หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
@ Dark Shadow Castle (JAPAN) “เอ่อ นายหญิงครับ คือเรื่องนั้นผมยังไม่ได้...” “ไปจัดการซะ” ทันทีที่ฉันก้าวขาเข้ามาในอาณาเขตของ DS Castle JAPAN เคนชินที่รอต้อนรับอยู่ก็ออกอาการเลิ่กลั่ก เพราะดูก็รู้ว่าหมอนี่ขัดคำสั่งยื่นสกิลจับคู่ใหม่ที่ฉันเพิ่งบัญชาลงไปไม่นาน แต่ที่จริงเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันต้องมาถึงที่นี่มันไม่ใช่เรื่องนั้น แค่มีข้อสงสัยบางอย่างที่นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวันเลยอยากมาถามเจ้าตัวเองมากกว่า “คินล่ะ?” “คุณคิระอยู่ใน....” [AKIRA P.] LOOKED ROOM #3 พรึ่บ! “อื้ม รู้ละ” เพราะหันไปเห็นตารางการใช้ห้องซ้อมในจอบนผนังพอดี ฉันเลยยกมือขึ้นไปขัดเคนชินไว้อย่างรู้ทันในคำตอบนั้น “แต่ท่านผู้นำกำลังรอพบนายหญิงอยู่ที่....”“ท่านรอได้..เชื่อสิ”
พูดจบฉันก็เดินลิ่วๆ หนีเคนชินตรงมาขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 7 ทันที... ความแตกต่างของ Castle ที่นี่กับที่ที่ฉันอยู่ ถ้าเอาแบบเห็นภาพชัดอยู่แล้วก็คือขนาด ..DS Castle JAPAN มีพื้นที่ฝึกที่กว้างขวาง มีคลังอาวุธรูปแบบต่างๆ อุปกรณ์การสื่อสาร และฟังก์ชั่นการใช้งานทุกอย่างที่เพียบพร้อมกว่ามาก เพราะต้องรองรับผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากกว่าที่นู่นหลายสิบเท่า กลับกัน..ที่นั่นมีแค่เรา คือฉันกับติณณ์ อาจมีบ้างที่คนอื่นแวะเข้าไปผ่านๆ แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะต้องทำเรื่องขออนุญาตเราในการเข้าพักหรือเข้าใช้งาน เนื่องจากท่านผู้นำให้สิทธิ์เราตัดสินใจได้ว่าต้องการอยู่แบบสงบหรือต้อนรับแขกให้เข้าไปอยู่ในโซนตรงกลางสำหรับผู้มาเยือนระหว่างตึกของเราที่ขนาบอยู่ทั้งสองข้าง และแน่นอน..ติณณวัชร์ไม่เคยอนุมัติรายชื่อไหนให้เข้ามาวุ่นวายในพื้นที่เราได้ อย่างมากผู้มาเยือนก็แค่แวะมากินกาแฟแก้วสองแก้วแล้วก็ไป มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ฉันย้ายเข้าไปอยู่แล้วล่ะ ติ๊งงงงง~ ใช้เวลาไม่นานลิฟท์ก็มาหยุดที่ชั้น 7 ซึ่งความพิเศษของชั้นนี้คือห้องซ้อมภายในชั้นทั้งหมดถูกออกแบบให้เป็น LOCKED ROOM หรือ ‘ห้องปิดตาย’ ผู้ใช้งานไม่ต้องการต้อนรับแขกไม่ว่าจะเป็นใคร และทุกห้องๆจะมี password เพื่อป้องกันความปลอดภัยของผู้ที่จะเข้าไป เพราะอาจจะโดนลูกลงจากการซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายในห้องนั้นเมื่อไหร่ก็ได้ และถ้าให้เดา password ของคิระก็.... ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด “UNLOCKED THE DOOR, BE CAREFUL!” ครืดดดด ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ! ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เสียงหมัดของคิระที่กระทบเข้าที่หน้าคู่ซ้อมอย่างฉุนเฉียวก็ดังขึ้นตามความดุเดือดประจำตัวที่มีมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก่อนที่คินจะเลื่อนมือหนาไปบีบคอคู่ฝึกซ้อมเต็มแรง แล้วดันร่างนั้นเซถอยไปกระแทกกำแพงด้วยโทสะเหมือนกำลังขาดสติ พลั่ก! ตึง! “นะ..