@ HOSPITAL
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องสีขาวสะอาดตาพร้อมกับมีกลิ่นยาจางๆ จากอะไรหลายอย่างรอบตัวโชยเข้าจมูกมา ดูจากโลโก้แก้วน้ำก็พอจะเดาได้ว่าที่นี่ที่ไหน ถัดจากเตียงผู้ป่วยของฉันออกไปก็มีเจด้านั่งเล่นมือถือเฝ้าฉันอยู่ที่โซฟา
“มึง แค่กๆๆ”
“เห้ยมึง!” พอไอ้ด้าได้ยินเสียงฉัน มันก็โยนมือถือทิ้งแล้วลุกพรวดขึ้นมาด้วยท่าทางน่าตกใจ
“มึงเป็นไรมากมั้ย กูขอโทษที่กูไม่ได้ไปห้องน้ำกับมึง กูไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ กู...กูไม่รู้ กูต้องทำยังไง มึงโกรธกูมั้ย คือกูไม่ตั้งจะ...”
“พอมึง พอแล้ว กู.. แค่กๆ หิวน้ำ ขอน้ำหน่อย”
ฉันพูดขัดไอ้ด้าที่กำลังเลิ่กลั่กกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกไป และประคองตัวเองทั้งที่ยังไอค่อกแค่กขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แล้วไอ้ด้ามันก็ลนลานรีบหาน้ำให้ฉันใหญ่
“ใจเย็นๆ”
ฉันหันไปเรียกสติเจด้าที่ดูลนๆ สักพักไอ้ด้ามันก็นิ่งไปแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างตั้งสติ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำส่งให้ฉันอย่างตั้งใจ แล้วมันก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปทิ้งฉันไว้กับแก้วน้ำซะงั้น
“เดี๋ยวกูไปตามหมอให้นะ มึงรอแป๊บนะ”
ไอ้ด้าวิ่งออกไปได้สักพัก หลังจากนั้นมันก็กลับเข้ามาพร้อมกับหมอที่มาอธิบายผลการตรวจของฉันอย่างละเอียด ซึ่งสิ่งที่หมอพูดทั้งหมดนั่นก็เป็นประโยคเดิมๆ ที่ฉันเคยฟังมาหมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าตัวเองแพ้บุหรี่ร้ายแรง ฉันเลยเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่
จะว่าไปแล้ว.. ที่จริงถ้าห้องน้ำนั่นเปิดช่องระบายอากาศสักหน่อย ฉันก็คงไม่อาการหนักจนร่วงไปทันทีแบบนี้หรอก เพราะมันคงระบายควันบุหรี่พวกนั้นออกไปได้บ้าง แถมหมอนั่นเองก็สูบไม่รู้เวล่ำเวลาด้วย อันนี้แหละที่น่าโมโห
“มึงจำหน้าคนสูบได้มั้ยนิล?” เจด้ามันหันมาถามฉันเสียงเครียด ฉันเลยตอบส่งๆ กลับไป
“ไม่อ่ะ ทำไมวะ”
คือมันจะว่าจำได้ก็ไม่เชิงนี่นะ เห็นแค่แผ่นหลังกว้างๆ กับร่างสูงโปร่ง คงไม่นับว่าจำได้หรอกมั้ง ถึงตอนนั้นหมอนั่นจะหันกลับมา แต่ฉันก็ดันภาพตัดไปซะก่อนเลยไม่ทันได้เห็นหน้าเขาน่ะสิ
“โว๊ะ! เสียดาย ถ้ามึงจำได้กูจะเอาไข่เน่าไปปามัน! นั่นห้องน้ำไม่ใช่ที่สูบบุหรี่เว้ย!” อยู่ๆ ไอ้ด้ามันก็ส่งเสียงจริงจังออกมาแบบเริ่มจะไม่ล้อเล่น ทำเอาฉันแอบขำกับท่าทางผีเข้าผีออกแบบนั้น
“โหดจังนะมึงเนี่ย แต่ก็จริงแหละ”
แต่เดี๋ยวสิ..ถึงจะจำหน้าไม่ได้ แต่ฉันว่าฉันก็จำชื่อหมอนั่นได้อยู่นะ เพราะผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาออกมาจนโดนไล่ตะเพิดเลยไงล่ะ หึ.. เป็นการจำชื่อที่ติดเรทชะมัดเลยแฮะ
‘อ๊าาา อื้อ รุ่นพี่ รุ่นพี่พะ พายุ อ๊าาา’
พลั่กกก ตึงงง!
