ไม่กี่นาทีต่อมา...
“อ้ามมมม~ งั่มๆ ๆ อร่อยจังเล้ยยย~” “เพื่อ -_-?!” ฉันขมวดคิ้วพูดออกไปทันทีที่เลโอยัดไข่เจียวกุ้งเข้าปากไปด้วยสีหน้าที่ดูเอร็ดอร่อยโดยไม่แตะอาหารทะเลมากมายที่สั่งมาเต็มโต๊ะเลยสักแอะ ใช่...หมอนี่กินแต่ไข่เจียวกุ้งอยู่จานเดียวทั้งที่บอกว่า Seafood ร้านนี้อร่อยสุดๆ เนี่ยแหละ ถึงถามไงว่าเพื่อออออ? สั่งมาเพื่ออออ? “ทำไมตัวเองไม่กินอ่ะ อร่อยนะลองดิ” พูดจบเลโอก็ตักไข่เจียวกุ้งมาใส่ในจานฉัน แล้วพยักหน้าคะยั้นคะยอให้ฉันลองกินมัน “กินอย่างอื่นไม่เป็นมั้ง” ฉันพูดออกไปแล้วหมอนี่ก็อมยิ้มบางๆ และดูนิ่งไป ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินไข่เจียวแบบเดิมต่ออย่างไม่พูดอะไร แปลก.. บนโต๊ะตรงหน้าเรานี่แทบจะยกทั้งทะเลมาวางเอาไว้ แต่หมอนี่ไม่ยักจะสนใจ หรือว่า... “คิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกรึไง? !” ตึงงงง! คิดได้แบบนี้ฉันนี่โยนปูในมือที่เพิ่งหยิบขึ้นมาลงจานอย่างไว หนอยแน่หมอนี่ เงียบๆ ผิดวิสัยแบบนี้ มีแผนร้ายอะไรอีกแล้วใช่มั้ย?! “ป่าวนะ ป่าวเลย ไม่ใช่ๆ เค้าก็แค่....” “...แค่?” ฉันชักสีหน้าถามออกไป แล้วเลโอก็พยักหน้าช้าๆ ทำหน้าเหมือนหมดอาลัยตายอยากออกมา “อือ แกะไม่เป็น มันทิ่มนิ้วเค้าทุกทีไม่รู้ทำไม -_-” ...ให้ตาย! “แล้วไมไม่สั่งที่แกะแล้ว ตาบอดไง” พรึ่บ! พูดจบฉันก็คว้าเมนูมาเปิดให้ดูว่ามันมีแบบที่ทางร้านแกะมาให้ แต่อยู่ๆ หมอนี่ก็นิ่งไปไม่ตอบโต้อะไรออกมาอีก “....ใครจะไปรู้ตัวเองอาจไม่ชอบก็ได้” น้ำเสียงงึมงำถูกส่งมาเบาๆ ด้วยท่าทางที่ดูสลดลงไป ถึงตรงนี้ฉันว่าท่าทางหมอนี่ดูแปลกไปนิดนึง ไม่รู้จะมาไม้ไหน -.- “ไม่ชอบอะไร” “ก็บางคน...เค้าไม่ชอบ Seafood ที่แกะมาให้แล้ว ไม่ชอบอะไร...ที่มันสมบูรณ์แบบมากๆ ไง” “.....” ฉันหยุดฟังคำพูดนั้นแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเลโอก็ขมวดคิ้วแล้วทำท่าลุกลี้ลุกลนออกมาอีกที “แต่เค้าไม่ได้คิดไรไม่ดีเลยนะ สาบานได้” ทั้งที่พูดกับฉัน แต่แววตาคู่นั้นของคนตรงหน้ากลับดูล่อกแล่กขึ้นมาเหมือนกำลังโฟกัสกับอะไรในหัวอยู่และดูหาทางออกไม่ได้ “เอางี้ งั้นสั่งใหม่” ครืดดด แล้วอยู่ๆ หมอนี่ก็ดันจานอาหารทะเลบนโต๊ะออกไปแล้วคว้าเมนูทำท่าจะสั่งอาหารใหม่จนฉันต้องเลื่อนมือไปคว้าจานไว้ หมับ! “แกะได้” ครืดดด พูดจบฉันก็ดึงจานอาหารทะเลนั้นกลับมาใหม่ ก่อนจะหยิบปูในจานขึ้นมาแกะเฉยๆ ไม่พูดอะไรต่อ “อือ แต่เฟรย์..