เสียงฝีเท้าของลิซ่าดังสะท้อนในโถงคฤหาสน์หรูเมื่อเธอก้าวออกจากห้องของน้องน๊อต ท่าทางเธอรีบร้อน ผิดแปลกจากปกติจนคีรินทร์หันมองด้วยแววตาเฉียบคม ลิซ่าโน้มตัวมากระซิบข้างหูเขา เพียงไม่กี่คำ ทำให้เส้นเลือดข้างขมับเขาเต้นตุบ
“เหยื่อติดเบ็ดแล้วค่ะ”
คีรินทร์ไม่พูดอะไร เขาหันหลังเดินตรงไปยังห้องทำงานด้วยสีหน้าเรียบสนิท แต่แววตาเย็นเยียบแทบทำลายทุกอย่างในทางที่ก้าวผ่าน
ประตูห้องทำงานปิดสนิท เสียงล็อกประตูดัง แกร๊ก ก่อนเขาจะกดรีโมตเปิดหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผนัง รายการไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏขึ้นเป็นแถว
นิ้วเรียวยาวของเขากดเลือกไฟล์ช่วงเวลาหนึ่ง — เวลาที่ลิซ่ารายงาน
ภาพในกล้องปรากฏใบหน้าที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ในกับดักของเขา… “มายด์”
เธอสวมแว่นกันแดดใหญ่ เดินจงใจตรงไปยังบริเวณโรงจอดรถด้านหลัง ซึ่งกล้องตัวที่เขาสั่งติดตั้งเพิ่มเป็นพิเศษจับภาพไว้ได้ชัดเจน เธอเดินเข้าไปหาใครบางคน — ลูกน้องของเขาในชุดลำลองที่ทำงานอยู่หน่วยความปลอดภัยภายใน
เสียงจากกล้องไม่มี แต่ภาพภาษากายบอกชัด...เธอยื่นซองเอกสารซองหนึ่งให้ชายคนนั้น กะพริบตาหวาน ส่งยิ้มเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยความเจตนา
“เธอคิดจะทำอะไร...มายด์?” คีรินทร์พูดกับตัวเองเสียงต่ำ ดวงตาคมกริบจับจ้องทุกท่าที
เขากดปุ่มเปิดเสียงจากไมค์ลับที่ฝังไว้ในบริเวณนั้น เสียงของมายด์แทรกเข้ามาในห้องเงียบๆ
“…แค่คอยรายงานว่าเขาไปไหน ทำอะไร กับใคร ฉันไม่ทำอะไรเมลินหรอกน่า แค่อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”
“...ไม่ใช่แค่เรื่องเมลินแน่ๆ” คีรินทร์พึมพำ ดวงตาคมเข้มฉายแววผิดหวัง แต่ไม่มีใครเห็นร่องรอยความเจ็บ เพราะมันถูกฝังไว้ใต้ใบหน้าเย็นชานิ่งสนิท
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ภายใน
“ออสการ์ เรียกเจย์เข้ามา มายด์ไปแล้วใช่ไหม”
“ครับบอส” เสียงตอบรับราบเรียบ
ไม่กี่นาทีถัดมา เจย์ ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาในห้อง คุกเข่าลงตรงหน้า
“ผมไม่ได้รับเงินจากเธอครับบอส ซองนั้น…ผมส่งให้ลิซ่าแล้ว และไมค์ก็บันทึกครบถ้วน”
คีรินทร์พยักหน้าเบาๆ แล้วหยิบปืนพกจากลิ้นชักมาวางบนโต๊ะ ดวงตาเขายังจ้องหน้าชายหนุ่มแน่นิ่ง
“รู้ใช่ไหมว่าถ้ามึงรับ มึงไม่ต้องมายืนตรงนี้แล้ว”
เจย์กลืนน้ำลาย “ผมรู้ครับ… ผมอยู่เพื่อปกป้องหลังบอส ไม่ใช่แทงหลังบอส”
คีรินทร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาโบกมือไล่ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนหน้ากระจกสูงที่มองออกไปเห็นสนามหญ้า สายตาเหม่อลอยไปไกล
เขาเคยคิดว่ามายด์เป็นอีกคนที่เขาไว้ใจได้ รองมาจากภาคิน หลังจากเหตุการณ์ที่น้องชายเขาตายโดยไม่มีคำตอบ เธอคือคนที่อยู่ข้างๆ เขาในตอนที่เขาแทบลุกไม่ขึ้น... แต่ตอนนี้เธอคือคนที่พยายามสืบความเคลื่อนไหวของเขา...เพราะอะไร?
