อีกด้านหนึ่งของ Dark Shadow Castle
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ฉันเคาะประตูห้องทำงานของติณณ์ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ และถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในซึ่งก็มีติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาก็เป็นอย่างที่คาดไว้ หมอนี่...กำลังเสียใจ ก่อนที่ฉันจะยื่นอัลบั้มรูปในมือที่ตอนไปค้นรูปคิระให้ลิซ บังเอิญไปเจออัลบั้มที่มีรูปติณณ์กับคินถ่ายด้วยกันสมัยเด็กๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนี่อยากได้มั้ย... แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ ฉัน...อยากให้ “ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่” พรึ่บ! ติณณ์พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วเลย์ที่มาด้วยกันก็วางเอกสารทั้งหมดที่ฉันได้จากเคนชินเรื่องสภาค้ายาลงบนโต๊ะแบบไม่พูดอะไร แต่ความเป็น Nightshade มันบอกชัด ว่าเลย์ก็ไม่ได้สบายใจที่ติณณ์มันอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่...จุกแต่พูดอะไรไมได้ “หลายอย่างน้องมันอาจตั้งใจ แต่บางการกระทำก็มีเหตุผลให้เป็นไป” ฉันพูดออกไป แล้วพอได้ฟังแบบนั้นติณณ์มันก็มองมานิ่งๆ และไม่มีทีท่าจะเปิดดูทั้งอัลบั้มรูปและเอกสารที่พวกฉันหอบมาให้สักนิด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของหมอนี่อยู่แล้วแหละ ที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้ “เข้าด้วยมั้ย?” คำถามคลุมเครือจากติณณ์ถูกส่งมา ด้วยแววตาที่ดูเหมือนกำลังหาที่พึ่ง และใช่... เข้าด้วยที่ว่า ก็คือเข้าไปฟังการพิพากษาความผิดของคิระที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน โดยคนที่พิพากษาคือติณณ์ในฐานะผู้ถืออำนาจสูงสุด แต่ก็ยังมีสภากฎนั่งเฉิดฉายอยู่ในนั้น และแน่นอนว่าฉัน...มีความจำเป็นที่จะต้อง Stand by อยู่ข้างหลังเพื่อปกป้องลิซ่า ที่ไม่ได้อยู่ในความดูแลของคิระท่ามกลางสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตราย “ไม่...เอาตามที่ ‘พี่ชาย’ เห็นสมควรแล้วกัน”วันต่อมา...
Line~ Line~ VAYO : เจ๊ VAYO : ต้องช่วยแล้วว่ะ FREYA : อืม ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาตอบไลน์วาโยแบบไม่ต้องสงสัย เพราะเท่าที่ประเมินสถานการณ์เมื่อวาน การต้องรู้ว่าโรสท้องเป็นคนสุดท้ายมันทำให้วาโยสำนึกได้ว่าละเลยบางอย่างมากเกินไป “ไอ้โยมันไลน์มาทำไมแต่เช้า” “รู้ด้วย?” “อื้อออ ก็เค้าตาไว” พูดไปเลย์ก็มุดหน้าเข้ามาหาฉัน แถมยังกระชับอ้อมกอดที่กอดฉันไว้ทั้งคืน “เรื่องโรสน่ะ ที่โยมาช่วยแล้วเข้าใจผิดกัน” “อือ จะเอาตัวเองไปช่วยยืนยันให้ว่างั้น” เลย์พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้แล้วก็เริ่มนิ่งไป เหมือนงัวเงียกำลังจะหลับต่อ แต่ถูกฉันเขย่าแขนจนตัวเอนไปเอนมา “อื้ม ตื่นได้แล้ววว ไปช่วยโยกัน” “หึ ไม่เอาอ่ะ ให้มันรอไปก่อน เค้าอยากนอนกอดเมียเค้านานๆ -3-” พรึ่บ! แล้วเจ้าของใบหน้ามู่ทู่ที่กำลังทำปากจู๋ก็มุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มหนีโลกภายนอก เหลือแต่ไรผมโผล่มานิดหน่อยจนฉันหลุดขำ “เหอะ เอาเวลาไปหาจิ๊กซอว์ง้องแง้งไว้ต่อเล่นกับท่านพ่อดีกว่ามั้ง” พรึ่บ! คราวนี้อยู่ๆเลย์ก็ลุกพรวด โผล่ขึ้นมานั่งสะลึมสะลือแต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่อย่างให้ความมั่นใจกับฉัน “เรื่องนั้นสบายใจได้เลยค่ะ แล้วนี่ลองชุดเจ้าสาวรึยัง?” เออแฮะ -.- เพราะเมื่อวานเหนื่อยๆ ฉันเลยหลับยาว แต่... “ยังไงก็ใส่ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องลองก็ได้มั้ง” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่วันนี้คิดว่าจะลองอยู่นะ :) แม้มันจะดูเหมือนงานแต่งงานที่พูดกันขำๆ พิธีการอะไรก็ไม่เห็นมีการจัดเตรียมแบบจริงจัง แถมยังมีเรื่องซองจดหมายเจ้าปัญหาอีก แต่บอกตรงๆเลยว่า... ทุกครั้งที่ได้เห็นชุดแต่งงานที่ท่านแม่เป็นคนออกแบบน่ะ มันสร้างความตื้นตันเวลาจ้องมอง และสัมผัสได้ถึงความรักและความปรารถนาดีทุกครั้งเลยนะ “ช่วยให้ความสำคัญกับงานแต่งงานของเราหน่อยสิคะ -.