นายครับ แค่กๆๆ” เสียงเหนื่อยหอบและอ่อนแรงดังออกมาจากร่างของ member ที่มีสภาพสะบักสะบอมแถมยังดิ้นพล่านเพราะกำลังขาดอากาศ แต่คิระกลับมองร่างนั้นด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูโมโหร้ายแบบไม่สนใจความเป็นความตายของชีวิตตรงหน้าเลยสักนิด ท่าทางของคินดูเหม่อลอย ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ซึ่งมันแปลก..เพราะคินเป็นคนสอนฉันด้วยซ้ำว่าเวลาแบบนี้ถ้าขาดสติก็มีแต่พังกับพัง! “คิน!” พรึ่บบบ! ไม่รู้หรอกนะว่าหมอนี่กำลังเหม่อลอยหรือคิดไรอยู่อ่ะ แต่ท่าทางกู่ไม่กลับนั่นทำให้ฉันพุ่งเข้าไปปัดแขนแกร่งที่ค่อยๆ ยกร่างในมือขึ้นช้าๆ จนคินหันขวับกลับมาแล้วพลั้งมือปล่อยหมัดเฉี่ยวหน้าฉันไปแบบหวุดหวิด ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาฉันและไม่มีทีท่าจะรามือแทนซะงั้น หวืดดด หวืดดด หวืดดด หวืดดด กำปั้นหนาเฉี่ยวหน้าฉันไปมาแบบรวดเร็วและเต็มแรงหลายครั้ง เล่นเอาฉันที่ไม่ได้ตั้งหลักเบี่ยงตัวหลบมันทั้งหมดไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องตั้งรับและสวนกลับไปทันควัน ผลัวะะะะ! พรึ่บบบ! และทันทีที่โดนหมัดของฉันซัดหน้าเข้าอย่างจัง คินก็หันกลับมาด้วยแววตาประทุษร้ายก่อนจะส่งมือหนาตรงเข้ามาบีบคอฉันเต็มแรงและกำลังจะยกร่างขึ้นกลางอากาศบ้าง โชคดีที่ครั้งนี้ไหวตัวทัน ฉันเลยปัดมือนั้นออกและเป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปผลักหมอนี่ ดันตัวถอยไปกระแทกกำแพง ก่อนจะฟาดฝ่ามือกระทบใบหน้าไร้สตินั่นจนหน้าสะบัดไปอีกครั้ง พลั่กกก! ตึงงง! “คิระ!” เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! หวืดดดด ถึงจะหน้าสะบัดไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ความว่องไวของคินที่ฝึกซ้อมอยู่ทุกวันก็ทำให้หมอนี่เบี่ยงตัวหลบฉันจนเสียหลักหน้าเกือบทิ่ม ก่อนจะถูกดึงขึ้นมาด้วยมือหนาที่ส่งมาบีบคอซ้ำๆ แถมคินยังดันตัวฉันกระแทกกำแพงบ้างเล่นเอาจุกเหมือนกัน “มีสติหน่อยคิน! แค่กๆๆ” ไอ้บ้าเอ๊ย! เป็นบ้าไรถึงขาดสติขนาดนี้ฮะ?! หมับ! แล้วไม่รู้โชคเข้าข้างหรืออะไร จังหวะที่ร่างฉันกำลังลอยขึ้นช้าๆ ด้วยฝีมือของคนตรงหน้า มือฉันก็ดันไปคว้าเจอของสำคัญที่นานมาแล้วไม่เคยได้ใช้มัน พลั่กกก! ตึงงง! ฟุ้บ! ชิ้งงงงง~ คิดได้แบบนั้นฉันเลยออกแรงถีบเข้าที่หน้าท้องแข็งๆ ของคิระจนหมอนี่เสียหลักทรุดตัวลงนั่ง และคว้าอาวุธคลาสสิคตลอดกาลอย่างดาบคาตานะตรงไปจ่อคอคินพร้อมกับตวาดออกไปเสียงดัง “หยุดสักทีอคิราห์!!!” กึก! พอได้ยินฉันส่งเสียงเรียกสติออกไปแบบจริงจัง ร่างสูงของคิระที่กำลังจะลุกขึ้นและพุ่งเข้ามาหาฉันอีกครั้งก็ถึงกับชะงัก เหมือนเพิ่งได้สติ แต่ก็ยังดูเลื่อนลอยและเอ่ยปากพูดอะไรงึมงำ “...ท่านย่า” พรึ่บบบ เคร้งงง~ แล้วอยู่ๆ คินก็ลุกพรวดขึ้นมากอดฉันที่ก็ตกใจทิ้งคาตานะในมือตัวเองแทบไม่ทัน ไม่งั้นได้พลาดไปปาดคอหมอนี่เข้าอย่างจัง “.....” ฉันยืนนิ่งๆ ให้ร่างสูงที่โตไวเหมือนกันกอดอยู่แบบนั้น ท่ามกลางความเงียบงันที่ก็ไม่รู้ว่า Member ที่เกือบตายคนนั้นออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “...คินคิดถึงท่านย่า” น้ำเสียงสั่นเครือพูดกับฉันและกระชับอ้อมกอดจนแน่น ทั้งที่น่าอึดอัด แต่ฉันกลับเห็นใจในมุมอ่อนแอของคิระที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นเลยสักครั้ง พรึ่บบบ! แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ก็เหมือนคินเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังกอดฉัน เลยผละออกไปอย่างแรงทั้งที่ตาแดงก่ำ ก่อนจะทำเป็นเฉไฉถามออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับเดินไปคว้าขวดน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ ยกมันขึ้นกระดกอย่างเอาเป็นเอาตาย “เข้ามาทำไม” อึก อึก อึก “เป็นอะไรไป?” ที่ถามเพราะเรื่องนี้ฉันไม่ยุ่งไม่ได้ อย่างที่บอกท่าทางของคินตอนนี้มันแปลกไป คนอย่างหมอนี่ไม่มีทางจะเหม่อลอยง่ายๆ ยิ่งกับเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายยิ่งไม่ใช่วิสัยเลย “ยุ่ง ถามว่าเข้ามาทำไม” “ติดป้ายห้ามไว้?” คิระยังคงเลี่ยงไม่ตอบอะไร แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งก่อนจะมองมาที่ฉันนิ่งๆ ไม่หลงเหลือแววตาประทุษร้ายใดๆ แล้วพูดต่อ “Locked room ตัวเท่าควาย” “ก็ไม่สนใจมีไรมะ” ฉันทำหน้ามึนๆ ตอบไป หมอนี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็นะ..ถึงจะขึ้นป้ายหราว่าเป็นห้องนี้เป็นห้องปิดตาย แต่ถ้าฉันอยากเข้าก็จะเข้าไง เข้าใจยากตรงไหน? พรึ่บ! พรึ่บ! “ถามจริงโอเคมั้ย” “มือ -.-” พอโดนฉันเลื่อนมือไปยีหัวเล่นสองสามที คินมันก็บ่นๆ ออกมาแต่ไม่ได้เบี่ยงตัวหลบอะไร ก็นะ..อาจเพราะเห็นกันมานาน อีกอย่างฉันไปๆ มาๆ ที่นี่บ่อยไงเลยไม่ค่อยจะเกร็งกันเท่าไหร่ จะว่าไป..ถึงบางมุมคิระจะดูร้าย แต่ถ้ามองด้วยความเข้าใจ คินมันก็แค่น้องชายเอาแต่ใจที่เป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิตติณณ์มันเท่านั้นเอง “หนังเหนียวใช้ได้” ถึงจะทำเป็นไม่สนใจ แต่คินก็ส่งสายตามาสำรวจร่างกายฉันแบบรวดเร็วและพูดลอยๆ ออกมาด้วยท่าทางที่ดูขี้เก๊กเหมือนติณณ์มันไม่มีผิดเลยไง “เสียดายที่ฆ่ากันไม่สำเร็จใช่มั้ย” ฉันส่งเสียงล้อเลียนออกไป แต่ก็โดนสวนกลับมาจนได้ “ก็โกงไม่ใช่” สายตาหงุดหงิดเหมือนเด็กเอาแต่ใจทำให้ฉันถึงกับกระตุกยิ้มมุมปากออกไป แล้วหันกลับไปมองดาบคาตานะที่ตกอยู่บนพื้นแบบ...ไม่น่าเชื่อว่ายังมีของแบบนี้เก็บไว้ “หมอนั่นไปไหน” “?” แล้วคิระก็ออกอาการแปลกใจพอสมควรพอได้ยินฉันถามออกไป ใช่...หมอนั่นที่ว่าก็มาโครไง อาจจะฟังดูงงหน่อยแต่ฉันต้องการแน่ใจ... “ตอบ” “ธุระ...” “แทนนาย?” คราวนี้ฉันตั้งใจมองลึกเข้าไปในตาคินเพื่อหาความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างใน ก่อนที่คินจะส่ายหัวแล้วตอบกลับมาใหม่ “คนเราก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวบ้างมั้ย” “อืม (- -) (_ _) ” ฉันพยักหน้ารับรู้ออกไป เรื่องส่วนตัวที่ว่าก็คงเกี่ยวกับฟาเดียที่เชนมันโคตรจะรักมากจนดราม่าบ่อยๆ ไง แล้วอยู่ๆ คินมันก็โยนผ้าเช็ดหน้าที่วางอยู่ข้างขวดน้ำมาให้ พรึ่บ! “อะไร?” “เก่งทุกเรื่อง แต่ขี้แงไปหน่อย” หึ...