คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้าน
คดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนด
จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน
ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับ
ทีมกฎหมายของคดีที่สกนธีและติยากรยื่นฟ้อง ถือว่าเป็นทีมเดียวกันต่างก็ทำงานกันอย่างหนักเพื่อพยายามให้เคนได้รับโทษสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้
“ให้มันสู้คดีไปนานๆ จนต้องไม่ได้ทำมาหากิน” ชานนท์ว่าในเย็นวันหนึ่ง
“ได้ข่าวว่ามันน่าจะหมดเงินจ้างทนายแล้ว” สกนธีได้ข่าวมาว่าเคนต่อสู้ทางกฎหมายหลายคดีพร้อมกัน ทำให้สภาพคล่องของเขาติดขัดอย่างยิ่ง จนมีแนวโน้มว่าเขาน่าจะสู้ต่อไม่ไหว
“กลัวว่ามันจะหนีประกันสิ” ชานนท์พูดต่อ
“ถ้าหนีประกันก็ต้องหนีไปอีกสิบปีกว่าจะหมดอายุความ” สกนธียักไหล่ จะหนีก็หนีไปแต่ถ้าหนีก็อย่าให้เจอตัว
“ให้มันหนีไปให้พ้นน่ะล่ะ ไม่จำเป็นกูก็ไม่อยากบีบให้หมามันจนตรอกไม่เหลือทางเดิน”
โทษของมันถ้าติดคุกจริงก็มีแต่คดีละสองสามปี สูงสุดก็เจ็ดปีซึ่งถ้ามันสารภาพก็ลดโทษไปอีก เขาห่วงเรื่องมันออกจากคุกมาแก้แค้นมากกว่า ถ้าให้ไอ้หมอนั่นไปๆ ให้พ้นประเทศ ให้มันหนีไปอีกสักสิบปีน่าจะดีกว่า แต่ถ้าเกิดมันจะถูกรวบตัวคาด่านตม. อันนั้นเขาก็ไม่รู้ด้วย สกนธีคิดในใจ
“ตอนนี้ไอ้เคนมันหนีประกันจริงๆ เหรอติม” ณาราถามเพื่อนในคราวที่นัดกันรับประทานอาหารในเย็นวันหนึ่ง
“ฮื่อ...ใช่ รอบก่อนมันก็ไม่มาศาลตามนัด น่าจะหนีจริงแล้วล่ะ” ติยากรบอกไม่ถูกว่าตนเองโล่งใจหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือเธอไม่อยากเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว
“ชั่วจริงๆ แล้วมันมีญาติพี่น้องที่ไหนบ้างมันเคยบอกหรือว่าเธอเคยรู้ไหม” อิสริยาถามบ้าง
“เขาเคยบอกว่ามีญาติห่างๆ ทางแม่อยู่ที่สระแก้วนะ” ติยากรทำท่านึกอยู่นานกว่าจะตอบ ทำให้ณาราทำเสียงในคอ
“อื้อหือ ชัวร์สงสัยออกนอกประเทศไปแล้วล่ะ”
“ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น” ติยากรไม่คิดอยู่แล้วว่าคนแบบเคนจะยอมรับโทษ ที่ยื่นอุทธรณ์ก็น่าจะเป็นการประวิงเวลามากกว่า
“แล้วนี่เอ๋แต่งงานแล้วจะไปฮันนีมูนที่ไหน เอาลูกไปด้วยรึเปล่า” ติยากรเปลี่ยนเรื่อง เพราะว่าวันนี้ที่นัดเจอกันอิสริยาก็นำการ์ดงานแต่งงานมาแจกด้วย
“แต่งรอบสอง ฮันนีมูนอะไรไม่มีแล้ว พี่เก่งเขาแค่อยากจดทะเบียนสมรส” รอบนี้เธอจัดงานโดยที่แจ้งในการ์ดแล้วว่าไม่รับซอง ไม่รับเงินช่วยเพราะเกรงใจแขก เนื่องจากรอบแรกจัดไปแล้วเมื่อแปดปีก่อน
“อ๋อ อยากเป็นผัวที่ถูกต้องตามกฎหมาย” ณาราลากเสียงพาให้เพื่อนสองคนหัวเราะคิกคัก
“สงสัยจะใช่” ติยากรเห็นด้วย
