หลายชั่วโมงต่อมา...
“ยุติสถานการณ์บนเกาะพร้อมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง” เสียงลูกน้องคนหนึ่งของฉันมารายงานผลด้วยการกระซิบเบาๆเล่นเอาโล่งใจไปตามๆกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลิซที่กำลังนั่งดูรูปคิระที่หน้าบูดตั้งแต่เด็กอยู่คนเดียว “คิกๆๆ ตาลุงคนนี้นี่หน้าตาโกตั๊กจังเลยนะคะเนี่ย ^_^” “แล้วสองคนนั้น?” ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะเท่าที่ดูเหมือนลิซไม่รู้ว่าคิระเป็นใครด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นเกือบโดนคนของสภาเอาตัวไป แต่ไม่รู้คินมันหลอกน้องหรือความไร้เดียงสาทำให้ลิซคิดว่าฉันรวยมากเลยจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ -.- ส่วนเหตุผลที่มาที่นี่ก็พีคกว่าไง น้องมันโดนไอ้คินชวนมาล่าท้าผี เป่าหูลิซว่าที่นี่คือปราสาทร้อยปี แถมยังมีขนนกนำโชคที่จะทำให้พบรักแท้ซะด้วย หึหึ... เป็นประวัติ Castle ที่ช่าง...น่าสนใจ =_=^ “คุณเตโชกับคุณคิระบาดเจ็บนิดหน่อย แต่โดยรวมปลอดภัยดีครับ Nightshade กับ Nightshade’s Lady ก็กลับมาที่นี่แล้ว อ้อ ส่วนคุณเลโอก็สบายมากหายห่วง ลูกพี่เคนชินขอตัวไปเปลี่ยนชุด แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อครับ ^_^” น้ำเสียงกับสีหน้าระรื่นของลูกน้องที่มารายงานถูกส่งมาให้ฉันแบบสวมรอยเคนชินมาชัดๆ หึ... ไอ้ลูกน้องสังกัดฉันนี่มัน… “อืม ตามนั้น” ตึงงงง! แล้วพอลูกน้องฉันรายงานจบ คนของท่านพ่อก็ผลักประตูห้องโถงเข้ามา จนลิซที่กำลังนั่งขำกับรูปคิระหันไปมอง “ท่านผู้นำให้ผมมารับคุณลิซ่าครับ” “หืม? ใครหรอคะท่านผู้นำ?” ทันทีที่คนของท่านพ่อบอกเจตนามา ลิซก็ทำหน้างงหันมาหาฉัน เออแฮะ ลืมบอกไปเลย “เออลิซ คุณปู่ที่เห็นก่อนหน้านี้น่ะ...” พรึ่บ! ฟุ้บ! “หยึ๋ย =[]=! ไม่เอา ไม่ไปนะเจ๊ หนูไม่ได้ห้อยพระมาค่ะ สายสิญจน์ก็ไม่มี จุดธูปบอกเค้าไม่ได้หรอว่าพรุ่งนี้หนูจะทำบุญไปให้ ชาเขียว ชาอู่หลง ชามะลิ กุหลาบ อะไรหนูให้หมดเลยแต่หนูไม่ปะ...!” “นั่นคน ลิซ =_=” ฉันพูดขัดลิซ่า ที่พอพูดถึงท่านพ่อก็ทิ้งอัลบั้มรูปในมือโดดมาทิ้งตัวนั่งข้างฉัน แถมยังกอดแขนโวยวายซะแน่นแทบฟังไม่ทัน “...เอ๋?” “นั่นพ่อเจ๊ ปู่...ของคิน” “หาา =[]=!” ได้ฟังแบบนั้นหน้าลิซก็คือเหวอไปจริงจัง แต่ก็นะ... ถ้าไม่บอกความจริงท่านพ่ออาจจะได้ชาที่ชอบนักหนาไปจิบเพิ่มตอนขึ้นสวรรค์เลยอ่ะ ฮ่ะๆ “...แล้วคิระ?” ฉันหันไปถามคนของท่านพ่อแบบเข้าใจกันเอง เพราะถ้าท่านให้มาตามลิซกลับไปแบบนี้ ท่านก็น่าจะเป็นคนลากตัวคินมันกลับมาเองด้วยล่ะมั้ง ก็สภาไม่มีบทอะไรแล้วนี่ หลังจากอนุมัติคำขอของโมเน่ต์น่ะ “(- -)(_ _)” แล้วคำตอบที่ได้ก็ตามนั้น ฉันเลยหันไปหาลิซที่ตั้งแต่ตื่นมาก็เห็นบ่นๆถึงคินอยู่หลายครั้ง “ถ้าอยากเจอคินก็ไปกับหมอนั่น” แต่ลิซก็ยังลังเล... “แล้วพี่คนนี้เค้าก็เป็นคนใช่รึป่าวคะ? ที่นี่น่ะ...