. เหอะ.. เงินเยอะแยะมากมายขนาดนั้นเอาไปใช้อะไรกันนะอยากจะรู้จริงๆ .. หรือว่าเอาไปเล่นพนัน? ไม่น่าจะใช่ คงจะเอาเงินไปส่งยัยเด็กนี่เรียนเมืองนอกแน่ๆ เลย… ตัวต้นเหตุ ตัวหายนะสินะ..
พรึบ….
ตึกตึกตึก….
…..
เฮ้อ…
เธอถอนหายใจรอบที่ล้านแปดแสนสามหมื่นสามพันห้าร้อยเก้าสิบเก้าได้แล้วมั้งเนี่ย.. เธอไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายแบบนี้มาก่อนเลย.. การซักผ้าครั้งนี้มันเป็นการซักผ้าที่น่าเบื่อสุดๆ …
“อะไรเนี่ย..”
0///0
“ไอ้คนบ้าเอ๊ย.. หน้าด้าน.. น่าเกลียดที่สุด.”
จะอะไรน่ะเหรอ? ก็อีตาลุงนั่นน่ะสิถอดกางเกงชั้นในของตัวเองใส่ตะกร้าลงมาให้เธอซักด้วย.. แล้วสภาพคือแบบ.. มันม้วนเป็นเลขแปดอ่ะ น่าเกลียด.. เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่ามันคือเรื่องปกติของเขาหรือว่าเขาต้องการจะแกล้งเธอกันแน่..
“อย่าให้ฉันได้เอาคืนบ้างก็แล้วกัน..”
คอยดูเถอะเธอจะเอาคืนให้สาสมเลย.. ฝากไว้ก่อนเถอะ…
* Nervig อ่านว่า แนร์ฟฟิก ซึ่งในภาษาเยอรมัน สวิส ออสเตรีย จะแปลว่า น่ารำคาญ
เธอลองๆ คุยกับพ่อแล้วแต่ดูเหมือนพ่อจะไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เธอท่านไปสักเท่าไร.. เธอน่ะอยากเป็นอิสระ อิสระที่แปลว่าไม่ต้องมายุ่งกับอีลุงข้างห้องคนนั้นอีก ไม่อยากเห็นไม่อยากเจอ เธออยากจะไปอยู่ที่ไหนสักที่ที่ไม่ต้องเจอใคร แต่เธอก็บอกกับพ่อไปนะว่าเธอจะแวะมาหาท่านบ่อยๆ แต่เพียงจบประโยคเท่านั้นพ่อก็ตวาดใส่เธอเสียงดังลั่น และบอกว่าเธอจะมาเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ได้.. เพราะพี่มายด์ต้องเหนื่อยมากขนาดไหนกว่าจะเรียนจบมาได้ถึงขนาดนี้.. แล้วเธอล่ะ? ไม่เหนื่อยเหรอ? เธอก็เรียนนะ เธอทำงานไปเรียนไป มันย่อมเหนื่อยกว่าเป็นสองเท่าอยู่แล้ว.. ตอนนี้เธอเริ่มสับสนนะว่าตกลงพ่อน่ะใจดีกับเธอและเอ็นดูเธอบ้างรึเปล่า.. ตึกตึกตึก…“สวัสดีค่ะคุณตาคุณยาย..” เพราะยังไง.. ชีวิตของเธอก็ต้องก้าวไปข้างหน้าอยู่แล้ว เธอจะมาใส่ใจกับเรื่องเมื่อวานไม่ได้…“หนูมิ้นท์มาแล้ว.. มาๆ วันนี้ยายทำขนมใส่ไส้มาด้วย.. ไส้มะพร้าวนะลูก ตาพีทบอกอร่อยมากและนี่ตาพีทฝากมาให้…”“ให้หนูเหรอคะ? ..” อะไรนะ.. “ใช่ๆ ตาพีทฝากให้ยายเอามาให้น่ะ…”^_^“งั้นหนูขออนุญาตเปิดดูนะคะ…”0_0“สวยมากๆ เลยค่ะ.. หนูไม่เคยเห็นใครวาดรูปได้สวยมากขนาดนี้..” จริงนะ เธอพูดเร
