Share

บทที่ 8

ในขณะที่แสงสุดท้ายของวันค่อย ๆ โรยตัวลงหลังแนวไม้ไผ่ห่างออกไปไม่ไกลท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอมม่วงไล่เฉดจนเข้มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมลมเย็นที่พัดผ่านใบไม้ให้สั่นไหวแผ่วเบา เป็นความสบายที่แตกต่างจากอากาศร้อนอบอ้าวของช่วงกลางวันโดยสิ้นเชิง

ม่าเคี้ยงเดินนำหลินลงมายังท่าน้ำหลังบ้านริมคลองสายเล็กที่ไหลเอื่อย มีเพียงแผ่นไม้ไม่กี่แผ่นปูต่อกันยื่นออกไปพอให้ยืนเหยียบได้พอดี บันไดไม้เล็ก ๆ นำทางลงสู่ผืนน้ำขุ่นข้นที่มีกลิ่นดินเฉพาะตัว

ในมืออาม่ามีขันอะลูมิเนียมใบเล็กกับสบู่สมุนไพรสีเขียวเข้ม กลิ่นหอมจาง ๆ แบบไทยแท้โชยออกมา หลินอยู่ในผ้าถุงลายดอกสีซีดกระโจมอกตามแบบฉบับของหญิงสาวยุคก่อนที่อาม่าเป็นคนช่วยนุ่งให้เรียบร้อย

มันทั้งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น ความรู้สึกโล่ง ๆ วูบวาบที่เธอไม่เคยชินในชีวิตประจำวันที่ต้องมาอาบน้ำในที่โล่งแจ้งพลันเกิดขึ้น

“ลงมาสิอาหมวย น้ำกำลังเย็นสบายเลย” เสียงอาม่าที่ลงไปยืนอยู่ในน้ำระดับเอวแล้วเอ่ยเรียกพร้อมกับกวักมือส่งยิ้มมาอย่างอ่อนโยน

หลินสูดลมหายใจลึกก่อนจะค่อย ๆ ย่ำบันไดไม้ลงไปทีละขั้น เมื่อฝ่าเท้าแตะกับผิวน้ำความเย็นวาบแล่นไล่จากเท้าขึ้นมาถึงแผ่นหลังทำเอาสะดุ้งเล็กน้อย แต่แล้วความสดชื่นก็เข้ามาแทนที่จนเธอหลุดยิ้มออกมา

“มานี่ มาใกล้ ๆ ม่า” อาม่าดึงมือหลานสาวให้มายืนเคียงข้าง ให้น้ำในคลองตรงขั้นบันไดลึกถึงอกของเด็กหญิงพอดี “ค่อย ๆ ตักน้ำราดตัวนะ ทำแบบนี้” เสียงนุ่ม ๆ ของอาม่าพร้อมการสาธิตตักน้ำราดลงไหล่อย่างแช่มช้า

หลินรับขันมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้วลองตักน้ำราดบ่าตัวเองดูบ้าง แม้จะรู้ว่าน้ำคลองไม่สะอาดเท่าน้ำประปาแต่มันกลับให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติอย่างบอกไม่ถูก มีกลิ่นดินกลิ่นไม้ผสมผสานกับความเย็นยามลมพัด

ในขณะที่เธอกำลังตั้งใจอาบน้ำอยู่นั้น เสียงน้ำกระจายตูมใหญ่จากฝั่งตรงข้ามทำให้หลินเงยหน้าขึ้นทันที ภาพเด็กชายวัยไล่เลี่ยกันกับเธอบ้างตัวเปล่าเปลือย บ้างสวมกางเกงขาสั้นตัวเก่าวิ่งกระโดดจากท่าน้ำไม้สูง ๆ ลงคลอง แข่งกันดำผุดดำว่ายในน้ำที่เริ่มมืดลงด้วยแสงตะวันสุดท้ายก่อนตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักดังไปทั่ว

สายตาหลินติดอยู่ที่ภาพนั้นอย่างลืมตัว สำหรับเธอการอาบน้ำในคลองร่วมกับคนทั้งชุมชนอย่างนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นและได้ทำมาก่อน แต่ที่นี่... มันคือเรื่องธรรมดาในวิถีชีวิตของผู้คน

ไม่นานความเขินอายที่เคยมีเริ่มละลายไปกับสายน้ำ อาม่ายังคงช่วยเธออาบน้ำอย่างใจเย็นไม่ใส่ใจเสียงโหวกเหวกจากอีกฝั่งคลอง หลินจึงได้แต่ยืนให้ม่าช่วยถูสบู่และราดน้ำให้ เธอรู้สึกทั้งอบอุ่นและปลอดภัยในคราวเดียว