คงไม่มีซอมบี้หรือแวมไพร์ ไม่ก็ผีกองกอยที่โดดหยองๆได้ตามที่เฮียคินโม้ไว้หรอกนะ =[]=!” “ครับๆ ผมเป็นคนนะครับคุณลิซ่า =_=^” “เฮ่อ โล่งอกไป” เหอะๆ คำตอบจากคนของท่านพ่อทำเอาลิซถึงกับถอนหายใจและเอามือทาบอกในขณะที่ฉันแอบขำในใจ แล้วลิซก็เลื่อนหน้าเข้ามากระซิบกระซาบ “แต่ยังไงก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่ดี เพราะงั้นก่อนไป เจ๊สัญญาอะไรกับหนูอย่างนึงได้มั้ยล่ะคะ” “ว่า?” “……” ถึงตรงนี้ลิซอ้ำอึ้ง และมองฉันสลับกับคนของท่านพ่อไปมา ก่อนจะพูดออกมาเร็วมาก และยาวมาก แถมยังพยายามลดเลเวลเสียงให้ต่ำที่สุดแบบได้ยินกันสองคน ซุบซิบๆ ทั้งที่ตายังจ้องคนของท่านพ่อไม่หยุด “ถ้าลิซตะโกนหรือกรี๊ดโหวกเหวกโวยวายเจ๊ต้องรีบวิ่งมานะคะ เผื่อพี่ก้ามปูคนนั้นเค้าทำอะไรหนูค่ะ” “หึ... อื้ม ได้ แต่อยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่นอน ครอบครัวเราทั้งนั้นนะ” “หืม? ครอบครัวหรอคะ?” ...แล้วลิซก็หยุดคิดไปพักใหญ่ๆ “ใช่ ทุกคนที่นี่เป็นครอบครัวของคิระนะ” “พี่หนวดเข้มก็ด้วยหรอคะ?” พูดไป ลิซก็ชี้ไปที่คนของท่านพ่อเหมือนเดิมด้วยชื่อใหม่ “อื้ม” “อ่าฮะ งั้นหนูไปก็ได้ เห็นว่าเป็นญาติคุณพระอาทิตย์นะคะเนี่ย ป่ะ ไปกันค่ะ หนูว่าขึ้นบันไดตรงนี้ดีกว่า หนูจำได้ว่ามันลัดไปได้ เดี๋ยวนำทางให้เองค่ะ” พรึ่บ! แล้วคนที่ดูเหมือนกลัวในตอนแรกก็ลุกพรวดจากโซฟาเดินนำหน้าคนของท่านพ่อไปซะงั้น -.- เออเฮ้ย ไอ้คินมันไปหาแบบนี้มาจากไหน รู้สึกเลย์จะมีเพื่อนละ สไตล์นี่ใกล้ๆกันเลย แล้วทิ้งระยะจากที่ลิซเดินออกไปไม่เท่าไหร่ ฉันที่เพิ่งรับรายงานว่า Nightshade กลับมาแล้ว ก็เดินขึ้นไปบนห้องนอน เพราะน่าจะอยู่นะ...เลย์ไม่น่าจะต้องใช้ห้องรับรองที่ Castle ฝั่งติณณ์ เพราะย้ายมาอยู่ที่นี่นานแล้ว แกร๊ก พรึ่บ! และทันทีที่ฉันผลักประตูเดินเข้าห้องนอนตัวเองมา แขนแกร่งและกลิ่นน้ำหอมจางๆที่คุ้นเคยก็ตรงเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง ก่อนเลย์จะยื่นจมูกโด่งๆมาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ ฟรืดดด! “ขอบคุณนะคะที่ไม่ออกไป” น้ำเสียงอบอุ่นดังขึ้นข้างหูฉันเบาๆ แม้จะไม่เห็นหน้าก็ยังรับรู้ได้ถึงความห่วงใยจนฉันหมุนตัวหันไปสำรวจเนื้อตัวเลย์ ซึ่งก็โชคดีที่ไม่บาดเจ็บอะไร “ห่วงกันเป็นเด็กๆไปได้” ฉันพูดขำๆพร้อมกับบีบจมูกเลย์เบาๆ เลย์เองก็กระตุกยิ้มมุมปาก และทำปากจู๋ดันตัวฉันถอยหลังติดกำแพงแบบที่ชอบทำประจำ “นิดนึงนะ เค้าหมดแรงแล้วอ่ะ ขอชาร์จพลัง -3-” “อื้มมม...” พูดจบเลย์ก็ซุกหน้าลงมาที่ซอกคอฉัน ก่อนจะทิ้งรอยลงมาเบาๆ ให้ความรู้สึกเสียวซ่านในระยะเวลาสั้นๆ “อืมมม....” แล้วริมฝีปากอมชมพูของคนที่เหน็ดเหนื่อยจากหลายชั่วโมงก่อนก็ถูกเลื่อนมาประกบริมฝีปากของฉัน เลย์จูบฉันอยู่เนิ่นนาน มันเนิบนาบ นุ่มนวล ค่อยๆตักตวงรสจูบที่หอมหวานจากฉัน ก่อนจะผละออกเบาๆ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จบเรื่องนี้สักที งั้นถึงคิวเราแล้วนะ ไปหาท่านผู้นำกัน” แล้วเลย์ก็คว้ามือฉันเดินออกจากห้องมาด้วยท่าทางเคร่งขรึมเหมือนมีอะไร ก่อนจะตรงไปห้องท่านพ่อที่ก็อยู่ห่างจากห้องของฉันออกมาไม่ไกล ‘นี่เฮียหลอกหนูใช่มั้ย ที่นี่ไม่ได้มีผี งั้นขนนกนำโชคก็หลอกด้วยน่ะสิ แล้วนี่ไปทำอะไรมาคะเนี่ย ตัวเลอะจริงๆเล้ยยย ลำบากหนูต้องซักผ้าให้ทุกที อ้าวเจ๊ กับ...รุ่นพี่’ กึก! จังหวะที่เลย์จูงมือฉันเดินออกไปเกือบจะถึงหน้าประตูห้องท่านพ่อ คินมันก็เดินจูงมือลิซที่กำลังบ่นอะไรยกใหญ่ออกมาพอดี และที่ทำฉันเลิ่กลั่กไปแป๊บนึงก็คือสายตาที่คินมันมองมือเลย์ที่จับมือฉันอยู่ตอนนี้นี่สิ “……” แล้วคินมันก็หันมาจ้องหน้าเลย์สลับกับฉัน แต่เลย์ก็พาฉันเดินเข้าห้องท่านพ่อมาเฉยๆ โดยไม่สนใจสายตาคู่นั้น “ผมมารับฤกษ์แต่งงาน...จากท่าน” พอก้าวขาเข้ามาในห้อง เลย์ก็พูดออกไปแบบไม่รอให้เสียเวลาโดยไม่ยอมปล่อยมือฉัน แม้แต่ตอนที่ก้มหัวแสดงความเคารพท่านพ่อก่อนหน้านั้น... และพอได้ฟังท่านพ่อก็หันมาหาฉัน ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “รักษาการฯ ลูกคิดดีรึยัง?” “ค่ะ” “ครั้งที่แล้วลูกก็ตอบแบบนั้น” พอฉันตอบไป ท่านพ่อก็กระตุกยิ้มมุมปาก และพูดสวนกลับมาทันทีด้วยโทนเสียงที่ตั้งใจปั่นประสาทจนเลย์หันมาหาฉัน “แต่วันนี้...ไม่ใช่วันนั้น” “แต่ลูกอาจเสียใจเหมือนกัน” “ไม่มีวัน!” เลย์พูดขึ้นมาขัดประโยคสนทนาระหว่างฉันกับท่านพ่ออย่างหนักแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตาท่านพ่อในขณะที่ฉันหันหน้าไปหาท่าน และเลิกคิ้วตั้งคำถามเป็นเชิงว่า...ยังไงต่อ? อย่างท้าทายคนที่ดูนิ่งไปอย่างนั้น “(- -)(_ _)” แล้วท่านพ่อก็หันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องคนสนิท ก่อนบางอย่างที่ถูกเตรียมไว้จะถูกคนของท่านพ่อยกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าเราในหลังจากนั้น ของที่อยู่ตรงหน้าพวกฉัน ไม่ได้ดูใหญ่เท่ากล่องชุดเจ้าสาวเหมือนก่อนหน้านี้ แต่มันเป็นเพียงแค่...ซองจดหมายสีน้ำเงินเข้มตามสไตล์ Dark Shadow ที่ฉันคุ้นตาเท่านั้น อาจจะต่างออกไปจากเดิมนิดหน่อยตรงที่รูปทรงมันดูแปลกตา เพราะทั้งตัวซองสีน้ำเงินเข้มและกระดาษสีขาวที่เป็นจดหมายข้างในถูกตัดครึ่งอย่างตั้งใจ ราวกับว่า...