‘หุบปาก! กล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉัน!’
หึ... “พายุ” ไงล่ะ
รุ่นพี่พายุ.. คือหมอนั่นสินะ
“เออไอ้นิล แต่มึงนี่โชคดีนะ ที่มีคนไปเจอเข้าแล้วรีบพาส่งห้องพยาบาล แล้วมึงก็ถูกส่งตัวมาที่นี่อ่ะ” ไอ้ด้าพูดออกมาซึ่งตรงกับสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่พอดี
“นั่นแหละที่อยากรู้ มึงพอจะรู้มั้ยว่า...”
“เขาบอกแค่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอุ้มมึงมา แต่ไม่รู้จักชื่อแซ่” เจด้ามันสวนกลับมาอย่างรู้ทันว่าฉันจะถามอะไร ก็นะ...
“อืม ถ้างั้นคงใช่” ฉับตอบกลับมันไปแบบคาดเดาเอาเอง ก็ยังดีแหละที่เขาช่วย ถึงแม้จริงๆ แล้วหมอนั่นจะเป็นต้นเหตุก็เถอะนะ -_-
“ใช่? ใช่อะไรวะ?”
ไอ้ด้าหันมาจ้องหน้าฉันอย่างสงสัย แต่ฉันก็ปฏิเสธออกไป ขืนเล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไง ยัยนี่ได้ตามล่าหาตัวคนทำแน่ๆ เห็นบ๊องๆ แบบนี้ ถ้าไอ้ด้ามันเอาจริงขึ้นมาได้ตายกันไปข้างอ่ะจะบอกให้
“ป่าว กลับบ้านกันเหอะมึง ไม่ค่อยชอบโรงบาลเลยว่ะ”
เช้าวันต่อมา..
“แม่คะ แม่เห็นสร้อยนิลบ้างมั้ย? ไม่รู้นิลไปทำตกไว้ไหน...”
ฉันเดินวนไปวนมาทั่วห้องทั้งชุดนักศึกษา และก้มๆ เงยๆ หาสร้อยคอที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำหายไปตอนส่องกระจกในห้องน้ำเมื่อเช้า แต่พอหันไปเห็น post it รูปหัวใจสีชมพูแปะไว้ที่ประตูห้อง ก็พอจะเดาออกได้ทันทีว่าแม่คงมีไฟล์ทบินกลับต่างประเทศไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว
ฉันขับรถออกจากคอนโดอย่างครุ่นคิด เมื่อวานไอ้ด้ามันยังทักฉันอยู่เลยแปลว่าตอนนั้นสร้อยยังอยู่ แล้วหลังจากนั้นฉันก็ขึ้นตึกไปเรียน แล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ สุดท้ายก็ไปโผล่ที่โรงพยาบาล ใช่แล้ว.. ห้องน้ำ ม. กับโรงพยาบาลต้องเป็นที่ไหนสักที่นี่แหละ คิดได้แบบนั้นฉันก็รีบกดโทรหาเจด้าทันทีเผื่อยัยนั่นจะรู้เห็นอะไรบ้าง
ตื๊ดดดดดดด
[มึงว่าไง]
“ไอ้ด้า มึงเห็นสร้อยคอกูบ้างป้ะ? มันหายไปไหนไม่รู้ว่ะ”
[สร้อยทายาทเหมืองเพชรนั่นอ่ะนะ]
“เออ เห็นมั่งป้ะ ไม่แน่ใจว่าถูกถอดออกที่โรงบาลรึเปล่า”
[ไม่อ่ะ ตอนไปโรงบาล เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนชุดมึงนี่]
“เค งั้นเดี๋ยวกูไปหาที่ ม. ดูก่อน เผื่อตกในห้องน้ำ”
[ถ้างั้นก็ไปดูที่ห้องพยาบาลด้วยเลยดิ เผื่อหมอนั่นที่อุ้มมึงไปจะเก็บได้แล้วฝากไว้]
“เออว่ะ Thank you มึง”
