หอประชุมคณะนิติศาสตร์
เวลา 18.00 น. เสียงเพลงจังหวะเบาๆ จากลำโพงเก่าก้องไปทั่วห้อง หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์กระพริบนิดๆ เป็นจังหวะกับเสียงหัวเราะของปลาและพระพายที่กำลังฝึกเดินโพสท่าบนเวที “โอ๊ย! เดินยังไงไม่ให้ดูเหมือนมิสทิฟฟานี่อะพระพาย~” ปลาแซว “นี่มันบุคลิกนางงามนะยะ! ไม่ใช่เดินลากขาเหมือนซอมบี้อย่างแก!” พระพายเถียง อีกมุมหนึ่ง กระทิงกำลังยืนสอนจังหวะการหมุนตัวให้กวางอย่างใจเย็น “เอางี้ กวางหมุนซ้าย แล้วหยุดตรงหน้าเรา…ใช่ แบบนั้นแหละ แล้วพอหยุดก็สบตาเรานิดนึงนะ ให้กรรมการรู้สึกว่าพวกเรามี connection” “สบตานิดนึง…แบบนี้?” กวางเงยหน้าขึ้นมอง “ใช่ แบบนั้นเลย…เราว่ากวางทำได้ดีมากเลยนะ” กระทิงยิ้ม สรรพสนามเรียกกวางเริ่มเปลี่ยนจากเรียกกวาง ‘มึง’ ในบางทีตอนนี้กระทิงเรียกแทนกวางด้วยชื่อกวาง “อื้อ…ขอบคุณนะ” กวางหน้าแดงเล็กน้อย รีบหันหน้าหนี . . . เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นดัง “กึก…กึก…” ช้าและมั่นคง ก่อนชายในชุดสูทสีเข้มจะเดินเข้ามาในแสงไฟ พระพายเป็นคนแรกที่หันไปเห็น แล้วเบิกตากว้าง “พี่สิงโต?!” ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน รวมถึงกวางที่เหมือนจะลืมหายใจไปชั่วขณะ สิงโตยืนพิงกรอบประตูมือล้วงกระเป๋ากางเกง เสื้อเชิ้ตดำปลดกระดุมสองเม็ดบน หล่อโคตร หงุดหงิดโคตร และ…คุมอารมณ์ไม่อยู่สุดๆ “ไม่คิดจะบอกกูเลยเหรอ ว่าซ้อมกับมันถึงค่ำ”เสียงเขาต่ำ ชัด และก้องไปทั่วห้องจนคนอื่นเงียบ “มันก็แค่การซ้อมค่ะพี่ ไม่ได้มีอะไร” กวางรีบอธิบายด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลกลัวเพื่อนๆจะเดือดร้อนอีกรอบ “ไม่ต้องอธิบาย กูเห็นหมดแล้ว…เห็นตั้งแต่มึงสบตา เห็นตั้งแต่มึงยิ้มให้มัน เห็นตั้งแต่มึงแตะมือกัน…” สิงโตพูดอย่างเก็บอารมณ์เอาไว้แทบไม่อยู่ “มันก็แค่การแสดงค่ะ!” กวางรีบแก้ตัวให้ตัวเองกับกระทิงอีกรอบ “กูไม่สนว่ามันแสดงหรือไม่ กูไม่ชอบ!” สิงโตเดินตรงมาคว้าข้อมือกวางแรงๆ จนเธอสะดุ้ง “พี่ครับ ผมว่าอย่าทำรุนแรงกับกวางเลย มันเป็นหน้าที่ของพวกเราจริงๆนะครับ” กระทิงรีบขยับเข้ามาขวาง “มึงคิดว่ากูเชื่อว่านั่นคือ ‘แค่หน้าที่’ เหรอ?”