เวลาห้าทุ่มครึ่ง ขณะที่ฉันกำลังจะนอน ตริ๊ง!!! เสียงเตือนจากโปรแกรมแชทสีเขียว ทำให้หน้าจอโทรศัพท์ฉันสว่างวาบ จากที่กำลังจะนอน ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นะ..นี่..มัน
Rungsiman’s Sun : พริมนอนรึยังครับ
ฉันแทบจะตอบกลับทันที
Primrose : ยังไม่นอนค่ะ
ยังไม่นอนบ้าอะไร เกือบจะไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งหลายหน
Rungsiman’s Sun : ผมเข้าเวรอยู่ห้องฉุกเฉิน อยากดื่มมอคค่าเหมือนวันนั้นอ่ะครับ ตอนนี้ง่วงมาก จะรบกวน
พริมเกินไปไหม
Primrose : รบกวนอะไรกันคะ รอสักยี่สิบนาทีนะคะ เดี๋ยวไปส่งถึงที่
ในยี่สิบนาทีนั้น ฉันเสียเวลาสิบนาทีแต่งหน้าบางๆ เทรนด์เหมือนไม่ได้แต่ง สิบนาทีหลังฉันรีบชงมอคค่าเย็นหวานน้อยด้วยความเร็วสูง นึกได้ว่าหมออาจจะยังไม่ทานอะไรทั้งวัน จึงเอาบะหมี่เส้นโฮลวีทที่ฉันทำเองไปเวฟอยากให้หมอซันทานอะไรร้อนๆ พอจัดเตรียมเสบียงเสร็จสรรพ ฉันก็ข้ามถนน เดินลัดเลาะไปตามทางเพื่อไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล พอไปถึงหน้าห้อง ฉันก็ไลน์หาคุณหมอทันที
Primrose : เสบียงมาเสิร์ฟถึงที่แล้วค่ะ มารับได้เลย
Rungsiman’s Sun : โอเคครับ
หมอซันเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ใบหน้าขาวเนียนมีออร่า มีรอยคล้ำใต้ตาเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มทอประกาย หมอซันสวมเครื่องแบบสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำ ร่างสูงโปร่งบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“วันนี้เหนื่อยมากครับ ตาจะปิดแล้ว” หมอซันเดินนำฉันมานั่งด้านข้างประตูห้องฉุกเฉิน ฉันทรุดนั่งลงข้างๆ
“ทานอะไรรึยังคะ พริมเอาบะหมี่เส้นโฮลวีททำเองมาด้วย น้ำซุปพริมก็เคี่ยวเองนะคะ หมอซันทานบะหมี่ก่อนนะ” ฉันเอาถ้วยเก็บความร้อนพร้อมช้อนส้อมส่งให้หมอ หมอซันยิ้มตาหยี ไม่เสียแรงที่อดนอนมาหา ได้เห็นรอยยิ้มนี้ ใจบางอีกแล้ว ฮือ...
“ขอบคุณมากนะครับ” หมอทานบะหมี่เงียบๆ วันนี้โชคดีที่ไม่มีเคสฉุกเฉิน ฉันเลยได้นั่งคุยกับหมอนานหน่อย
“ดูแลคนอื่นก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะหมอ ไม่งั้นก็ปล่อยให้คนอื่นดูแล”
“ใครจะมาดูแลหมอล่ะครับ” หมอซันถามยิ้มๆ
“ก็คนข้างๆ ไงคะหมอ เค้าพร้อมจะดูแล แค่หมอบอก เห็นมั้ยแค่บอกว่าหมออยากดื่มมอคค่า เค้าก็มา หมอจะไม่รับเค้าไว้พิจารณาหน่อยเหรอคะ” นอกจากฉันจะชงกาแฟเก่ง ฉันยังชงตัวเองเก่งด้วย หมอซันเงียบไป เจอลูกหยอดเข้าไปเป็นไงล่ะ