ว่าแล้วมั้ย ทุกครั้งที่พูดถึงมาโคร หมอนี่มันมักจะกวนโอ๊ย หาว่าฉันแอบร้องไห้กับความสัมพันธ์ห่วยแตกนั่นทุกที แต่อีกนัยหนึ่ง ถามจริงไอ้ผ้านี่..เอามาล้อเรื่องอดีตของฉันที่มันไม่ค่อยจะดี หรือพูดถึงตัวเองที่งอแงเมื่อกี๊กันแน่? “นั่นดิ เช็ดน้ำตาที” พรึ่บ! ฉันโยนผ้าเช็ดหน้ากลับไปแล้วลอยหน้าลอยตากวนๆ ใส่ ก่อนที่คินจะคว้ามันไปเช็ดหน้าเช็ดตา แล้วตั้งคำถามที่เข้าทางฉันพอดี “สรุปที่มา?” ได้ฟังแบบนั้นฉันก็หันไปหาหมอนี่นิ่งๆ แล้วปิ๊งไอเดียบางอย่างในหัวขึ้นมาทันที “.....Quill พังอ่ะ ยืมหน่อยดิ :) ”“คิระ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ไม่ใช่แค่ฉันหรอก แต่ DS Member ทุกคนก็ดูสับสนพอกัน ถ้าเรียกตัวคืนสู่สังกัด แปลว่ามาโครอยู่สังกัดของเรา? แต่จะเป็นไปได้ไงก็ในเมื่อแม็ค...“ว่ากันว่า...ถ้าจะหลอกศัตรูให้ตายใจ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ซะก่อน”คิระเดินตรงเข้ามาหาฉัน และมองลงไปที่กลางสนามประลอง เห็นแม็คกับเลย์ยืนอยู่ข้างล่างท่ามกลางความเงียบงันที่ไม่มีใครพูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น สองคนนั้นกับติณณ์และท่านพ่อ ก็ยังหันมาดูปฏิกิริยาของฉันด้วยซ้ำพรึ่บ! หมับ!ได้ฟังแบบนั้นฉันก็ก้าวขาจะเดินลงไปข้างล่าง แต่คินมันดันมาคว้าแขนไว้ และกระชากกลับไปอย่างแรง พร้อมกับพูดด้วยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ติณณ์“ครั้งนี้ไม่เอาตัวแถม ถ้าพวกมันรักเธอ...พวกมันก็มีเรื่องต้องเคลียร์กัน!”แล้วพอคินพูดจบ อยู่ๆติณณ์ก็โยนดาบคาตานะสองเล่มให้แม็คกับเลย์ที่ก็ยื่นมือไปรับมัน นั่นทำให้ฉันวิตกขึ้นมา เพราะแม็คน่ะ...ใช้ดาบคาตานะคล่องมากอยู่ละ แต่เลย์กับดาบคาตานะน่ะ...“ศิษย์สำนักเดียวกัน ไม่เห็นต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้น”“สำนักเดียวกัน?” ฉันหันไปหาคินด้วยสีหน้างงๆ“ก็ใครสอนไอ้แม็ค? ใครประทับตราให้มัน?”คิระตอบกลับคำถามขอ
สองวันต่อมา...@ Dark Shadow Castle (JAPAN)“โห สวยมากกกก เจ๊คือสวยในสวย สวยโคตรๆ สวยแบบถ้าเลย์เห็นต้องยกเลิกงานแต่ง ลากไปขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาพบผู้คนแน่ๆ O[]O”เสียงนิลลาอวยฉันที่ยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกไปมาในชุดเจ้าสาวที่เคยใส่แล้ว แต่วันนี้มันดูแปลกตากว่าครั้งนั้น คงเพราะทรงผมที่ทำมันไม่เหมือนกันล่ะมั้ง“หรอ -/////- แต่นั่นน่าจะเป็นนิสัยดิบเถื่อนของพายุมากกว่า”“แหะๆ อย่าเปิดประเด็นนินทาพายสิคะ รายนั้นยิ่งชอบเจ้ากี้เจ้าการ บังคับให้แต่งๆอยู่ได้ ไม่สนใจคนรอบข้างเลยอ่ะ -*-”“อ้าวโรส เฮียพายมาหรอ”“เย้ยยย ไอ้ด้า! เดี๋ยวกูตบกบาล”อ๋อ! รู้ละอีกอย่างนึงที่มันต่าง คือความครื้นเครงในห้องแต่งตัวเจ้าสาวตอนนี้ ที่เต็มไปด้วยบรรดา Nightshade’s Lady มาช่วยตรวจความเรียบร้อยให้ แถมยังตื่นเต้นกว่าฉันที่สวมชุดเองซะอีก“ก็สวยจริงๆนั่นแหละนะ”โมเน่ต์พูดไปแล้วจัดระเบียบชุดเจ้าสาวของฉันไปด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นแบบเคลียร์ใจกันทั้งหมดแล้วก็นะ เพราะฉันกับติณณ์อายุห่างกันนิดหน่อย แถมยังเรียนมหาลัยปีเดียวกัน เราเลยคงสรรพนามเดิมคือเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ๊หรืออะไรจริงจัง เพราะทั้งติณณ์และคิระ ถ้า