เธอแค่หึง...หรือเธอกำลังทำตามคำสั่งใคร?
เขากำหมัดแน่น ทั้งเจ็บ ทั้งโกรธ และปวดร้าวเกินจะเรียบเรียงได้ว่าอย่างไหนมาก่อน ความทรงจำดีๆ ถูกมายด์ลากมากระชากหัวใจเขาให้ขาดกระจุยทีละชิ้น
เขาหยิบภาพถ่ายใบนั้นขึ้นมา — ภาพถ่ายเก่าๆ ที่ถ่ายร่วมกันเมื่อหลายปีก่อน มายด์ยิ้ม...เขาไม่ยิ้ม แต่สายตาเขาในภาพคือคนที่เชื่อใจ
ตอนนี้...ความเชื่อนั้นถูกเผาทิ้ง
เสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิด เบอร์ของหมออคิน
“ว่าไง” น้ำเสียงของเขาเย็นเรียบ
“เมลินดูเครียดมาก อย่ากดดันเธอมากกว่านี้ เธอกำลังรักษาใจตัวเองอยู่”
“ใครกันแน่…ที่ควรรักษาใจ?” เขาถามกลับ ก่อนจะตัดสายโดยไม่รอฟังคำตอบ
ดวงตาของเขาเหลือบไปมองประตูที่นำไปสู่ทางเดินไปยังห้องของเมลิน
เธอ...คือผู้หญิงที่เขาไม่รู้จะเกลียดหรือห่วงก่อนดี
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สิ่งที่เขารู้แน่คือ...
ไม่มีใคร...จะหลอกเขาได้อีก
คืนวันเดียวกัน...
เสียงเปิดประตูเบา ๆ ดึงเขาออกจากห้วงความคิด คีรินทร์ผินหน้ากลับมาทันทีที่ได้ยินฝีเท้าแผ่วเบาของเธอ เมลินยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องใต้ดิน ใบหน้าเธอยังซีดจากวันที่ยาวนาน ขอบตาบวมแดงเพราะร้องไห้กับลูก
เธอชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขานั่งรออยู่ในความมืดเพียงลำพัง แสงจากโคมไฟหัวเตียงทอดเงายาวจนเขาดูคล้ายเสือเงียบที่พร้อมกระโจน
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ความทรงจำของคืนก่อนย้อนกลับมาในหัวเธอพร้อมเสียงหัวใจที่เต้นระรัว เขาอยู่ตรงนั้น...แต่ความรู้สึกของเธอไม่เหมือนเดิม
“คีรินทร์…”
เธอเอ่ยชื่อเขาอย่างลังเล แต่ไม่ทันจะก้าวขาไปไหน เขาก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเดินเข้ามาหาเธอโดยไม่มีเสียงฝีเท้า ราวกับเงาสะกดเงา มือใหญ่คว้าข้อมือเธอไว้แน่นก่อนดึงให้ร่างบางล้มลงบนตักเขาอย่างไม่ให้ตั้งตัว
“มานั่งให้มันดี ๆ เมลิน” เสียงเขาทุ้มต่ำชิดริมใบหู
เมลินพยายามดันตัวออกแต่ถูกมืออีกข้างรวบมือไพล่หลังไว้แน่น แผ่นหลังแนบกับอกกว้าง ร่างเธอเกร็งทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขาและแรงเต้นของหัวใจที่ไม่ปกติ มือหยาบกร้านของเขาเชยคางเธอขึ้นมา เธอจำต้องสบตากับดวงตาคมกริบที่เหมือนจะมองทะลุไปถึงหัวใจ
“ถึงเวลาที่เธอต้องพูดความจริงแล้ว ว่าทำไมถึงหนีฉันไป”
เมลินสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัวเพียงอย่างเดียว แต่เพราะหัวใจของเธอกำลังสั่นคลอน เธอก้มหน้าหลบสายตา หายใจไม่ทั่วท้อง ใจอยากจะพูด แต่ความกลัวกลับยิ่งรัดคอจนพูดไม่ออก