“หมอกลัวเค้าเสียเปรียบน่ะสิ เค้าคงจะได้ดูแลหมอฝ่ายเดียว มันคงไม่ยุติธรรมอ่ะเนาะ” หมอซันหัวเราะ โอ้ย เกลียดการหัวเราะกลบเกลื่อนของอีตาหมอคนนี้เหลือเกิน ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
“กาแฟค่ะหมอ” หลังจากที่หมอทานบะหมี่หมดถ้วย น้ำก็ไม่เหลือ ท่าจะหิวจริง
“พริมชงเองเหรอ เก่งเนาะ ทำอาหารก็เก่ง เครื่องดื่มก็ทำได้ แถมยังทำขนมอร่อยอีก น่าอิจฉาแฟนพริมอ่ะคงได้กินแต่ของอร่อยๆ” ฉันยิ้มที่หมอชม แต่ประโยคหลังเนี่ยสิ หมอพูดทำไม ทั้งก็รู้ว่าฉันโสดแถมยังซิง วันนั้นเล่นบอกหมอไปหมดเลย
“หมอไม่ต้องอิจฉาตัวเองหรอกค่ะ”
“ยังไง หมอไม่เข้าใจ” อีตาหมอยังตีมึน ฉันรู้หรอกน่า หมอรับรู้แหละว่าฉันชอบ แต่ทำเฉยเนียนมาก
“ก็หมอจะมาเป็นว่าที่แฟนพริมไงคะ หมอก็ได้กินแต่ของอร่อยๆ ดีไหมคะ” เมื่อหมอทำเนียน ฉันก็ทำหน้ามึนหยอดหมอต่อไป แล้วไง น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน ฉันเชื่อทฤษฎีของสไมล์ หมอซันจะใจแข็งแค่ไหนเชียว..
“พริมล้อหมอเล่นรึเปล่า ฮ่าๆ ขอบคุณที่มานะ เดี๋ยวหมอไปก่อน พยาบาลตามแล้ว” หมอซันยืดตัวเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้าห้องฉุกเฉิน หมอหันมายิ้มให้อีกครั้ง ดวงตาสีเข้มของเขาสบตากับฉันชั่วขณะ หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ หมอยกยิ้มก่อนจะโบกมือลา และไม่รู้ว่าหมอจะว่างอีกตอนไหน แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยถามพยาบาลจิ๋ว ตอนเช้าฉันลากร่างเดินลงมาจากชั้นบน แทบจะหลับตาเดิน เมื่อคืนหลังจากที่กลับจากโรงพยาบาลก็นอนไม่หลับ มัวแต่คิดถึงรอยยิ้มของหมอซัน พอกำลังจะหลับก็เช้าซะแล้ว มิกกับเดียร์กำลังเตรียมตัวเปิดร้าน ป้าแก้วสาละวนอยู่กับการจัดอาหารเช้าเหมือนเคย
“คุณหนู ทำไมใต้ตาคล้ำขนาดนั้น เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอคะ” สภาพของฉันยังกะหมีแพนด้าอดนอน ไม่แปลกที่ป้าแก้วจะทัก
“พริมนอนไม่ค่อยหลับ พอจะหลับก็เช้าแล้วค่ะ ต้องรีบตื่นทำขนม” ฉันอ้าปากหาวหวอดๆ นี่อดนอนแค่วันเดียวยังขนาดนี้ ถ้าต้องอดนอนเป็นกิจวัตรอย่างหมอซัน ฉันคงสติหลุดไม่แรงทำอะไร คนเป็นหมอนอกจากเก่งแล้วยังต้องเสียสละอดทนเพื่อมวลมนุษย์จริงๆ เพราะฉะนั้นฉันเกิดมาเพื่อดูแลหมอถูกต้องแล้ว อิอิ
“ทานข้าวเช้าก่อนนะคะ เจ้ามิกเจ้าเดียร์ป้าทำมาเผื่อด้วยนะ เดี๋ยวมาทานด้วยกัน” ป้าแก้วเอาอาหารเช้าจากบ้านใหญ่มาให้ฉันและยังเอามาเผื่อ น้องๆสองคนของฉันด้วย
“ขอบคุณค่ะป้า ตอนเดียร์เอาอาหารฝีมือป้ากลับบ้าน แม่ชมตลอดเลย รสมือป้าแก้วจัดว่าเด็ด” ป้าแก้วยิ้มหน้าบาน