หลายวันต่อมา...@ Dark Shadow Castleหลังผ่านการพิพากษาคิระ ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนจะจบลงด้วยดี เพียงแต่...ไอ้สองพี่น้องขี้เก๊กนั่นมันก็ยังไม่ยอมเปิดใจคุยกันตรงๆสักทีก็...แล้วแต่นะ การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดอยู่แล้วนี่อ้อ...ลืมบอกไปนิด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฉันนี่แหละ ที่เป็นคนประทับตรา Dark Shadow ให้โมเน่ต์ตามคำขอของติณณ์ ซึ่งเราก็ไม่เห็นหน้ากันตรงๆหรอกนะ ฉันเข้าไปประทับให้ตอนที่เธอหันหลัง เพราะยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน และอย่างที่รู้... โมเน่ต์กับฉันก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันหรอกตั้งแต่ที่ชมรมละแต่ไม่รู้ไปประทับอะไรผิดพลาดรึเปล่า เพราะอยู่ๆโมเน่ต์ก็ขอให้ติณณ์พามาที่ Castle ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นตลอด Nightshade เองก็แวะเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน จนตอนนี้กลายเป็น Ztudio Nightshade นั่นแหละที่ร้าง ในขณะที่ Castle ฝั่งติณณ์...ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!เสียงลั่นไกในห้องซ้อมยิงปืนจาก CCTV ที่เคนชินมันต่อเข้ามานั่งดูในห้องโถงของ Castle ฝั่งฉัน ดังสนั่นแบบที่ไอ้หมอนี่ไม่เห็นหัวเจ้าของ Castle ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่นี่เลยด้วยซ้ำ -_-แถมลูกน้องของฉันอีกหลายคนก็กำลังสุมหัว รอลุ้นวิถีกระสุนของโมเน่ต์
อีกด้านหนึ่งของ Dark Shadow Castleก๊อก ก๊อก ก๊อก...ฉันเคาะประตูห้องทำงานของติณณ์ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ และถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในซึ่งก็มีติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาก็เป็นอย่างที่คาดไว้หมอนี่...กำลังเสียใจก่อนที่ฉันจะยื่นอัลบั้มรูปในมือที่ตอนไปค้นรูปคิระให้ลิซ บังเอิญไปเจออัลบั้มที่มีรูปติณณ์กับคินถ่ายด้วยกันสมัยเด็กๆก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนี่อยากได้มั้ย...แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ ฉัน...อยากให้“ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่”พรึ่บ!ติณณ์พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วเลย์ที่มาด้วยกันก็วางเอกสารทั้งหมดที่ฉันได้จากเคนชินเรื่องสภาค้ายาลงบนโต๊ะแบบไม่พูดอะไรแต่ความเป็น Nightshade มันบอกชัด ว่าเลย์ก็ไม่ได้สบายใจที่ติณณ์มันอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่...จุกแต่พูดอะไรไมได้“หลายอย่างน้องมันอาจตั้งใจ แต่บางการกระทำก็มีเหตุผลให้เป็นไป”ฉันพูดออกไป แล้วพอได้ฟังแบบนั้นติณณ์มันก็มองมานิ่งๆ และไม่มีทีท่าจะเปิดดูทั้งอัลบั้มรูปและเอกสารที่พวกฉันหอบมาให้สักนิด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของหมอนี่อยู่แล้วแหละ ที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้“เข้าด้วยมั้ย?”คำถามคลุมเครือจากติณณ์ถูกส่งมา ด้วยแววตาที่ดูเหมือนกำลังหาที่พึ่ง