มันต้องหาชิ้นส่วนจิ๊กซอว์อีกอันมาประกอบกันถึงจะรู้ความหมาย “ฟาริดา สามสิ่งที่ท่านแม่ให้ลูกไว้สำหรับงานแต่งงาน คืออะไร?” ท่านพ่อถามออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่สีหน้าดูสะใจเล็กๆ คงเพราะวางแผนอะไรแปลกๆตามสไตล์คนว่างอีกแล้วล่ะมั้ง... เพราะไอ้จดหมายหน้าตาประหลาดนี่ ตอนจะแต่งงานครั้งที่แล้ว ฉันเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน และแน่นอน ฉันไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับฤกษ์แต่งงานอะไรทั้งนั้น เอาง่ายๆ... ท่านพ่ออย่างปั่นอ่ะ กะจะป่วนงานแต่งครั้งนี้ของฉันว่างั้น? “...การ์ดแต่งงาน ชุดเจ้าสาว ชุดเจ้าบ่าว” บอกเลยนั่นไม่ใช่คำตอบจากฉัน เพราะฉันเดาทางออกว่าท่านพ่อมีแผนอะไรแน่ๆเลยแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แล้วเลย์ก็เป็นคนตอบมัน แต่พอเลย์พูดจบ ท่านพ่อก็ตอบกลับเลย์มาทันทีเลยเหมือนกัน “มันอยู่ข้างใน” “...ก็ถ้าจะว่างขนาดนั้น” เหอะ! พอได้ฟังคำพูดของท่านพ่อ ฉันก็พูดออกไปแบบเซ็งๆ ก็คือให้เอาซองจดหมายครึ่งนี้ ไปต่อกับครึ่งนึงที่อาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ในชุดแต่งงานของพวกฉันงี้หรอ? ในขณะที่เลย์ก็พยักหน้ารับรู้ ส่วนฉันก็ปล่อยมือเลย์ไปหยิบซองจดหมายสีน้ำเงินเข้มครึ่งนึงที่วางอยู่ และดึงกระดาษสีขาวที่ดูเหมือนจะเป็นจดหมายข้างในมากางดู ซึ่งน่าหงุดหงิดชะมัด… ...เพราะมันไม่มีแม้แต่ตัวอักษรสักตัวอยู่ในนั้น! แค่นี้ก็ชัดเจนว่าท่านพ่อต้องการปั่นหัวเลย์ ไอ้ที่เลย์ต้องไปญี่ปุ่นครั้งที่แล้วก็ยังปิดเงียบ ไม่รู้สองคนนี้คิดจะเล่นอะไรกัน และถึงแม้ท่านพ่อจะใบ้มาว่าซองจดหมายอีกครึ่งนึงมันอยู่ในชุดแต่งงานของพวกฉัน แต่.... “มีเหตุผลอะไรที่เราต้องตามหากระดาษเปล่าอีกอัน?” ฉันเริ่มหงุดหงิดที่ต้องเสียเวลาและโยนทั้งซองและกระดาษในมือทิ้งไป แล้วพอตั้งคำถาม ท่านพ่อก็หลุดขำ “หึ...จะไม่หาก็ได้” “ตกลง! ผมจะหามัน” แล้วที่แปลกคือเลย์กลับยอมง่ายๆ และพูดสวนขึ้นมาเหมือนโดนล้างสมองทั้งที่รู้ว่าท่านพ่ออาจจะแกล้ง ก่อนจะโน้มตัวลงไปเก็บทั้งซองจดหมายสีน้ำเงินเข้มและกระดาษสีขาวที่ฉันปล่อยมันทิ้งไปขึ้นมาถือไว้ พรึ่บ! “ลองดูก็ไม่เสียหายนี่คะ ถึงแม้มันจะเป็นกระดาษเปล่าที่ต้องหาให้ได้ แต่มันก็แลกกับการที่ผม...จะได้แต่งงานกับลูกสาวของท่าน ใช่มั้ยครับ?” เลย์หันมาพูดกับฉันอย่างใจเย็น และหันไปหาท่านพ่อที่มองมานิ่งๆในขณะที่พูดประโยคเดียวกัน ก่อนที่ท่านจะพยักหน้าแทนคำตอบอย่างพอใจ “นานแค่ไหนหรอครับ? ระยะเวลาที่ท่านวางไว้” “7 วัน” “เลย์…” ฉันหันไปทักท้วงเลย์ เพราะไม่รู้ว่าท่านพ่อคิดจะเล่นอะไร และที่ฉันระแวงที่สุด คือสีหน้าที่ดูถูกอกถูกใจของท่านพ่อที่มองมาที่เลย์ แต่เลย์กลับดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ “มันเป็นหน้าที่ของเจ้าบ่าวค่ะ เจ้าสาวแต่งตัวรอสวยๆก็พอนะ” “ว่างกันมากรึไง” แล้วเพราะเลย์ดูจะสนใจไอ้ปริศนาจิ๊กซอว์อะไรนี่มาก ฉันเลยพูดส่งๆไป แต่ให้เวลาหาจิ๊กซอว์ตั้ง 7 วัน แล้วบอกใบ้มาชัดซะขนาดนั้น เชื่อเหอะต่อให้เปิดกล่องชุดแต่งงานมาเจอซองจดหมายอีกครึ่งนึงน่ะ ฉันก็ไม่เชื่อว่ามันจะเอามาประกอบกันแล้วขึ้นวันที่ หรือไขปริศนาอะไรได้หรอก เพราะมันดูไม่ใช่ไง...ไม่ใช่สไตล์การเล่นสงครามประสาทของท่านพ่อ ขนาดฉัน ติณณ์ หรือคินโดนปั่นหัวมาตั้งแต่เล็กจนโต ท่านยังไม่เคยใช้ทริคง่ายๆแบบนี้เลยสักครั้ง -_- ก่อนที่ท่านจะทวนข้อตกลงซ้ำ... “ถ้าเอามันมาประกอบกันได้ ก็แต่งกันได้” “ครับ ตามนั้น” เลย์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นเคย แต่ลึกๆก็ดูใช้ความอดทนสูงมากยังไงบอกไม่ถูก “แต่ถ้ามะ...” “ไม่ได้!” แล้วอยู่ๆ พอท่านพ่อจะพูดต่อ เลย์ก็โพล่งออกมาเสียงเข้มจนฉันสะดุ้งเบาๆ เพราะตกใจในน้ำเสียงนั้น ขนาดท่านพ่อที่กำลังพูดอยู่ยังชะงักและต้องหยุดฟัง ก่อนจะมองเลย์อย่างพิจารณา ต่างคนต่างจ้องกันไปมาแบบนั้น “…….” “แต่ถ้า ไม่ได้...ใช่มั้ยล่ะครับ?” ทิ้งระยะไม่นานประโยคคำถามของเลย์ก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบ แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนน้อม แต่แววตาและท่าทางที่ตอนแรกเคยยอมอ่อนให้ท่านพ่อ อยู่ๆก็ดูเกรี้ยวกราด และอธิบายยากขึ้นมาซะอย่างงั้น แล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าท่านพ่อไม่ถือโทษเอาความ แถมยังกระตุกยิ้มมุมปากให้กับประโยคที่เลย์ทิ้งท้ายเอาไว้ “พอดีในพจนานุกรมของผม...มันไม่มีคำนั้น โทนเสียงเลยผิดคีย์ไปบ้าง ว่าที่พ่อตาคงไม่ถือสากัน” พูดจบเลย์ก็คว้ามือฉันเดินออกจากห้องมา ท่ามกลางความเงียบที่มีท่านพ่อจ้องมองเราในทุกก้าวเดินแบบนั้น แต่ก็นะ... ฉันว่าฉันชอบเลย์บทโหดเข้าแล้วล่ะ เพราะไม่เคยเห็นสักทีนี่นา คนที่ทำให้ Leader แห่ง Dark Shadow ชะงักด้วยคำพูดแค่สองพยางค์น่ะ ...ว่าที่สามีของฉันนี่มันเท่ชะมัดเลยแฮะ :)“คิระ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ไม่ใช่แค่ฉันหรอก แต่ DS Member ทุกคนก็ดูสับสนพอกัน ถ้าเรียกตัวคืนสู่สังกัด แปลว่ามาโครอยู่สังกัดของเรา? แต่จะเป็นไปได้ไงก็ในเมื่อแม็ค...“ว่ากันว่า...