สิงโตหันไปจ้องหน้ากระทิงด้วยแววตาเดือดจัด “หรือมึงอยากได้มากกว่านั้น…ถึงได้ทำหน้าสุนัขหวงกระดูกแบบนั้นตอนสบตากับน้องกู?” “พอได้แล้วค่ะพี่! หนูโตแล้ว หนูเลือกได้ว่าจะยืนข้างใคร!” กวางรีบดึงแขนออกจากมือพี่ชาย คำพูดนั้นทำให้ทั้งห้องเงียบลงราวกับไม่มีอากาศหายใจ สิงโตสบตาเธอแน่นิ่งปล่อยมือเธออย่างช้าๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ “งั้นก็ลองดู…ว่าไอ้คนที่มึงเลือกมันจะดูแลมึงได้ดี…เท่ากูมั้ย” แล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา พระพายกับปลารีบเดินมากอดปลอบกวางที่ยืนนิ่งเหมือนถูกตัดขาดจากความรู้สึก กระทิงยืนอยู่ข้างๆ พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง “กวาง…เราขอโทษนะ ที่ทำให้ทะเลาะกัน…” “ไม่ใช่ความผิดนายหรอกกระทิง” กวางหันหน้าไปยิ้มให้กระทิงเล็กน้อยเพราะกลัวกระทิงจะโทษตัวเอง โดยที่ตัวเธอเองนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้แล้วเหมือนกัน นับวันพี่ชายทำตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ ’ถ้ามึงยังทำตัวแรดแบบนี้กูจะฟ้องแม่มึง‘ คำนี้ที่เขาพูดกับกวางที่บ้านบ่อยๆ ทั้งที่กวางยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย บ้านเกียรติภูมิ เวลา 21.30 น. ปังงงง!!! เสียงประตูรั้วหน้าบ้านถูกปิดเสียงดัง กวางเดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดโดยไม่แม้แต่จะหันมองคนขับรถคันดำที่ตามมาห่างๆจากลานจอดรถ สิงโต ฝก้าวเข้ามาในบ้านช้าๆ ถอดนาฬิกาแล้ววางมันแรงลงบนโต๊ะกระจกเขาไม่พูดไม่จาแต่สายตาเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่เจ้าตัวก็ไม่เข้าใจ กวางเดินลงมาจากชั้นสองอีกครั้ง ชุดนักศึกษายังไม่ได้เปลี่ยน เส้นผมหลุดลุ่ยจากการฝึกซ้อม แต่ดวงตาเธอยังคงสว่าง…แม้จะแดงก่ำ “พี่ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนั้นกับหนูนะ” กวางเดินเข้าไปหาพี่ชายที่ห้องรับแขกตอนนี้กวางมีอารมณ์ที่ไม่คงที่ตั้งแต่เกิดเรื่องที่มหาวิทยาลัยเธอก็ควบคุมอารมณ์ที่เอาไว้ไม่อยู่ สิงโตนั่งลงบนโซฟาเงียบๆหยิบรีโมทเปิดทีวี แต่หน้าจอกลับไร้สัญญาณ “อย่าทำตัวเหมือนหนูเป็นน้องสาวแท้ๆของพี่ได้ไหมคะ!!?” กวางเริ่มพูดเสียงดังขึ้นและหนักแน่น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาใส่พี่ชายรู้เลยว่าตอนนี้เธอโกรธพี่ชายเป็นอย่างมาก “กูไปห้ามมึงเมื่อไหร่?” เขาพูดโดยไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่โดย และเขาก็ไม่ได้หันหน้าไปหาน้องสาวที่ยืนอารมณ์ไม่ดีอยู่แม้แต่น้อย “พี่พูดแบบนั้นกับกระทิง ต่อหน้าเพื่อน ต่อหน้าอาจารย์ ต่อหน้าคนทั้งคณะ!” เธอเดินเข้ามาประจันหน้า ไม่กลัว ไม่ถอย และไม่อดทนอีกต่อไป “ทำไมพี่ต้องทำให้หนูรู้สึกผิดกับสิ่งที่หนูควรจะภูมิใจด้วย?” กวางพูดออกมาตามที่ตัวเองเก็บกดมานานหลายวันและมันหลายรอบแล้ว “ภูมิใจอะไรล่ะ…กับแค่เดินไปเดินมากับผู้ชายแล้วทำตาหวานใส่กันกลางเวทีแบบนั้น?” สิงโตเหยียดยิ้ม