อิสริยาได้รับโทรศัพท์จากพ่อแม่สามีคือนายศิริและนางธิดา ทั้งสองเป็นอาจารย์ในโรงเรียนมัธยมจนเกษียณ แล้วก็ไปซื้อที่ผืนเล็กๆ ต่างจังหวัดทำการเกษตรแบบผสมผสานมีรายได้แบบพออยู่พอกิน ซึ่งปกติลูกชายและลูกสะใภ้ก็มักจะไปเยี่ยมท่านทุกปี
“ค่ะคุณแม่ ปีนี้เหรอคะ” อิสริยานิ่งไปเมื่อนางธิดาถามว่าปีนี้พวกเธอจะไปที่ไร่ไหม
“ใช่ลูก ปีนี้องุ่นติดลูกเยอะอยากให้มากัน ปีนี้น่าจะอากาศกำลังดีด้วยนะลูกถ้ามาต้นปีหน้าก็ยังไม่ร้อนมาก” นางธิดาพูดถึงไร่องุ่นที่ปีนี้เริ่มให้ผลผลิตเยอะขึ้นกว่าปีก่อนมาก ตอนนี้ใกล้ปลายปีแล้วองุ่นจะติดผลและไปพร้อมเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
หญิงสาวลังเลเรื่องที่เธอย้ายออกจากบ้านนั่นก็อีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกผู้ใหญ่ทั้งสอง ด้วยความเอ็นดูที่พวกท่านมีให้เธอและลูกมาตลอด ทำให้เธอเหมือนคนที่น้ำท่วมปากลำบากใจแบบในตอนนี้
“เอ๋ถามพี่เก่งก่อนนะคะแม่ว่าจะไปได้ช่วงไหน เผื่อเขาติดงานอะไรค่ะ” อิสริยาแบ่งรับแบ่งสู้
“ถ้างานยุ่งกันก็ไม่เป็นไรลูก บอกมาแล้วกันเดี๋ยวแม่ส่งองุ่นไปให้เองก็ได้” นางธิดารีบบอกเพราะถ้าลูกๆ ติดงานจริง นางก็ไม่อยากให้เสียงานเสียการกัน
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ยังไงก็น่าจะไปได้ ถ้าพี่เก่งไม่ว่างหนูพาน้องเพียงไปเองก็ได้ค่ะ ขับรถแป๊บเดียวไม่ไกลมาก”
เย็นนั้นสกนธีกลับเข้าบ้านพร้อมกับกล่องขนมที่เขาไปหัดทำมา อิสริยากำลังเตรียมจัดโต๊ะอาหารมีเด็กหญิงสุพิชชานั่งอยู่แล้ว หญิงสาวปรายตามองแวบหนึ่งแล้วเมินจนชายหนุ่มใจเสีย แต่เขาก็ยังยิ้มออกเมื่อลูกสาวยิ้มแป้น
“ขนมเหรอคะพ่อ ร้านน้าเอกเหรอ” เด็กหญิงมองถุงขนมที่ถูกวางบนโต๊ะอย่างกระตือรือร้น
“เปล่าครับลูกไม่ใช่ของร้านน้าเอก อันนี้พ่อทำเอง หนูลองชิมก่อนไหมคะ” สกนธีเตรียมแกะกล่องขนมสีหน้าชื่นมื่น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงอิสริยาขัด
“ให้น้องเพียงกินข้าวก่อนค่ะ”
“ครับ งั้นพี่ไปล้างมือเดี๋ยวมา” วันนี้เป็นวันแรกที่สกนธีจะเข้ามาอยู่อาศัยด้วยที่ชั้นบนของตึก ตามที่เขาต่อรองว่าอยากช่วยดูแลลูกและไม่อยากทำให้ลูกผิดหวังอีกว่าพ่อมาๆ หายๆ ซึ่งอิสริยาเองก็ว่าอะไรเขามากไม่ได้เพราะตึกนี้เธอและเขาเป็นเจ้าของกันคนละครึ่ง
“วันนี้คุณแม่โทรมาค่ะ บอกว่าองุ่นปีนี้ติดลูกเยอะ” อิสริยาพูดขณะที่เริ่มลงมือรับประทานอาหาร
“เออ... พี่ลืมเลย เดือนที่แล้วบอกแม่ไว้ว่าเราจะพาหลานไปเยี่ยมปู่ย่า แล้วเอ๋บอกแม่ไว้ว่ายังไง” สกนธีมัวยุ่งเรื่องที่ดินที่จะใช้สร้างห้างใหม่ กับการออกแบบตัวห้าง รวมถึงการตามง้อลูกเมียจนเขาลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ
“ยังไม่ได้บอกอะไรค่ะ ก็แค่บอกว่าเดี๋ยวรอถามคุณก่อน แต่คุณอาจจะไม่ว่างไปถ้าแบบนั้นฉันจะขับรถไปกับลูกสองคนเอง”
“พี่ไปด้วยสิ เอ๋กับลูกจะไปกันสองคนได้ไง” ชายหนุ่มเผลอเสียงดัง ส่วนลูกสาวพยักหน้าเห็นด้วย
“จริงด้วยค่ะ หนูอยากให้พ่อพาไปเล่นเรืออีก”
เนื่องจากไร่ของปู่ย่าอยู่ติดกับรีสอร์ตที่มีบริการด้านแอดเวนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นพายคายัค&ล่องแก่ง ปีนผาจำลอง หรือฟาร์มสัตว์แปลกๆ เช่นไก่บราห์มา เต่าซูคาต้า แพะแองโกร่าและอื่นๆ อีกมากมาย เด็กหญิงที่มีโอกาสไปในปีก่อนจึงติดใจอยากไปอีก