ระวังมันจะทิ่มมือนะ นั่นน่ะ ตรงนั้นมันเคยทิ่มเค้าอ่ะ” เลโอพูดไปแล้วตักข้าวไข่เจียวเข้าปากไป แต่ตาก็ยังชะเง้อมองมาหาฉันที่กำลังแกะปูอยู่แบบลุ้นๆ และดูวิตกกว่าฉันแบบเกินเรื่องไปเยอะเลยไง “ก็บอกว่าแกะได้” ฉันบอกปัดไปแต่หมอนี่ก็ยังส่งสายตาจับผิดมาอย่างกับว่าการแกะปูมันยากอะไรมากมาย “อืม แต่ถ้าแกะยาก สั่งใหม่ก็ได้” ทั้งที่ไม่รู้จะใส่ใจทำไม แต่มองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าหมอนี่มีอะไรบางอย่างในใจ บางอย่างที่ต้องเกี่ยวกับอาหารบนโต๊ะ ถ้าไม่ใช่ข้าวไข่เจียว ก็คงเป็น Seafood ตรงหน้าฉันนี่ไง “....บางอย่างที่มันมากไป อาจลดคุณค่าทางความรู้สึกลงไป” ฉันพูดในสิ่งที่คิดออกไป แล้วนั่นก็ทำให้เลโอที่เหมือนจะกลับมาเป็นปกติ ดูนิ่งไปอย่างใช้ความคิดทันที “.....” “น้อยคน..ที่จะไม่ชอบความสมบูรณ์แบบรอบกาย เค้าแค่อาจจะอยาก..ให้รายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้ เติมเต็มความรู้สึกดีๆ ในใจก็ได้” แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันวางปูในมือตัวเองที่แกะแล้วใส่จานหมอนั่นนิ่งๆ ทำให้คนตรงหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ฝุดขึ้นมา “:) ” “อะไร -.-” ฉันเหล่ตามองไปเพราะรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจ ออกแนวจิตตกยังไงชอบกล ไม่รู้จะหมอนี่จะคึกอะไรขึ้นมาอีกมั้ย “เปล่านี่ ^_^” เลโอส่งยิ้มตาหยีมาให้ เหอะๆ ยาก! บอกเลยว่ายากถ้าให้ไว้ใจ -.- เอาจริงถ้ายิ้มแล้วก้มหน้าก้มตากินไป ก็ว่าจะไม่อะไรเพราะสั่งมาตั้งเยอะแยะก็ต้องช่วยกันกินให้หมดไง แต่ตอนนี้ไอ้ท่าทางล่อกแล่กดันเปลี่ยนเป็นมุ้งมิ้งขึ้นมาซะได้ เหมือนสวิทช์อารมณ์ได้ตามใจอะ หมอนี่มันตัวอันตราย! “ไม่มีก็กินปะ....” “เปลี่ยนใจละ มีก็ได้ เค้าตื่นเต้นไง ^_^” ฉันยังพูดไม่ทันจบเลโอก็สวนขึ้นมาแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “.....” แล้วพอฉันหยุดฟัง หมอนี่ก็เอามือปิดปากแล้วพูดต่อออกมาด้วยท่าทางอายๆ “หึ๊ยยย นี่อย่าบอกนะว่าาาา...” “สักทีได้มั้ยฮะ -.-” ก็คือถ้ารอให้พูดเองคงชาติกว่าอ่ะ ปล่อยมาทีละคำสองคำ เสียงก็ไม่รู้จะลากยาวไปไหน จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยให้ทาย? แล้วไอ้บ้านี่ก็เริ่มงุ้งงิ้ง บิดไปบิดมา เล่นใหญ่ยิ่งกว่ารัชดาลัย -.- “ก้ออออ...ตัวเองตกหลุมรักเค้าแล้วใช่มั้ย บอกมานะ >_< ....ฮะ? คำพูดของเลโอทำให้ปูที่ฉันกำลังจะเอาเข้าปากหยุดชะงักกลางอากาศไปเลยจ้ะ แล้วก็ยังอีกนะ...ยังมีความเพ้อฝันที่หนักหนาสาหัสกว่านั้น “เนี่ยยย สุดท้ายก็มีใจให้เค้าจนได้อ่ะ มันเขินเลยนะรู้มั้ยที่อยู่ๆ ตัวเองมาพูดอะไรแบบนี้กับเค้าอ่าาา >.< เดี๋ยว! เฮ้ย! เสียงดังไปละ เดี๋ยวววว -_-^ “นี่ก็ตั้งใจแกะให้เค้าอีกอันหนึ่งสิน้า~ งั่มๆๆ อร่อยใช้ได้เลยอ่ะ งั้นเราเป็นแฟนกันแล้วนะ รักตัวเองมากจ้ะ จุ๊บๆ” เลโอพูดเองเออเอง แถมยังแย่งปูในมือฉันไปกินหน้าตาเฉยอย่างอารมณ์ดี ...