“ตอนเย็นป้าจะทำแกงส้มชะอมไข่ทอด เจ้ามิกเจ้าเดียร์อย่าลืมเอากลับบ้านนะ”
“ขอบคุณครับป้าแก้ว ผมอยากทานขนมจีนน้ำเงี้ยว ทานที่ไหนก็ไม่สู้ฝีมือป้าแก้ว”
“เจ้ามิก หลอกชมป้ารึเปล่า เจ้าเดียร์ตอนเย็นไปตลาดเป็นเพื่อนป้าด้วย พรุ่งนี้ป้าว่าจะทำขนมจีนน้ำเงี้ยวพอดี”
“พีมิก ขวัญใจป้าแก้ว ได้กินขนมจีนน้ำเงี๊ยวสมใจแล้ว” น้องเดียร์ล้อ
“ขอบคุณครับป้าแก้ว มิกจะทานให้อร่อยเลย” น้องมิกก้มตัวลงมาเอาหัวถูไหล่ป้าแก้วอย่างประจบประแจง เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูดังขึ้น ร่างสูงโปร่งคุ้นตากำลังเดินเข้ามาในร้าน วันนี้เราเปิดร้านเร็ว จะมีเครื่องดื่มขายก่อน ส่วนขนมจะสายสักหน่อย ถึงจะเริ่มขาย
“พะ...พี่มิก คุณหมอใหม่เหรอโคตรหล่อเลย ผิวขาวออร่าหล่อเด้งมาแต่ไกลถ้าบอกว่าเป็นดาราก็เชื่อนะ” น้องเดียร์กระซิบกับน้องมิกทั้งคู่ยืนประจำที่ตัวเอง พร้อมเปิดร้าน
“หมอซัน เพิ่งออกเวรเหรอคะ” ฉันทัก สภาพของหมอตอนนี้ พอๆ กันกับฉัน แต่หมอซันดูอิดโรยและเหมือนซอมบี้เดินได้มากกว่าฉัน
“ครับ ว่าจะหาอะไรกินแล้วกลับไปอาบน้ำ เตรียมราววอร์ดตอนเจ็ดโมงครึ่ง” หมอซันปิดปากหาว เขาทรุดนั่งลงที่นั่งติดกับกระจกด้านหน้าร้าน
“หมอรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพริมจะอุ่นครัวซองต์ให้ทาน มิกชงมอคค่าร้อนหวานน้อยให้คุณหมอด้วยนะ” ฉันเดินเข้าไปในครัว และอุ่นครัวซองต์แช่แข็งในเตาไมโครเวฟ ตอนเดินออกมากาแฟร้อนๆหอมกรุ่น ก็เสิร์ฟพร้อมครัวซองต์เนยสด ป้าแก้วขอตัวไปทำความสะอาดห้องฉันเหมือนเคย น้องมิกกับน้องเดียร์ต่างเตรียมของทำหน้าที่ตัวเองเงียบๆ แต่ฉันดูออกว่า น้องๆทั้งสองตั้งใจฟังฉันคุยกับหมอซันอย่างใครรู้ หมอซันจิบกาแฟ และใช้ส้อมเล็กกับมีดค่อยๆหั่นครัวซองต์เป็นชิ้นพอคำเข้าปาก
“พริมดูเนือยๆนะ นอนไม่หลับเหรอครับ”
“นิดหน่อยค่ะ พอจะนอนก็เช้าพอดี หมอล่ะไหวมั้ยเนี่ย ยังกะซอมบี้เดินได้” ฉันหัวเราะ สภาพของหมอยิ่งกว่าฉันอีก คนอดนอนสะสมก็เป็นงี้แหละ
“ไหวครับ สบายมาก หมอได้อาบน้ำก็สดชื่นแล้วครับ” หมอซันชูสองนิ้ว แต่ตาแทบจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ฉันกลั้นยิ้ม โอ้ย ขนาดนี้ยังบอกว่าไหวอีกคนเหล็ก 2020
“พริมขำอะไรหมอ” หมอซันเลิกคิ้วเข้มๆ อย่างสงสัย ใบหน้าขาวเนียนเปล่งประกาย ยื่นมาใกล้ๆ ฉันแอบได้กลิ่นจางของน้ำหอมผู้ชาย เผลอสูดเข้าไปเต็มปอด คนอะไรทำไมหล่อใสขนาดนี้ ฉันกรีดร้องในใจ