ถ้าจะหลอกศัตรูให้ตายใจ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ซะก่อน”คิระเดินตรงเข้ามาหาฉัน และมองลงไปที่กลางสนามประลอง เห็นแม็คกับเลย์ยืนอยู่ข้างล่างท่ามกลางความเงียบงันที่ไม่มีใครพูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น สองคนนั้นกับติณณ์และท่านพ่อ ก็ยังหันมาดูปฏิกิริยาของฉันด้วยซ้ำพรึ่บ! หมับ!ได้ฟังแบบนั้นฉันก็ก้าวขาจะเดินลงไปข้างล่าง แต่คินมันดันมาคว้าแขนไว้ และกระชากกลับไปอย่างแรง พร้อมกับพูดด้วยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ติณณ์“ครั้งนี้ไม่เอาตัวแถม ถ้าพวกมันรักเธอ...พวกมันก็มีเรื่องต้องเคลียร์กัน!”แล้วพอคินพูดจบ อยู่ๆติณณ์ก็โยนดาบคาตานะสองเล่มให้แม็คกับเลย์ที่ก็ยื่นมือไปรับมัน นั่นทำให้ฉันวิตกขึ้นมา เพราะแม็คน่ะ...ใช้ดาบคาตานะคล่องมากอยู่ละ แต่เลย์กับดาบคาตานะน่ะ...“ศิษย์สำนักเดียวกัน ไม่เห็นต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้น”“สำนักเดียวกัน?” ฉันหันไปหาคินด้วยสีหน้างงๆ“ก็ใครสอนไอ้แม็ค? ใครประทับตราให้มัน?”คิระตอบกลับคำถามขอ
สองวันต่อมา...@ Dark Shadow Castle (JAPAN)“โห สวยมากกกก เจ๊คือสวยในสวย สวยโคตรๆ สวยแบบถ้าเลย์เห็นต้องยกเลิกงานแต่ง ลากไปขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาพบผู้คนแน่ๆ O[]O”เสียงนิลลาอวยฉันที่ยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกไปมาในชุดเจ้าสาวที่เคยใส่แล้ว แต่วันนี้มันดูแปลกตากว่าครั้งนั้น คงเพราะทรงผมที่ทำมันไม่เหมือนกันล่ะมั้ง“หรอ -/////- แต่นั่นน่าจะเป็นนิสัยดิบเถื่อนของพายุมากกว่า”“แหะๆ อย่าเปิดประเด็นนินทาพายสิคะ รายนั้นยิ่งชอบเจ้ากี้เจ้าการ บังคับให้แต่งๆอยู่ได้ ไม่สนใจคนรอบข้างเลยอ่ะ -*-”“อ้าวโรส เฮียพายมาหรอ”“เย้ยยย ไอ้ด้า! เดี๋ยวกูตบกบาล”อ๋อ! รู้ละอีกอย่างนึงที่มันต่าง คือความครื้นเครงในห้องแต่งตัวเจ้าสาวตอนนี้ ที่เต็มไปด้วยบรรดา Nightshade’s Lady มาช่วยตรวจความเรียบร้อยให้ แถมยังตื่นเต้นกว่าฉันที่สวมชุดเองซะอีก“ก็สวยจริงๆนั่นแหละนะ”โมเน่ต์พูดไปแล้วจัดระเบียบชุดเจ้าสาวของฉันไปด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นแบบเคลียร์ใจกันทั้งหมดแล้วก็นะ เพราะฉันกับติณณ์อายุห่างกันนิดหน่อย แถมยังเรียนมหาลัยปีเดียวกัน เราเลยคงสรรพนามเดิมคือเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ๊หรืออะไรจริงจัง เพราะทั้งติณณ์และคิระ ถ้า