ติ๊ดดดดด
ฉันกดวางสายแล้วรีบเหยียบคันเร่งไปที่ ม. ทันที ใช้เวลาไม่นานก็ถึง ฉันเลยรีบพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำที่เกิดเหตุก่อนเลยแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากป้าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่
“เอ่อ ป้าคะ”
“ว่าไงจ๊ะหนู”
“คือเมื่อวานมีเรื่องนิดหน่อยแล้วหนูหมดสติอยู่ที่นี่ ทีนี้สร้อยคอหนูหายไป หน้าตาประมาณนี้ป้าเห็นบ้างมั้ยคะ”
พูดจบฉันก็เปิดรูปตัวเองในมือถือให้ป้าแม่บ้านดู พร้อมกับขยายรูปให้เห็นสร้อยเส้นนั้นอย่างชัดเจน
“ไม่นะลูก เมื่อวานป้าก็ทำความสะอาดที่นี่เอง ก็ไม่เห็นมีนะ”
“อ๋อค่ะ ขอบคุณค่ะป้า”
พอได้คำตอบจากป้าแม่บ้านฉันก็รู้สึกเฟลขึ้นมานิดๆ เพราะถึงจะดูเหมือนสร้อยธรรมดาแต่มันก็เป็นของชิ้นเดียวที่ติดตัวฉันมาตั้งนานเชียวนะ ถ้าหายไปก็คง..รู้สึกแปลกน่าดู ฉันเลยรีบเดินลงจากตึกตรงไปที่ห้องพยาบาล แต่เพราะมันเช้าเกินไปเลยไม่มีใครอยู่ในนี้สักคน เห้อ..ให้ตายเถอะ
ฟุ้บ!
แล้วฉันก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้อย่างเซ็งๆ ถ้ารออยู่ที่นี่แล้วเจอสร้อยก็คงดี แต่ถ้าไม่เจอนี่สิต้องเสียเวลาเปล่าแหงๆ เลย
ครืดดดดด~
จังหวะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ประตูบานเลื่อนของห้องพยาบาลก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของใครบางคนที่เดินเข้ามา ทำให้ฉันลุกพรวดจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ คนที่เพิ่งเข้ามาเองก็ดูตกใจนิดหน่อยเหมือนกัน ว่าแต่..หมอนี่หน้าดุชะมัดเลยแฮะ แถมตัวสูงมากด้วยสงสัยตอนเด็กกินนมเยอะ
“มาทำอะไรที่นี่?”
น้ำเสียงดุๆ ปนสงสัยถูกเปล่งออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า ถามจริงนั่นเป็นคำถามหรือคำขู่กันแน่เนี่ย หมอนี่จะรู้มั้ยว่าคำพูดแบบนั้นมันทำให้คนฟังประหม่าได้อ่ะ
“เอ่อคือ..ฉันมีธุระกับพยาบาลที่เข้าเวรเมื่อวานน่ะ” ฉันเงยหน้าตอบเขาออกไปทั้งที่ยังถูกจ้องหน้าแบบไม่วางตา
“นี่ไม่ใช่เวลาให้บริการ” พูดจบผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านฉันไปแบบไม่สนใจอะไรเท่าไหร่นัก แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงผู้ป่วยที่อยู่ถัดออกไป
ฟุ้บ!
“อืม โทษที”
“มีธุระอะไร?” ฉันกำลังจะเดินออกไปแต่ก็ถูกเรียกไว้ด้วยคำถาม สรุปหมอนี่จะเอายังไงกันแน่ ไม่ใช่เวลาทำการแต่ถามว่ามีธุระอะไรเนี่ยนะ -.-?