สุดท้ายเธอก็ต้องอยู่ที่คอนโดของลุงข้างบ้านอยู่ดี.. ตอนนั้นเธอก็อุตส่าห์บอกไปแล้วว่าเธอพร้อมไปอยู่ที่อื่นแต่ดูเหมือนว่าลุงข้างบ้านจะมีปัญหาหรือเพราะว่าเขาอยากจะให้เธอช่วยจ่ายค่าเช่าเหรอ? ไม่หรอกมั้งเพราะดูๆ แล้วเขาก็มีเงินเยอะกว่าเธอเยอะเลย.. ก๊อกๆ“ออกมาคุยกับฉันหน่อย…”เฮ้อ.. ไม่น่านึกถึงเลย.. นึกทีไรแล้วเธอรู้สึกว่าเขาคล้ายกับสัมภเวสี.. แค่คิดก็โผล่มาขอส่วนบุญแล้ว.. ตึกตึกตึก…แกร๊ก….“มีอะไรคะ?”“ออกมาคุยดีๆ หรืออยากให้ฉันเข้าไป?” ตึกตึก… แกร๊ก…“ว่ามาค่ะ” เป็นบ้าเหรอ? รึยังไง?“นี่เธอ.. ควรมีมารยาทกับฉันหน่อยนะ อายุของเธอก็ห่างจากฉันตั้งหลายปี.. และฉันเป็นเจ้าของคอนโดด้วย..”“เรื่องนั้นฉันทราบค่ะว่าคุณเป็นเจ้าของคอนโด.. ฉันก็เสนอคุณไปแล้วว่าฉันจะไปอยู่ที่อื่นแต่คุณก็คัดค้าน.. และที่คุณบอกว่าคุณอายุมากกว่าฉัน ฉันทราบดีค่ะว่าคุณแก่ แล้วการที่คุณมารบกวนวันหยุดของฉันแบบนี้.. มันดูไม่มีมารยาทนะคะ…”“นี่.. พ่อแม่เธอไม่สั่งสอนเหรอว่าควรจะพูดจากับคนที่มีอายุมากกว่ายังไง…”เล่นถึงพ่อถึงแม่เลยเหรอ? เธอจำได้ว่าตั้งแต่เธอเกิดมาไม่มีใครทำให้เธอต่อล้อต่อเถียงได้มากมายเช่นเขามาก่อน… เขาคือคนแ
ตอนนี้เธอทำงานที่ All friends house แห่งนี้ได้เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว.. งานที่ทำก็ไม่ได้เหนื่อยมากเลยสักนิดเพราะคุณตาคุณยายทุกท่านน่ารัก อัธยาศัยดี นิสัยดี ร่าเริง พวกท่านท่าเทียบๆ แล้วอายุอานามก็คงจะใกล้ๆ คุณตาคุณยายของเธอสินะ.. พวกท่านทั้งสองคนจะเหงารึเปล่า… คิดถึงจัง…“หนูมิ้นท์.. มานี้ๆ ยายมีมะยงชิดมาฝาก.. ดูสิคว้านเม็ดออกเรียบร้อย.. สวยไหม?”^_^“สวยค่ะ สีสวยมากๆ เลย เปรี้ยวไหมคะ? หนูไม่ได้ทานนานมากแล้วจำไม่ได้แล้วว่ารสชาติจะเป็นยังไง…” เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารสชาติมันจะออกมาเป็นยังไง เปรี้ยวไหม? เธอเคยได้ยินมาว่ามะยงชิดมีพี่น้องร่วมสาบาน… ฮ่าๆๆ พูดเล่นๆ เธอเคยได้ยินผ่านๆ หูมา มันน่าจะเป็นตระกูลมะ โดยมีรุ่นพี่ที่ใหญ่ที่สุดก็คือ มะม่วง รองลงมามะยงชิด ต่อมาก็มะปราง และลำดับสุดท้ายคือมะนาว.. ทุกอย่างเป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน.. อันนี้เธอก็ลืมด้วยสิว่าเขาจัดอยู่ให้เป็นผลไม้ในตระกูลรสเปรี้ยวด้วยรึเปล่า.. แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยเธอได้ก็กินมันอีก“ยายทำเอง.. ลองชิมสิ รับรองว่าหวาน..”“ขอบคุณนะคะ.. เดี๋ยวหนูไปจัดใส่จานมาให้นะคะ..” ห้านาทีต่อมา…“มาแล้วค่ะคุณยาย.. วันนี้คุณยายอารมณ์ดีนะคะ…”“