มุมปากกระตุกนิดๆ แบบคนที่พยายามกวนอารมณ์คนอื่นให้หงุดหงิดกว่าเดิม “หนูไม่ได้ทำตาหวานให้ใครทั้งนั้น พี่ต่างหากที่ทำตัวไม่มีเหตุผล” กวางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว เสียงเธอสั่น แต่ชัดเจน “เพราะกูเห็นว่ามันไม่สมควรไงล่ะ” สิงโตเถียง “แล้วอะไรล่ะที่สมควรในสายตาพี่สิงโต? หนูต้องนั่งอยู่บ้าน ห้ามแตะผู้ชาย ห้ามยิ้ม ห้ามใช้ชีวิตที่เป็นชีวิตของหนูอย่างงั้นเหรอคะ!?” กวางก็สู้ไม่ถอย สิงโตเงียบ…นานกว่าปกติ เพราะเขาไม่เคยเห็นกวางน้องสาวกล้าเถียงเขาเลยแต่ครั้งนี้เธอกลับเถียงเขาไม่ยอมถอย “ก็แค่อยากให้มึงอยู่ห่างๆ มัน” สิงโตยังไม่ยอมลุกขึ้นจากโซฟาและยังไม่หันมาเผชิญหน้ากับกวาง แต่คำพูดที่เขาโพล่งออกมาในที่สุด…แฝงความสั่นไหวแบบที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร “ทำไมล่ะคะ พี่กลัวอะไร? กลัวว่าหนูจะหายไปจากสายตาพี่เหรอคะ!” เธอก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด สบตาเขาตรงๆ “กูไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น! กูก็แค่…ไม่ชอบเห็นมึงทำตัวสนิทกับมัน มันน่ารำคาญ เข้าใจมั้ย?! กูรำคาญ!” เขาตะคอกสวนทันที น้ำเสียงดังจนก้องบ้าน “รำคาญ…หรือหวงคะ?” กวางที่รู้อยู่แล้วว่าพี่ชายอย่างสิงโตไม่คิดจะหวงเธออย่างแน่นอนแต่เธอก็แค่อยากจะกวนประสาทเขาคืนก็แค่นั้น “มึงอย่าคิดเข้าข้างตัวเองนักเลยกวาง กูจะหวงมึงทำไม ก็ไม่ใช่ใครสักหน่อย” สิงโตลุกพรวดขึ้นจากโซฟา ใบหน้าตึงจัด เขามองหน้าเธอด้วยแววตาราวกับจะพูดอะไรสักอย่าง…แต่สุดท้ายก็แค่เบือนหน้าไป คำพูดนั้น…เหมือนตบหน้าเธอแรงๆ แต่กวางยืนนิ่ง ไม่หลบ ไม่ร้องไห้ แค่พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ใช่สิ…ไม่ใช่ใครเลยนี่เนอะ…ก็แค่พี่ชายไม่แท้ ที่ไม่คิดจะมองหนูในฐานะอื่นเลย ขอโทษที่ทำให้พี่รำคาญ หนูจะพยายามหายไปจากสายตาพี่ให้มากที่สุด…ถ้ามันจะทำให้พี่สบายใจ” เธอเดินขึ้นชั้นสองอีกครั้งทิ้งให้สิงโตยืนนิ่งอยู่ลำพังในห้องรับแขกที่เงียบเกินไปมีแค่เสียงทีวีที่ยังไม่มีสัญญาณดัง “ซ่า…” คล้ายใจเขาในตอนนี้บ้านเกียรติภูมิช่วงค่ำเสียงออดดังขึ้นกวางเดินลงไปเปิดประตู“ไง กวาง~” เบอร์รี่ยืนถือร่มส่งยิ้มหวานที่ดูจริงใจเกินไป“ขอโทษนะ พอดีฝนตกแล้วฉันมีนัดแถวนี้แต่โดนเทเลยคิดว่า…ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหม?”