Share

บทที่ 9

"ใช่เสียงของจำปีหรือเปล่า" เคี้ยงพูดออกมาโดยไม่เจาะจงว่าหล่อนถามใคร

"ใช่ครับ อั๊วขอไปดูก่อน" ชัยตอบพลางลุกจากพื้น

ชายหนุ่มเดินเร็ว ๆ ออกไปยังชานตรงบันไดเรือน ที่นั่น หญิงสาวในชุดเสื้อแขนกระบอกสีน้ำเงินกับผ้าซิ่นสีเดียวกันยืนรออยู่จริงด้วยท่าทางกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

แสงสลัวจากในบ้านส่องให้เห็นใบหน้าของจำปีไม่ถนัดนัก แต่พอชัยเดินเข้าไปใกล้เขาก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของคนรักนั้นซีดเผือด ดวงตาฉายแวววิตกกังวลอย่างปิดไม่มิด มือทั้งสองข้างบีบกันแน่นอยู่ตรงหน้าตัก

"จำปี... มีอะไรรึ มาถึงนี่" ชัยถามเสียงเบาพยายามควบคุมความรู้สึกตัวเองหลังจากเพิ่งมีปากเสียงกับพ่อเรื่องของหล่อนไปหมาด ๆ

จำปีเงยหน้าขึ้นสบตาของเขา แววตาของหล่อนสั่นระริก ก่อนจะตัดสินใจดึงแขนคนรักให้เดินลงบันไดไปสองสามขั้น เพื่อให้พ้นจากสายตาของคนที่อยู่ในตัวเรือนซึ่งอาจจะมองออกมา

"เฮีย..." จำปีเรียกเสียงสั่นเครือ น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด "ฉัน... ฉัน..." หล่อนอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาปี๋แล้วโพล่งออกมา "ฉันท้อง!"

คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจของชัย เขายืนนิ่งตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างจ้องหน้าจำปีอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ล... ลื้อว่าอะไรนะ จำปี"

"ฉันท้อง!" จำปีทวนคำเสียงดังขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงกดเสียงให้ต่ำอยู่ "ฉันเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง" น้ำตาเริ่มคลอหน่วยดวงตาคู่งามของหล่อน

"พ่อกับแม่ฉันยังไม่รู้นะเฮีย ถ้าพวกเขารู้ก่อนที่เราจะแต่งกัน เรื่องใหญ่แน่"

ชัยรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนคว้าง ข่าวนี้มันหนักหน่วงเกินกว่าที่เขาจะตั้งรับได้ทัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่บ้านก็กำลังตึงเครียดอยู่แล้ว

"เฮียต้องรับผิดชอบนะ" จำปีพูดต่ออย่างร้อนรน น้ำเสียงเกือบจะเป็นขอร้อง มือของหล่อนคว้าแขนชัยไว้แน่น "เราต้องรีบแต่งงานกันให้เร็วที่สุด แล้วเรื่องที่พ่อฉันบอก... เรื่องให้เฮียไปอยู่บ้านเรา ไปช่วยงานพ่อ... เฮียต้องรีบตัดสินใจนะ ที่สำคัญ..."

จำปีสูดหายใจลึกกลั้นใจพูดสิ่งที่ยากเย็นที่สุดออกมา "พ่อบอกว่า... สินสอดต้องมีเงินสดห้าร้อยบาทกับทองอีกหนึ่งบาทด้วย... เฮียต้องรีบหามานะ ก่อนที่พ่อแม่ฉันจะรู้เรื่อง"

ห้าร้อยบาทกับทองคำอีกหนึ่งบาท! ตัวเลขนั้นตอกย้ำลงบนความรู้สึกของชัยที่กำลังมึนงงอยู่แล้วให้หนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม เขารู้สึกเหมือนกำลังจะล้มทั้งยืน

แรงกดดันมหาศาลถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ทั้งเรื่องที่ต้องรับผิดชอบจำปี เรื่องที่ต้องขัดใจพ่อแม่ตัวเอง และตอนนี้คือเรื่องเงินสินสอดจำนวนมากที่เขาไม่รู้จะไปหามาจากไหนในเวลาอันสั้น

ชัยได้แต่ยืนนิ่งหน้าซีดเผือดพูดอะไรไม่ออกมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของคนรักด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออกนี้เขาควรจะทำเช่นไร

ในขณะที่ชัยยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อรับมือกับข่าวร้ายและแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาไม่ไหวอยู่นั้น ห่างออกไปไม่ไกลนัก ตรงมุมมืดของชานเรือนก่อนถึงบันไดขั้นสุดท้าย ร่างผอมบางของใช้ที่แอบย่องตามลงมาดูเหตุการณ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ปรากฏขึ้น

เด็กชายซ่อนตัวอยู่หลังเสาไม้ต้นใหญ่เงี่ยหูฟังบทสนทนาเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียดของพี่ชายกับคนรัก แม้จะได้ยินไม่ครบทุกคำแต่คำสำคัญอย่างท้องและพ่อแม่ยังไม่รู้ รวมถึงคำว่าต้องรับผิดชอบและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินสอดห้าร้อย... ทองหนึ่งบาทนั้นดังชัดเจนเข้าหูของใช้เต็ม ๆ ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนตื่นเต้น เรื่องใหญ่ขนาดนี้!

เมื่อเห็นว่าจำปีเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นและชัยยังคงยืนนิ่งเหมือนคนสติหลุด ใช้ก็รีบหมุนตัวย่องกลับขึ้นเรือนไปอย่างเงียบเชียบที่สุด เขารีบตรงไปยังจุดที่พ่อกับแม่นั่งอยู่ทันที ลืมเรื่องที่ตัวเองโดนพ่อดุไปเสียสนิท

"ป๊า! ม๊า!" ใช้ พยายามกระซิบเสียงเบาเรียกพ่อกับแม่ก่อนจะแสดงสีหน้าตื่นตระหนก "แย่แล้ว! เฮียชัย..."

ตงกับเคี้ยงหันมามองลูกชายคนเล็กพร้อมกันด้วยความสงสัย "อะไรของลื้ออาตี๋" ป๊าทำสีหน้าคล้ายรำคาญ

"อั๊วแอบได้ยินเฮียคุยกับพี่จำปี!" ใช้รายงานเสียงสั่น "หล่อน... บอกว่าตัวเองท้อง! แล้วพ่อของหล่อน... พ่อของหล่อนต้องการเรียกสินสอดตั้งห้าร้อยบาทกับทองอีกบาทนึงแน่ะ!"

สิ้นเสียงของใช้ป๊าของเขาก็ตบเข่าตัวเองดังฉาด! ลุกพรวดขึ้นยืนทันที ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำด้วยความโกรธจัด เส้นเลือดปูดโปนขึ้นที่ขมับ

"อั๊วว่าแล้ว! ไม่ผิดจริง ๆ! ไอ้ลูกเวรตะไลคนนี้!" เสียงของชายวัยกลางคนดังลั่นไปทั่วบ้านจนหลินสะดุ้งสุดตัว "อั๊วเตือนมันกี่ครั้งกี่หนแล้ว! เรื่องผู้หญิงคนนี้! บอกให้มันยับยั้งชั่งใจรู้จักป้องกันตัวเอง! ไม่เคยจะฟังกันเลย!"