-” “ค่าๆ สาบานว่าตื่นเต้นมาก แต่เชื่อดิใส่ได้อยู่แล้วหน่า” ฉันเอื้อมมือไปบีบแก้มเลย์ที่นั่งบ่นแบบงัวเงีย แล้วก็ถูกเลย์ยื่นหน้ามุ่ยๆ ทำตาขวางเข้ามาดุกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แน่ใจนะคะ ระวังป่องเหมือนเจ๊โมแล้วชุดจะแน่น” “ยาก เมนส์มาทุกเดือน ไม่มีน้ำยาเลยนะเรา” ได้ฟังแบบนั้นฉันก็ตอบกลับไป แล้วยักคิ้วกวนประสาทเพิ่มความน่าหมั่นไส้ไปด้วย ยิ่งทำให้เลย์กัดฟันหมันเขี้ยวกันเข้าไปใหญ่ “ดูถูกกันเกินไป” “ก็ไม่นะ ไม่เห็นรู้สึกดุ๊กดิ๊กอะไรในท้องเลยอ่ะ สงสัย...” พรึ่บ! “พูดมาคำเดียวว่าอยากได้” ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย์ก็พูดสวนขึ้นมา แล้วทิ้งตัวมาคร่อมร่างฉันพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม และส่งสีหน้าที่มีแผนร้ายมาให้ เหอะๆ... “ไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ -/////-” “อ๋อ แปลว่าคืนนี้ไม่แน่?” พอฉันพูดขัดออกไป เลย์ก็สวนกลับมาแบบรวดเร็วทันใจ แถมยังส่งมือหนามาลูบไล้ใบหน้าไล่ลงไปที่เรือนร่างของฉันช้าๆ… แต่ไม่นะเฟรย์! ต้องมีสติให้มาก ไอ้สายตาที่ดูมีเลศนัยแบบนั้น พนันได้เลยว่าถ้าฉันเคลิ้มตาม วาโยอาจจะต้องรออีกนาน เพราะงั้น... “เลอะเทอะ ลุกเลยจะไปอาบน้ำ -/////-” แล้วร้อยวันพันปีหน้าฉันไม่เคยจะร้อนขนาดนี้เลยนะ ทำไมแค่เผลอจ้องตาเลย์สักพัก ร่างกายถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาง่ายๆเนี่ยฮะ ในขณะที่เลย์ก็เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม กวาดสายตาสำรวจเรือนร่างของฉัน แบบแทบจะมองทะลุชุดนอนเข้ามาแบบนั้น “อะไรนะคะ...อยากมีลูกเยอะๆ...” น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนให้หยุดมอง ราวกับฉันกำลังโดนคนข้างบนสะกดในระยะเวลาสั้นๆ ...แต่ไม่เว้ย! ป๊อก! “บอกว่าเลอะเทอะ!” ฉันส่งกำปั้นไปเขกหน้าผากเลย์ไปที แล้วใบหน้ายิ้มแย้มก็หายวับไปกับตา เหลือแค่สีหน้าตีมึนที่ถูกส่งมา “โอ๊ะ อะไรนะ เอาสิเออๆ งู้ยยย งั้นจัดเลยนะ! บ้าาา...ตัวเองอ่ะ นี่เค้าต้องเหนื่อยแต่หัววันเลยเหอะ” “ไม่เว้ยยยยยยยย”2 ชั่วโมงต่อมา....
@ ร้านอาหาร “เร็วสิคะ ตัวเองนั่นแหละแต่งตัวช้า เห็นมั้ยเนี่ยเพื่อนเค้ารอแย่ละ” “จ้า -.-” ฉันส่งเสียงประชดประชันออกไป พอเห็นท่าทางอารมณ์ดีของคนที่ตีมึนกระทำย่ำยีกับฉันเมื่อเช้าชุดใหญ่แล้วทำเหมือนไม่มีอะไร -.- แล้วเอาจริง... ตอนนี้ก็ยังงงๆ ว่าทำไมคำว่า ‘เลอะเทอะ’ มันถึงกลายเป็น ‘เออๆ’ ไปซะได้ ตรรกะสำนักไหน? เหอะ! กริ๊ง...กริ๊ง... “อ้าว นั่นไงเพื่อนโย ไปขอโทษเพื่อนหน่อยดีกว่า เพื่อนรอนานแล้วนี่นา” เห๊อะ! ทันทีที่เปิดประตูร้านเข้าไป เลย์ก็เดินชิลๆนำฉันเข้าไปในร้านอาหารที่เรานัดกับวาโยไว้ ซึ่งก็มีโรสที่ดูจากท่าทางกำลังฟึดฟัดเหมือนจะลุกออกไป แต่วาโยดึงให้นั่งลง “ดีฮะเลดี้ ^^” “หวัดดีค่ะรุ่นพี่” “อื้ม (- -)(_ _)” เลย์เป็นฝ่ายทักก่อน โรสเองก็ส่งยิ้มให้ และหันมาทักฉันก่อนที่ทุกคนจะมองหน้ากันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร “...เฟรย่า” วาโยแนะนำฉันให้น้องรู้จัก แต่ก็นะ... “รู้! ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า” “แล้วรู้ด้วยมั้ยว่าพี่อยู่ในห้องน้ำวันนั้น?” ไม่รอให้เสียเวลา ฉันก็เปิดประเด็นออกไป ทำให้โรสที่กำลังจะฟึดฟัดใส่วาโยหันขวับมาหาฉัน “...ว่าไงนะ?” ครืดดด! สิ้นสุดเสียงไม่พอใจนั้น โรเซ่ก็ลุกขึ้นมาอย่างพร้อมจะหาเรื่องกัน คงเพราะยังคาใจเรื่องวันนั้น แต่ยังไม่ทันจะอะไรกันหรอก วาโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวโรสดึงกลับไปนั่งตัก แถมยังล็อคตัวโรสที่แววตาเปลี่ยนไปหลังจากได้ฟังคำพูดของฉัน พรึ่บ! “อย่ามาจับ!” “ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...” “...อธิบายเอง” พอสถานการณ์มันเริ่มอึมครึม เลย์ก็พยายามจะเคลียร์ให้ แต่เพราะฉันพูดขัดออกไป เลย์เลยพยักหน้าเข้าใจและเงียบไป “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” “ก็รีบอธิบายมาดิ!” “โรเซ่” ฉันพูดออกไปอย่างใจเย็น ในขณะที่โรสตะคอกสวนกลับมาด้วยท่าทางหงุดหงิด จนโดนวาโยดุออกมาเสียงเข้ม “โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” เห็นแบบนั้นเลย์ก็แซวออกไปขำๆ ก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาโอบไหล่ฉันเพื่อแสดงสถานะผ่านการกระทำ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้โรสใจเย็นลง “มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย” “โดนข่มขืนน่ะ” ขวับ! “ว่าไงนะ?!” แล้วในที่สุดฉันก็ตัดสินใจพูดความจริงที่ปิดบังเอาไว้ออกไป เล่นเอาเลย์หันขวับ วาโยก็ที่มองเลย์สลับกับฉันก็นิ่งไป ส่วนโรส น้องก็ดู..