คีรินทร์เห็นเธอเงียบ ไม่ตอบ ไม่ปฏิเสธ เขาหรี่ตาลงก่อนโน้มหน้าลงขบเบา ๆ ที่ริมฝีปากล่างของเธอ
“อ๊ะ…!” เมลินสะดุ้ง เธอไม่ได้คาดว่าเขาจะทำแบบนี้ เจ็บ แต่ไม่พอให้เลือดไหล ทว่ามากพอจะทำให้เธอรู้สึกว่าถูกลงโทษ
“ฉันถามอะไร ทำไมไม่ตอบ หืม?” เสียงเขากดต่ำลงอีก สั่นแผ่วตรงข้างแก้ม
เมื่อเธอยังไม่ตอบอีก เขาก็โน้มตัวลงกัดที่ลำคอขาว ก่อนลากริมฝีปากลงมาจนถึงเนินอกผ่านเสื้อบาง เน้นแรงขึ้นทีละนิด ราวกับจะลอกเปลือกของเธอออกมาให้หมด
“อื้อ…!” เธอเผลอสะอื้นออกมา น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมาจากแรงที่ปะทะทั้งเจ็บและเสียววาบในเวลาเดียวกัน
คีรินทร์กระซิบข้างหู ขณะที่มือยังกดรั้งเธอไว้แน่น
“ถ้าไม่พูด ฉันไม่รับประกันว่าจะยั้งมือได้อีก…”
คำพูดนั้นเย็นเยียบแต่ร้อนรุ่มเกินต้าน เธอสั่นไปทั้งตัว ใจเต้นแรงระส่ำจนหายใจแทบไม่ออก
เมลินสับสน เจ็บก็ใช่ กลัวก็ใช่ แต่สิ่งที่กัดกินเธอหนักกว่าคือความรู้สึก...เธออยากจะเชื่อว่าเขาทำไปเพราะยังรัก แต่ความรักแบบไหนกัน ที่ปะปนด้วยโทษทัณฑ์และน้ำตา?
คืนนั้นยังหลอกหลอนเธอไม่หาย…
“คะ…คีรินทร์…พอเถอะ…” เสียงเธอเบาราวกระซิบ แต่เขาไม่หยุด ร่างสูงผลักเธอลงไปนอนบนโซฟา ขึ้นคร่อมแล้วกดมือทั้งสองของเธอไว้เหนือหัว ใบหน้าคมโน้มลงมาชิดจนลมหายใจร้อนระอุเป่ารดกัน
เมลินสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นทั้งน้ำตา
“…ฉันไม่เคยอยากหนี ถ้าฉันไม่มีใครที่ต้องปกป้อง…”
คีรินทร์ชะงัก
ดวงตาคมกริบเบิกขึ้นช้า ๆ เหมือนคำพูดนั้นแทงเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจัง เขาผละตัวออกเล็กน้อย
“ใคร…ที่เธอปกป้อง?” เขาถามเสียงแหบพร่า นัยน์ตาดุดันเปลี่ยนเป็นสั่นไหววูบหนึ่ง
เมลินไม่ตอบ เธอเพียงเม้มปากแน่น น้ำตาไหลซึมออกมาจากหางตา คำว่า "แม่และลูก" มันเกือบจะหลุดจากปากแล้ว แต่เธอกลับกลืนมันลงไปเพราะแววตาเขาที่ไม่เคยเชื่อใจ… ไม่เคยเลยสักครั้ง
เขารักเธอ—แต่ไม่เคยศรัทธาในเธอเลย
คีรินทร์เงียบไป เขาเห็นสีหน้าซีดเซียวของเธอ เห็นริมฝีปากที่เริ่มสั่น และนึกถึงคำเตือนของหมออคิน…
“…ร่างกายเธอยังไม่ฟื้นดี อะไรที่กระตุ้นอารมณ์มากเกินไปอาจส่งผลต่อหัวใจ…”
เขาปล่อยมือเธออย่างเสียไม่ได้ ร่างสูงลุกขึ้นยืน จ้องเธอที่นอนนิ่งบนโซฟาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ความโกรธ ความเจ็บ และความสับสน
“…ถ้าเธอไม่พูด ฉันก็จะหาคำตอบได้อยู่ดี”