“แล้วนายล่ะเป็นใคร?” ฉันถามออกไปอย่างสงสัยในท่าทางเจ้ากี้เจ้าการแบบนั้น แล้วเขาก็ตอบกลับมาเสียงเรียบ
“ฉันเป็นใคร...งั้นหรอ”
ไม่รู้คิดไปเองมั้ย แต่แววตาของผู้ชายคนนั้นที่มองมามันดูเหมือนเป็นการย้อนถามฉันซะมากกว่า
“อืม นายเป็นใคร?” ฉันย้ำคำถามเพื่อความแน่ใจว่าสื่อสารออกไปไม่ผิด แล้วก็ได้คำตอบที่กำกวมกลับมาอีก
“ผู้ช่วยล่ะมั้ง”
“อ๋อ อืม คือเมื่อวานฉันหมดสติในห้องน้ำบนตึก…”
“แล้วตอนนี้?” คนตัวสูงพยักหน้าช้าๆ พอฉันเริ่มเล่า แต่เขาก็พูดขัดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งฉันคิดว่าหมอนั่นน่าจะถามตามมารยาทแหละมั้ง
“ก็โอเคขึ้นแล้วแหละ”
“อืม ต่อสิ”
“มีใครบางคนพาฉันมาที่นี่ แล้วไอ้นี่มันก็หายไป” ฉันพูดพร้อมกับยื่นมือถือที่เปิดรูปเดียวกันกับตอนที่เอาให้ป้าแม่บ้านดูส่งให้เขา แล้วคนตัวสูงตรงหน้าก็มองมาอย่างสนใจ ก่อนจะรับมันไปแล้วถามต่อ
“มันแพงมากจนถึงกับต้องตามหา?”
หมอนั่นเลิกคิ้วให้ฉันนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าหลอกด่าฉันขี้งกรึเปล่า แต่เอาจริงๆ ถ้าเป็นเวลาปกติท่าทางแบบนี้น่าหมั่นไส้ใช้ได้เลยแหละ
“มูลค่าน่ะไม่รู้หรอก รู้แค่ว่ามันจะหายไปไม่ได้เด็ดขาด”
“งั้นหรอ...” คำพูดเรียบเฉยถูกส่งออกมาจากปากของคนที่นั่งซูมเข้า ซูมออก และเลื่อนซ้าย เลื่อนขวาดูรูปในมือถือฉันไปมาอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของมัน แต่ก็ไม่มีวี่แววที่เขาจะบอกว่าเคยเห็นสร้อยของฉันบ้างมั้ย
“คือมันเป็นของสำคัญ นายพอจะเห็นมันบะ...”
“สำคัญแต่เธอทำมันหาย?”
มือถือของฉันถูกส่งคืนมาพร้อมกับแววตาที่ดูเปลี่ยนไปของผู้ชายคนนั้น มีแว๊บหนึ่งที่ฉันรู้สึกผิดกับคำพูดของเขาเหมือนกัน ก็จริงของเขานะ ของสำคัญแต่ฉันทำมันหาย นี่ฉันกล้าพูดได้ยังไงนะว่ามันสำคัญกับฉันจริงๆ
“ฉัน...”
“อ้าว มาตรงเวลาดีจังเลยนะ”
ฉันยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาขัดจังหวะ ถ้าให้เดาจากท่าทางใจดีแบบนั้น นี่คงเป็นคุณพยาบาลแน่ๆ เลยล่ะ
“สวัสดีครับอาจารย์” หืม..เป็นอาจารย์หรอกหรอ
“เอ๊ะ หนูคนนี้ ใช่คนที่หมดสติไปเมื่อวานรึเปล่าจ๊ะ จะมาขอบคุณพายุสินะ ถึงจะดูดุแต่พายุเป็นคนใจดีมากจนไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ย ^_^”
พูดจบอาจารย์ท่านนั้นก็ส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แต่เดี๋ยวนะ...
“พายุ..งั้นหรอ?” ฉันทวนชื่อที่อาจารย์เรียกออกมาแทนที่จะสนใจคำพูดมากมายของเธอ ...พายุ? พา..ยุ
“ใช่จ้ะ คนที่อุ้มหนูมาส่งที่นี่ก็คือพายุคนนี้ไงจ๊ะ แต่เอ๊ะ น่าจะเรียกว่ารุ่นพี่พายุมากกว่าเพราะแถบเสื้อหนูเป็นเด็กปีหนึ่ง”
เดี๋ยวสิ พายุ.. รุ่นพี่พายุ.. ถ้างั้นหมอนี่ก็..