หึหึ พัง! อยู่กับหมอนี่นานประสาทจะพัง! “วันนี้กินยายัง -.-” “เอ้า ทำไมว่าเค้าแบบนั้น =[]=! แต่ไม่เป็นไรชอบแบบฮาร์ดคออยู่ละ แล้วแต่ตัวเองเลยน้าไม่ว่ากัน ^_^” โอ่ยยยยยยยย! ท่าทางงุ้งงิ้งเหมือนผู้หญิงถูกแสดงออกมาตรงหน้าฉัน ถามตรงๆ หมอนี่แอ๊บแมนป้ะเอาจริงจัง =_= “ว่าแต่..ที่ถามเพราะหวงเค้าขึ้นมาว่างั้น? เฮ่อออ ยาลดความหล่อเค้าก็พยายามกินให้ได้ทุกวัน แต่บางวันมันก็ลืมบ้าง นั่นแน่ หึงหรอ? หึงหรอ? งื้อออ ตัวเองน่ารักจัง ^_^” หวืดดด แค่พูดออกมายาวเหยียดยังไม่พอ เลโอยังเลื่อนมือเลอะๆ ของตัวเองเข้ามาจะจับหน้าฉัน ดีนะที่เบี่ยงตัวหลบทัน ไม่งั้น... “เอ๊ะๆ เป็นห่วงเรื่องกินยา หรือว่าตัวเองชอบคอสเพลย์เป็นพยาบาล หู้ยยย ใช่ๆมะ อะไรกันเนี่ยยย พูดมาแต่ละทีรู้ป้ะใจเค้าสั่นมว๊ากกก >_<” ถุยยย ฉันพูดอะไรตอนไหนเหมือนหมอนี่พูดอยู่คนเดียวมาสามนาทีกว่าแล้วมั้ง “เหนื่อยยัง?” ฉันถามออกไปแล้วตักข้าวเข้าปากแบบไม่สนใจจะฟัง จากที่คำนวณดูแล้วถ้ารอให้หมอนี่พูดจบ ข้าวปลาคงไม่ต้องกินกันละมั้ง “คิกๆ ก็รอตัวเองเบรกอยู่ ทำไมช้าจัง ^^” “หึ...” ได้ยินแบบนั้นฉันเองก็กระตุกยิ้มมุมปากออกไปอย่างหลุดขำ ส่วนเลโอก็ยิ้มกว้างตักข้าวไข่เจียวเข้าปากไปอีกคำ “แต่ว่าน้าาา โรแมนติกเน่อะ มากินข้าวตามประสาคนรักกัน” ยัง... ยังไม่หยุด...ตลกมากมั้ง “อ่ะเค้าป้อน ถ้าไม่กินเค้าไม่พากลับบ้านด้วย เดินกลับมันไกลนะรู้ยัง” คำพูดนั้นถูกพูดออกมาพร้อมกับข้าวไข่เจียวตรงหน้าที่ยื่นมาหาฉันอีกครั้ง “พอ จะเลิกเล่นได้ยัง?” เฮ่อออ หมอนี่ถ้าไม่มีคนเบรคก็จะเลอะเทอะไปตลอดเลยว่างั้น ฉันพูดเสียงแข็งกลับไปแล้วเลโอก็ทำหน้าจ๋อยออกมาก่อนจะทำเสียงตัดพ้อใส่กัน “ยังดิ ก็นานๆทีจะมากินข้าวด้วยกัน” เดี๋ยว นานๆทีอะไรของมันนน -.- รู้จักกันยังไม่ถึงเดือนเองมั้ง แถมแฟนกันนี่ยิ่งไม่ใช่ ไทม์ไลน์ความสัมพันธ์พันกันยุ่งเหยิงเกินรับได้ ใครปลุกหมอนี่ให้หน่อยได้มั้ย?! “ตามสบายเลยถ้างั้น” พูดจบฉันก็หยิบกุ้งขึ้นมาแกะบ้างเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ อีกอย่างปูที่แกะเมื่อกี๊...ยัง ไม่ ได้ กิน สัก คำ! “เฮ่อออ อยากกินกุ้งจัง” เกร้งงงงง~ “เฮ้ย!” สิ้นสุดคำพูดนั้นฉันก็โยนกุ้งลงจานหมอนี่จริงๆ แต่เป็นกุ้งที่ยังไม่แกะ และตัวใหญ่มากจนช้อนส้อมกระเด็นไปคนละทาง “กินดิถ้าอยากคบกัน” “จริง?” ได้ยินแบบนั้นเลโอก็หูตาแพรวพราวขึ้นมาเลยล่ะ แต่ก็นะ... “กินทั้งเปลือก..