ตกใจ “O_O!” “จะโดน..รึเปล่า” วาโยพูดแก้คำพูดของฉัน ในขณะที่ทั้งฉันและหมอนั่นหันไปหาเลย์ที่เงียบมากจนน่าหวั่นใจ เพราะต่างคนต่างก็รู้ว่าถ้าได้ยินแบบนั้นเลย์ก็คง... “ก็..ตามนั้น แต่ไม่มีไรแล้ว” ปังงงงงง! “เฮือก O_O!” “ใครทำเมียกู!” แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิดจนได้ สิ้นสุดคำพูดของฉัน โต๊ะที่เรานั่งอยู่ก็ถูกทุบแรงมากจนทั้งฉันและโรสสะดุ้งเฮือก ก่อนแววตาประทุษร้ายจะจ้องไปที่วาโยที่ช่วยฉันปิดเรื่องนี้เอาไว้อย่างคาดคั้น จนฉันต้องพยายามทำใจเย็นพูดเตือนสติออกไป “เลย์..เรามาเคลียร์เรื่องน้อง” ได้ฟังแบบนั้นเลย์ก็หันมาจ้องหน้าฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ สลับกับหันไปหาโรเซ่ ก่อนจะกัดฟันหันหน้าหนี พร้อมกันกับที่โรสมีคำถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างจับผิดฉันกับวาโยทันที “ละ..แล้วเสียงนั่น เสียงพวกเฮียมีอะไรกั...” “ไม่มี / ไม่มี” ทั้งฉันและวาโยตอบออกไปพร้อมกัน เพราะคำถามนั้นทำให้เลย์หันกลับมาจ้องหน้าพวกฉันอย่างไม่พอใจและเริ่มฟึดฟัดจนเห็นได้ชัด “แต่โรสได้ยินเสียงเฮียกำลัง...” “นั่นเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ ตอนนั้นเรากำลัง..ทำแผล” ใช่... คลิปโป๊ไงล่ะ มันถูกเปิดไว้เพื่อบิ้วท์อารมณ์ตั้งแต่คนของสภาจะขืนใจฉัน ตอนนั้นแม็คเข้ามาพอดี และเราไม่ได้ปิดมัน “แล้วทำไมเฮียโยต้องถอดเสื้อ แถมรุ่นพี่ยังหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ” โรเซ่ยังคงมองฉันกับวาโยอย่างไม่ไว้ใจ ส่วนเลย์ก็ยิ่งเงียบมาก เงียบและนิ่ง เงียบจนลึกๆฉันเริ่มเลิกลั่ก แต่ต้องทำใจเย็นเอาไว้ แม้จะสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมามากขึ้นเรื่อยๆแบบนั้น “เสื้อเจ๊ขาด เฮียเลยถอดให้ เจ๊ไม่ได้เข้าไปหลบแต่เข้าไปเปลี่ยน” “แต่เฮียไม่เห็นจำเป็นต้องปิดบังก็ได้..ถ้าไม่ได้ทำไรผิด” วาโยพยายามอธิบาย แต่โรสก็สวนกลับมาด้วยคำถามมากมาย จนฉันมองเลย์ที่คล้ายระเบิดเวลาอย่างเริ่มหวั่นใจ “ที่ปิดบังไม่ใช่เพราะเฮียทำผิด แต่มันเป็นการให้เกียรติ ไม่มีใครยินดีที่จะป่าวประกาศว่าตัวเองโดนข่มขืน ยิ่งเป็นเราในโหมดนั้น..ประเมินสถานการณ์ก็มีแต่พังกับพัง แล้วถ้าเราได้ยินพวกเฮียคุยกันก็ต้องได้ยินมันดิ คำพูดของเจ๊ที่บอกว่า...” “อย่าบอกใคร” ฉันกัดฟันพูดออกไป เพราะคิดว่ามันน่าจะจบเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และขยายความคำพูดของตัวเองอย่างรับสภาพถึงเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ “ที่โยไม่ให้เราเข้ามาเพราะรักษาคำพูดที่ให้ไว้ ส่วนที่พี่ไม่ได้ออกไป..เพราะหมดสติ” ปังงง! ครืดดด! “กลับบ้าน!” สิ้นสุดคำพูดของฉัน ก็ใช่อย่างที่คิด...เลย์ทุบโต๊ะเสียงดังและลุกพรวดจากโต๊ะพร้อมกับกระชากฉันให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยแรงมหาศาลจนแขนฉันชาวาบในเสี้ยววินาทีสั้นๆ “เลย์” “กลับไปเหอะ” วาโยที่เห็นท่าทางไม่ดีหันมาพูดกับฉัน ฉันเลยหันไปบอกโรเซ่อย่างให้ความมั่นใจในสิ่งที่น้องกำลังเข้าใจผิดพวกนั้น “วาโยไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะมีคนผิด...” “ไอ้เวรนั่นแหละที่ผิด!” พรึ่บบบ! ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เลย์ก็พูดสวนขึ้นมาแล้วลากฉันออกจากร้านแบบไม่สนใจสายตาของใครที่มองมาทั้งนั้น ก่อนจะเหวี่ยงฉันขึ้นรถแรงมาก และขับกลับ Castle แบบไม่พูดอะไรสักคำ@ Dark Shadow Castle