“มะ..ไม่ใช่สิคะ หมอนี่ นายคนนี้ อะ..ไอ้บ้านี่ นายคือคนที่ทำให้ฉัน..อุ๊บบบบ! OxO”
พอได้สติลิ้นฉันก็พันกันอลเวงไปหมด แต่ยังเรียบเรียงประโยคไม่ทันถูก ไอ้บ้าพายุอะไรนี่ก็เอามือมาปิดปากฉันจนพูดไม่รู้เรื่อง แถมยังลากฉันออกจากห้องพยาบาลทั้งที่ฉันยังดิ้นไปมาแล้วก็พยายามงัดมือหนาที่ปิดปากตัวเองอยู่ออกให้ได้
“ขอตัวนะครับอาจารย์”
“อื้อ ไอ้อ้าอาอุ๊ อ่อยอ๊ะ!” (อื้อ ไอ้บ้าพายุ ปล่อยนะ!)
หลายวันต่อมา..“ไม่เป็นไรแน่หรอนี่มันที่ทำงานนะ”ฉันพูดกับเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินดุ่มๆ จูงมือฉันเข้ามาในบริษัทซอฟต์แวร์ของพ่อเขาอย่างไม่สนใจสายตาของใครที่จ้องมาทั้งนั้น ก่อนที่พายจะกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดด้วยท่าทางรีบร้อนจะว่าไปวันนี้เขาดูเท่ห์ชะมัดเลยแหะ แต่งตัวเป็นทางการสุดๆ ในขณะที่ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาเพราะเพิ่งจะเลิกเรียนได้สักพักแล้วพายก็ไปรับพามาที่นี่“เรา..มาทำอะไรที่นี่หรอ” ฉันถามออกไปอย่างสงสัย ก็ไหนตอนแรกเห็นเขาบอกว่าจะชวนไปกินข้าวไม่ใช่?แถมตอนอยู่โรงเรียนประจำ.. ฉันจำได้ว่าพายไม่ค่อยสนิทกับพ่อเขาเท่าไหร่ แล้วเร็วๆ นี้เขาก็เคยบอกว่าจะเข้ามาที่บริษัทพ่อเขาบ้างเฉพาะวันหยุดเท่านั้นนี่นา..แต่นี่มันวันปกตินะ?“มีงานด่วน”พายพูดออกมาก่อนจะพาฉันเดินผลักประตูเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นห้องเขานะ เพราะโทนสีมันดูคล้ายกับห้องที่คอนโด แล้วเขาก็ดันตัวฉันนั่งลงที่โซฟา“รอก่อนนะ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” พายุพูดพร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ พอเขาบอกมาแบบนั้น ฉันก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเห็นเขาเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คตรงหน้าก่อนจะพิมพ์อะไรยุกยิกอย่า
“อยากกินกาแฟ”เอี๊ยดดดดพอขับรถพ้นประตู ม. ออกมาได้สักพัก พายุก็พูดออกมาแล้วเหยียบเบรกทันทีจนหน้าฉันเกือบทิ่ม แบบนี้ก็ได้หรอ?! อยากกินแล้วแวะเลย? รถคันหลังไม่ต้องสนใจ? ถนนเส้นนี้ของที่บ้านหรอออ -_-?“ขับรถแย่ขึ้นทุกวัน” ฉันหันไปตำหนิพายแบบไม่จริงจังอะไร ก่อนจะโดนมือหนายื่นมาบีบจมูกเบาๆ สองสามทีแล้วเขาก็ปล่อย“นี่ก็ขี้บ่นขึ้นทุกวัน”ตึงงง!พูดจบพายก็เปิดประตูลงจากรถไปยืนรอฉัน ส่วนฉันก็เดินลงรถตามหลังเขาไป พอเราไปนั่งที่โต๊ะพนักงานก็รีบหยิบเมนูมาให้และยืนรอรับเมนูทันที“กินไร?” พายุเอ่ยปากถามฉันทั้งที่ตายังดูเมนูอยู่แบบนั้น ฉันเลยหันไปสั่งและยิ้มให้พนักงานในร้านตามมารยาท“เอาชาเขียวแก้วหนึ่งค่ะ”"ครับ (- -) (_ _)"แล้วพนักงานก็พยักหน้าและส่งยิ้มตอบกลับมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แอบเห็นพายเหลือบตามามองนิดหน่อยแล้วเขาก็พูดออกมาพร้อมกับส่งเมนูคืนให้พนักงานทันที ไม่สิ.. ที่จริงออกแนวยัดใส่มือพนักงานแบบลวกๆ ซะมากกว่า“ชามะนาวแก้ว”“หืม..ชามะนาว? แล้วเมื่อกี๊ร้องจะกินกาแฟ :(” ฉันเบะปากใส่พายุไปอย่างกวนๆ แล้วพายก็หันไปจ้องหน้าพนักงานคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะตอบกลับมา“เปลี่ยนใจ..”“อืม (- -) (_ _)” ฉันพยั
ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเพราะวันนี้มีเรียนตอนเที่ยง แล้วโผล่หน้าไปมองพายุในเสื้อยืดแขนยาวสีขาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกในห้องของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วถามออกไปอย่างสงสัย“ไม่มีเรียนทำไมตื่นเช้าจัง”ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่พายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพราะเขากำลังนั่งเล่นกีต้าร์ตัวโปรดด้วยปิ๊กกีต้าร์ Limited Edition ที่เลโอซื้อมาให้เมื่อคราวนู้นอยู่ คือมันแพงแล้วมันจะดีดเพราะขึ้นหรืออะไรอ่ะ -_-? ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นตอนนั้นไปป์ดูฮือฮาพอสมควรเลย แถมยังบอกว่าที่เลโอยอมซื้อปิ๊กกีต้าร์อันนี้มาเซ่นพายุเพราะจะโดดซ้อมไปหาสาวด้วยนะ ฮ่ะๆ“พายยยย..” ฉันลากเสียงยาวๆ ออกไปอีกครั้ง แต่พายก็ยังไม่สนใจ อะไรของเขากันเนี่ย พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย -_-แต่จนแล้วจนเล่าพายก็ไม่ยอมตอบอะไร ฉันเลยเดิมดุ่มๆ ออกจากห้องนอนมานั่งข้างๆ เขาทันที แต่พายก็ก้มๆ เงยๆ อยู่กับกีต้าร์ตัวนั้นทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนเหมือนเดิมอยู่ดี ...What?!“พายยยย ถ้าไม่ตอบนิลจะกลับห้องละนะ!”ฉันทำหน้ามุ่ยออกไปแล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีเรียกร้องความสนใจซะหน่อย แล้วก็เป็นไปตามแผนเป๊ะ..พายคว้าแขนฉันเอาไว้ทันทีตั้งแต่ฉันยังไม่ทันได้ก้าวขาซะอีก
@ มูลนิธิเด็กไร้ญาติ“หยุดนะเจ้าหมียักกกกกกษ์! จะเอาๆๆๆ~”เสียงเด็กๆ ร้องตะโกนแล้ววิ่งไล่เลโอในชุดมาสคอตหมีสีน้ำตาลจนเจ้าตัววิ่งหนีอย่างอุ้ยอ้าย ก่อนที่ฉันกับพายที่นั่งเล่นกับเด็กๆ อยู่จะขำออกมา เชื่อแล้วล่ะว่าพายุใจดีจริงๆ อย่างที่เจด้าเคยบอก เพราะวันนี้ฉันเห็นเขาทำกิจกรรมอะไรตั้งมากมายโดยไม่บ่นสักคำ ทั้งร้องเพลง เล่านิทาน วาดรูประบายสี เล่นของเล่น หัวเราะกับเด็กๆ อย่างดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ^^“ไอ้เลย์ แล้วมึงจะวิ่งเพื่อ?!” พายตะโกนบอกเลโอที่วิ่งวนไปวนมาไม่ยอมหยุด ยิ่งเขาวิ่งหนี เด็กๆ ก็ยิ่งวิ่งตามอยู่แบบนั้น“กูกลัวโดนกอดคนมันเสน่ห์แรง อย่าทำเค้านะ อย่าทำเค้า >_”เลโอถอดหัวหมีออกแล้วตะโกนกลับมาก่อนจะวิ่งเล่นกับเด็กๆ อยู่อย่างนั้นจนแฟนคลับของเขาที่มาด้วยพากันกรี๊ดกร๊าดแชะภาพกันยกใหญ่“น่ารักดีเน่อะ ^_^”ฉันพูดออกไปก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พายที่ลูบหัวเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเบาๆ ด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เอ็นดูมากๆ อยู่“ใคร..ไอ้เลโอ?” แล้วพายก็หุบยิ้มลงทันทีก่อนฉันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉัน“หมายถึงเด็กๆ ต่างหากเล่า” พูดจบฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขาบ้าง หูหาเรื่องจริงๆ เลยนะ -_-“อยากมีเองเลยมั้ยล่ะ?”แล้วพา