ป๊าของสองพี่น้องกำหมัดแน่นเดินวนไปมาเหมือนเสือ ติดจั่น "หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ครอบครัวจนได้! ทำผู้หญิงท้องก่อนแต่ง! แล้วดูสินสอดที่มันเรียกมา! ห้าร้อย! ทองอีกบาท! นี่มันไม่เรียกว่าปล้นกันหรอกเหรอ"

ทางด้านเคี้ยงพอได้ยินข่าวร้ายนี้หล่อนก็หน้าซีดเผือด ยกมือขึ้นทาบอกอย่างคนหัวใจจะวาย น้ำตาไหลพรากออกมาทันที "ตายแล้ว... ตายแล้วจริงๆ อาชัย... ทำไมทำเรื่องแบบนี้... แล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน... อีกทั้งสินสอดตั้งมากมายขนาดนั้น เราจะไปหามาจากไหนกัน" นางเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ กลัดกลุ้ม และอับอาย

หลินนั่งตัวลีบมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว ถึงกระนั้นด้วยความที่เธอคือผู้ใหญ่ที่อยู่ในร่างของเด็กน้อยเจ้าตัวก็พยายามตั้งสติและคิดหาทางออกให้กับครอบครัวของตนในตอนนี้

"อาม่า! อากง! หนูคิดว่าทุกคนควรจะใจเย็นก่อนนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ก็จริง ทว่าในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วมีทางเดียวคือเราต้องรีบหาทางแก้ไข" เสียงเล็กใสแต่แฝงความหนักแน่นของหลินดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด

ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์โกรธและเสียใจชะงักไปเล็กน้อยหันมามองเด็กหญิงเป็นตาเดียว หลินสูดหายใจเข้าปอดลึกพยายามรวบรวมความกล้า

"หนูว่า อาม่าลองไปเรียกเฮียชัยกับพี่จำปีขึ้นมาคุยกันดี ๆ ก่อนดีไหมคะ บางทีเรื่องสินสอดอาจจะพอคุยกันได้"

เคี้ยงมองหน้าหลานสาวด้วยแววตาประหลาดใจระคนทึ่งก่อนจะหันไปสบตากับสามี อากงตงยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงแต่ก็พยักหน้าอนุญาตเพราะอย่างไรเสียก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอยู่ดี เคี้ยงจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปยังบันไดบ้านแล้วส่งเสียงเรียกคนทั้งคู่

"อาชัย อาจำปี ขึ้นมาคุยกันบนบ้านก่อนลูก"

ครู่ต่อมาชัยกับจำปีก็เดินขึ้นมาบนเรือน ทั้งคู่หน้าซีดเผือด จำปียังมีคราบน้ำตาเปรอะแก้ม เธอหลบสายตาเกรี้ยวกราดของอากงก้มหน้างุดยืนอยู่ข้างชัยพยายามทำตัวลีบเล็ก

"นั่งก่อนสิ" อาม่าเอ่ยขึ้นเสียงเบาพยายามทำให้น้ำเสียงเป็นปกติที่สุด

เมื่อทั้งคู่นั่งลงแล้ว อาม่าก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้

"อาจำปี... เรื่องสินสอดที่พ่อหนูเรียกมา... ห้าร้อยกับทองบาทนึงน่ะลูก..." นางเว้นช่วง กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก "มัน... มันก็หนักหนาเอาการอยู่สำหรับบ้านเรา หนูพอจะมีทางพูดคุยกับพ่อแม่หนูขอลดหย่อนลงบ้างได้ไหมจ๊ะ" เคี้ยงพยายามนึกคำที่ตัวเองนึกออกพูดออกมาอย่างช้าชัดเท่าที่จะทำได้

จำปีส่ายหน้าด้วยน้ำตาคลอหน่วย "หนู... หนูไม่กล้าพูดหรอกค่ะม๊า พ่อหนูเขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้าเขารู้ว่าหนูท้องก่อนแต่งแบบนี้แล้วเรายังไปต่อรองอีก เขา..เขาต้องโกรธมากแน่ ๆ ค่ะ" เสียงของหล่อนสั่นเครือ

คำตอบนั้นทำให้อาม่าหน้าเสียลงไปอีก อากงถอนหายใจอย่างแรงด้วยความขัดใจเมื่อเห็นว่าการเจรจาเรื่องสินสอดไม่เป็นผล และบรรยากาศก็กดดันจนน่าอึดอัด จำปีจึงรีบยกมือไหว้ลา

