มหาวิทยาลัย
กวางเดินถือแฟ้มเอกสารอยู่ที่โถงคณะนิติศาสตร์ แสงไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นเงาสะท้อน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกังวานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เบอร์รี่หยุดตรงหน้าเธอยิ้มบางๆ ในมือของเธอมีดอกกุหลาบสีดำช่อเดียวกับที่เคยถือวันแรกที่กลับมา “เธอคือ…กวาง ใช่ไหม? ฉันชื่อเบอร์รี่นะ… ยินดีที่ได้เจอกันสักที” “ฉันรู้จักคุณค่ะ… คุณเป็นเพื่อนเก่าสิงโต” กวางยิ้มตอบด้วยมารยาทแต่แววตาสงสัย “แค่เพื่อนเก่าเหรอ… ถ้าเธอหมายถึงช่วงที่เรานอนห้องเดียวกัน แชร์ทุกเรื่องในชีวิต กอดกันทุกคืนเวลาฝันร้าย…เธออาจต้องใช้คำอื่นแล้วล่ะ” เบอร์รี่หัวเราะเบาๆ “พี่สิงโตไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังเลยค่ะ” กวางนิ่ง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทันแต่ยังพยายามเก็บอารมณ์ “นั่นสินะ คนที่พยายามลืม บางทีมันอาจไม่ใช่เพราะลืมได้…แต่อาจเป็นเพราะลืมไม่ได้ต่างหากล่ะ” เบอร์รี่ตอบเรียบๆ เบอร์รี่เดินจากไปทิ้งกลิ่นน้ำหอมจางๆไว้ในอากาศ กวางยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมมือกำเอกสารแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทแต่สายตาเธอ…เริ่มสั่นไหวอย่างปิดไม่มิด ลานเปลี่ยวหลังคณะนิติศาสตร์ เวลาหัวค่ำ ฝนเพิ่งหยุดตกหยดน้ำยังเกาะตามใบไม้ไฟริมทางสลัวสะท้อนแสงสีทองบนใบหน้าของกวางที่ยืนพิงกำแพงเธอกำลังอ่านแชทของกระทิงที่ส่งมา…แต่สายตากลับไม่ได้อยู่ที่หน้าจอเลยในหัวของเธอก้องไปด้วยคำพูดของ “เบอร์รี่” “คนที่พยายามลืม… อาจเป็นเพราะลืมไม่ได้” มือของกวางกำโทรศัพท์แน่นขาเหมือนจะอ่อนแรง ร่างบางสั่นเล็กน้อยเพราะอารมณ์ที่ประดังเข้ามาแบบไม่มีช่องว่างให้หายใจ และนั่นคือจังหวะที่เขา… มาเจอ เสียงรองเท้าบู๊ตหนังลากกับพื้นปูนเปียกน้ำกลิ่นคุ้นเคยแบบที่กวางพยายามลืมมันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ สิงโตยืนอยู่ตรงหน้าสวมเสื้อโค้ทยาว ใส่แว่นดำ แต่ถอดออกทันทีเมื่อเจอเธอ แววตาเขาแดงเล็กน้อย… ไม่รู้เพราะฝนหรือเพราะอย่างอื่น “มึงมายืนอะไรตรงนี้ ไม่กลัวคนอื่นหิ้วกลับหอกันหรือไง?” กวางไม่ตอบ เธอกำลังพยายามควบคุมสีหน้าแต่สิงโตเหมือนจับได้ “หรือกำลังรอใคร ไอ้กระทิงเหรอ หรือ…เบอร์รี่ มันคุยถูกคอดีเนอะ คนหน้าตาดีมีอดีตเหมือนกัน”เสียงของเขาแข็ง แข็งมาก…แต่ในแววตาคือพัง “พี่รู้เรื่องเบอร์รี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” กวางเงยหน้าขึ้น สิงโตเงียบ เขาขบกรามแน่นก่อนจะหลุดหัวเราะในลำคอเบาๆแบบไม่ตลกเลย “กูแม่งโง่ใช่ไหม? ตอนเด็กกูก็ไม่รู้ว่ารู้สึกอะไรกับเขา…พอโตมากูก็ยังไม่รู้ว่ารู้สึกอะไรกับมึง แต่พอกูเห็นเบอร์รี่มองมึงแบบที่เขาเคยมองกู…มึงรู้ไหม กูแทบหายใจไม่ออกเลย กูแม่ง” เขาชะงัก สิงโตเงียบไปนาน… เหมือนกลืนทุกคำกลับลงไปเหมือนจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะใจมันยังปิดกลอน ไม่ยอมรับอะไรเลย “ช่างแม่งเถอะ มึงจะอยู่กับใครก็เรื่องของมึง แต่อย่ามาบ่นนะว่าทำไมมันถึงเจ็บ” เขาหันหลังเดินจากไปทั้งที่ฝีเท้าไม่มั่นคงเลยแม้แต่นิดเดียวทิ้งให้กวางยืนมองแผ่นหลังของเขากวางยกมือขึ้นกอดตัวเองแน่นแต่น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัวเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก…เพราะคนที่บอกให้ “อย่ามาบ่นว่าเจ็บ” กลับเดินจากไปทั้งที่เหมือน “เจ็บยิ่งกว่าใคร” สิงโตกลับถึงรถตัวเองเขาเปิดหน้าต่างสูบบุหรี่จนหมดมวนแต่ไม่ออกรถ แว่นดำถูกเขวี้ยงลงเบาะและคำที่เขาพึมพำออกมาเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน… “กูแม่ง… ไม่ได้ลืมเบอร์รี่ แต่กูไม่ได้อยากจำใครอีกเลย ถ้าไม่ใช่มึง…” วันถัดไป คาเฟ่หลังมอ บ่ายวันหนึ่ง บรรยากาศร้านค่อนข้างเงียบมีเพียงเสียงแก้วกาแฟกระทบจานเบาๆ เบอร์รี่สาวในลุคเฟมินีนจัดจ้านนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ “กระทิง” เธอยิ้มแบบอ่อนโยนจนเกินไปขณะคนกาแฟในแก้วช้าๆ “ขอโทษที่เรียกมาคุยนะคะ…แต่เบอร์รี่แค่…อยากเข้าใจบางอย่างค่ะ” กระทิงมองเธอด้วยความสุภาพ เขายังไม่คุ้นกับท่าทีของเบอร์รี่แต่ก็ไม่ได้ตั้งแง่ “เชิญเลยครับ” เบอร์รี่ยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย…แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มด้วยเลย “คุณรู้ไหมว่าฉันเคยอยู่ข้างเขามานานแค่ไหนฉันเห็นสิงโตตอนที่ไม่มีใครอยู่ข้างเขาเลย…แม้แต่ครอบครัว แล้วตอนนี้อยู่ๆก็มีคุณ…กับกวาง เข้ามาในโลกของเขา ฉันแค่สงสัย… คุณแน่ใจแค่ไหนว่าคุณกับกวางรู้จักเขาจริงๆ?” กระทิงไม่ตอบทันทีเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในคำถามนั้นเขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่มั่นคง “ผมไม่รู้จักเขาดีพอหรอกครับ แต่ผมรู้จักกวาง และผมไม่อยากให้ใครมาทำให้เธอสับสน” เบอร์รี่หัวเราะน้อยๆก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจ้องตากระทิงตรงๆ “แน่ใจเหรอคะ ว่าเธอสับสนเพราะสิงโต…ไม่ใช่เพราะเธอเอง…ยังไม่แน่ใจว่าเธอชอบเขา หรือแค่ ‘ไม่อยากแพ้’ ฉัน?” คำพูดนั้นเฉือนลงตรงกลางระหว่างศักดิ์ศรีกับความรู้สึกกระทิงนิ่งไป เบอร์รี่ยังไม่หยุดเธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนเหมือนกำลังปลอบ “ฉันไม่ได้จะเป็นศัตรูกับคุณหรอกนะคะแค่เตือนว่า…สิงโตไม่ใช่คนที่ใครเข้าถึงได้ง่ายๆ ถ้ากวางเผลอใจตอนนี้ แล้ววันหนึ่งเขาถอย เธอจะเหลือใคร? หวังว่าคำตอบจะเป็น ‘คุณ’ …แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?” เบอร์รี่จิบกาแฟช้าๆลุกขึ้นก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอโทษอีกครั้งที่ต้องพูดแรง แค่อยากให้คุณเตรียมใจไว้บ้าง เผื่อว่าสุดท้าย…คุณอาจไม่ใช่คนที่เธอเลือก” เธอเดินออกจากร้านไปทิ้งให้กระทิงนั่งเงียบอยู่ตรงนั้นมือของเขากำแน่นบนขอบโต๊ะ ไม่รู้ตัวเลยว่าเล็บจิกเข้าเนื้อจนแดง . . . กวางกำลังเปิดดูแชทจากเบอร์รี่ที่ส่งมาถึงเธอ “เราคุยกับกระทิงแล้วนะดูเขาจะห่วงเธอมาก…หวังว่าเขาจะไม่เสียใจทีหลัง” แววตากวางเริ่มไหวเธอเริ่มไม่แน่ใจอีกครั้งว่าเธอกำลังหลงทางในความรู้สึกของตัวเอง หรือกำลังถูกดึงออกจากมันด้วยใครบางคนกันแน่ . . . หอพักของปลา(เพื่อนสนิทกวาง) กลางคืน กระทิงนั่งกับปลาสายตาเรียบเฉยแต่น้ำเสียงกลับอัดแน่นไปด้วยความตึง “มึงแน่ใจ เบอร์รี่…จงใจพูดแบบนั้นจริงๆ?” ปลาพยักหน้าสีหน้ากังวล “กูอยู่ตรงนั้น…กูเห็นทุกอย่าง มึงเขาไม่ได้มาพูดเพื่อเตือนแต่เขาอยากให้กวางไม่เชื่อใจนาย” กระทิงเงียบไปนานก่อนจะพูดช้าๆ “นี่กูเพิ่งเข้าใจว่า… กูไม่ได้กำลังแข่งกับแค่สิงโต แต่กูกำลังแข่งกับอดีตของเขากับคนที่รู้จักเขาดีเกินไป” มือของกระทิงกำแน่นความอ่อนโยนเริ่มสั่นไหว เขาลุกขึ้น “ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้กวางเสียศูนย์อีกแล้ว…ไม่ว่าใครทั้งนั้น”บ้านเกียรติภูมิช่วงค่ำเสียงออดดังขึ้นกวางเดินลงไปเปิดประตู“ไง กวาง~” เบอร์รี่ยืนถือร่มส่งยิ้มหวานที่ดูจริงใจเกินไป“ขอโทษนะ พอดีฝนตกแล้วฉันมีนัดแถวนี้แต่โดนเทเลยคิดว่า…ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหม?”กวางชะงักหันไปมองสิงโตที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว สิงโตหยุดเดินไปทันทีที่เห็นเบอร์รี่บรรยากาศเงียบชั่วขณะ กวางเหลือบมองไปที่สิงโต ดวงตาอ่านไม่ออก แต่ในอกกลับเต้นผิดจังหวะไปหมด“จะนอนก็เอาสิ ห้องว่างเยอะแยะ” สิงโตพูดโดยไม่หันมากลางดึกบรรยากาศบ้านที่เย็นยะเยือกกวางนอนพลิกตัวไปมาเสียงฝนยังตกใจเธอไม่สงบเลยสักวินาทีห้องฝั่งตรงข้ามมีแสงลอดออกมาจากใต้ประตูเสียงเบอร์รี่หัวเราะเบาๆกับสิงโตดังลอดออกมา…หรือมันดังขึ้นในหัวเธอเอง?เสียงบางอย่างในใจของกวางกำลังถามว่า“…ถ้าไม่รู้สึกกับเขาแล้วจริงๆจะหวงขนาดนี้ทำไม?”...เวลาเช้าบ้านเงียบๆ มีเพียงเสียงจานกระทบกันเบาๆในครัว กวางเดินลงมาในชุดลำลองธรรมดาแต่ภาพที่เห็นตรงหน้า…ทำให้เธอชะงักเบอร์รี่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าผากของสิงโตขณะที่สิงโตนั่งพิงโต๊ะอาหารหน้าตาไม่แสดงความรำคาญใดๆ“ก็แค่เช็ดเหงื่อ แกจะทำท่าจะฆ่าฉันทำไมอะ สิงโต~” เบอร์รี่หัว
มหาวิทยาลัยกวางเดินถือแฟ้มเอกสารอยู่ที่โถงคณะนิติศาสตร์ แสงไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นเงาสะท้อน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกังวานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เบอร์รี่หยุดตรงหน้าเธอยิ้มบางๆ ในมือของเธอมีดอกกุหลาบสีดำช่อเดียวกับที่เคยถือวันแรกที่กลับมา“เธอคือ…กวาง ใช่ไหม? ฉันชื่อเบอร์รี่นะ… ยินดีที่ได้เจอกันสักที”“ฉันรู้จักคุณค่ะ… คุณเป็นเพื่อนเก่าสิงโต” กวางยิ้มตอบด้วยมารยาทแต่แววตาสงสัย“แค่เพื่อนเก่าเหรอ… ถ้าเธอหมายถึงช่วงที่เรานอนห้องเดียวกัน แชร์ทุกเรื่องในชีวิต กอดกันทุกคืนเวลาฝันร้าย…เธออาจต้องใช้คำอื่นแล้วล่ะ” เบอร์รี่หัวเราะเบาๆ“พี่สิงโตไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังเลยค่ะ” กวางนิ่ง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทันแต่ยังพยายามเก็บอารมณ์“นั่นสินะ คนที่พยายามลืม บางทีมันอาจไม่ใช่เพราะลืมได้…แต่อาจเป็นเพราะลืมไม่ได้ต่างหากล่ะ” เบอร์รี่ตอบเรียบๆเบอร์รี่เดินจากไปทิ้งกลิ่นน้ำหอมจางๆไว้ในอากาศกวางยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมมือกำเอกสารแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทแต่สายตาเธอ…เริ่มสั่นไหวอย่างปิดไม่มิดลานเปลี่ยวหลังคณะนิติศาสตร์ เวลาหัวค่ำฝนเพิ่งหยุดตกหยดน้ำยังเกาะตามใบไม้ไฟริมทางสลัวสะท้อนแสงสีทองบนใบหน้าของกวางที
ห้องทำงานของ “ภาคภูมิ” พ่อของสิงโต เวลาประมาณ 10 โมงเช้า สิงโตในเสื้อเชิ้ตตัวเก่า กางเกงยีนส์ขาดเข่านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมในห้องทำงานของพ่อมือหนึ่งจับบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดอีกมือถือโทรศัพท์แนบหูด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน“ฮัลโหล… พ่ออยู่มั้ย กูจะคุย” เสียงปลายสายเงียบไปนิดก่อนตอบรับภาคภูมิอยู่ในห้องอ่านหนังสือเก่าๆติดกับห้องทำงานทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายเขาก็เดินออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง“มีอะไร ไอ้ราชสีห์? ปกติไม่โทรหาพ่อเลยนี่”สิงโตเงียบ… ก่อนพูดเสียงนิ่งๆ“พ่อ… ถ้ากูบอกว่า กูทำให้กวางย้ายออกไปเอง…มึงจะเกลียดกูปะ”ภาคภูมิชะงัก สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนอย่างจับจ้อง เขาเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามลูกชาย โดยไม่พูดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว“พ่อ… กูไม่รู้ว่าทำไมกูต้องทำตัวเหี้ยๆแบบนั้นกับเขา แต่กูแค่… กลับบ้านแล้วมันเงียบจนทนไม่ไหว” เสียงของสิงโตเริ่มแผ่วลงแต่ไม่ได้สั่น ไม่ใช่เพราะเขาไม่เจ็บ แต่เพราะเขา “ไม่ยอมให้เสียงสั่น”“กูไม่อยากให้เขาอยู่กับกูเพราะความรักหรืออะไรไร้สาระทั้งนั้น…กูแค่…อยากให้เขากลับบ้าน…”ภาคภูมิมองลูกชายที่มักหยิ่งทะนงในทุกเรื่องวันนี้กลับนั่งตรงหน้าในสภาพเหมือนคนพ่ายแพ้และพู
เสียงของเสือฟังดูเหนื่อยและหนัก“กวาง… ไอ้สิงโตโตมัน… รถชนเมื่อคืน”“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล BMC ห้องฉุกเฉิน…”“ยังไม่ฟื้น แต่ปลอดภัยแล้ว… แค่… เขาไม่ได้บอกใครเลยนอกจากพวกพี่”กวางเงียบไป“เขาเมาหนักมากเลยนะ… ก่อนจะขับรถออกไปคนเดียว เมื่อคืนมันเรียกชื่อเธอตอนเมา… ทั้งคืนเลยว่ะ”กวางยังคงเงียบ น้ำตาคลอ… แต่ยังไม่หล่น“ขอบคุณที่บอกนะคะพี่เสือ…แต่กวาง… คงไม่ไปค่ะ”เสือเงียบ“แน่ใจนะกวาง…มันไม่มีใครเลยตอนนี้นะ”“เขาเคยมีค่ะ…แต่เขาเป็นคนผลักทุกคนออกไปเอง… โดยเฉพาะกวาง กวาง… ไม่ใช่น้องสาวเขา ไม่ใช่ใครในชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็พูดไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ…”เสียงในสายเงียบก่อนที่กวางจะพูดเบาๆจบสายด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่สุด“ขอให้เขาหายดีค่ะ… เท่านี้”ติ๊ดกวางวางสาย หันหน้าไปทางหน้าต่าง แสงเช้าอ่อนๆสาดเข้ามาทางม่านบาง เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกช้าๆเหมือนคนที่กำลังฝืนเดินต่อทั้งที่หัวใจยังบอบช้ำ“พอแล้ว… กวางต้องหยุดเจ็บเองให้ได้…”โรงพยาบาลเสียงเครื่องวัดชีพจรยังดังเป็นจังหวะสิงโตนอนอยู่บนเตียงริมฝีปากขยับเบาๆเหมือนละเมอ“…กวาง… อย่าไปนะ…”แต่ไม่มีใครได้ยินและไม่มีใครตอบกลับเขา…...