ให้หมดในหนึ่งคำ” ฉันยื่นข้อเสนอออกไป แล้วหมอนี่ก็ทำหน้ามุ่ยมองมาแบบเด็กงอแงเอาแต่ใจ “โห ตัวเองใจร้าย ถ้ามันแทงคอเค้าจะทำไง -3-” “หาหมอ โรงบาลอยู่ใกล้” ฉันตอบกลับไปแล้วเลโอก็ยิ่งขมวดคิ้วจนพันกันยุ่งวุ่นวาย “แต่ถ้าไม่มีหมอเข้าเวรตอนนี้เค้าก็ตาย -3-” เหอะ! ไอ้ท่าทางกอดอกปากจู๋นั่นได้มาจากไหน ขอซื้อได้มั้ยรำคาญลูกตาเกินไป -.- “เดี๋ยวทำบุญให้ ข้าวไข่เจียวมั้ย” “เออนะ ก็ยังดีที่มีน้ำใจ จะบ้าหรอออ?! งั้น...ขอเป็นตัวเองแทนได้มั้ย ไปอยู่ด้วยกันสองคนอบอุ่นจะตาย~” “.....” ได้ฟังแบบนั้นฉันก็มองไปเฉยๆ ไม่พูดอะไร “อ่ะ เงียบไป สงสัยไม่ดะ...” “ข้าวนี่จะกินเสร็จตอนไหน?” ฉันเลิกคิ้วถามออกไปแล้วเลโอก็สวนกลับมาอย่างไว “เอ้า แล้วแฟนจะยอมเป็นเมื่อไหร่?” “เฮ้ย จะถามทุกวันเลยไง๊?” “ง่ะ งั้นพรุ่งนี้ไม่ถามก็ได้ แต่เริ่มเป็นวันนี้นะเคมั้ย?” “ไม่!” บ้าฉิบ! หมอนี่จะติดตลกตลอดเวลาเลยใช่มั้ย -.- คุยเรื่องไหนก็โยงมาได้เนียนๆ ไปงี้? “โห่~ งั้นต้องทำไง อยากได้ไรบอกดิ เค้าจะไปหามาให้” “ช่วยไปไกลๆ” ฉันพูดออกไปเสียงเรียบแล้วตักข้าวเข้าปากตัวเองบ้างในขณะที่เลโอยังมัวง้องแง้งตั้งคำถามอยู่ได้ “ทำไม? หรือตัวเองกลัวใกล้เค้าแล้วจะหวั่นไหว >_<” หึ...ขอถุยอีกที! “กลัวฆ่าคนตาย!” “เฮ่อออ โล่งอกไปที่เค้าเป็น ‘เทพบุตร’ หล่อเลือกได้ แถมยิ้มน่ารักจะตาย ดูมั้ยหนึ่งสองซั่ม >>> ^_____^ คิกๆๆ งั่มๆๆ” เลโอตอบกลับมาหน้าตายแล้วหลุดขำแบบโคตรสะใจ ก่อนจะหยิบกุ้งที่ยังไม่แกะในจานตัวเองมาวางในจานฉัน แล้วเอากุ้งที่แกะแล้วของฉันไปกินอีกจนได้ -_-^ เออ! เอาเข้าไป แล้วรีบกินอะไรขนาดนั้น. “เดี๋ยวได้ติดคอตายเข้าสักคำ -.-” “โอ๊ะ แค่กๆๆ ขอน้ำหน่อย น้ำๆๆ แค่กๆๆ” นั่นไงว่าแล้วมั้ย -_-! เลโอสำลักออกมาจนหน้าแดง แล้วเลิ่กลั่กหาแก้วน้ำทั้งที่วางอยู่ข้างมือแท้ๆแต่ก็ดันมองข้ามไป ฉันเห็นท่าไม่ดีเลยคว้าแก้วน้ำตัวเองส่งให้ แต่... “อ๊ะ...เจอแล้ววว น้ำจิ้มซีฟู้ดดด ทำไมไปวางอยู่ไกลจัง กุ้งตัวต่อไปได้ยัง เค้าหิวจริงจังแล้วนะ แกะสักที!” แล้วหมอนี่ก็ลอยหน้าลอยตายกถ้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดไปกินกุ้งต่อแบบขำๆ ไอ้บ้าเอ้ย! อยากสาดน้ำจิ้มซีฟู้ดใส่หมอนี่สักทีจัง ดูดิ๊จะยังขำอยู่มั้ย?! โคตรจะวุ่นวาย!!!“คิระ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ไม่ใช่แค่ฉันหรอก แต่ DS Member ทุกคนก็ดูสับสนพอกัน ถ้าเรียกตัวคืนสู่สังกัด แปลว่ามาโครอยู่สังกัดของเรา? แต่จะเป็นไปได้ไงก็ในเมื่อแม็ค...“ว่ากันว่า...ถ้าจะหลอกศัตรูให้ตายใจ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ซะก่อน”คิระเดินตรงเข้ามาหาฉัน และมองลงไปที่กลางสนามประลอง เห็นแม็คกับเลย์ยืนอยู่ข้างล่างท่ามกลางความเงียบงันที่ไม่มีใครพูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น สองคนนั้นกับติณณ์และท่านพ่อ ก็ยังหันมาดูปฏิกิริยาของฉันด้วยซ้ำพรึ่บ! หมับ!