"เอ่อ... งั้น... หนูขอกลับก่อนนะคะม๊า ป๊า" หล่อนแทบจะไม่ได้รอคำตอบรีบหันหลังเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ชัยมองตามด้วยแววตาที่สับสนก่อนจะเดินตามลงไปส่งคนรักแค่ที่เชิงบันไดแล้วกลับขึ้นมาบนเรือนอย่างเงียบงัน

หลินมองใบหน้าของทุกคนด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูกเพราะก่อนหน้านี้เธอกำลังจะบอกความจริงเรื่องของพ่อจำปีอยู่ทว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องปล่อยให้ชะตาของแปะเป็นไปตามเดิม

(บางครั้งโชคชะตาของใครก็คงเป็นของคนนั้นเราคงไม่สามารถเปลี่ยนได้ทั้งหมด ทว่ามีทางเดียวคือต้องคอยดูและรับมือตามสถานการณ์) เธอคิด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 180

    ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ อู๋หนิงที่ตอนนี้ได้มีกิจการร้านหม้อไฟใหญ่โตในปักกิ่งก็ก้าวเข้ามาโอบกอดร่างเล็กของหลินไว้ด้วยความรู้สึกตื้นตันอย่างประหลาด น้ำตาไหลรินอาบแก้ม "แม่หนู...ในที่สุดเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง" ก่อนที่ทุกคนจะหายจากความสับสน เสี่ยวหนิวก็เป็นฝ่ายอธิบาย "คุณย

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 179

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย... จากทารกน้อยที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนยิ้มแต้ในเปล บัดนี้ "อาหมวยน้อยหลิน" เติบโตขึ้นเป็นเด็กหญิงวัยห้าขวบที่ฉลาดและน่ารักเกินวัย เธอกำลังจะเตรียมตัวเข้าโรงเรียนอนุบาลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเด็กหญิงได้เห็นกิจการของครอบครัวเ

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 178

    เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี...ชีวิตของทุกคนในครอบครัวตงและครอบครัวสาขาต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่นและเปี่ยมด้วยความสุข กิจการร้านหมูกระทะขยายสาขาไปอีกหลายแห่งภายใต้การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบตามที่อาทิตย์จัดการ ทำให้ฐานะความเป็นอยู่ของทุกคนยิ่งมั่นคง และแล้วข่าวดีที่ทุกคนรอคอยก็มาเยือนครอบ

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 177

    โอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาได้มาเคาะประตูอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว หลังจากได้ปรึกษาหารือกันในครอบครัวอย่างละเอียด ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่านี่คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้ เคี้ยงจึงได้ตอบตกลงรับข้อเสนอของคุณสมชายผู้จัดการห้างซิตี้มอลล์ในที่สุด ไม่นานนักทีมงา

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 176

    เวลาผ่านไปอีกหกเดือน... หลินน้อยเติบโตขึ้นเป็นทารกที่จ้ำม่ำน่ารักน่าชัง ผิวขาวผ่องและมีดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส เป็นที่รักและเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวใหญ่ ทั้งอากงตงและอาม่าเคี้ยงที่ตอนนี้มีความสุขกับการได้เลี้ยงหลานคนแรกของลูกชายคนเล็กอย่างเต็มที่ รวมถึงลุงชัยและป้าจำปีที่มักจะพ

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 175

    ในสายตาของใครหลายคน ชัยอาจจะดูเป็นลูกชายคนโตที่ทอดทิ้งครอบครัวไปในยามที่ลำบาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องราวของเขาก็เต็มไปด้วยความรัก ความผิดพลาด และการเรียนรู้ที่ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ย้อนกลับไปในวันที่ชัยอายุเพียงสิบแปดปี เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ร้อนรนด้วยความรักที่มีต่อ "จำปี" หญิงสาวที

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status