น้ำเสียงเขากลับมาเย็นชาเฉียบขาด
“และถ้าความจริงเป็นอย่างที่ฉันคิด…เมลิน ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่”
คำประกาศกร้าวสุดท้ายถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ก่อนที่ประตูจะปิดลง
เมลินทรุดตัวลง ร้องไห้เงียบ ๆ อย่างคนที่หมดแรงจะต้าน—ระหว่างความรัก…กับความลับที่อาจเปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล
ลิ้นร้อนของเขากวาดเลียไปตามผิวเนื้อที่อ่อนไหวอย่างไร้ความปรานี จนเมลินสะดุ้งเฮือก เสียงหอบหายใจขาดเป็นห้วง มือข้างหนึ่งของเขากดยึดสะโพกเธอไว้แน่น ไม่ให้เธอขยับหนี ในขณะที่ลิ้นของเขาละเลียดชิมรสละเมียดละไมจนแทบขาดใจ“อ๊า… คะ…คีรินทร์…!”เสียงเธอสั่นไหว ร่างบิดเร้าโดยไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไปแต่เขาไม่หยุด… เขายิ่งดุนลิ้นเข้าไปลึกและแรงขึ้นกว่าเดิมในทุกจังหวะ สลับกับการดูดเม้มจุดอ่อนไหวจนเธอแทบขาดใจตายใต้เรียวลิ้นนั้น“หวาน…”เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นชิดเนื้อผิว“ทั้งตัวเธอ...หวานเหมือนที่ฉันจำได้...และครั้งนี้...ฉันจะทำให้เธอไม่ลืมมันไปด้วย”เขาค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น ดวงตาคมที่เคยเฉียบเย็นกำลังวาววับด้วยไฟคลั่งรักที่ลุกโชนอย่างรุนแรง มือหนารั้งเรียวขาของเธอแยกกว้าง แล้วประคองสะโพกกลมกลึงนั้นให้รับกับความร้อนผ่าวที่ชูชันอยู่กลางลำตัวเขา“เธอ...ต้องจำไว้ว่าร่างกายนี้เป็นของฉัน”เขากระซิบแนบใบหูเธอ ก่อนจะกดสะโพกแกร่งเข้าหา—“อ๊ะ!&r
“ทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน...”ประโยคนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวเมลินแม้เวลาจะผ่านไปทั้งคืน...เงียบ...ไม่มีคำถามต่อ ไม่มีการคาดคั้นเหมือนที่ผ่านมา ไม่มีแม้แต่แววตาเกรี้ยวกราดที่เธอเคยกลัวแต่เขาเงียบ...และเธอก็เงียบ...ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น คีรินทร์เพียงแค่หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งความอึดอัดบีบคั้นไว้เต็มอกเมลิน เธอไม่รู้ว่าเขารู้แค่ไหน หรือเขายังไม่รู้เลย แต่สิ่งที่เธอแน่ใจ...คือเขาเสียใจเธอเห็นจากแววตาที่ปิดไม่มิด เหมือนเขาเพิ่งสูญเสียบางอย่างไปอีกครั้งแม้จะเป็นเธอเองที่เลือกจะปิดบังความจริง...แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเงียบของเขา เธอกลับรู้สึกเหมือนคนกำลังจะขาดใจตายทั้งเป็นวันถัดมา—“คุณคีร์ให้ยกเอกสารทั้งหมดเข้าห้องน้องน๊อตเหรอคะ?” ลิซ่าถามด้วยความงุนงงคีรินทร์ไม่ตอบ เพียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนเล็กซึ่งตอนนี้กลายเป็นห้องพักฟื้นชั่วคราวของเด็กชายตัวน้อย เขานั่งลงตรงโซฟาข้างหน้าต่าง มือวางแฟ้มเอกสารหลายปึกลงบนโต๊ะกาแฟ แล้วเริ่มเปิดอ่านอย่างเงียบเชียบเ