หลายวันต่อมา...@ Dark Shadow Castleหลังผ่านการพิพากษาคิระ ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนจะจบลงด้วยดี เพียงแต่...ไอ้สองพี่น้องขี้เก๊กนั่นมันก็ยังไม่ยอมเปิดใจคุยกันตรงๆสักทีก็...แล้วแต่นะ การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดอยู่แล้วนี่อ้อ...ลืมบอกไปนิด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฉันนี่แหละ ที่เป็นคนประทับตรา Dark Shadow ให้โมเน่ต์ตามคำขอของติณณ์ ซึ่งเราก็ไม่เห็นหน้ากันตรงๆหรอกนะ ฉันเข้าไปประทับให้ตอนที่เธอหันหลัง เพราะยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน และอย่างที่รู้... โมเน่ต์กับฉันก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันหรอกตั้งแต่ที่ชมรมละแต่ไม่รู้ไปประทับอะไรผิดพลาดรึเปล่า เพราะอยู่ๆโมเน่ต์ก็ขอให้ติณณ์พามาที่ Castle ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นตลอด Nightshade เองก็แวะเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน จนตอนนี้กลายเป็น Ztudio Nightshade นั่นแหละที่ร้าง ในขณะที่ Castle ฝั่งติณณ์...ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!เสียงลั่นไกในห้องซ้อมยิงปืนจาก CCTV ที่เคนชินมันต่อเข้ามานั่งดูในห้องโถงของ Castle ฝั่งฉัน ดังสนั่นแบบที่ไอ้หมอนี่ไม่เห็นหัวเจ้าของ Castle ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่นี่เลยด้วยซ้ำ -_-แถมลูกน้องของฉันอีกหลายคนก็กำลังสุมหัว รอลุ้นวิถีกระสุนของโมเน่ต์
อีกด้านหนึ่งของ Dark Shadow Castleก๊อก ก๊อก ก๊อก...ฉันเคาะประตูห้องทำงานของติณณ์ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ และถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในซึ่งก็มีติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาก็เป็นอย่างที่คาดไว้หมอนี่...กำลังเสียใจก่อนที่ฉันจะยื่นอัลบั้มรูปในมือที่ตอนไปค้นรูปคิระให้ลิซ บังเอิญไปเจออัลบั้มที่มีรูปติณณ์กับคินถ่ายด้วยกันสมัยเด็กๆก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนี่อยากได้มั้ย...แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ ฉัน...อยากให้“ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่”พรึ่บ!ติณณ์พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วเลย์ที่มาด้วยกันก็วางเอกสารทั้งหมดที่ฉันได้จากเคนชินเรื่องสภาค้ายาลงบนโต๊ะแบบไม่พูดอะไรแต่ความเป็น Nightshade มันบอกชัด ว่าเลย์ก็ไม่ได้สบายใจที่ติณณ์มันอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่...จุกแต่พูดอะไรไมได้“หลายอย่างน้องมันอาจตั้งใจ แต่บางการกระทำก็มีเหตุผลให้เป็นไป”ฉันพูดออกไป แล้วพอได้ฟังแบบนั้นติณณ์มันก็มองมานิ่งๆ และไม่มีทีท่าจะเปิดดูทั้งอัลบั้มรูปและเอกสารที่พวกฉันหอบมาให้สักนิด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของหมอนี่อยู่แล้วแหละ ที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้“เข้าด้วยมั้ย?”คำถามคลุมเครือจากติณณ์ถูกส่งมา ด้วยแววตาที่ดูเหมือนกำลังหาที่พึ่ง