เธออยู่ว่างๆ แบบนี้มาเกือบเดือนแล้วนะ.. วันๆ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนอกจากตื่นนอน ทำกับข้าว กินข้าว อาบน้ำ ล้างจาน มีบ้างที่จะต้องซักผ้ารีดผ้าให้คุณชายท่าน.. ตอนนี้เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเธอแต่งงานกับเขาและฐานะของเธอคือคนใช้.. ถามว่าเธอชอบทำไม.. มันก็ไม่ได้ว่าเกลียดแต่ก็ไม่ได้ถึงกับชอบ เพราะเรื่องแบบนี้มันคือสิ่งที่เธอต้องทำประจำอยู่แล้วตอนที่เธอใช้ชีวิตอยู่สวิตเซอร์แลนด์คนเดียวเธอก็ต้องทำเองทุกอย่างอยู่แล้วสำหรับเธอมันเลยไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย..“ว่าไงคะคุณเหมียว…”“ว่างป่ะไปหาขนมกินกัน..”“แกว่างเหรอ?”“ว่างค่ะคุณนาย.. เร็วๆ จะให้ไปรับไหม..”“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวนั่งบีทีเอไป”สามสิบนาทีต่อมา…“มิ้นท์.. ทางนี้..” ^_^ตึกตึกตึก..หมับ…“คิดถึงจัง..” “งั้นเราไปหาของอร่อยๆ กินดีกว่า…อากาศร้อนๆ แบบนี้.. ไอศกรีมกัน”อือ..บทสนทนาระหว่างเธอและเหมียวดังขึ้นเรื่อยๆ .. พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งแต่กี่ปีแล้วนะ.. มันคงไม่แปลกถ้าพวกเราจะคิดถึงกันมาก เสียงหัวเราะและการพูดคุยของพวกเรามันทำให้เราคิดถึงวันเก่าๆ ตอนที่พวกเรายังเรียนอยู่ด้วยกัน… ตอนนั้นมันสนุกมากๆ ช่วงวัยเรียนเป็นอะไรที่ดีที่สุด พวกเ
หนึ่งเดือนต่อมา…งานเลี้ยงง่ายๆ ถูกจัดขึ้นที่บ้านของเขา.. จะว่างานเลี้ยงก็ไม่ใช่เพราะป้านวลเป็นคนทำกับข้าวและการจดทะเบียนสมรสถูกจัดแจงขึ้นที่บ้านของเขาโดยมีพ่อของฝ่ายหญิงและพ่อของฝ่ายเขาที่มาเป็นสักขีพยานไอ้น้องทั้งสองคนของเขามันก็ไม่ได้มาร่วมงานนี้เพราะมันอ้างว่าไม่อยากมากลัวโดนจับแต่งงาน.. ส่วนคนพี่.. ไม่โผล่หัวมาให้เห็นเลย.. เกลียด ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเกลียดคนบ้านนี้ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ชอบขี้หน้า ไม่ถูกโฉลกเลยสักนิด..“คุณหนูมิ้นท์ทานเยอะๆ นะคะป้าทำสุดฝีมือเลย…”“ไม่ต้องเรียกคุณหนูหรอกค่ะ เรียกหนูว่ามิ้นท์เฉยๆ ก็ได้..” เธอรู้สึกว่าป้านวลนั้นอบอุ่นมาก ป้านวลเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีทั้งหน้าตาและการกระทำไม่เหมือนใครบางคน แก่ซะเปล่าแต่ทำตัวไม่น่าเคารพเอาเสียเลย.. เธอไม่ได้ว่าใครนะเธอไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา..“แหม… ป้านวลรีบเลยนะครับ.. รีบทำคะแนนเหรอ? ไม่มีเกรดไม่มีคะแนนให้หรอกนะครับเพราะยังไงก็ไม่ผ่านการประเมินสำหรับผมตั้งแต่แรก..”เฮ้อ..ปากจัด ปากนี่คมเสียเหลือเกิน… เมื่อก่อนเธอเคยชื่นชอบเขานะ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเลยละ แต่ทำไมนะ กาลเวลาทำไมถึงทำให้คนที่เธอเคยปลาบปลื้มถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้.