“หมอ ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวสิ ทำเป็นเก่งเนาะ ตอนกลับให้พริมเดินไปส่งไหม พริมกลัวหมอเดินหลับแล้วเดินชนเสาไฟฟ้า”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ บ้านพักหมออยู่ใกล้แค่นี้เอง เดินห้านาทีก็ถึงแล้ว” หมอซันชี้ไปที่บ้านหลังคาสีเขียวที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล
“พริมกลัวหมอเป็นอะไร แล้วพริมจะเป็นม่ายครองความโสดน่ะสิคะ” ฉันเอียงหน้าเข้าไปใกล้สบตาสีเข้มอย่างยั่วเย้า หมอซันไม่มีทีท่าจะหลบสายตา เจ้าตัวยิ้ม สายตาสีเข้มทอประกาย เหมือนลูกศรปักกลางใจ หมออย่ายิ้มเรี่ยราดได้ไหม แอบหึงที่หมอยิ้มแบบนี้ให้ทุกคน แม้จะเป็นคุณยายแก่ๆ ก็เหอะ ฉันหวงนะเว้ย
“ขอบคุณนะพริมสำหรับอาหารเช้า เท่าไหร่ครับ หมอต้องขอตัวเดี๋ยวไม่ทันราววอร์ดเช้า” ฉันส่ายหน้า
“ไม่คิดเงินค่ะ ขอแค่....” ฉันหยุดพูดและอมยิ้ม
“อะไรครับ” หมอซันยิ้ม ตาสีเข้มสบตาฉัน เขามองลึกเข้าไปในแววตาฉันจนฉันเป็นฝ่ายหลบสายตาเขา คนบ้าอะไร เอะอะก็ยิ้ม จะน่ารักเกินไปแล้ว ฮึ่ยยย!!
“หัวใจของหมอไง ให้พริมดูแลได้ไหม” ฉันพูดเบาๆ แอบเขินเหมือนกันนะ น้องๆในร้านทำทีไม่สนใจแต่หูนั้นบานเท่าจานดาวเทียม
“พริมแซวหมออีกแล้วนะ ฮ่าๆ หมอไปก่อนนะ” หมอซันหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่มีทีว่าเขินอายกับมุกเสี่ยวๆของฉันเลย เฮ้อ ชักจะท้อใจ ไม่ได้ๆ ฉันต้องไม่แพ้ยัยแพร หยอดวันนิดจิตแจ่มใส พอหมอซันออกจากร้าน ป้าแก้ว น้องมิกและน้องเดียร์ ต่างรุมซักไซ้ไล่เลียงฉัน
“ใครอ่าพี่พริมแฟนพี่พริมเหรอ” น้องเดียร์ได้คิวแรกเลยได้ถามก่อน
“ว่าที่สามีค่ะ”
“อุ้ย!!! แรงอ่า คุณหนูเป็นสาวเป็นนาง” ป้าแก้วตีแขนฉันเบาๆ
“ก็พริมชอบหมอซันนี่คะ ผู้ชายสุภาพ ใจดี อ่อนโยนอย่างหมอ จะหาได้ที่ไหน คุณสมบัติว่าที่พ่อของลูกชัดๆ ยิ่งมองยิ่งน่ารัก ใจบางแล้ว ฮือ...”
“เดียร์เห็นด้วยค่ะ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อ ออร่ากระจาย เดียร์ไม่แย่งพี่พริมหรอกนะขอมองไกลๆ”
“ไม่เห็นจะหล่อเลย สู้พี่ก็ไม่ได้เดียร์ตาถั่ว” น้องมิกไม่พอใจที่น้องเดียร์ทำท่าปลื้มคุณหมอจนออกนอกหน้า
“ถ้าพี่มิกหล่อ โลกนี้ไม่มีใครหล่ออ่า”
“ดี เย็นนี้กลับเองนะ ไม่ไปส่ง” น้องมิกทำท่างอนและเดินกลับไปหลังบาร์เครื่องดื่ม
“โอ้ย พี่มิกของเดียร์หล่อที่สุดในสามโลก” น้องเดียร์ตามไปง้อ น้องมิกกลั้นยิ้ม สองคนนี้ชอบกันตอนไหนเนี่ย ความใกล้ชิดสินะ แล้วแบบนี้ฉันจะสู้ยัยแพรได้ไหม ยัยแพรได้อยู่ใกล้หมอซันมากกว่าฉันทั้งคู่เรียนด้วยกันตั้งหกปี แถมที่ทำงานก็เจอกันทุกวัน ฉันอดหวั่นๆไม่ได้ แต่ทำยังไงได้ชอบไปแล้วนี่ ต้องเดินหน้ารุกต่อไป สู้โว้ย!!