ได้ฟังแบบนั้นฉันก็ก้าวขาจะเดินลงไปข้างล่าง แต่คินมันดันมาคว้าแขนไว้ และกระชากกลับไปอย่างแรง พร้อมกับพูดด้วยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ติณณ์“ครั้งนี้ไม่เอาตัวแถม ถ้าพวกมันรักเธอ...พวกมันก็มีเรื่องต้องเคลียร์กัน!”แล้วพอคินพูดจบ อยู่ๆติณณ์ก็โยนดาบคาตานะสองเล่มให้แม็คกับเลย์ที่ก็ยื่นมือไปรับมัน นั่นทำให้ฉันวิตกขึ้นมา เพราะแม็คน่ะ...ใช้ดาบคาตานะคล่องมากอยู่ละ แต่เลย์กับดาบคาตานะน่ะ...“ศิษย์สำนักเดียวกัน ไม่เห็นต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้น”“สำนักเดียวกัน?” ฉันหันไปหาคินด้วยสีหน้างงๆ“ก็ใครสอนไอ้แม็ค? ใครประทับตราให้มัน?”คิระตอบกลับคำถามขอ
สองวันต่อมา...@ Dark Shadow Castle (JAPAN)“โห สวยมากกกก เจ๊คือสวยในสวย สวยโคตรๆ สวยแบบถ้าเลย์เห็นต้องยกเลิกงานแต่ง ลากไปขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาพบผู้คนแน่ๆ O[]O”เสียงนิลลาอวยฉันที่ยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกไปมาในชุดเจ้าสาวที่เคยใส่แล้ว แต่วันนี้มันดูแปลกตากว่าครั้งนั้น คงเพราะทรงผมที่ทำมันไม่เหมือนกันล่ะมั้ง“หรอ -/////- แต่นั่นน่าจะเป็นนิสัยดิบเถื่อนของพายุมากกว่า”“แหะๆ อย่าเปิดประเด็นนินทาพายสิคะ รายนั้นยิ่งชอบเจ้ากี้เจ้าการ บังคับให้แต่งๆอยู่ได้ ไม่สนใจคนรอบข้างเลยอ่ะ -*-”“อ้าวโรส เฮียพายมาหรอ”“เย้ยยย ไอ้ด้า! เดี๋ยวกูตบกบาล”อ๋อ! รู้ละอีกอย่างนึงที่มันต่าง คือความครื้นเครงในห้องแต่งตัวเจ้าสาวตอนนี้ ที่เต็มไปด้วยบรรดา Nightshade’s Lady มาช่วยตรวจความเรียบร้อยให้ แถมยังตื่นเต้นกว่าฉันที่สวมชุดเองซะอีก“ก็สวยจริงๆนั่นแหละนะ”โมเน่ต์พูดไปแล้วจัดระเบียบชุดเจ้าสาวของฉันไปด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นแบบเคลียร์ใจกันทั้งหมดแล้วก็นะ เพราะฉันกับติณณ์อายุห่างกันนิดหน่อย แถมยังเรียนมหาลัยปีเดียวกัน เราเลยคงสรรพนามเดิมคือเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ๊หรืออะไรจริงจัง เพราะทั้งติณณ์และคิระ ถ้า
หลายวันต่อมา...@ Dark Shadow Castleหลังผ่านการพิพากษาคิระ ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนจะจบลงด้วยดี เพียงแต่...ไอ้สองพี่น้องขี้เก๊กนั่นมันก็ยังไม่ยอมเปิดใจคุยกันตรงๆสักทีก็...แล้วแต่นะ การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดอยู่แล้วนี่อ้อ...