ปังงงง! หมับ! “ขอโทษ” ฉันคว้ามือเลย์และพูดออกไป ทันทีประตูห้องโถงของ Castle ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง แล้วเลย์ก็มองมาด้วยแววตาฉุนเฉียวและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ทำไมไม่บอก...ตั้งแต่วันนั้น” แววตาที่ดูดุดันทำฉันพูดไม่ออก จะบอกได้ยังไงกัน ในเมื่อคนสั่งการมัน... “เล่ามาให้หมด! ทุกเรื่อง และทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น” “ก็อย่างที่รู้...” ฉันพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะต้องการให้เลย์เข้าใจตรงกับติณณ์ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากสภา ไม่ต้องการโยงให้ไปถึงเดีย เพราะวันนั้นที่เลย์กลับมาพร้อมกับกระเป๋าของฉันน่ะ เท่าที่เคยถามเคนชิน มันเป็นเพราะเลย์เห็นว่าฉันหายไปและติดต่อไม่ได้ เลยให้เคนชินตาม GPS มือถือจนไปเจอมันหล่นอยู่ที่ลาดจอดรถห้างสรรพสินค้าข้าง ม. จากนั้นทั้งเลย์และเคนชินก็คาดเดาจากสถานการณ์ว่าฉันน่าจะโดนสภาเล่นงาน เลยรีบบินกลับมาก็เท่านั้น “ก็อย่างที่รู้? สภาส่งคนมาขืนใจ?” พอเห็นท่าทางของฉัน เลย์ก็มองมาแล้วถามย้ำออกมาใหม่ “อืม” แล้วพอฉันตอบไป สายตาที่ดูดุกว่าทุกครั้งก็ยิ่งแสดงความไม่พอใจ ก่อนจะไล่ลำดับเหตุการณ์ “รอดมาได้เพราะไอ้โยช่วยไว้?” “อืม” “แล้วทำไมโรสไปที่นั่น แต่ไม่เห็นความผิดปกติอะไร?” “......” แล้วคำถามที่ทำฉันสะอึกไปนิดหน่อยก็ถูกถามออกมาอย่างจับพิรุธ นั่นสินะ.. ก็คนของแม็คมาเคลียร์พื้นที่ก่อนวาโยกับโรเซ่จะเข้าไปที่นั่น มันเลยไม่หลงเหลืออะไรให้ผิดสังเกตไงล่ะ แต่จะบอกเลย์ว่าแม็คต่างหากคือคนที่ช่วยไว้มันก็.... “ไม่ตอบ? งั้นแค่ไอ้โยคนเดียวมันรอดมาได้ไง? จะสั่งสอนรักษาการทั้งที สภาสูงสุดมันคงไม่ส่งลูกน้องมาแค่คนสองคนใช่มั้ย” “……” แม้คำพูดและสายตาจะดูคาดคั้น แต่น้ำเสียงของเลย์กลับเย็นชาจนฉันเดาอารมณ์ไม่ได้เลย จนฉันต้องตัดสินใจบอกความจริงบางอย่างที่เลย์ควรต้องรู้ออกไป แต่เรื่องก็ยังไม่จบแค่นั้นไง “ที่จริง...ก่อนโยจะมา แม็ค...มาช่วยไว้” “หึ...กำลังจะบอกว่าสภาสูงสุดเป็นคนสั่งการ แต่มือวางอันดับหนึ่งมาเคลียร์ให้?” เลย์ยังคงไล่ต้อนฉันด้วยคำถามซ้ำๆมาอีก ยิ่งต้อนเข้ามา ฉันก็ยิ่งกลัวว่าเลย์จะรู้จนอ้ำอึ้ง ก่อนจะโดนเลย์สะบัดมือฉันจับเอาไว้ออก พรึ่บ! “สภาสูงสุดหรือลูกมัน พูดใหม่!” “O_O” เสียงเรียบที่ถามมา แม้มันแทบจะไร้อารมณ์ แต่แววตาประทุษร้ายที่ยากจะคาดเดาก็ทำให้ฉันเสียวสันหลังวาบ และยังไม่ทันจะแก้ต่างอะไร “….ที่ไอ้มาโครมันมาช่วย เพราะคนสั่งการคือฟาเดียใช่มั้ย?” ไม่กี่วันต่อมา... @ Dark Shadow Castle (JAPAN) “นายหญิงดูร้อนรนแปลกๆนะครับ” “เจอมั้ย?” ฉันถามเคนชินออกไปอย่างร้อนใจ เพราะวันนี้เป็นวันที่ Nightshade ต้องมารับฟังคำพิพากษาคิระ แน่นอนว่าการที่เลย์อยู่ที่นี่ มันมีโอกาสเจอเดียได้มาก นั่นทำให้ฉันกังวลว่าการเจอกันอาจทำให้เป็นเรื่องได้ “ยังไม่เห็นคุณฟาเดียเข้ามาที่นี่นะครับ” “แล้วแม็คล่ะ?” พอฉันถามไป เคนชินก็หยุดคิดนิดหน่อย ก่อนจะให้คำตอบที่ไม่ได้ช่วยอะไร “ไม่เห็นตั้งแต่ที่เกาะแล้วล่ะครับ จะว่าไปเรื่องการลักพาตัว Nightshade’s Lady คุณมาโครก็มีความผิด แต่ทำไม....” “เอาเรื่องเลย์กับเดียก่อน อย่าให้สองคนนั้นเจอกันไม่ว่ายังไง” ฉันสั่งเคนชินไปเสียงเครียด แม็คน่ะ ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันทิ้ง Dark Shadow หรอก ต่อให้หายไปก็กลับมาอยู่ละ แต่ที่มันแปลกก็คือเลย์หลังจากที่คาดคั้นฉันตั้งแต่วันนั้นน่ะ เพราะเลย์ดูนิ่งไปมาก และไม่พูดถึงฟาเดียอีกเลยทั้งที่ต่อหน้าวาโยกับโรเซ่ ดูโกรธจนแทบจะฆ่าฉันได้มั้ง “มันพูดยากนะครับนาย ความรู้สึกคุณเลโอ..ผมว่าผมเข้าใจ” พอเคนชินพูดมา ฉันเลยหันหน้าไป “ก็ถ้าเป็นอย่างที่นายหญิงบอก ผมอยู่ด้วยนี่ครับ เหตุการณ์ที่เดาว่าน่าจะเป็นฉนวน ให้คุณฟาเดียกระทำการรุนแรงเกินไป” “อืม แต่ขอเหอะเคนชิน…” “เป็นห่วงเธอมากสินะครับ” เคนชินพูดขัดฉันขึ้นมาอย่างรู้ทัน ฉันเลยถามกลับไปบ้าง “เป็นนายจะห่วงน้องตัวเองมั้ย?” “ก็ห่วงครับ แต่ตั้งแต่ที่ผมอยู่กับนายหญิงมา ก็ไม่เคยเลยนี่ครับ...” พูดไป สีหน้าดุกันนิดหน่อยก็ถูกแสดงออกมาตามประสาของคนที่อายุมากกว่า ก่อนที่เคนชินจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมา “คนที่นายหญิงเห็นเธอเป็นน้อง ไม่เห็นจะเคยนับถือนายหญิงเป็นพี่เลยสักครั้ง คุณมาโครน่าจะเป็น...