สิบปีต่อมา
“พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน
“อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร
“หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน
“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก
“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี
“ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป
“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตาม
ห้าวันต่อมาพวกเขามาถึงเชียงใหม่ด้วยการจองตั๋วเครื่องบินและเช่ารถที่สนามบินไว้ใช้สำหรับการเดินทางที่นั่น
อิสริยาเลือกโรงแรมที่พักใกล้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ลูกสาวจะมาสอบสัมภาษณ์ในวันรุ่งขึ้น
“รถติดจังเลยค่ะ” น้องพิงค์พูดขณะที่อยู่บนถนนในเมืองเชียงใหม่เวลาก่อนเที่ยง ผู้คนจ้อกแจ้กจอแจ รถยนต์มากมายบนท้องถนนคับคั่งราวกับเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยอีกแห่งหนึ่ง ยิ่งช่วงนี้เป็นหน้าไฮซีซั่นทำให้บรรยากาศคึกคักอย่างยิ่ง
“เชียงใหม่ในตัวเมืองรถติดลูก แต่น้อยกว่าบ้านเราเยอะ”
“อากาศดีด้วยค่ะแม่ ถ้าไม่มีพีเอ็มสองจุดห้า” สุพิชชาเสริม นี่คือเหตุผลที่เด็กสาวอยากเรียนที่นี่ เธอเบื่อกรุงเทพฯ ที่รถติดไปทั่วไม่ว่าจะออกจากบ้านเวลาไหน เบื่อการใช้ชีวิตบนรถนานๆ แบบที่เคยผ่านมา
“แม่ก็ห่วงเรื่องนี้ล่ะลูก ยังไงถ้าสอบผ่านหนูต้องระวังตัวเยอะๆ นะ” อิสริยาห่วงในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของลูกมากกว่าด้านการใช้ชีวิตตามประสาคนเป็นแม่ เธอเชื่อว่าเธอเลี้ยงลูกมาดีพอที่น้องเพียงจะวิจารณญาณที่ดีในการที่จะทำหรือไม่ทำอะไร
วันรุ่งขึ้นสกนธีขับรถไปส่งสุพิชชาไปสอบสัมภาษณ์แต่เช้า ส่วนแม่กับน้องอยู่ที่โรงแรมรอให้ลูกคนโตสอบเสร็จก่อนค่อยคิดว่าจะไปไหน
“แม่ขา น้องพิงค์อยากไปสวนสัตว์เชียงใหม่”
“รอพี่เขาสอบเสร็จก่อนลูก ค่อยไปด้วยกันเดี๋ยวก็กลับมาแล้วมั้งตอนนี้จะเที่ยงแล้ว” อิสริยาบอกลูกคนเล็กที่กว่าจะตื่นพี่สาวก็ออกไปจากห้องแล้ว
ไม่นานนักสองพ่อกับลูกก็มาถึงโรงแรม สกนธีตัดสินใจรอลูกสอบสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยเพราะเห็นว่าใช้เวลาไม่นาน สุพิชชาขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกมาคุยด้วย
“ตอบได้ไหมลูก” มารดาถามเมื่อเห็นลูกสาวทำหน้าเครียด
“ได้ค่ะ แต่หนูกลัวไม่ได้” เด็กสาวตอบตามตรง
“ไม่ต้องคิดมากลูก เพิ่งรอบแรกเองถ้าอยากเรียนที่นี่จริงๆ แล้วรอบนี้ไม่ผ่านรอบสองก็เลือกที่นี่ใหม่” สกนธีปลอบใจลูก
“พี่ว่าเราไปดูบ้านกันไหม เพื่อนพี่ที่อยู่ที่นี่มันบอกมาว่าถ้าอยากได้บ้านล่ะก็ มีคนอยากขายพอดีเป็นบ้านเดี่ยวใกล้ๆ ดอยสุเทพมีสวนลำใยประมาณสิบต้นน่ะ”
“ใกล้ๆ ม.เลยก็ดีนะคะ ตรงนั้นน่าจะแพงถ้ามีลำไยด้วยตั้งสิบต้น” ภรรยาออกความเห็น
“ไม่กี่ล้าน เจ้าของร้อนเงินอยากขาย” สกนธีดูรายละเอียดมาแล้วเมื่อครู่ตอนที่รอลูกเข้าสอบ ชานนท์ส่งรายละเอียดมาว่าเพื่อนที่นี่ของเขาอยากขายบ้าน
“งั้นก็ลองไปดูกันก่อน แล้วเราไปดอยสุเทพกันไหมลูก พรุ่งนี้ค่อยออกนอกเมืองกัน” ไหนๆ มาแล้วอิสริยาจึงถือโอกาสชวนสามีอยู่เที่ยวต่อ เพราะว่าปีนี้น้องเพียงเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายทำให้เด็กสาวค่อนข้างเครียดและไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดที่ไหนเลย