เขาหวังว่าเด็กคนนั้นจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด.. แต่ปัญหาที่เขาจะต้องจัดการก็คือ.. พ่อเขา เมื่อสองวันก่อนเขาก็ทะเลาะกับพ่อใหญ่โตเรื่องการแต่งงานนี่แหละ.. พ่อของเขาบอกว่าถ้าเขาไม่แต่งงานกับเด็กคนนั้นพ่อจะถอดเขาออกจากการบริหารงานมหาลัยทันทีแล้วพ่อของเขาจะหาคนอื่นมาดูแลแทนและที่สำคัญพ่อก็จะถอดออกจากการเป็นคณะกรรมการจากเครือธุรกิจต่างๆ ของครอบครัว.. มันได้เหรอวะ เขาเองก็เป็นคนช่วยงานช่วยหาเงินให้ตลอด.. แล้วทำไมพ่อถึงเอาเรื่องนี้มาขู่ด้วย.. แต่ถ้าพ่อต้องการแบบนั้นเขาก็จะยอม.. ในเมื่อพ่ออยากลองดูว่าเขามีความสามารถในการหาเงินและบริหารมากน้อยแค่ไหน.. เขาก็จะทำให้พ่อดูเอง…ตึกตึกตึก…“แม่ง.. ทำไมมันอยากขนาดนี้วะ… ร้อนก็ร้อน.. กูเคยเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยชื่อดังเลยนะเว้ย..” แม่งเอ๊ย.. ที่บ่นๆ เนี่ยไม่ใช่อะไรนะตอนนี้พ่อถอดเขาออกจากการดูแลมหาวิทยาลัยแล้วและพ่อก็มาจัดการดูแลเอง.. ส่วนไอ้ทัตน่ะเหรอ.. มันก็ยังคงทำงานกับพ่อเขาอยู่.. แม่งลอยตัวเลยนะมึงไอ้ทัตคอนโด…เมื่อเขากลับมาถึงถึงคอนโดของเขา เขาก็รีบพาตัวเองไปยังห้องน้ำทันทีร้อนมาก การแว๊นบิ๊กไบค์ไปหางานทำ ถามว่าอายไหม.. ก็นิดหน่อยแต่แล้วยังไงในเมื่อ
สิ่งที่เธอไม่อยากทำและหลีกเลี่ยงมาได้เป็นอาทิตย์สุดท้ายมันก็มาถึง… พ่อของเธอพาเธอมาที่บ้านเพื่อนของท่าน.. บ้านหลังใหญ่ถึงใหญ่มาก พ่อบอกกับเธอว่าจะพาเธอมาหาว่าที่คู่หมั้นของเธอ.. ถามว่าเธอควรจะดีใจไหม.. ถามว่าเธอรู้สึกยินดีไหม? ถ้าเธอตอบออกไปว่าไม่เลยสักอย่าง ไม่ดีใจ ไม่ต้องการแต่งงาน.. พ่อจะฟังเธอรึเปล่า… ก็คงไม่ตึกตึกตึก…“อ้าว.. เข้ามาๆ รอตั้งนาน.. น้องมิ้นท์ใช่ไหมลูก.. ไม่ได้เจอตั้งนานเป็นสาวแล้ว.. สวยนะเนี่ยเรา…”“สวัสดีค่ะคุณลุง..”เธอจำได้ว่าคุณลุงท่านนี้เป็นเพื่อนพ่อ.. เมื่อก่อนตอนเด็กๆ พ่อมักจะหิ้วเธอและพี่มายด์มาที่นี่ด้วยเสมอ.. ทุกครั้งที่มาเธอมักจะเจอพี่ชายที่น่ารักทั้งสามคน พวกพี่ๆ นิสัยดีมากเพียงแค่พวกเธอมาพวกพี่ๆ ก็รีบหาขนมและชวนพวกเธอไปเล่นที่ศาลาริมน้ำทันที.. เธอยอมรับว่าเมื่อก่อนมันสนุกมาก เธอมีความสุขสุดๆ แต่เมื่อพวกเราทุกคนเติบโตขึ้น.. กาลเวลามันก็ทำให้ความสุขที่แท้จริงของพวกเราจางหายไป…“ลุงอะไรกันต่อไปต้องเรียกพ่อนะ.. ต้องหัดเรียกว่าพ่อได้แล้ว…”“ขอบใจนะที่ช่วยพวกเรา…”ตกลง.. สาเหตุที่ทำให้เธอต้องแต่งงานกับลูกชายคุณลุงคืออะไรกันแน่.. จนป่านนี้พ่อของเธอก็ยังไม่บอก