ความชัดเจนที่จับต้องได้ ขอโทษที่ต้องเตือนสติด้วยความทรงจำโหดร้ายแบบนั้น” “อืม ไม่เป็นไร” ฉันหยุดฟังคำพูดตรงๆและดูจริงใจนั่น ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ออกไป แต่... “ขึ้นชื่อว่าพี่น้องน่ะเคนชิน... เราไฟท์ เราเถียง เราโกรธ หรือแม้แต่พูดว่าเกลียดกัน แต่มันก็ยากมากๆ ถ้าต้องทนมองความย่อยยับ ความเจ็บปวดของกันและกันโดยไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” “ครับ” เคนชินพยักหน้ารับฟังที่ฉันพูดบ้าง แต่จากแววตาก่อนหน้า ก็ดูเหมือนทั้งเลย์และหมอนี่... ต่างก็ Judge เดียไปแล้วทั้งคู่นี่นา “ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะ แต่ถ้าไม่มี Dark Shadow เข้ามา ฟาเดียคือน้องสาวที่น่ารักมากๆเลยล่ะ อย่าตัดสินเธอเพียงเพราะ...เธอก้าวร้าวด้วยปัจจัยรอบข้างเลย” ฉันพูดออกไปอีกครั้ง และหันไปหาเคนชินที่กำลังก้มมองนาฬิกาข้อมือเหมือนพะวงอะไรสักอย่าง ก่อนจะตอบกลับมา “ครับ แล้วนี่นายหญิงจะไม่เข้าไปข้างใน?” “ก็แน่นอนว่าต้องไม่” “งั้นสั่งให้ผมเอาปืนเอาไว้ไปตรงที่นั่งฝั่ง Nightshade ทำไม?” “ปืนอะไร?” ได้ฟังแบบนั้นฉันก็เลิกคิ้วหันไปถาม แต่สีหน้าของเคนชินก็ดูงงกว่าฉันซะอีก “อ้าว ก็คุณเลโอบอกว่านายหญิงสั่งไว้” พรึ่บ! “ตลก! นายก็รู้ว่าการเอาอาวุธเข้าพื้นที่พิพากษามันผิดกฎ!” สิ้นสุดคำพูดของเคนชิน ฉันก็เด้งตัวจากโซฟาไปกดเปิดโน้ตบุ๊คบนโต๊ะที่ลิ้งค์ภาพเหตุการณ์ข้างในเอาไว้เพื่อรอฟังผลการพิพากษา “ใครจะไปรู้ล่ะครับ ผมก็คิดว่านายหญิงยังสนุกกับการเป็นกบฏซะอีก” “สาบานดิ๊ว่าไม่ได้หลอกด่า -.-” ตึงงง! แล้วจังหวะที่ฉันกับเคนชินกำลังจ้องภาพเหตุการณ์ข้างในที่ดูเหมือนจะเริ่มการพิพากษากันแล้ว ลูกน้องอีกคนก็เปิดประตูเข้ามา “นายหญิงครับ คนของคุณเตโชส่วนนึงกำลังเคลียร์พื้นที่ชั้นใต้ดิน และมีคำสั่งให้จับตายทุกคนในสังกัดสภา” “ว่าไงนะ แล้วพวกที่อยู่ข้างใน?” ฉันหันไปหาเคนชิน ที่ก็ส่ายหัวเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก่อนลูกน้องอีกคนจะรายงานต่อออกมา “ผมยังไม่แน่ใจครับ แต่คุณเตโชยื่นคำขอกับท่านผู้นำ ให้คนของเราลำเลียงอาวุธเข้าไปในพื้นที่พิพากษา” พูดจบ เอกสารคำขอที่คนของฉันพูดถึงก็ถูกยื่นมา ซึ่งถ้าตามปกติ การขออะไรที่เป็นทางการขนาดนี้ มันต้องมีลายเซ็นของฉันเซ็นต์กำกับด้วยดิ เพราะคนที่ต้องเข้าไป อยู่ใต้บังคับบัญชาของฉันอ่ะ “คุณเลโอเซ็นต์อนุมัติแทนนายหญิงครับ ในฐานะ Member ระดับสูงในสังกัด...ที่มีตราประทับ” เดี๋ยวนะ... “Member ระดับสูง?” “ครับ” คำพูดนั้นฉันหันไปหาเคนชิน แล้วก็ได้รับคำตอบที่เล่นเอางงหนัก ไอ้เรื่องมีตราประทับมันยังเข้าใจได้ ว่าอาจผ่านการทดสอบอะไรจากท่านพ่อมา แต่ถ้าเป็น Member ระดับสูงด้วยเนี่ย ฉันว่า...ฉันพลาดอะไรหลายเรื่องเกินไปละ! “แล้วลำเลียงอะไร เอาเข้าไปเท่าไหร่?” “ปืนกลไม่ทราบรุ่นสองกระบอกครับ” สองกระบอก? ไม่ได้การละ! ถ้าเลย์กับติณณ์จะเล่นอะไรเสี่ยงตายแบบนี้น่ะ ก็ควรจะบอกกันก่อนป้ะ! แต่เดี๋ยวสิ... “แล้วปืนฝั่ง Nightshade?” “เท่า...จำนวนคนครับ” แล้วพอได้ฟังคำตอบจากเคนชินเท่านั้นแหละ ฉันว่าฉันเก็ทละ บวกกับภาพในจอโน้ตบุ๊คที่ตอนนี้ติณณ์มันเดินลงไปหาคินที่กลางพื้นที่พิพากษา เคนชินเองที่ก็กำลังมองมา คงจะเก็ทในการกระทำของติณณ์มันเหมือนกันสินะ “หึ...เคนชิน! ส่งคนของเราส่วนนึงไปดักทุกประตูเข้าออกหอประชุม!” “ก็ไหนว่าจะไม่...ไงครับ ^_^” ถึงจะพูดขำๆย้อนคำสั่งฉันกลับมา แต่เคนชินก็หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องอีกคนวิ่งออกไปตามคำสั่งการ “ก็ไม่ได้เข้านะ แค่ทีม Support มันงานถนัดเรา ถึงว่าที่ Leader งี่เง่ามันจะไม่บอกกันสักคำก็เหอะ!”ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! “สงสารแม่บ้านเลยนะครับเนี่ย” คำพูดทีเล่นทีจริงของเคนชินดังขึ้นมา ขณะที่กำลังนั่งดูติณณ์กับคินสาดกระสุนจนเลือดสีแดงฉานนองไปทั่วทั้งหอประชุม จนเหมือนโศกนาฏกรรมขนาดย่อมที่มี Nightshade ร่วมแจมอยู่ในนั้น “อืม ถ้าเราไปแจมด้วยน่าจะมันส์” ฉันพูดออกไปขำๆ แต่ตาก็ยังจับจ้องเลย์ที่ดูสะใจกว่าใคร ตอนติณณ์มันยิงกราดเข้าไปตรงที่นั่งฝั่งสภา แล้วก็นะ...มันไม่มีแม็คอยู่ในนั้นจริงๆนี่นา แล้วหมอนั่น...