อิสริยาอาบน้ำอยู่นานมาก เมื่อออกจากห้องน้ำจึงเห็นว่าสกนธีปิดไฟเข้านอนแล้ว เธอชั่งใจว่าควรจะออกไปนอนอีกห้องหรือนอนในห้องเดียวกันกับเขา แต่ก็เกรงว่าลูกจะรู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้นอนห้องเดียวกันอีกจึงตัดสินใจเดินไปล้มตัวนอนบนที่นอนอีกฝั่ง
ทันทีที่เธอพลิกตัวหันหลังให้คนที่นอนอยู่ก่อนแล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนสวมกอดทั้งตัว อิสริยาหันหน้ากลับมาตั้งใจจะตวาดใส่แต่ก็ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากริมฝีปากเพราะถูกปิดปากแบบไม่ให้ตั้งตัว
“อื้อ...” เธอส่งเสียงอู้อี้เป็นโอกาสให้สกนธีล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากหอมหวาน เขาล่อหลอกเธอด้วยจูบดูดดื่มพร้อมกับที่กดร่างเธอให้นอนหงายเลื่อนตัวคร่อมทับด้านบน ไม่ยอมละริมฝีปากออกในยามที่เปลี่ยนท่าจนทำให้เธอเริ่มเคลิ้มตาม
“นึกว่าจะไม่ยอมออกจากห้องน้ำแล้ว” เขาพูดเสียงแผ่วพร่าในความสลัว
“ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้น่าจะหนีไปนอนอีกห้อง” คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มหัวเราะ
“ถึงเอ๋ไปพี่ก็ตามไปนอนด้วยอยู่ดี ยังไงเราก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันแยกไม่ได้แล้ว เดี๋ยวลูกไม่สบายใจ”
ดวงตาสองคู่สบกัน ก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายหลบตา สกนธีจึงก้มลงไปจูบที่ปลายคางเธอนุ่มนวล ลากลิ้นปาดเลียไปตามผิวเนื้อที่ยังชื้นจากการอาบน้ำเลื่อนลงไปตามซอกคอและใบหู ขบเม้มติ่งหูจนเธอตัวอ่อนสั่นสะท้าน มันเป็นจุดที่เขารู้ดีว่าเป็นจุดอ่อนของเธอ และที่รู้ก็เพราะว่าอยู่ด้วยกันมานาน แต่งงานกันตอนนี้เข้าปีที่แปดและก่อนหน้านั้นก็เคยได้กอดจูบสัมผัสกันมานับไม่ถ้วนตั้งแต่อิสริยายังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่าเธอเป็นรักแรกและรักเดียวที่สกนธีมี และเขาเองก็เป็นรักแรกของเธอเช่นกัน ในความที่เราต่างก็เคยเป็นคนรักกันครั้งแรกย่อมมีข้อผิดพลาด มีวันที่ละเลยกันไปใส่ใจกับสิ่งอื่นและชายหนุ่มก็บอกตัวเองว่าเขาจะจำไปจนวันตายว่าจะไม่ผิดพลาดแบบนั้นอีก
ชายหนุ่มเลื่อนสาบเสื้อเธอแยกออกจากกัน ผ้าแพรลื่นมือไหลไปตามบ่าไหล่และช่วงแขนเธออย่างรวดเร็ว ริมฝีปากเขาเลื่อนตามไปทุกจุดที่เสื้อไหลจนมันหลุดร่วงไปจากตัว เขากระซิบบอกให้เธอยกแผ่นหลังขึ้นเพื่อให้จัดการชุดนอนได้สะดวก
อิสริยาปล่อยตัวไปตามสัมผัสของเขา รับรู้ถึงรอยจูบที่ทิ้งความซาบซ่านไปตามผิวเนื้อทั่วกายในยามที่จมูกและปากเขาเคลื่อนตัวไปถึง เธอหลับตาให้ความรู้สึกโลดแล่นไปอย่างอิสระไร้การควบคุมและเหนี่ยวรั้งมันอีกต่อไป
สกนธีก้มหน้าลงดื่มชิมน้ำหวานกลางกายที่มันเอ่อล้นมาตามการกระตุ้นอารมณ์ดำฤษณา ยิ่งได้ยินเสียงเธอครางที่บ่งบอกถึงความยินยอมพร้อมใจก็ยิ่งทำให้เขาเร่งปากและลิ้นให้เร็วขึ้น
อิสริยาร้องวี้ดเมื่อไปแตะขอบรุ้งเป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นมองคนที่โน้มร่างลงมาแนบชิดส่งตัวตนที่กำลังแข็งกร้าวร้อนระอุด้วยความต้องการสวมสอดเข้ามาในความคับแน่น หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นฉับพลันเธอคิดถึงเหตุการณ์วันก่อนที่เข้าใจว่าเป็นความฝัน แต่กลับรับรู้ถึงทุกความรู้สึกได้แบบชัดเจนเฉกเช่นวันนี้ไม่ผิดเพี้ยน