ลืมบอกไปนิด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฉันนี่แหละ ที่เป็นคนประทับตรา Dark Shadow ให้โมเน่ต์ตามคำขอของติณณ์ ซึ่งเราก็ไม่เห็นหน้ากันตรงๆหรอกนะ ฉันเข้าไปประทับให้ตอนที่เธอหันหลัง เพราะยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน และอย่างที่รู้... โมเน่ต์กับฉันก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันหรอกตั้งแต่ที่ชมรมละแต่ไม่รู้ไปประทับอะไรผิดพลาดรึเปล่า เพราะอยู่ๆโมเน่ต์ก็ขอให้ติณณ์พามาที่ Castle ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นตลอด Nightshade เองก็แวะเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน จนตอนนี้กลายเป็น Ztudio Nightshade นั่นแหละที่ร้าง ในขณะที่ Castle ฝั่งติณณ์...ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!เสียงลั่นไกในห้องซ้อมยิงปืนจาก CCTV ที่เคนชินมันต่อเข้ามานั่งดูในห้องโถงของ Castle ฝั่งฉัน ดังสนั่นแบบที่ไอ้หมอนี่ไม่เห็นหัวเจ้าของ Castle ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่นี่เลยด้วยซ้ำ -_-แถมลูกน้องของฉันอีกหลายคนก็กำลังสุมหัว รอลุ้นวิถีกระสุนของโมเน่ต์
อีกด้านหนึ่งของ Dark Shadow Castleก๊อก ก๊อก ก๊อก...ฉันเคาะประตูห้องทำงานของติณณ์ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ และถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในซึ่งก็มีติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาก็เป็นอย่างที่คาดไว้หมอนี่...กำลังเสียใจก่อนที่ฉันจะยื่นอัลบั้มรูปในมือที่ตอนไปค้นรูปคิระให้ลิซ บังเอิญไปเจออัลบั้มที่มีรูปติณณ์กับคินถ่ายด้วยกันสมัยเด็กๆก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนี่อยากได้มั้ย...แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ ฉัน...อยากให้“ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่”พรึ่บ!ติณณ์พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วเลย์ที่มาด้วยกันก็วางเอกสารทั้งหมดที่ฉันได้จากเคนชินเรื่องสภาค้ายาลงบนโต๊ะแบบไม่พูดอะไรแต่ความเป็น Nightshade มันบอกชัด ว่าเลย์ก็ไม่ได้สบายใจที่ติณณ์มันอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่...จุกแต่พูดอะไรไมได้“หลายอย่างน้องมันอาจตั้งใจ แต่บางการกระทำก็มีเหตุผลให้เป็นไป”ฉันพูดออกไป แล้วพอได้ฟังแบบนั้นติณณ์มันก็มองมานิ่งๆ และไม่มีทีท่าจะเปิดดูทั้งอัลบั้มรูปและเอกสารที่พวกฉันหอบมาให้สักนิด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของหมอนี่อยู่แล้วแหละ ที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้“เข้าด้วยมั้ย?”คำถามคลุมเครือจากติณณ์ถูกส่งมา ด้วยแววตาที่ดูเหมือนกำลังหาที่พึ่ง