หายไปไหนกันล่ะ “ดูอะไรกันอยู่หรอคะ ขอหนูดูด้วยคนได้รึเปล่า” พรึ่บ! ตึง! แล้วระหว่างที่ติณณ์กับคินมันกำลังเกรี้ยวกราดขั้นสุด อยู่ๆลิซที่ตอนแรกนั่งอยู่ในโซนรับแขกกับบอดี้การ์ดหญิงก็เดินดุ่มๆเข้ามา ทำให้ฉันพับจอโน้ตบุ๊คลง และหาข้ออ้างตะกุกตะกักเพราะคิดไม่ทัน “เอ่อ ดูคลิป….” “จิ้งจกกรี๊ดน่ะครับ” เคนชินชิงพูดสวนขึ้นมา แต่ฮะ? อะไรของหมอนี่ฟะ -_-? “หาาาา =[]=!!!” ได้ยินแบบนั้นลิซก็ทำตาโตอ้าปากค้างออกมาแบบไม่ห่วงสวยเลยอ่ะ ก่อนจะพูดออกมายาวเหยียด แล้วเดินลิ่วๆกลับไปทางที่เดินเข้ามา “จิ้งจกกรี๊ดก็คือ... อร๊ายยย! แบบนี้หรอคะ =[]=! โอ้ววว ตาย โลกนี้มันโหดร้าย จิ้งจกธรรมดาหนูเจอยังต๊กกะใจ ถ้ามันมากรี๊ดใส่หนูต้องเป็นบ้าแน่ๆ ขอบายดีกว่า” “คิกๆๆ คุณลิซ่าเธอน่าเอ็นดูนะครับ” พอลิซเดินกลับไป เคนชินก็หลุดขำออกมา “อย่าไปพูดให้คินมันได้ยินล่ะ มันหวงของมันมากเลยนะ” พรึ่บ! “น่าจะถึงวาระสำคัญแล้วนะครับ” ฉันเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นมาใหม่ แล้วก็ดูเหมือนบรรยากาศข้างในจะเงียบเชียบ ก่อนที่ท่านพ่อจะลุกขึ้นมา เป็นสัญญาณให้ DS Member ในนั้น ลุกจากที่นั่งและก้มหน้าลงรับฟังอย่างพร้อมเพรียง ครืดดด! และด้วยธรรมเนียมที่ถูกปลูกฝังมา ฉันกับเคนชินเองก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ‘Dark Shadow Member ทุกคนจงฟัง! ในนามของ Dark Shadow’s Leader วาระปัจจุบัน ขอปรับเปลี่ยนอำนาจบังคับบัญชาให้ในวาระถัดไปนี้ Dark Shadow’s Leader คือ ติณณวัชร์ ภัทรเดชา!’ ‘รับทราบ!’ / “รับทราบ!” เสียงท่านพ่อประกาศกร้าวออกมา แล้วบรรดา DS Member รวมถึงพวกฉันก็ขานรับออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ท่านจะมองไปที่โมเน่ต์ในหลังจากนั้น… “Leader’s Wife.. คือ มิณรฎา ภัทรเดชา!” ‘รับทราบ!’ / “รับทราบ!” และสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยิน และเฝ้าหาคำตอบอยู่เสมอว่าท่านพ่อจะทำยังไงกับติณณ์คิน สุดท้าย... “และเมื่อไม่มีสภากฎ ก็ไม่มีข้อกำหนดใดๆ...ประกาศแต่งตั้งตำแหน่งใหม่! ให้อคิราห์ ภัทรเดชา รักษาการเป็น Sub Leader ในวาระถัดไป! โดยมีอำนาจควบคุมเทียบเท่า Leader และ Leader’s Wife แต่อำนาจการตัดสินใจให้ผ่านการพิจารณาจาก ติณณวัชร์ ภัทรเดชา ตามเงื่อนไข Emergency Privilege เพียงผู้เดียว...โดยไม่มีข้อแม้ใด!!!” หึ... ถึงจะแอบจะเห็นคิระทำหน้าสงสัยในคำพูดของท่านพ่อ แต่ท่านก็ยังคงเก๊กขรึม ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไร “ทุกการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมานี้ให้มีผลบังคับใช้ทันที นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป!” ‘รับทราบ!’ / “รับทราบ!” เสียงขานรับสุดท้าย ถือเป็นที่สิ้นสุดของปัญหาเรื้อรังที่สะสมมายาวนาน แม้สีหน้าของคิระจะเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันที่คนข้างในจะแยกย้าย ลูกน้องคนเดิมของฉันก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบางอย่างในมือที่ดูเป็นทางการ ซองจดหมายสีน้ำเงินเข้มที่ Dark Shadow ทุกคนต่างก็คุ้นเคยกับมัน... “นายหญิงครับ มีจดหมายจากคุณเตโ.... เอ่อ ท่านผู้นำ ฝากให้นายหญิงหลังได้รับการแต่งตั้งครับ” ถึงจะดูงงๆ และแอบคิดว่ามันอาจจะเป็นซองจดหมายพิสดารอีกครึ่งนึงของท่านพ่อ แต่ก็ไม่ใช่แฮะ... นี่มันเป็นสารจากติณณ์ ที่ฉันคงใช้โควต้าบุญบารมีที่สั่งสมมาทั้งชีวิตไปแล้วทันทีที่เปิดอ่านมัน เพราะลายเส้นของตัวอักษร มันเขียนด้วยปากกาขนนกหรือ Quill... หนึ่งในสามด้ามที่ถูกเก็บไว้ที่ Zirconia เรียกได้ว่ามันคือจดหมายที่เป็นทางการที่สุดในชีวิตแล้ว ที่ติณณ์มันส่งถึงฉัน‘Dear Acting Leader,
(ถึง รักษาการ,)This is not the command of Dark Shadow’s Leader
but it is a request… from your brother. (นี่ไม่ใช่คำสั่งของผู้นำแห่ง Dark Shadow แต่เป็นคำขอ... จากน้องชายของคุณ)As a high level of Dark Shadow member,
“Could you please stamp the Dark Shadow's Personal Stamp to confirm status of your sister-in-law?” (ในฐานะ Member ระดับสูงของ Dark Shadow “คุณช่วยประทับตรา Dark Shadow เพื่อยืนยันสถานะให้น้องสะใภ้ของคุณได้หรือไม่?”)I would be grateful to you if you could consider that request,
(ผมจะขอบคุณคุณมาก ถ้าคุณสามารถพิจารณาคำขอนั้น)Tinnawat P.