ความเงียบที่ปกคลุมอยู่ในห้องทำงานใหญ่ของคีรินทร์ถูกทำลายด้วยเสียงรายงานจากลิซ่า เลขาสาวคนสนิท“เจอแล้วค่ะคุณคีร์...คุณมายด์กับคุณภาคินนัดเจอกันหลายครั้งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งเปลี่ยนสถานที่ ไม่เคยซ้ำ...เหมือนจงใจหลบสายตาใครบางคนค่ะ”คิรินทร์นิ่ง เงียบราวรูปสลัก แต่ดวงตาคมเข้มใต้กรอบหน้าเย็นชาฉายแววบางอย่างออกมา“บอกให้คนของเราเพิ่มอีกทีมไปจับตาดูภาคินโดยเฉพาะ” เสียงทุ้มต่ำสั่งออกมาอย่างเฉียบขาด“ค่ะคุณคีร์” ลิซ่าพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเหลือบมองนายตัวเองด้วยสายตาที่กังวล"แล้ว...เรื่องของน้องน็อตล่ะคะ?"คีรินทร์ไม่ตอบ ดวงตาคมหรี่ลงช้าๆ ใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยลอยวาบขึ้นมาในหัว เขานึกถึงแววตาซื่อตรง การตอบโต้ฉับไวเกินวัย และสิ่งที่ชัดเจนที่สุด...ดวงตากลมโตคู่เดียวกับเขาเอง‘แพ้อาหารทะเลเหมือนกัน...นิสัยดื้อเงียบเหมือนกัน...แม่งเอ๊ย’ เขาคำรามอยู่ในใจเขากำลังจะเสียการควบคุม เขา...ที่ไม่เคยปล่อยให้ใครหลอกซ้ำซากคืนวันนั้น เขาตัดสินใจไปพบอคิน ในคลับหรูส่วนตัวที่เปิดเฉพ
เสียงฝีเท้าของลิซ่าดังสะท้อนในโถงคฤหาสน์หรูเมื่อเธอก้าวออกจากห้องของน้องน๊อต ท่าทางเธอรีบร้อน ผิดแปลกจากปกติจนคีรินทร์หันมองด้วยแววตาเฉียบคม ลิซ่าโน้มตัวมากระซิบข้างหูเขา เพียงไม่กี่คำ ทำให้เส้นเลือดข้างขมับเขาเต้นตุบ“เหยื่อติดเบ็ดแล้วค่ะ”คีรินทร์ไม่พูดอะไร เขาหันหลังเดินตรงไปยังห้องทำงานด้วยสีหน้าเรียบสนิท แต่แววตาเย็นเยียบแทบทำลายทุกอย่างในทางที่ก้าวผ่านประตูห้องทำงานปิดสนิท เสียงล็อกประตูดัง แกร๊ก ก่อนเขาจะกดรีโมตเปิดหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผนัง รายการไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏขึ้นเป็นแถวนิ้วเรียวยาวของเขากดเลือกไฟล์ช่วงเวลาหนึ่ง — เวลาที่ลิซ่ารายงานภาพในกล้องปรากฏใบหน้าที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ในกับดักของเขา… “มายด์”เธอสวมแว่นกันแดดใหญ่ เดินจงใจตรงไปยังบริเวณโรงจอดรถด้านหลัง ซึ่งกล้องตัวที่เขาสั่งติดตั้งเพิ่มเป็นพิเศษจับภาพไว้ได้ชัดเจน เธอเดินเข้าไปหาใครบางคน — ลูกน้องของเขาในชุดลำลองที่ทำงานอยู่หน่วยความปลอดภัยภายในเสียงจากกล้องไม่มี แต่ภาพภาษากายบอกชัด...เธอยื่นซองเอกสารซองหนึ่ง