31. น้องพั้นซ์ สาวน้อยมหัศจรรย์ฉันตื่นมาด้วยอาการปวดหน่วงท้องน้อย ท้องแข็งเกร็งเหมือนลูกในท้องกำลังโก่งตัว ช่วงนี้ตอนกลางคืนแทบไม่ได้นอนเพราะปวดฉี่บ่อยมากแทบจะทุกสองชั่วโมง เมื่อคืนเลยเผลอนอนยาวและกลั้นปัสสาวะพอลุกไปเข้าห้องน้ำก็เหมือนฉี่ไม่สุดแสบไปหมด พอใช้ทิชชู่ซับเลือดสีแดงจาง ๆ ติดมากับกระดาษชำระ ฉันตกใจจนมือสั่นคนท้องไม่สมควรมีเลือดออกไม่ว่ากรณีใดๆ ตอนนี้อายุครรภ์เพิ่งจะเจ็ดเดือนครึ่งหรือแค่ยี่สิบเก้าสัปดาห์ ฉันใช้มือลูบท้องลูกยังดิ้นปกติ ฉันโทรหาซันทันทีแต่เขาไม่รับน่าจะกำลังราวน์วอร์ดอยู่ ฉันจึงโทรหาแพรเป็นสายที่สอง แพรรับสายทันที[ ว่าไงพริม ] “แพร ฉันไปฉี่ในห้องน้ำแล้วมีเลือดออก” เสียงของฉันสั่นมาก กลัว..กลัวลูกจะเป็นอะไรไป อีกตั้งสิบเอ็ดสัปดาห์หรือเกือบสามเดือนถึงจะครบกำหนดคลอด ถ้าคลอดตอนนี้น้ำหนักจากผลอัลตร้าซาวน์ครั้งก่อนของลูกในท้องแค่พันกรัมนิดๆ ฉันแทบไม่อยากคิดถึงสภาพเด็กที่คลอดกำหนด มีภาวะเสี่ยงมากมายรออยู่ หัวใจพิการแต่กำเนิด อาจจะถึงขั้นตาบอด หูหนวก เพราะอวัยวะภายในยังไม่สมบูรณ์ ตัวฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นและโชคดีที่รอดมาได้ ขออย่าให้ลูกเป็นอะไรเลย..[ แกอย่าเพิ่งลุกน
30. เก่งมาจากไหน..ก็แพ้ (ท้อง) หัวใจอย่างเธอSun talksผมมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้อาเจียนมาสองวันแล้ว ช่วงเช้าที่กำลังจะราวน์วอร์ด พยาบาลเจนถือชาร์ตคนไข้เดินตามมา อยู่ ๆ ผมก็เกิดอาการคลื่นไส้“พยาบาลเจนหมอขอตัวสักครู่” ผมวิ่งไปห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด อ้วกทุกอย่างที่กินมาตอนเช้าจนหมด พอเดินออกมาจากห้องน้ำห้องพักแพทย์ แพรเดินมาถามอย่างเป็นห่วง“ซัน ไหวไหมหน้าซีดๆนะ”“พออ้วกก็โอเคแล้วล่ะ” ผมฝืนยิ้มอาการมึนหัวยังมีอยู่ จำเป็นต้องไปปฏิบัติหน้าที่ราวน์วอร์ดในตอนเช้าจนเสร็จสิ้น ตอนพักเที่ยงผมกับแพรปรึกษาหารือเรื่องอาการคนไข้ หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ“ซัน ไปตรวจร่างกายบ้างนะ แพรว่าอาการของซันอาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของโรคบางอย่างก็ได้นะ”“ซันก็ว่างั้นล่ะ แต่แปลกนะเวลาที่อยู่บ้านกับพริม ไม่มีอาการอะไรเลยนะ ส่วนใหญ่จะมาเป็นที่โรงพยาบาล” ตอนอยู่ที่บ้านไม่มีอาการเวียนหัว อาเจียนเลย พอมาทำงานเท่านั้นแหละอาการทุกอย่างมาเต็ม“ก็แปลกเนอะ ลองตรวจเลือด ตรวจร่างกายแบบละเอียด นี่เป็นห่วงกลัวไม่ได้เลี้ยงหลาน” พูดถึงลูกช่วงนี้อยู่ในขั้นตอนการผลิต ผมกับพริมแต่งงานกันได้ห้าเดือนแล้ว เดือนแรกที่ผมคิดว่