(ติณณ์วัชร์ ภัทรเดชา)“คิระ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ไม่ใช่แค่ฉันหรอก แต่ DS Member ทุกคนก็ดูสับสนพอกัน ถ้าเรียกตัวคืนสู่สังกัด แปลว่ามาโครอยู่สังกัดของเรา? แต่จะเป็นไปได้ไงก็ในเมื่อแม็ค...“ว่ากันว่า...ถ้าจะหลอกศัตรูให้ตายใจ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ซะก่อน”คิระเดินตรงเข้ามาหาฉัน และมองลงไปที่กลางสนามประลอง เห็นแม็คกับเลย์ยืนอยู่ข้างล่างท่ามกลางความเงียบงันที่ไม่มีใครพูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น สองคนนั้นกับติณณ์และท่านพ่อ ก็ยังหันมาดูปฏิกิริยาของฉันด้วยซ้ำพรึ่บ! หมับ!ได้ฟังแบบนั้นฉันก็ก้าวขาจะเดินลงไปข้างล่าง แต่คินมันดันมาคว้าแขนไว้ และกระชากกลับไปอย่างแรง พร้อมกับพูดด้วยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ติณณ์“ครั้งนี้ไม่เอาตัวแถม ถ้าพวกมันรักเธอ...พวกมันก็มีเรื่องต้องเคลียร์กัน!”แล้วพอคินพูดจบ อยู่ๆติณณ์ก็โยนดาบคาตานะสองเล่มให้แม็คกับเลย์ที่ก็ยื่นมือไปรับมัน นั่นทำให้ฉันวิตกขึ้นมา เพราะแม็คน่ะ...ใช้ดาบคาตานะคล่องมากอยู่ละ แต่เลย์กับดาบคาตานะน่ะ...“ศิษย์สำนักเดียวกัน ไม่เห็นต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้น”“สำนักเดียวกัน?” ฉันหันไปหาคินด้วยสีหน้างงๆ“ก็ใครสอนไอ้แม็ค? ใครประทับตราให้มัน?”คิระตอบกลับคำถามขอ
สองวันต่อมา...@ Dark Shadow Castle (JAPAN)“โห สวยมากกกก เจ๊คือสวยในสวย สวยโคตรๆ สวยแบบถ้าเลย์เห็นต้องยกเลิกงานแต่ง ลากไปขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาพบผู้คนแน่ๆ O[]O”เสียงนิลลาอวยฉันที่ยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกไปมาในชุดเจ้าสาวที่เคยใส่แล้ว แต่วันนี้มันดูแปลกตากว่าครั้งนั้น คงเพราะทรงผมที่ทำมันไม่เหมือนกันล่ะมั้ง“หรอ -/////- แต่นั่นน่าจะเป็นนิสัยดิบเถื่อนของพายุมากกว่า”“แหะๆ อย่าเปิดประเด็นนินทาพายสิคะ รายนั้นยิ่งชอบเจ้ากี้เจ้าการ บังคับให้แต่งๆอยู่ได้ ไม่สนใจคนรอบข้างเลยอ่ะ -*-”“อ้าวโรส เฮียพายมาหรอ”“เย้ยยย ไอ้ด้า! เดี๋ยวกูตบกบาล”อ๋อ! รู้ละอีกอย่างนึงที่มันต่าง คือความครื้นเครงในห้องแต่งตัวเจ้าสาวตอนนี้ ที่เต็มไปด้วยบรรดา Nightshade’s Lady มาช่วยตรวจความเรียบร้อยให้ แถมยังตื่นเต้นกว่าฉันที่สวมชุดเองซะอีก“ก็สวยจริงๆนั่นแหละนะ”โมเน่ต์พูดไปแล้วจัดระเบียบชุดเจ้าสาวของฉันไปด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นแบบเคลียร์ใจกันทั้งหมดแล้วก็นะ เพราะฉันกับติณณ์อายุห่างกันนิดหน่อย แถมยังเรียนมหาลัยปีเดียวกัน เราเลยคงสรรพนามเดิมคือเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ๊หรืออะไรจริงจัง เพราะทั้งติณณ์และคิระ ถ้า
หลายวันต่อมา...@ Dark Shadow Castleหลังผ่านการพิพากษาคิระ ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนจะจบลงด้วยดี เพียงแต่...ไอ้สองพี่น้องขี้เก๊กนั่นมันก็ยังไม่ยอมเปิดใจคุยกันตรงๆสักทีก็...แล้วแต่นะ การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดอยู่แล้วนี่อ้อ...ลืมบอกไปนิด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฉันนี่แหละ ที่เป็นคนประทับตรา Dark Shadow ให้โมเน่ต์ตามคำขอของติณณ์ ซึ่งเราก็ไม่เห็นหน้ากันตรงๆหรอกนะ ฉันเข้าไปประทับให้ตอนที่เธอหันหลัง เพราะยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน และอย่างที่รู้... โมเน่ต์กับฉันก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันหรอกตั้งแต่ที่ชมรมละแต่ไม่รู้ไปประทับอะไรผิดพลาดรึเปล่า เพราะอยู่ๆโมเน่ต์ก็ขอให้ติณณ์พามาที่ Castle ตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นตลอด Nightshade เองก็แวะเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน จนตอนนี้กลายเป็น Ztudio Nightshade นั่นแหละที่ร้าง ในขณะที่ Castle ฝั่งติณณ์...ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!เสียงลั่นไกในห้องซ้อมยิงปืนจาก CCTV ที่เคนชินมันต่อเข้ามานั่งดูในห้องโถงของ Castle ฝั่งฉัน ดังสนั่นแบบที่ไอ้หมอนี่ไม่เห็นหัวเจ้าของ Castle ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่นี่เลยด้วยซ้ำ -_-แถมลูกน้องของฉันอีกหลายคนก็กำลังสุมหัว รอลุ้นวิถีกระสุนของโมเน่ต์