“ได้เลยลูก หนูปิดเทอมตอนไหนนะคะ เดี๋ยวพ่อดูวันลางาน”
“สิ้นเดือนกุมภาปิดคอร์สค่ะลูกไปเรียนวันสุดท้ายวันที่ยี่สิบแปด” อิสริยาตอบแทน
โดยธรรมชาติองุ่นจะให้ผลผลิตดีในช่วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคม แต่ช่วงที่ผลผลิตเยอะ จนมักมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ เกี่ยวกับองุ่นมักเป็นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ซึ่งตรงกับช่วงที่เด็กๆ ทยอยปิดเทอมพอดี และเป็นไปตามปกติที่เด็กเล็กมักจะปิดเทอมก่อนเด็กโต
“อีกสองเดือนกว่าๆ สบายค่ะลูก งั้นเดี๋ยวพ่อเคลียร์งานรอเลย” สกนธีพูดพร้อมกับลุกไปแกะขนมใส่จานมาให้อิสริยาและลูก
“นิวยอร์คชีสเค้กของเอ๋ ส่วนนี่คุกกี้ลอนดอนของน้องเพียง”
หญิงสาวมองขนมที่ถูกจัดใส่จานมาอย่างประเมิน มันหน้าตาดีเกินกว่าจะบอกว่าเป็นฝีมือของคนที่เพิ่งหัดทำแบบที่เขาบอก
“นี่อย่าบอกว่าคุณทำเอง” แต่จะว่าไปขนมหน้าตาดีแต่กินไม่อร่อยก็มีถมเถไป เธอคิดในใจ
“พ่อขา หนูขอเอาไปฝากพี่จี๊ดสองอันนะคะ” เด็กหญิงสุพิชชาหยิบคุกกี้ที่ถูกซีลแบบแยกชิ้นเดินออกไปตามหาแม่บ้านที่เธอสนิท
“ครับลูกเดินลงบันไดดีๆ ” ชายหนุ่มอนุญาตก่อนจะหันมาหาแม่ของลูกที่ยังนั่งบนโต๊ะอาหาร
“พี่ทำเอง ไปขอเรียนที่บ้านไอ้กรมาน่ะ ที่เมียมันเปิดร้านเบเกอรีแถวๆ ดอนเมืองเอ๋จำได้รึเปล่า มันเป็นเพื่อนเก่าไอ้นนท์อีกที”
ภากร สามีของชมพูนุทที่ตอนนี้เป็นซีอีโอของโรงแรมในเครือฉัตรมณี เขาถือว่าเป็นผู้กว้างขวางรู้จักคนเยอะคนหนึ่ง ในช่วงที่ชายหนุ่มจ้างงานให้บริษัทของชานนท์และสกนธีก่อสร้างร้านขนมของชมพูนุท ก็พลอยทำให้เขาสนิทคุ้นเคยกับสกนธีไปด้วยพร้อมๆ กัน
“ค่ะ” อิสริยาพยักหน้าเมื่อจำคนที่พูดถึงได้ เธอตัดสินใจใช้ช้อนตักขนมเข้าปากหนึ่งคำ ก่อนจะพบว่ามันอร่อยจริง แทบไม่ต่างจากของเชฟดนัยที่ซื้อบ่อยๆ
“อร่อยค่ะ สูตรคงดีคุณนุททำขนมเก่ง” เธอชมคนสอนและเจ้าของสูตร และถึงจะไม่ได้ชมคนทำแต่ก็ทำให้สกนธีหน้าบานก่อนจะหุบลงเมื่อเธอพูดต่ออีกว่า
“แต่ต่อไปคุณไม่ต้องไปรบกวนคุณนุทแล้วค่ะ เกรงใจเธอ ถึงคุณจะทำขนมได้อร่อยกว่านี้ มันก็ไม่ได้ทำให้พฤติกรรมแย่ๆ ของคุณที่เคยทำเหลือเป็นศูนย์” หญิงสาวพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบเพราะเห็นว่าน้องเพียงเดินกลับมาแล้ว
“พี่จี๊ดชอบมากเลยค่ะพ่อ”
เด็กหญิงกินขนมต่อ ส่วนแม่ของเธอเดินไปเก็บของในครัวให้เข้าที่และทำท่าจะเดินกลับมาเก็บโต๊ะ สกนธีรีบห้ามไว้
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เก็บเอง เอ๋ต้องลงไปปิดร้านเก็บกุญแจแคชเชียร์ไม่ใช่เหรอ”
อิสริยามองสองพ่อลูก ชั่วความคิดหนึ่งที่จู่ๆ ก็รู้สึกหมั่นไส้ทั้งคู่ขึ้นมาเฉยๆ เธอไม่พูดอะไรกับสกนธีแต่เอ่ยกับเด็กหญิงแทน
“แม่ลงไปข้างล่างนะน้องเพียง หนูจะลงไปทำการบ้านข้างล่างไหมคะ” ปกติแล้วน้องเพียงจะตามลงไปทำการบ้านในห้องทำงานของมารดา แต่วันนี้เด็กหญิงส่ายหน้า
“ไม่ไปค่ะแม่ พ่อบอกว่าจะสอนการบ้านหนู”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ตวัดสายตามองชายหนุ่มตัวสูงก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไปท่ามกลางความงุนงงของอีกฝ่าย
‘เอ๋โกรธอะไรกูหรือเปล่าวะ แต่ก็ไม่น่ามีอะไรให้โกรธนี่หว่า’
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่