เสียงจ๋อมแจ๋มของน้ำที่เธอตักเล่นผสมกับเสียงจิ้งหรีดเรไรยามค่ำที่เริ่มร้องรับแสงดาวเป็นบรรยากาศที่ทั้งเรียบง่ายและงดงามในแบบที่หลินไม่เคยสัมผัส

หลังจากอาบน้ำจนสะอาดสะอ้านอาม่าก็จูงหลานสาวขึ้นจากน้ำมายังท่าน้ำด้านบน ลมเย็นปะทะตัวเปียก ๆ ของหลินจนขนลุกชัน

“เอาละ รีบเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน เดี๋ยวจะไม่สบาย” อาม่าพูดพลางส่งผ้าขนหนูเก่าแต่หอมแดดให้หลิน เธอรับมาพันรอบตัวอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ชินกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงที่โล่งแจ้งแบบนี้

อาม่าเปลี่ยนชุดอย่างคล่องแคล่ว หลินมองแล้วก็พยายามเลียนแบบแต่ก็ไม่วายเก้ ๆ กัง ๆ จนอาม่าต้องเข้ามาช่วยจัดการให้ เสื้อคอกลมผ้าป่านตัวบางกับกางเกงขาสั้นซึ่งหลินคิดว่าน่าจะเป็นกางเกงตัวเก่าของป๊าตัวเองให้ความรู้สึกสบายตัวอย่างประหลาด

เมื่อแต่งตัวเสร็จลมเย็นที่เคยหนาวก็กลายเป็นสายลมอุ่น ที่พัดเอาความเหนื่อยล้าออกไป หลินเดินตามอาม่ากลับขึ้นบ้านที่มีแสงไฟสีส้มสลัวส่องลอดบานหน้าต่างออกมาดูอบอุ่นราวตักของใครบางคน

ภายในบ้าน เฮียชัยกับใช้อาบน้ำเสร็จแล้ว ทั้งสองนั่งเป่าลมไล่ยุงอยู่ข้างอากงที่กำลังสูบยาเส้นกลิ่นฉุนจางอยู่เงียบ ๆ ในเวลานั้นเองเสียงท้องของหลินร้องดังขึ้นท่ามกลางความสงบ เธอสะดุ้งรีบยกมือกุมท้องใบหน้าเห่อร้อนด้วยความอายอย่างช่วยไม่ได้ อาม่าหันขวับมามองก่อนจะหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู

“อ้าว ท้องร้องเสียงดังเชียว หิวแล้วล่ะสิเรา”

แต่เจ้าตัวแสบอย่างใช้กลับหัวเราะลั่น “โห เปี๊ยก! ท้องลื้อร้องอย่างกับกบแน่ะ กินหวานเย็นไปตั้งเยอะยังไม่อิ่มอีกเหรอ!”

“อาตี๋!” อาม่าปรามลูกชายเสียงเรียบแต่อ่อนโยน ก่อนจะลูบหัวหลานสาวเบา ๆ อย่างปลอบใจ

“หิวก็ไม่เป็นไรลูก ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มากินข้าวกันเถอะ ว่าแต่เฮียจะไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอ?” อาม่าหันไปถามอากงที่เพิ่งโยนมวนยาเส้นลงข้างบ้านโดยมีหลินมองตามพลางคิดว่ามันจะไม่ไปไหม้อะไรใช่ไหม

“กินก่อนก็ได้ เดี๋ยวอั๊วค่อยไปอาบ อาบดึกหน่อยจะได้นอนสบาย” อากงตอบเนิบช้าพร้อมลมหายใจที่พ่นออกมาโดยยังมีกลิ่นควันของยาเส้นติดอยู่

พออากงว่าอย่างนั้นใช้ก็รีบยกถาดกับข้าวมาวางกลางบ้าน ชัยลุกไปยกหม้อข้าวต้ม ส่วนหลินก็มองซ้ายขวา มือไม้พันกันเพราะไม่รู้ควรช่วยอะไร

“อาหมวยลื้อมาช่วยยกถ้วยกับม่าเถอะลูก” เสียงอาม่าเรียกทำให้หลินรีบพยักหน้าก่อนจะเดินตรงไปหาอย่างเต็มใจ