หลายชั่วโมงต่อมา...“ยุติสถานการณ์บนเกาะพร้อมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของฉันมารายงานผลด้วยการกระซิบเบาๆเล่นเอาโล่งใจไปตามๆกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลิซที่กำลังนั่งดูรูปคิระที่หน้าบูดตั้งแต่เด็กอยู่คนเดียว“คิกๆๆ ตาลุงคนนี้นี่หน้าตาโกตั๊กจังเลยนะคะเนี่ย ^_^”“แล้วสองคนนั้น?”ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะเท่าที่ดูเหมือนลิซไม่รู้ว่าคิระเป็นใครด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นเกือบโดนคนของสภาเอาตัวไป แต่ไม่รู้คินมันหลอกน้องหรือความไร้เดียงสาทำให้ลิซคิดว่าฉันรวยมากเลยจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ -.-ส่วนเหตุผลที่มาที่นี่ก็พีคกว่าไง น้องมันโดนไอ้คินชวนมาล่าท้าผี เป่าหูลิซว่าที่นี่คือปราสาทร้อยปี แถมยังมีขนนกนำโชคที่จะทำให้พบรักแท้ซะด้วย หึหึ... เป็นประวัติ Castle ที่ช่าง...น่าสนใจ =_=^“คุณเตโชกับคุณคิระบาดเจ็บนิดหน่อย แต่โดยรวมปลอดภัยดีครับ Nightshade กับ Nightshade’s Lady ก็กลับมาที่นี่แล้ว อ้อ ส่วนคุณเลโอก็สบายมากหายห่วง ลูกพี่เคนชินขอตัวไปเปลี่ยนชุด แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อครับ ^_^”น้ำเสียงกับสีหน้าระรื่นของลูกน้องที่มารายงานถูกส่งมาให้ฉันแบบสวมรอยเคนชินมาชัดๆ หึ... ไอ้ล
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...“คนของเราวางบอมบ์ได้ 60% จากพื้นที่ทั้งหมดแล้วครับ พิกัดแรกเราจะระเบิดคลังยาที่…”“คุณโมเน่ต์อาการไม่ดีเลยครับนายหญิง”ระหว่างที่ฉันกำลังสนใจสัญญาณที่คนของเราให้มาเป็นระยะว่าจะระเบิดคลังยานรกแต่ละที่ตอนไหน เคนชินที่หันไปเห็นโมเน่ต์จากภาพใน CCTV ที่เราเลิกสนใจตั้งแต่ติณณ์เดินออกไปก็พูดขึ้นมาได้ฟังแบบนั้นฉันเลยละความสนใจและหันไปดูโมเน่ต์ที่เดินวนไปวนมาโดยมีมือถือเครื่องหนึ่งแนบหู ซึ่งก็คงพยายามโทรหาติณณ์ที่ชิ่งออกไปแบบให้คำตอบคลุมเครือนั่นแหละนะถ้าให้ทาย“คนของเราอยู่ในนั้นแล้วใช่มั้ย?”“ครับ แฝงตัวเข้าไปตอนรายงานพิกัด”“งั้นก็ไม่มีไรต้องกังวลนี่”แล้วจังหวะที่ฉันกำลังหมุนตัวกลับไปดูพิกัดวางระเบิดหลังคุยเรื่องโมเน่ต์กับเคนชิน เสียงคนของเราที่ Castle ฝั่งติณณ์ก็ตะโกนเรียกออกมาดังลั่น‘นายหญิงครับ นายหญิง!!!’ “ว่า?”“คุณโมเน่ต์อยู่ๆก็หมดสติไปครับ”ตึงงงง!ได้ยินคำตอบจากเคนชินที่ตอบแทนลูกน้องที่อยู่ข้างใน ทำให้ฉันรีบผลักประตูและวิ่งข้ามทางเชื่อมตรงไปที่ Castle ฝั่งติณณ์ทันที“เคนชินเรียกรถพยาบาล! โมเน่ต์เป็นอะไร?”ฉันหันไปถามลูกน้องติณณ์ที่กำลังอุ้มร่างโมเน่ต์ที่ไร้ส