กวางชะงักหันไปมองสิงโตที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว สิงโตหยุดเดินไปทันทีที่เห็นเบอร์รี่บรรยากาศเงียบชั่วขณะ กวางเหลือบมองไปที่สิงโต ดวงตาอ่านไม่ออก แต่ในอกกลับเต้นผิดจังหวะไปหมด“จะนอนก็เอาสิ ห้องว่างเยอะแยะ” สิงโตพูดโดยไม่หันมากลางดึกบรรยากาศบ้านที่เย็นยะเยือกกวางนอนพลิกตัวไปมาเสียงฝนยังตกใจเธอไม่สงบเลยสักวินาทีห้องฝั่งตรงข้ามมีแสงลอดออกมาจากใต้ประตูเสียงเบอร์รี่หัวเราะเบาๆกับสิงโตดังลอดออกมา…หรือมันดังขึ้นในหัวเธอเอง?เสียงบางอย่างในใจของกวางกำลังถามว่า“…ถ้าไม่รู้สึกกับเขาแล้วจริงๆจะหวงขนาดนี้ทำไม?”...เวลาเช้าบ้านเงียบๆ มีเพียงเสียงจานกระทบกันเบาๆในครัว กวางเดินลงมาในชุดลำลองธรรมดาแต่ภาพที่เห็นตรงหน้า…ทำให้เธอชะงักเบอร์รี่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าผากของสิงโตขณะที่สิงโตนั่งพิงโต๊ะอาหารหน้าตาไม่แสดงความรำคาญใดๆ“ก็แค่เช็ดเหงื่อ แกจะทำท่าจะฆ่าฉันทำไมอะ สิงโต~” เบอร์รี่หัว
มหาวิทยาลัยกวางเดินถือแฟ้มเอกสารอยู่ที่โถงคณะนิติศาสตร์ แสงไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นเงาสะท้อน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกังวานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เบอร์รี่หยุดตรงหน้าเธอยิ้มบางๆ ในมือของเธอมีดอกกุหลาบสีดำช่อเดียวกับที่เคยถือวันแรกที่กลับมา“เธอคือ…กวาง ใช่ไหม? ฉันชื่อเบอร์รี่นะ… ยินดีที่ได้เจอกันสักที”“ฉันรู้จักคุณค่ะ… คุณเป็นเพื่อนเก่าสิงโต” กวางยิ้มตอบด้วยมารยาทแต่แววตาสงสัย“แค่เพื่อนเก่าเหรอ… ถ้าเธอหมายถึงช่วงที่เรานอนห้องเดียวกัน แชร์ทุกเรื่องในชีวิต กอดกันทุกคืนเวลาฝันร้าย…เธออาจต้องใช้คำอื่นแล้วล่ะ” เบอร์รี่หัวเราะเบาๆ“พี่สิงโตไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังเลยค่ะ” กวางนิ่ง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทันแต่ยังพยายามเก็บอารมณ์“นั่นสินะ คนที่พยายามลืม บางทีมันอาจไม่ใช่เพราะลืมได้…แต่อาจเป็นเพราะลืมไม่ได้ต่างหากล่ะ” เบอร์รี่ตอบเรียบๆเบอร์รี่เดินจากไปทิ้งกลิ่นน้ำหอมจางๆไว้ในอากาศกวางยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมมือกำเอกสารแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทแต่สายตาเธอ…เริ่มสั่นไหวอย่างปิดไม่มิดลานเปลี่ยวหลังคณะนิติศาสตร์ เวลาหัวค่ำฝนเพิ่งหยุดตกหยดน้ำยังเกาะตามใบไม้ไฟริมทางสลัวสะท้อนแสงสีทองบนใบหน้าของกวางที