ช่วงบ่ายวันอ
บนดาดฟ้าบ้านสิงโตกลับมาถึงบ้านที่ว่างเปล่าอีกครั้ง เขาขึ้นไปบนดาดฟ้า จุดบุหรี่ สูดลมกลางคืนแรงๆ มือหนึ่งสั่น มือหนึ่งถือมือถือที่ไม่กดโทรหาใครแต่เปิดรูปถ่ายกวางตอนที่แอบถ่ายไว้ในมือถือตัวเองรูปเธอนั่งกินข้าว ยิ้มเงียบๆข้างเตาในครัว“มึงมีคนดูแลแล้วใช่มั้ย…ดีแล้ว… ดีแล้วเว้ย…”แต่เสียงที่พูดออกมามันสั่นจนไม่เหลือความแน่ใจน้ำตาหนึ่งหยดไหลลงบนมุมปากก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะฝืนๆ“มึงแม่งเก่งว่ะกวาง…ไปจากกูได้จริงๆ…”…“แต่กูแม่ง… ไปจากมึงไม่ได้เลย…”วันถัดไปข่าวลือกระฉ่อนในกลุ่มไลน์คณะมีคนแอบถ่ายรูปกระทิงซื้อดอกไม้ให้กวาง โพสต์พร้อมแคปชัน “หวานจนแสบตา”คอมเมนต์ถล่มว่า “รักวัยมหาวิทยาลัยคู่ใหม่กำลังมา”สิงโตนั่งในรถมองโพสต์นั้นผ่านมือถือเงียบๆ มือเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะโยนมือถือกระแทกเบาะข้างแล้วทุบพวงมาลัยรถเต็มแรง!“กูแม่ง… มึงจะไปจริงๆใช่มั้ยวะ…” เสียงคำรามจากในอกเหมือนสัตว์ที่รู้ตัวว่า มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้...ผับราชสีห์ในค่ำคืนที่ฝนตกสิงโตนั่งอยู่ในผับของตัวเอง โต๊ะ VIP ชั้นล่างที่ไม่เคยนั่ง รอบกายไม่มีใคร มีแค่เสียงฝนข้างนอก กับเหล้าเข้มในมือเขาไม่ชวนใคร ไม่ให้
ผับราชสีห์ห้อง VIP หลังผับปิดเสือ มิกซ์ และเม้าท์มานั่งกินเหล้าด้วยกัน เสียงเพลงเบาลงเหล้าเข้าขวดที่สามแล้ว สิงโตนั่งพิงโซฟา หน้าตาไม่ไหว เสื้อยับ แววตาแดงเหมือนอดนอนมาเป็นวันๆ“มึงเงียบเป็นบ้าเลยช่วงนี้นะไอ้ราชสีห์ หรือเพราะน้อง…” เสือเอ่ยขึ้นอย่างห่วงๆ“กวาง…” ชื่อหลุดจากปากสิงโตเอง เบาแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้ทั้งโต๊ะเงียบ“เหี้ยอะไร กูแค่พูดชื่อคน…แม่งมีคนชื่อกวางเยอะจะตาย” เขาชะงักตัวเองไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะวางแก้วดังปังแล้วหัวเราะในลำคอแต่เพื่อนทั้งโต๊ะมองหน้ากันเงียบ มิกซ์กับเม้าท์ไม่พูดอะไรแต่สีหน้าชัดว่ารู้แล้วเสือถามอีกคำ… “แล้วมันเกี่ยวมั้ยวะ กับที่หายหัวไปสามวันก่อนหน้านั้น?”“กูไปนอนกับผู้หญิงมาเว้ย! มึงอย่ามาทำเป็นรู้ดี!” สิงโตตะคอกแต่แววตากลับเปล่าเปลี่ยวจนเจ็บแทนจากนั้นเขาก็ก้มหน้าเงียบแล้วพูดเบาๆเหมือนพูดกับใครสักคนที่ไม่อยู่ตรงนั้น“มึงจะหายไปนานแค่ไหนวะกวาง…หายไปจากบ้านก็พอแล้ว อย่าหายจากตรงนี้อีกเลย…”ไม่มีใครตอบ.....มีแค่เสียงเหล้าไหลลงแก้วต่ออีกคืนคืนฝนตก หอพักของกวางกวางนั่งกอดหมอนอยู่ริมหน้าต่าง ข้างนอกฝนโปรย กวางเผลอเปิดแชตเก่าของตัวเองกับสิงโต… แต่เขาไ