29. คำยินดี....Prae talksหกปีที่แล้ว...ฉันไม่ชอบการที่จะต้องอยู่กับคนเยอะๆ ต้องห้อยป้ายแขวนคอชื่อตัวเองตัวเท่าบ้าน โดนรุ่นพี่แกล้งให้ทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำและไม่เคยทำ มันช่างน่าเบื่อจริงๆ สิ่งเดียวที่ฉันชอบคือการอยู่กับพริม คุยเรื่องไร้สาระ กินอาหารที่พริมทำ ดูหนังตลกๆแล้วหัวเราะกันเสียงดัง ที่พูดมาทั้งหมดคงไม่มีโอกาสได้ทำแล้ว พริมไปเรียนที่ฝรั่งเศสและไม่รู้จะกลับมาไทยเมื่อไหร่ ที่สำคัญเรายังจากกันด้วยไม่ดีเท่าไหร่“น้องแพร เอาแป้งทาน้องซัน ทาลิปสติกให้ด้วยดูน้องซันยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่” พี่ก้อยรุ่นพี่ปีสามบอก..ฉันเดินไปหาผู้ชายที่ชื่อซัน ใบหน้าขาวเนียนแบบผู้หญิงยังอาย โครงหน้าได้รูป คิ้วเข้ม ดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสัน เด็กปีหนึ่งคือเด็กมอหกหัวเกรียนที่เพิ่งจะเป็นหนุ่มน้อยแต่กับซันเขาเป็นหนุ่มที่สมบูรณ์แบบทั้งความสามารถแค่เข้าคณะแพทย์ได้ก็ถือว่าเป็นหัวกะทิแล้วแถมยังหน้าตาดีอีกด้วย“ทาเต็มที่เลยนะแพร ไม่ต้องเกรงใจ ไม่งั้นรุ่นพี่ไม่ให้ผ่านแน่” ซันยังเป็นคนสุภาพให้เกียรติผู้หญิงอีกด้วย ฉันค่อยๆทาลิปสติกสีแดงให้ซัน ดวงตาสีเข้มจ้องฉันตาไม่กระพริบเป็นฉันเองที่อายจนต้องหลบสายตา..จากนั้นเราไ
28. แต่งกับงาน...“พริม ถ้าสักวันหนึ่งซันทำอะไรที่ผิดต่อพริม พริมรู้ไว้นะคนที่ซันรักที่สุดก็คือพริมคนเดียว” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของหมอซัน..จากนั้นเขาก็หายไปติดต่อไม่ได้สองวันเต็มๆ ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเขาจะขาดการติดต่อแต่ฉันก็รู้ว่าเขาอยู่ที่โรงพยาบาล แวะเอาข้าวเอาขนมไปให้เขาก็อยู่ตามวอร์ดต่างๆ ห้องพักแพทย์หรือห้องฉุกเฉิน แต่ครั้งนี้เขาหายไปแบบไร้ร่องรอย..แพรยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งส่งให้ฉัน ข่าวการล้มละลายของผู้อำนวยการโรงพยาบาลชื่อดัง นายแพทย์รังสรรค์ ตันติเวชไพศาล นามสกุลนี้มัน..เหมือนนามสกุลหมอซัน“ทำใจดีๆนะพริม บ้านซันเกิดปัญหาแล้วเค้าต้อง..เอ่อ..แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของบริษัทเพื่อกอบกู้กิจการ ฉันรู้ว่ามันน้ำเน่าแต่เค้าก็ต้องทำ” แพรหยิบเอาซองสีชมพูในกระเป๋าส่งให้ฉัน หน้าซองปรากฏชื่อฉันชัดเจน ขอเชิญเป็นเกียรติในงานมงคลสมรส นายแพทย์รังสิมันต์ ตันติเวชไพศาล และ นางสาวมิรันตี โอภาสถาวรสกุล ตอนนั้นสมองของฉันมันชาไปหมด น้ำตาไหลจนตาพร่าแทบมองไม่เห็นข้อความอื่นๆบนการ์ดสีชมพูหวานใบนั้น..คำนิยามของคำว่า “อกหัก” มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ฉันเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำขาดอากาศหายใจ ไม่มีแรงจะทำอะไรอยากจะ