ห้องทำงานของ “ภาคภูมิ” พ่อของสิงโต เวลาประมาณ 10 โมงเช้า สิงโตในเสื้อเชิ้ตตัวเก่า กางเกงยีนส์ขาดเข่านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมในห้องทำงานของพ่อมือหนึ่งจับบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดอีกมือถือโทรศัพท์แนบหูด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน“ฮัลโหล… พ่ออยู่มั้ย กูจะคุย” เสียงปลายสายเงียบไปนิดก่อนตอบรับภาคภูมิอยู่ในห้องอ่านหนังสือเก่าๆติดกับห้องทำงานทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายเขาก็เดินออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง“มีอะไร ไอ้ราชสีห์? ปกติไม่โทรหาพ่อเลยนี่”สิงโตเงียบ… ก่อนพูดเสียงนิ่งๆ“พ่อ… ถ้ากูบอกว่า กูทำให้กวางย้ายออกไปเอง…มึงจะเกลียดกูปะ”ภาคภูมิชะงัก สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนอย่างจับจ้อง เขาเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามลูกชาย โดยไม่พูดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว“พ่อ… กูไม่รู้ว่าทำไมกูต้องทำตัวเหี้ยๆแบบนั้นกับเขา แต่กูแค่… กลับบ้านแล้วมันเงียบจนทนไม่ไหว” เสียงของสิงโตเริ่มแผ่วลงแต่ไม่ได้สั่น ไม่ใช่เพราะเขาไม่เจ็บ แต่เพราะเขา “ไม่ยอมให้เสียงสั่น”“กูไม่อยากให้เขาอยู่กับกูเพราะความรักหรืออะไรไร้สาระทั้งนั้น…กูแค่…อยากให้เขากลับบ้าน…”ภาคภูมิมองลูกชายที่มักหยิ่งทะนงในทุกเรื่องวันนี้กลับนั่งตรงหน้าในสภาพเหมือนคนพ่ายแพ้และพู
เสียงของเสือฟังดูเหนื่อยและหนัก“กวาง… ไอ้สิงโตโตมัน… รถชนเมื่อคืน”“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล BMC ห้องฉุกเฉิน…”“ยังไม่ฟื้น แต่ปลอดภัยแล้ว… แค่… เขาไม่ได้บอกใครเลยนอกจากพวกพี่”กวางเงียบไป“เขาเมาหนักมากเลยนะ… ก่อนจะขับรถออกไปคนเดียว เมื่อคืนมันเรียกชื่อเธอตอนเมา… ทั้งคืนเลยว่ะ”กวางยังคงเงียบ น้ำตาคลอ… แต่ยังไม่หล่น“ขอบคุณที่บอกนะคะพี่เสือ…แต่กวาง… คงไม่ไปค่ะ”เสือเงียบ“แน่ใจนะกวาง…มันไม่มีใครเลยตอนนี้นะ”“เขาเคยมีค่ะ…แต่เขาเป็นคนผลักทุกคนออกไปเอง… โดยเฉพาะกวาง กวาง… ไม่ใช่น้องสาวเขา ไม่ใช่ใครในชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็พูดไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ…”เสียงในสายเงียบก่อนที่กวางจะพูดเบาๆจบสายด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่สุด“ขอให้เขาหายดีค่ะ… เท่านี้”ติ๊ดกวางวางสาย หันหน้าไปทางหน้าต่าง แสงเช้าอ่อนๆสาดเข้ามาทางม่านบาง เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกช้าๆเหมือนคนที่กำลังฝืนเดินต่อทั้งที่หัวใจยังบอบช้ำ“พอแล้ว… กวางต้องหยุดเจ็บเองให้ได้…”โรงพยาบาลเสียงเครื่องวัดชีพจรยังดังเป็นจังหวะสิงโตนอนอยู่บนเตียงริมฝีปากขยับเบาๆเหมือนละเมอ“…กวาง… อย่าไปนะ…”แต่ไม่มีใครได้ยินและไม่มีใครตอบกลับเขา…...ช่วงบ่ายวันอ