“ว่าแต่พวกเธอต้องไปนะ อยากได้เพื่อนเจ้าสาว อยากให้เพื่อนแต่งตัวสวยๆ” ว่าที่เจ้าสาวย้ำ ที่จัดงานแต่งก็เพราะอยากให้เพื่อนๆ มาจอยกันด้วย ไม่ได้เจอกันนานแล้วคิดถึงทุกคนในรุ่นเลย
“โอเค ได้เลยเดี๋ยวไปตัดชุดร้านเดียวกับแกแหละเอ๋ ชุดจะได้คุมธีมสะดวกๆ หน่อย” ณารานัดแนะกับติยากรที่พยักหน้าเห็นดีด้วย
“ยังไงก็ได้ ส่งโลมาเลย ว่าแต่เอ๋แกแพ้ท้องเหรอ ทำไมกินมะเหมี่ยวน้ำปลาหวานล่ะ ปกติไม่เห็นชอบ” ติยากรทัก
อิสริยาชะงักมือ เธอหยุดคิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปนับวันมีประจำเดือนมาเปิดดู
“นี่เมนส์ฉันไม่มาเกือบเดือนแล้วเหรอ ลืมสนิทเลย” เธออุทาน
“สงสัยหลานคนที่สองฉันมาแล้วแน่ๆ แกไปตรวจเลยดีกว่าไหมเอ๋ฉันอยากรู้” ณารากระตือรือร้นมาก ท่าทางของเธอทำให้คนที่สงสัยว่าตนเองท้องรู้สึกขบขัน
“เรื่องชาวบ้านคืองานของเราว่าซั่น” ติยากรแซวเพื่อน
“ถูกต้องจ้ะ”
ณาราเชิดหน้าขึ้นจนเพื่อนสองคนหัวเราะมากขึ้นไปอีก อิสริยายกมือขึ้นโบกไปมา “โอ๊ยแก ฉันขำไม่ไหว ขำจนปวดท้องแล้วเนี่ย”
เย็นนั้นอิสริยาเข้าห้องน้ำในมือมีที่ตรวจครรภ์ทั้งหมดสามอัน เธอทำตามขั้นตอนข้างกล่องอย่างระมัดระวัง รอเวลาอ่านผลอย่างใจจดจ่อ ครบเวลาเธอลืมตามองผลการตรวจและไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย เมื่อที่ตรวจทุกอันขึ้นคำว่า Pregnant ทั้งสามอัน ซึ่งอ่านได้ว่าตั้งครรภ์
“เอ๋ ทำไมเข้าห้องน้ำนาน เป็นอะไรหรือเปล่า” สกนธีเคาะประตูเรียก เขาจำได้ว่าเธอเข้าไปนานสิบห้านาทีแล้วโดยที่ไม่ได้ยินเสียงน้ำเลยจึงเป็นห่วง
ไม่มีอะไรตอบกลับ เขาจึงเคาะอีกครั้งแต่หนนี้ประตูถูกเปิดออกและอิสริยาก็เดินกลับไปที่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าหินอ่อนอีกครั้ง ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะตัดสินใจเดินตามเข้าไปเพราะคิดว่าเธออาจจะไม่สบายก็ได้
สกนธีก้มลงมองสิ่งที่วางบนขอบอ่างล้างหน้าก่อนจะนิ่งไปหนึ่งอึดใจแล้วมองหน้าเธอ ในที่สุดเขาก็โห่ร้องออกมาหลังจากที่หาเสียงตัวเองไม่เจออยู่หลายนาที
“เอ๋ท้อง ท้องแล้ว” เขาวิ่งออกมาหยิบโทรศัพท์โทรหาชานนท์ว่าอิสริยาตั้งครรภ์
“เฮ้ยมึง เมียกูท้องแล้วเว้ย”
ชานนท์ที่อยู่ปลายสายถึงกับพูดไม่ออกเพราะงงอยู่ แต่เขาก็แสดงความยินดีอย่างจริงใจ
‘ดีใจด้วยว่ะมึง มีลูกสองคนแล้วครอบครัวอบอุ่นนะโว้ย’
เขาโทรหาอีกสามสี่คนและหนึ่งในนั้นก็มีอังกูรอยู่ด้วย พี่ชายของอิสริยาแสดงความยินดีและกำชับให้เขาดูแลน้องสาวให้ดีที่สุด
ชายหนุ่มรับปากและวางสาย วิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำรั้งร่างที่อวบอิ่มขึ้นในระยะหลังมากอดแนบแน่น
“ขอบคุณนะครับเอ๋พี่จะดูแลเอ๋กับลูกให้ดีที่สุดเลย”
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่