“ไปค่ะแม่หนูอยากไปดอยสุเทพ”
“หนูก็อยากไป อยากไปกินสตรอเบอรี่”
พี่น้องสองสาวแย่งกันพูด พ่อแม่มองแล้วมองหน้ากันอย่างชื่นใจ สกนธีไม่เคยรู้สึกผิดหวังเลยที่เขามีแต่ลูกสาว แบบที่เพื่อนบางคนของเขาเคยถามเมื่อก่อน
“มึงมีแต่ลูกสาวแล้วจะรีบทำหมันทำไมวะไอ้เก่ง ไม่รอเอาลูกชายไว้สืบสกุล มึงเองก็ลูกคนเดียวนะเว้ย”
“ลูกสาวกูก็สืบสกุลได้ ต่อไปถ้ากูมีหลานก็ให้หลานใช้นามสกุลกูได้” สกนธีมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจ ไม่น่าเชื่อว่าความคิดเก่าๆ ยังมีหลงเหลืออยู่
บ้านที่ไปดูนั้นมีพื้นที่พอสมควร อยู่โซนเลียบคลองชลใกล้ตลาดต้นพยอมที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไปไม่ถึงห้ากิโลเมตร
“บ้านอยู่ใกล้เมืองพื้นที่เยอะขนาดนี้ ตอนนี้หายากมากแล้วนะครับ ราคาดีมากด้วย” นายหน้าเชียร์เต็มที่
“ราคาต่อรองได้อีกไหมครับ ท่าทางน่าจะต้องรีโนเวทอีกเป็นล้าน”
สกนธีถาม ในใจเขาบวกลบคูณหารถึงโครงการขยายงานมาที่นี่ตามที่ชานนท์เคยเสนอไว้ เพราะที่ผ่านมาถ้ามีงานที่นี่พวกเขามักจะไปขอใช้สำนักงานของสมิติเป็นที่นั่งทำงานเพราะยังไม่มีออฟฟิศของตัวเองที่เชียงใหม่
“ทางเจ้าของบ้านจะออกค่าใช้จ่าย ภาษี ค่าดำเนินการทุกอย่างให้ทั้งหมดเลยครับจากที่ตอนแรกคนละครึ่ง” นายหน้าแจ้งข้อเสนอเพิ่มเติม
“ซื้อไว้ทำโฮมออฟฟิศด้วยก็ดีนะคะพี่เก่ง เราจะได้ไม่ต้องหาที่ใหม่ทำเลตรงนี้ก็ดี” อิสริยาออกความเห็น ในความคิดเธอถึงลูกจะสอบไม่ติดที่นี่แต่ซื้อไว้ก็คุ้มอยู่ดี
“พี่ก็คิดอยู่ งั้นเดี๋ยวผมขอไปปรึกษากันก่อนว่าจะยังไงดี เดี๋ยวติดต่อไปนะครับ” ท้ายประโยคเขาหันไปคุยกับนายหน้าซึ่งยิ้มแย้มเต็มที่
“ได้เลยครับ ติดต่อมาตลอดเวลาถ้ามีคำถามเพิ่มเติมผมยินดีบริการ”
พวกเขาพักที่เชียงใหม่ต่ออีกสองคืนและเดินทางกลับกรุงเทพฯ สกนธีเอาเรื่องบ้านไปปรึกษาชานนท์หุ้นส่วนอีกคน ซึ่งฝ่ายนั้นก็เห็นดีด้วย
“นายก็ซื้อไปเลยเก่ง แล้วให้บัญชีทำเรื่องให้บริษัทเช่า ค่าใช้จ่ายบริษัทตรงนี้จะได้เคลียร์ไป”
“ฉันก็ว่างั้น ไม่ต้องซื้อเป็นทรัพย์สินบริษัทมันไม่คล่องตัว” สกนธีเองก็เห็นด้วย
ต่อมาสุพิชชาได้รับแจ้งการตอบรับเข้าศึกษาในสาขาที่เธอไปสอบสัมภาษณ์ เด็กสาวดีใจมากและดีใจยิ่งไปอีกเมื่อพ่อแม่ตัดสินใจซื้อบ้านอีกหลังที่เชียงใหม่เพื่อให้ลูกสาวพักระหว่างที่เรียนที่นั่น
“แม่จะไปอยู่ด้วยเป็นเพื่อนช่วงเปิดเทอมนะลูก สักอาทิตย์นึงหนูคุ้นกับที่นั่นเมื่อไหร่แม่ก็จะกลับ” เพราะว่าแม่ลูกไม่เคยห่างกันเลย คนเป็นแม่จึงอยากไปดูให้แน่ใจว่าลูกอยู่ได้
“แม่ก็ย้ายไปอยู่กับหนูที่โน่นเลยก็ได้นะคะ” สุพิชชาบอก
“อ๊ะๆๆ ชวนแม่คนเดียวได้เหรอ” สกนธีแทรกขึ้นมา
“ช่าย ต้องชวนพิงค์ไปด้วยสิพี่เพียง” เด็กหญิงสโรชาพูดบ้าง
“น้องติดพี่ หรือว่าพ่อติดลูกเนี่ย” อิสริยารู้ทัน
“เปล่า พ่อติดเมียมากกว่า ลูกจะมาแย่งแฟนพ่อไม่ได้นะ” สกนธีเอ่ยหน้าตาเฉย ทำให้เสียงหัวเราะของลูกสาวสองคนดังขึ้นพร้อมกันในบ้านหลังนั้น
“พี่เก่ง! พูดไรเนี่ย”
จบตอนพิเศษ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่