หลายชั่วโมงต่อมา...“ยุติสถานการณ์บนเกาะพร้อมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของฉันมารายงานผลด้วยการกระซิบเบาๆเล่นเอาโล่งใจไปตามๆกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลิซที่กำลังนั่งดูรูปคิระที่หน้าบูดตั้งแต่เด็กอยู่คนเดียว“คิกๆๆ ตาลุงคนนี้นี่หน้าตาโกตั๊กจังเลยนะคะเนี่ย ^_^”“แล้วสองคนนั้น?”ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะเท่าที่ดูเหมือนลิซไม่รู้ว่าคิระเป็นใครด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นเกือบโดนคนของสภาเอาตัวไป แต่ไม่รู้คินมันหลอกน้องหรือความไร้เดียงสาทำให้ลิซคิดว่าฉันรวยมากเลยจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ -.-ส่วนเหตุผลที่มาที่นี่ก็พีคกว่าไง น้องมันโดนไอ้คินชวนมาล่าท้าผี เป่าหูลิซว่าที่นี่คือปราสาทร้อยปี แถมยังมีขนนกนำโชคที่จะทำให้พบรักแท้ซะด้วย หึหึ... เป็นประวัติ Castle ที่ช่าง...น่าสนใจ =_=^“คุณเตโชกับคุณคิระบาดเจ็บนิดหน่อย แต่โดยรวมปลอดภัยดีครับ Nightshade กับ Nightshade’s Lady ก็กลับมาที่นี่แล้ว อ้อ ส่วนคุณเลโอก็สบายมากหายห่วง ลูกพี่เคนชินขอตัวไปเปลี่ยนชุด แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อครับ ^_^”น้ำเสียงกับสีหน้าระรื่นของลูกน้องที่มารายงานถูกส่งมาให้ฉันแบบสวมรอยเคนชินมาชัดๆ หึ... ไอ้ล
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...“คนของเราวางบอมบ์ได้ 60% จากพื้นที่ทั้งหมดแล้วครับ พิกัดแรกเราจะระเบิดคลังยาที่…”“คุณโมเน่ต์อาการไม่ดีเลยครับนายหญิง”ระหว่างที่ฉันกำลังสนใจสัญญาณที่คนของเราให้มาเป็นระยะว่าจะระเบิดคลังยานรกแต่ละที่ตอนไหน เคนชินที่หันไปเห็นโมเน่ต์จากภาพใน CCTV ที่เราเลิกสนใจตั้งแต่ติณณ์เดินออกไปก็พูดขึ้นมาได้ฟังแบบนั้นฉันเลยละความสนใจและหันไปดูโมเน่ต์ที่เดินวนไปวนมาโดยมีมือถือเครื่องหนึ่งแนบหู ซึ่งก็คงพยายามโทรหาติณณ์ที่ชิ่งออกไปแบบให้คำตอบคลุมเครือนั่นแหละนะถ้าให้ทาย“คนของเราอยู่ในนั้นแล้วใช่มั้ย?”“ครับ แฝงตัวเข้าไปตอนรายงานพิกัด”“งั้นก็ไม่มีไรต้องกังวลนี่”แล้วจังหวะที่ฉันกำลังหมุนตัวกลับไปดูพิกัดวางระเบิดหลังคุยเรื่องโมเน่ต์กับเคนชิน เสียงคนของเราที่ Castle ฝั่งติณณ์ก็ตะโกนเรียกออกมาดังลั่น‘นายหญิงครับ นายหญิง!!!’ “ว่า?”“คุณโมเน่ต์อยู่ๆก็หมดสติไปครับ”ตึงงงง!ได้ยินคำตอบจากเคนชินที่ตอบแทนลูกน้องที่อยู่ข้างใน ทำให้ฉันรีบผลักประตูและวิ่งข้ามทางเชื่อมตรงไปที่ Castle ฝั่งติณณ์ทันที“เคนชินเรียกรถพยาบาล! โมเน่ต์เป็นอะไร?”ฉันหันไปถามลูกน้องติณณ์ที่กำลังอุ้มร่างโมเน่ต์ที่ไร้ส