อยู่ๆ วันหนึ่งเธอก็ได้รับสายจากพ่อของเธอ.. พ่อของเธอโทรมาหาเธอและให้เธอกลับเมืองไทย… ตอนแรกเธอก็คิดว่าเธอจะกลับหลังจากที่พ่อโทรมาหาประมาณหนึ่งเดือนเพราะว่าเธอจะได้ทำเรื่องขอลาพักร้อนพอดี.. แต่เมื่อเธอลองฟังสิ่งที่พ่อของเธอพูดต่อมันเลยทำให้เธอต้องซึมขึ้นมาทันที.. สิ่งที่พ่อของเธอพูดมันทำให้เธอต้องทำเรื่องยื่นใบลาออกทันที.. ถึงแม้ว่าหัวหน้าของเธอจะเสียดายในตัวเธอมากแต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องที่พ่อของเธอคุยกับเธอในครั้งนี้ได้…สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ…เพียงเท้าของเธอแตะถึงพื้นดินของประเทศไทยมันก็ทำให้น้ำตาของเธอถึงกับซึมทันที.. เธอไม่ได้กลับเมืองไทยเลยตั้งแต่เธอไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ เธอพยายามทำงานเก็บเงินและส่งเงินกลับบ้านให้พ่อของเธอทุกเดือน.. เธออยู่ที่นั่นไม่จำเป็นต้องใช้เงินอะไรมากมาย ดังนั้นเธอจึงมีเงินเก็บและส่งให้พ่อของเธอเสมอ…“มิ้นท์.. มิ้นท์… โอ๊ย.. คิดถึง…”^_^เหมียว.. เพื่อนรักของเธอ.. เธอได้บอกกับเหมียวว่าเธอจะกลับมาอยู่ไทยถาวรถึงแม้ว่าเหมียวจะตกใจแต่เหมียวก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก..“เหมียว..”หมับ…ฟอด ฟอด….“คิดถึงแก.. กลับกันเลยไหม.. จะให้ไปส่งที่บ้านเลยไหม…”“ไม่อ่ะ
เอาจริงๆ เลยนะเขาไม่ค่อยชอบที่จะกลับบ้านสักเท่าไรเขาชอบอยู่ที่คอนโดส่วนตัวของเขามากกว่า… เพราะอะไรน่ะเหรอเพราะที่บ้านมันน่าเบื่อ เบื่อที่จะต้องฟังพ่อบ่น.. พ่อนะบ่นแต่คำเดิมๆ คำว่าอะไรน่ะเหรอ?“ถ้าฉันมีลูกสาวสักคนก็คงจะดี.. ชีวิตฉันคงจะทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่างที่มีแต่ลูกชาย.. สร้างแต่ความวุ่นวายและปวดหัว.. ถ้าพวกแกคิดจะมีหลานนะฉันขอหลานสาวเยอะๆ ก็แล้วกัน.. หลานชายไม่ต้องนะหนวกหูน่ารำคาญ.. ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นหลานชาย.. เจ้าพวกนั้นจะได้เชื้อพ่อมันมามากขนาดไหน…”ถ้าเขาจะมีลูกนะเขาจะไม่มีลูกสาวเด็ดขาด เขาจะไปทำเด็กหลอดแก้ว เขาจะไปให้โรงพยาบาลช่วยเอาแค่ลูกชายพอ สาเหตุที่ไม่อยากมีลูกสาวเพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนดีเขาทำกับผู้หญิงมาเยอะนั่นแหละเขากลัวว่าผลกรรมมันจะไปตกที่ลูกสาวของเขา..ตึกตึกตึก…“คุณไคล์.. คิดถึงจังคุณไคล์ของป้า…”หมับ…“ป้านวล… เป็นยังไงบ้างครับ..”“ไม่ดีค่ะ คุณไคล์ไม่กลับบ้านไม่คิดถึงป้า.. คุณหนูคนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยกลับ.. ปล่อยคนแก่ให้รอนานแสนนาน.. ไม่รู้ว่าจะได้เจออีกทีวันไหนหรือคงจะได้เจออีกทีตอนงานศพป้ารึเปล่าก็ไม่รู้..”หึ…ดึงดราม่าซะงั้น..“โอ๋ๆ ก็มาแล้วไงครับแล้วไอ้สองตัวนั