27. ความจริงในใจ..“อีพริม นี่ตกลงหล่อนไปหาพ่อแม่สามีหรือไปฮันนีมูนวะ” สไมล์ถามขึ้น แพรเพิ่งจะไปรับฉันกับหมอซันที่สนามบินในตอนเช้า หมอซันไปราวน์วอร์ดที่โรงพยาบาลทันทีที่มาถึง ส่วนฉันวันนี้ให้น้องๆปิดร้านเพราะฉันก็ต้องการพักผ่อนเหมือนกัน“ทำไมว่างั้นอ่าแก” ตอนนี้ฉันรู้สึกง่วงสุดๆ เพราะต้องตื่นแต่เช้ามาขึ้นเครื่องตั้งแต่ตีสี่“ก็ชุดสปริงซัมเมอร์คอลเลคชั่นแกอ่ะดิ” นางเบ้ปาก มองเสื้อแขนกุดที่พันทับด้วยผ้าพันคอจนหนาปิดต้นคอใช่แล้ว! ฉันปกปิดร่องรอยที่คอเองแหละ“แล้วไงวะ ก็จะแซวทำไมนักหนาเนี่ย” แซวบ่อยก็เขินเหมือนกันนะยะ“แกคนเดียวไม่พอ แต่หมอซันมาในเสื้อคอเต่าด้วยอ่ะดิ ร้ายเหมือนกันนะหล่อน” คืนที่ฉันเมาจนจำอะไรไม่ค่อยได้ ตื่นขึ้นมาเจอรอยคิสมาสท์ที่คอก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่เพราะอีตาหมอหื่นก็ทำรอยไว้ประจำอยู่แล้ว แต่คอของหมอซันก็มีเหมือนกันเนี่ยสิ! ตอนฉันเมานี่ก็น่ากลัวเหมือนกัน..คงกลายร่างเป็นแม่เสือสาวแน่ๆ“เออ คนเราก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างตามสัญชาตญาณ”“สงสารหมอซัน วันนี้อากาศร้อนที่สุดในรอบสิบปี ต้องใส่เสื้อคอเต่าจนดึก ฮือ..วงวารว่ะ” สไมล์เบะปากทำทีเหมือนนางงามได้ตำแหน่งแล้วเหมือนจะยิ้มและร้อ
26. Huahin in love (2)Sun talks“คุณช่อเอื้องครับ จริงๆแฟนผมบอกว่าเธอไม่อยากให้ผมมาที่นี่ แต่ผมบอกเธอว่าผมต้องมาเพราะผมเป็นหมอ คนไข้รอการรักษาจากผมอยู่” ผมโมโหมากที่ถูกผู้หญิงสองคนนี้หลอกและยังทะเลาะกับแฟนเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอบอก“คุณหมอคิดถูกแล้วค่ะที่มาเราก็ได้สนุกกันวินวินทั้งสองฝ่ายนะคะ แฟนคุณหมอจืดชืดขนาดนั้น” ผมโกรธที่เธอว่าพริมแบบนั้นใครว่าพริมจืดชืด เวลาเธอเมานี่ฮอตจะตาย..“ตอนนี้ผมเสียใจมากที่ต้องทะเลาะกับเธอเพราะผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายอย่างพวกคุณสองคน” ผมลุกขึ้นนึกเสียดายเวลาที่มาที่นี่แทนที่จะอยู่กับพริม...“คุณหมอจะต้องเสียใจที่พูดกับเอื้องแบบนี้”“ครับ ผมเสียใจมาก” ช่อเอื้องยกยิ้มอย่างผู้ชนะที่ผมพูดว่าเสียใจ“เสียใจที่เอาเวลาที่มีค่ามาอยู่ที่นี่” ช่อเอื้องร้องกรี๊ดเสียงดังผมไม่สนใจ คนที่ผมสนใจคงกำลังโกรธผมอยู่ ผมเดินออกมาเจอก้านหลิวเพื่อนของช่อเอื้องที่หน้าห้อง“คุณหมอเสร็จเร็วจัง ถ้าพอจะมีเวลาหลิวขอดูแลต่อได้ไหมคะ” ก้านหลิวยิ้มหวานใช้มือแตะแขนผมเบาๆ ผมเบี่ยงตัวหลบ“ไปดูแลเพื่อนคุณเถอะครับ อย่ามายุ่งกับผมเลย ในสายตาของผมไม่เคยมองใครนอกจากแฟนของผม” ผมพูดเสร็จก็รีบเดิ