“วันก่อนพี่ก็ทำแบบนี้ใช่ไหม” เธอถามออกไปตรงๆ
“อ้าว อย่าบอกว่าไม่รู้” สกนธีเสียความมั่นใจขึ้นมากะทันหัน
“นะ.. นึกว่าฝัน” เธอพูดกระท่อนกระแท่น
“เบาก่อนค่ะ เอ๋จะไม่ไหวแล้วนะ” เธอครางเสียงเบาหวิวกับความเสียวซ่านระลอกใหม่แต่อีกฝ่ายไม่ผ่อนปรน
สกนธีโหมกายเข้าแรงและเร็วขึ้น เม็ดเหงื่อผุดพรายไปทั่วดวงหน้าหล่อคมเข้ม เขาขยับตัวลุกขึ้นคุกเข่ามือนึงจับเอวเธอไว้อีกมือกดข้อมือเธอข้างหนึ่งลงกับที่นอนเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเธอใกล้จะไปถึงอีกครั้งจนกระทั่งได้ยินเสียงเธอร้องอีกครั้ง ร่างนวลเนียนกระตุกเกร็งบีบรัดจนเขาแทบจะทนไม่ไหว
ชายหนุ่มถอนตัวออกจับเธอพลิกกายนอนคว่ำ ดึงสะโพกผายให้สูงจากที่นอนจนทำให้ใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงก่ำแนบติดกับหมอน จังหวะนั้นเขาเสือกเสยสะโพกเข้าหาความอ่อนนุ่มทีเดียวจนสุดความยาว เห็นเธอสะบัดหน้าไปมา สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนก็รู้ว่าเธอต้องการอีกแล้ว
สกนธีผ่อนจังหวะให้ช้าลง เขาโน้มตัวลงไปแนบกับแผ่นหลังเรียบเนียน ดึงคางเรียวให้ใบหน้าเธอเอี้ยวหันมาหารับจูบร้อนแรง อิสริยาจูบตอบเท่าที่ความปรารถนาจะนำทางไป ส่วนล่างก็ขยับเข้าหากันเป็นความลงตัวที่มีเฉพาะกับคู่ของตนเองเท่านั้น
เขาละจูบจากเรียวปากนุ่มหันมากดปากลงไปที่ต้นคอ คำรามในลำคอเมื่อรู้ว่ายื้อเวลาไม่ได้อีกแล้ว
“พี่ใกล้แล้ว พร้อมกันนะเอ๋” ไม่ขาดคำเขาอัดหน้าขาค้างกับก้นงอนงามปล่อยสายธารเข้าไปในร่างเธออัดแน่น รับรู้ว่าเธอเองก็เกร็งร่างรับตอดถี่ยิบบ่งบอกถึงการไปถึงอีกครั้งเช่นกัน
รอจนลมหายใจถี่แรงสงบลง ชายหนุ่มกอดเธอไว้แล้วพลิกตัวนอนหงายดึงให้เธอหันหน้ามาซบซุกกับอกกว้างเปลือยเปล่า ก้มลงจูบศีรษะเธอหนึ่งครั้งก่อนจะนอนนิ่งๆ สองสามนาที
อิสริยาขยับตัวออกห่างแต่เขากอดไว้แน่น “จะไปไหนครับ”
“อยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
“พี่ไปด้วย” เขาลุกอย่างรวดเร็ว ช้อนอุ้มร่างบางที่ไม่น่าจะมีแรงพาเดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำเสียเอง
“แกอยู่ห้องนี้ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะติม เด็กๆ ที่ร้านก็ไหว้วานเรียกใช้กันได้” อิสริยาบอกเพื่อนหลังจากที่เธอไปรับติยากรออกจากโรงพยาบาลในวันต่อมา โดยที่มีณารามาด้วยเพื่อมาดูว่าเพื่อนจะอยู่ยังไง
“ที่นี่สะดวกมากติม ร้านอาหาร คาเฟ ขนมอะไรก็มีครบหมด ซักรีดถ้าไม่อยากทำเองเห็นร้านหัวมุมโน้นมี” ณาราพูดหลังจากที่สำรวจคร่าวๆ เธอมองว่าที่นี่เหมาะมากที่ติยากรจะอยู่พักฟื้นและไม่ให้อดีตแฟนรบกวนจนเสียรูปคดี
“ฝากขอบคุณพี่เก่งด้วยนะเอ๋ ที่เขายอมให้ฉันมาอยู่แถมช่วยเรื่องทนายด้วย ไม่มีพวกแกฉันคงเคว้งไม่รู้จะทำไง”
สาวๆ รู้ดีว่าที่นี่เป็นตึกที่สกนธีและอิสริยามีสิทธิ์กันคนละครึ่ง ก่อนตัดสินใจซื้ออิสริยาเองก็เคยปรึกษาเพื่อนๆ ซึ่งคู่สามีภรรยาซื้อในชื่อของอิสริยาคนเดียวแต่สกนธีช่วยออกเงินด้วยครึ่งนึง
“อย่าคิดมาก เพื่อนกันถ้าไม่ช่วยกันจะไปช่วยใคร” อิสริยาพูดยิ้มๆ ณาราเองก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเธอไม่ได้เจอกันบ่อยแต่ถ้าใครมีปัญหาอะไรก็มักจะจับความรู้สึกกันและกันได้ว่าใครกำลังมีปัญหา
“ใช่ อย่าคิดมากรักษาตัวให้หาย รักษาจิตใจก่อน”
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่