อีกด้านหนึ่งของ Dark Shadow Castleก๊อก ก๊อก ก๊อก...ฉันเคาะประตูห้องทำงานของติณณ์ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ และถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในซึ่งก็มีติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตาก็เป็นอย่างที่คาดไว้หมอนี่...กำลังเสียใจก่อนที่ฉันจะยื่นอัลบั้มรูปในมือที่ตอนไปค้นรูปคิระให้ลิซ บังเอิญไปเจออัลบั้มที่มีรูปติณณ์กับคินถ่ายด้วยกันสมัยเด็กๆก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนี่อยากได้มั้ย...แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ ฉัน...อยากให้“ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่”พรึ่บ!ติณณ์พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วเลย์ที่มาด้วยกันก็วางเอกสารทั้งหมดที่ฉันได้จากเคนชินเรื่องสภาค้ายาลงบนโต๊ะแบบไม่พูดอะไรแต่ความเป็น Nightshade มันบอกชัด ว่าเลย์ก็ไม่ได้สบายใจที่ติณณ์มันอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่...จุกแต่พูดอะไรไมได้“หลายอย่างน้องมันอาจตั้งใจ แต่บางการกระทำก็มีเหตุผลให้เป็นไป”ฉันพูดออกไป แล้วพอได้ฟังแบบนั้นติณณ์มันก็มองมานิ่งๆ และไม่มีทีท่าจะเปิดดูทั้งอัลบั้มรูปและเอกสารที่พวกฉันหอบมาให้สักนิด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของหมอนี่อยู่แล้วแหละ ที่จะดูหรือไม่ดูก็ได้“เข้าด้วยมั้ย?”คำถามคลุมเครือจากติณณ์ถูกส่งมา ด้วยแววตาที่ดูเหมือนกำลังหาที่พึ่ง
หลายชั่วโมงต่อมา...“ยุติสถานการณ์บนเกาะพร้อมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของฉันมารายงานผลด้วยการกระซิบเบาๆเล่นเอาโล่งใจไปตามๆกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลิซที่กำลังนั่งดูรูปคิระที่หน้าบูดตั้งแต่เด็กอยู่คนเดียว“คิกๆๆ ตาลุงคนนี้นี่หน้าตาโกตั๊กจังเลยนะคะเนี่ย ^_^”“แล้วสองคนนั้น?”ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะเท่าที่ดูเหมือนลิซไม่รู้ว่าคิระเป็นใครด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นเกือบโดนคนของสภาเอาตัวไป แต่ไม่รู้คินมันหลอกน้องหรือความไร้เดียงสาทำให้ลิซคิดว่าฉันรวยมากเลยจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ -.-ส่วนเหตุผลที่มาที่นี่ก็พีคกว่าไง น้องมันโดนไอ้คินชวนมาล่าท้าผี เป่าหูลิซว่าที่นี่คือปราสาทร้อยปี แถมยังมีขนนกนำโชคที่จะทำให้พบรักแท้ซะด้วย หึหึ... เป็นประวัติ Castle ที่ช่าง...น่าสนใจ =_=^“คุณเตโชกับคุณคิระบาดเจ็บนิดหน่อย แต่โดยรวมปลอดภัยดีครับ Nightshade กับ Nightshade’s Lady ก็กลับมาที่นี่แล้ว อ้อ ส่วนคุณเลโอก็สบายมากหายห่วง ลูกพี่เคนชินขอตัวไปเปลี่ยนชุด แล้วจะกลับมาทำหน้าที่ต่อครับ ^_^”น้ำเสียงกับสีหน้าระรื่นของลูกน้องที่มารายงานถูกส่งมาให้ฉันแบบสวมรอยเคนชินมาชัดๆ หึ... ไอ้ล
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...“คนของเราวางบอมบ์ได้ 60% จากพื้นที่ทั้งหมดแล้วครับ พิกัดแรกเราจะระเบิดคลังยาที่…”“คุณโมเน่ต์อาการไม่ดีเลยครับนายหญิง”ระหว่างที่ฉันกำลังสนใจสัญญาณที่คนของเราให้มาเป็นระยะว่าจะระเบิดคลังยานรกแต่ละที่ตอนไหน เคนชินที่หันไปเห็นโมเน่ต์จากภาพใน CCTV ที่เราเลิกสนใจตั้งแต่ติณณ์เดินออกไปก็พูดขึ้นมาได้ฟังแบบนั้นฉันเลยละความสนใจและหันไปดูโมเน่ต์ที่เดินวนไปวนมาโดยมีมือถือเครื่องหนึ่งแนบหู ซึ่งก็คงพยายามโทรหาติณณ์ที่ชิ่งออกไปแบบให้คำตอบคลุมเครือนั่นแหละนะถ้าให้ทาย“คนของเราอยู่ในนั้นแล้วใช่มั้ย?”“ครับ แฝงตัวเข้าไปตอนรายงานพิกัด”“งั้นก็ไม่มีไรต้องกังวลนี่”แล้วจังหวะที่ฉันกำลังหมุนตัวกลับไปดูพิกัดวางระเบิดหลังคุยเรื่องโมเน่ต์กับเคนชิน เสียงคนของเราที่ Castle ฝั่งติณณ์ก็ตะโกนเรียกออกมาดังลั่น‘นายหญิงครับ นายหญิง!!!’ “ว่า?”“คุณโมเน่ต์อยู่ๆก็หมดสติไปครับ”ตึงงงง!ได้ยินคำตอบจากเคนชินที่ตอบแทนลูกน้องที่อยู่ข้างใน ทำให้ฉันรีบผลักประตูและวิ่งข้ามทางเชื่อมตรงไปที่ Castle ฝั่งติณณ์ทันที“เคนชินเรียกรถพยาบาล! โมเน่ต์เป็นอะไร?”ฉันหันไปถามลูกน้องติณณ์ที่กำลังอุ้มร่างโมเน่ต์ที่ไร้ส