บนดาดฟ้าบ้านสิงโตกลับมาถึงบ้านที่ว่างเปล่าอีกครั้ง เขาขึ้นไปบนดาดฟ้า จุดบุหรี่ สูดลมกลางคืนแรงๆ มือหนึ่งสั่น มือหนึ่งถือมือถือที่ไม่กดโทรหาใครแต่เปิดรูปถ่ายกวางตอนที่แอบถ่ายไว้ในมือถือตัวเองรูปเธอนั่งกินข้าว ยิ้มเงียบๆข้างเตาในครัว“มึงมีคนดูแลแล้วใช่มั้ย…ดีแล้ว… ดีแล้วเว้ย…”แต่เสียงที่พูดออกมามันสั่นจนไม่เหลือความแน่ใจน้ำตาหนึ่งหยดไหลลงบนมุมปากก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะฝืนๆ“มึงแม่งเก่งว่ะกวาง…ไปจากกูได้จริงๆ…”…“แต่กูแม่ง… ไปจากมึงไม่ได้เลย…”วันถัดไปข่าวลือกระฉ่อนในกลุ่มไลน์คณะมีคนแอบถ่ายรูปกระทิงซื้อดอกไม้ให้กวาง โพสต์พร้อมแคปชัน “หวานจนแสบตา”คอมเมนต์ถล่มว่า “รักวัยมหาวิทยาลัยคู่ใหม่กำลังมา”สิงโตนั่งในรถมองโพสต์นั้นผ่านมือถือเงียบๆ มือเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะโยนมือถือกระแทกเบาะข้างแล้วทุบพวงมาลัยรถเต็มแรง!“กูแม่ง… มึงจะไปจริงๆใช่มั้ยวะ…” เสียงคำรามจากในอกเหมือนสัตว์ที่รู้ตัวว่า มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้...ผับราชสีห์ในค่ำคืนที่ฝนตกสิงโตนั่งอยู่ในผับของตัวเอง โต๊ะ VIP ชั้นล่างที่ไม่เคยนั่ง รอบกายไม่มีใคร มีแค่เสียงฝนข้างนอก กับเหล้าเข้มในมือเขาไม่ชวนใคร ไม่ให้
ผับราชสีห์ห้อง VIP หลังผับปิดเสือ มิกซ์ และเม้าท์มานั่งกินเหล้าด้วยกัน เสียงเพลงเบาลงเหล้าเข้าขวดที่สามแล้ว สิงโตนั่งพิงโซฟา หน้าตาไม่ไหว เสื้อยับ แววตาแดงเหมือนอดนอนมาเป็นวันๆ“มึงเงียบเป็นบ้าเลยช่วงนี้นะไอ้ราชสีห์ หรือเพราะน้อง…” เสือเอ่ยขึ้นอย่างห่วงๆ“กวาง…” ชื่อหลุดจากปากสิงโตเอง เบาแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้ทั้งโต๊ะเงียบ“เหี้ยอะไร กูแค่พูดชื่อคน…แม่งมีคนชื่อกวางเยอะจะตาย” เขาชะงักตัวเองไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะวางแก้วดังปังแล้วหัวเราะในลำคอแต่เพื่อนทั้งโต๊ะมองหน้ากันเงียบ มิกซ์กับเม้าท์ไม่พูดอะไรแต่สีหน้าชัดว่ารู้แล้วเสือถามอีกคำ… “แล้วมันเกี่ยวมั้ยวะ กับที่หายหัวไปสามวันก่อนหน้านั้น?”“กูไปนอนกับผู้หญิงมาเว้ย! มึงอย่ามาทำเป็นรู้ดี!” สิงโตตะคอกแต่แววตากลับเปล่าเปลี่ยวจนเจ็บแทนจากนั้นเขาก็ก้มหน้าเงียบแล้วพูดเบาๆเหมือนพูดกับใครสักคนที่ไม่อยู่ตรงนั้น“มึงจะหายไปนานแค่ไหนวะกวาง…หายไปจากบ้านก็พอแล้ว อย่าหายจากตรงนี้อีกเลย…”ไม่มีใครตอบ.....มีแค่เสียงเหล้าไหลลงแก้วต่ออีกคืนคืนฝนตก หอพักของกวางกวางนั่งกอดหมอนอยู่ริมหน้าต่าง ข้างนอกฝนโปรย กวางเผลอเปิดแชตเก่าของตัวเองกับสิงโต… แต่เขาไ