หลายชั่วโมงต่อมา...“ยุติสถานการณ์บนเกาะพร้อมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของฉันมารายงานผลด้วยการกระซิบเบาๆเล่นเอาโล่งใจไปตามๆกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลิซที่กำลังนั่งดูรูปคิระที่หน้าบูดตั้งแต่เด็กอยู่คนเดียว“คิกๆๆ ตาลุงคนนี้นี่หน้าตาโกตั๊กจังเลยนะคะเนี่ย ^_^”“แล้วสองคนนั้น?”ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะเท่าที่ดูเหมือนลิซไม่รู้ว่าคิระเป็นใครด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นเกือบโดนคนของสภาเอาตัวไป แต่ไม่รู้คินมันหลอกน้องหรือความไร้เดียงสาทำให้ลิซคิดว่าฉันรวยมากเลยจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ -.-ส่วนเหตุผลที่มาที่นี่ก็พีคกว่าไง น้องมันโดนไอ้คินชวนมาล่าท้าผี เป่าหูลิซว่าที่นี่คือปราสาทร้อยปี แถมยังมีขนนกนำโชคที่จะทำให้พบรักแท้ซะด้วย หึหึ... เป็นประวัติ Castle ที่ช่าง...น่าสนใจ =_=^“คุณเตโชกับคุณคิระบาดเจ็บนิดหน่อย แต่โดยรวมปลอดภัยดีครับ Nightshade กับ Nightshade’s Lady ก็กลับมาที่นี่แล้ว อ้อ ส่วนคุณเลโอก็สบายมากหายห่วง ลูกพี่เคนชินขอตัวไปเปลี่ยนชุด แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อครับ ^_^”น้ำเสียงกับสีหน้าระรื่นของลูกน้องที่มารายงานถูกส่งมาให้ฉันแบบสวมรอยเคนชินมาชัดๆ หึ... ไอ้ล
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...“คนของเราวางบอมบ์ได้ 60% จากพื้นที่ทั้งหมดแล้วครับ พิกัดแรกเราจะระเบิดคลังยาที่…”“คุณโมเน่ต์อาการไม่ดีเลยครับนายหญิง”ระหว่างที่ฉันกำลังสนใจสัญญาณที่คนของเราให้มาเป็นระยะว่าจะระเบิดคลังยานรกแต่ละที่ตอนไหน เคนชินที่หันไปเห็นโมเน่ต์จากภาพใน CCTV ที่เราเลิกสนใจตั้งแต่ติณณ์เดินออกไปก็พูดขึ้นมาได้ฟังแบบนั้นฉันเลยละความสนใจและหันไปดูโมเน่ต์ที่เดินวนไปวนมาโดยมีมือถือเครื่องหนึ่งแนบหู ซึ่งก็คงพยายามโทรหาติณณ์ที่ชิ่งออกไปแบบให้คำตอบคลุมเครือนั่นแหละนะถ้าให้ทาย“คนของเราอยู่ในนั้นแล้วใช่มั้ย?”“ครับ แฝงตัวเข้าไปตอนรายงานพิกัด”“งั้นก็ไม่มีไรต้องกังวลนี่”แล้วจังหวะที่ฉันกำลังหมุนตัวกลับไปดูพิกัดวางระเบิดหลังคุยเรื่องโมเน่ต์กับเคนชิน เสียงคนของเราที่ Castle ฝั่งติณณ์ก็ตะโกนเรียกออกมาดังลั่น‘นายหญิงครับ นายหญิง!!!’ “ว่า?”“คุณโมเน่ต์อยู่ๆก็หมดสติไปครับ”ตึงงงง!ได้ยินคำตอบจากเคนชินที่ตอบแทนลูกน้องที่อยู่ข้างใน ทำให้ฉันรีบผลักประตูและวิ่งข้ามทางเชื่อมตรงไปที่ Castle ฝั่งติณณ์ทันที“เคนชินเรียกรถพยาบาล! โมเน่ต์เป็นอะไร?”ฉันหันไปถามลูกน้องติณณ์ที่กำลังอุ้มร่างโมเน่ต์ที่ไร้ส