@ โกดังร้างแห่งหนึ่ง“มันสลบไปแล้วครับนาย”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของเตโชพูดขึ้น พร้อมกับยื่นมือถือของคนที่โดนจับมาให้พายุ เขาเองก็รับมันมาดูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็ต้องเขวี้ยงทิ้งจนแตกกระจายเพราะในนั้นมีแต่รูปนิลลาในหลายๆ อิริยาบถที่ถูกแอบถ่ายไว้เต็มเครื่องไปหมด รวมถึงรูปโปรไฟล์ Know more ด้วย เหมือนมันจะถูกใจเธอและวางแผนมานานพอสมควรพรึ่บ! แกร๊ก! แกร๊ก!พายุออกแรงกระทืบมือถือเครื่องนั่นซ้ำๆ อย่างหัวเสีย แล้วหันไปหาลูกน้องเตโชด้วยสีหน้าโกรธจัดจนทุกคนต้องหลบตา ท่ามกลางสายตาของสมาชิกใน Nightshade ทุกคนที่ดูดุดันไม่ต่างกัน มันกล้าทำกับผู้หญิงของเพื่อนเขา กล้ามีเรื่องกับเพื่อนเขาก็เท่ากับประกาศตัวมีเรื่องกับพวกเขาทั้งหมดเช่นกันพายุก้าวขาช้าๆ แต่เป็นความเย็นชาที่ดูรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเดินเข้าไปคว้าถังน้ำเกลือที่ลูกน้องเตโชเตรียมเอาไว้ให้อย่างรู้งาน และสาดมันใส่ไอ้สวะที่ถูกมัดให้นั่งอยู่กับเก้าอี้และกำลังหลับไปอย่างสบายใจพรึ่บบบบ! ซ่าาาาา!“อ๊ากกกกกก”เสียงร้องอย่างเจ็บแสบดังขึ้นลั่นโกดัง ก่อนที่พายุจะใช้มือข้างหนึ่งกระชากไรผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเกลือและคราบเลือดที่เริ่มแห้
ย้อนกลับไปหลายชั่วโมงก่อน..“มีธุระอะไรกับผม”พายุเอ่ยปากถามคนที่นั่งไขว่ห้างเซ็นต์เอกสารอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของประเทศอย่างสงสัย ก่อนที่ชายสูงวัยคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยท่าทางเรียบเฉย“ดุเหมือนแม่แกไม่มีผิด นั่งก่อน” ชายสูงวัยเบนหน้าไปทางโซฟาที่เยื้องออกไป แล้วก้มหน้าเซ็นต์เอกสารต่ออย่างบอกเป็นนัยๆ ให้เขารอ“ผมมีธุระต่อ”พายุพูดขึ้นแล้วก้มมองนาฬิกานี่มันใกล้เวลาที่ยัยตัวแสบของเขาจะเลิกเรียนคาบสุดท้าย ซึ่งมันดึกและอันตรายถ้าเธอต้องขับรถกลับคอนโดคนเดียว แต่คนตรงหน้ากลับให้เลขาเรียกตัวเขาเข้ามาพบด่วนตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน และปกตินี่ก็ไม่ใช่วันทำงานของเขาด้วยซ้ำ“ห่างกันสักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”“เป็น” พายุพูดสวนขึ้นมาและเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร แต่คนตรงหน้าก็ยังทำเฉยไม่สนใจ“ว่าธุระของท่านมาสักที”เพราะเดินเลยจุดที่จะสนิทชิดเชื้อกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองมาไกลมาก พายุเลยปฏิบัติต่อคนตรงหน้าเสมือนว่าตนเองเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งในบริษัทด้วยการเรียกเขาว่า ‘ท่านประธาน’ เท่านั้น“ชื่ออะไรนะ ห