เมลินนั่งนิ่งบนเตียงสีเข้มของห้องกว้าง เปลือกตาขยับน้อยนิด ขณะที่ร่างกายอ่อนล้าเกินจะไหวติงขณะที่จิตใจของเธอเหมือนกำลังล่องลอยไปในอดีตที่ไม่อยากย้อนคิดถึงมันอีกเลย...เสียงกรีดร้องของแม่ในวันนั้นยังดังก้องอยู่ในหูวันนั้น...วันที่เธอตัดสินใจเสี่ยงชีวิต บุกเข้าไปยังโกดังเก่าริมท่าเรือเพื่อช่วยแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งถูกมายด์หลอกล่อและจับตัวไว้ภาพที่ฝังแน่นในหัว...ไม่ใช่แค่ใบหน้าบิดเบี้ยวของมายด์ที่เต็มไปด้วยความสะใจ แต่เป็นใบหน้าของชายอีกคนที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น...ภาคินชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคิรินทร์เขายืนอยู่ข้างมายด์ — ไม่เพียงแค่นิ่งเฉยต่อเสียงร้องของแม่เธอ แต่ยังมีท่าทีข่มขู่ด้วยคำพูดเย็นเยียบ“พาแม่เธอกลับไปให้ไกลที่สุด ถ้าฉันเห็นหน้าเธอหรือแม่เธอเฉียดใกล้คิรินทร์อีก...ฉันสาบานว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเธอจะได้หายใจ”เมลินจำได้ทุกคำ ทุกสีหน้า และทุกอณูความรู้สึกที่กัดกินใจแต่...เธอไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรที่จะเอาไปบอกคิรินทร์ได้เลยเขาจะเชื่อเธอหรือ?
เสียงหอบยังแทรกผ่านริมฝีปาก ก่อนที่เมลินจะถูกจับพลิกร่างกลับอย่างรุนแรง และถูกยึดครองอีกครั้งจากด้านหน้า“มองหน้าฉัน…แล้วบอกสิว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลย”คีรินทร์กระซิบเสียงพร่า ขณะร่างใหญ่กระแทกเข้าสุดแก่นอีกครั้งจังหวะนั้น เมลินสะท้านจนแทบน้ำตาไหล เพราะมันลึก มันแน่น มันเจ็บแต่มันก็หวานหวิวเหมือนตกลงเหวแห่งความรักและความแค้นพร้อมกัน“ฉัน...ไม่...” เธอพยายามห้ามน้ำตา พยายามปฏิเสธทั้งที่เสียงครางยังสั่นไหวอยู่ในลำคอเขาใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้น บีบแน่นแต่ไม่ถึงกับทำร้าย“เธอโกหก...แม้แต่ตอนนี้ก็ยังโกหก”พูดจบ เขาก็ ดูดเม้มปากเธออย่างรุนแรง — ราวกับจะลงโทษถ้อยคำลวงโลกที่เธอกลืนมันไว้กับหัวใจลิ้นร้อนแทรกเข้าไปภายใน…เกี่ยวพันอย่างบ้าคลั่ง หยาบคายแต่โหยหาจนเธอเกร็งสะท้านไปทั้งตัวร่างกายเขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้น รุนแรงขึ้นกระแทก — ลึกขึ้นบดขยี้ — หนักหน่วงกว่าเดิมดึงต้นขาเธอขึ้นคร่อมบนสะโพกเขา แล้ว สอดแทรกในมุมที่ลึกกว่าเดิม จนเธอสะดุ้