ทุกคนนั่งล้อมวงรอบถาดกับข้าวที่วางอยู่บนเสื่อกลางพื้นบ้าน มีข้าวต้มร้อน ๆ ในชามของแต่ละคน กับข้าวมีเพียงไข่เจียวที่เพิ่งทอดเมื่อตอนเย็นกับผัดผักกวางตุ้งง่าย ๆ แม้จะเป็นมื้ออาหารที่แสนธรรมดาแต่การได้นั่งกินพร้อมหน้ากันก็ทำให้หลินรู้สึกอบอุ่น เสียงช้อนสังกะสีกระทบกับชามกระเบื้องกอปรกับเสียงเคี้ยวข้าวแผ่วเบาทำให้หลินรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ก็ไม่เลว

หลินตักข้าวต้มคำเล็ก ๆ เข้าปากมองดูทุกคนสลับกันไปมา อากงกินข้าวต้มโดยใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวเข้าปาก ส่วนอาม่าคอยตักกับข้าวให้ทุกคน

ทางด้านใช้ก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะความหิวหรืออาจจะเพราะไม่อยากอยู่ในความเงียบ เฮียชัยเองก็กินน้อยลงดูเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา

และแล้วในจังหวะที่หลายคนกำลังตักข้าวต้มคำต่อไปนั่นเอง ชัยก็วางช้อนลงข้างชาม เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อและแม่สลับกันก่อนจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

"ป๊า ม๊า... เรื่องที่อั๊วบอกเมื่อสองวันก่อน ป๊าม๊าจะว่ายังไงทางนั้นกำลังรอคำตอบอยู่" คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในวงข้าวมองเขาเป็นทางเดียว

เสียงช้อนกระทบชามเงียบกริบลงทันทีเช่นกัน ทุกการเคลื่อนไหวหยุดชะงัก อากงเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มดวงตาที่เคยเรียบเฉยเมื่อครู่ฉายแววขุ่นมัวขึ้น

ด้านอาม่าเคี้ยงมือที่กำลังจะตักกับข้าวให้หลินก็ชะงักค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ส่วนใช้ทำตาโตมองพี่ชายสลับกับพ่อเหมือนรอว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป

หลินเองก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ความอบอุ่นเมื่อครู่หายวับไปกลายเป็นความเงียบที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด เด็กหญิงกลืนข้าวต้มในปากลงคออย่างยากลำบากไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน เจ้าตัวเล็กคิดพลางมองทุกคนสลับกันไปมา

"ป๊าก็รู้ว่าเพราะอะไร" ชัยพูดต่อเสียงเบาลงเล็กน้อย แต่ยังคงหนักแน่นถึงการตัดสินใจของตน

"พ่อของจำปี... เขาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เขาอยากให้อั๊วไปช่วยงานที่บ้าน... หลังแต่งงาน อั๊วเองก็ไม่มีทางเลือกป๊าก็รู้อั๊วกับจำปีรักกัน อีกอย่างนี่ก็เป็นโชคดีของอั๊วแล้วที่อียอมแต่งด้วย"

คำพูดต่อมาของชัยจึงทำให้หลินรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าแปะกำลังจะขอแยกออกไปอยู่ที่อื่น ซึ่งแปะคงยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของอึ้มนั้นไม่ได้เป็นผู้รับเหมาแต่ว่าเป็นแค่คนงานก่อสร้างธรรมดา และที่ต้องการเอาแปะไปอยู่ด้วยก็เพื่อต้องการแรงงานฟรี เราจะบอกเรื่องนี้ออกไปดีไหมนะ ท่าทางครุ่นคิดของเด็กหญิงหาได้รอดพ้นสายตาของป๊าในร่างของเด็กอายุสิบสี่

"เปี๊ยกลื้อกำลังคิดอะไร" ใช้กระซิบถามเสียงเบาอย่างระมัดระวัง

ทว่าหลินยังไม่ทันได้ตอบชานบันไดหน้าเรือนก็มีเสียงหวานใสของคนผู้หนึ่งดังขึ้นเสียก่อน

"พี่ชัย อยู่ไหมจ๊ะ"
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 180

    ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ อู๋หนิงที่ตอนนี้ได้มีกิจการร้านหม้อไฟใหญ่โตในปักกิ่งก็ก้าวเข้ามาโอบกอดร่างเล็กของหลินไว้ด้วยความรู้สึกตื้นตันอย่างประหลาด น้ำตาไหลรินอาบแก้ม "แม่หนู...ในที่สุดเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง" ก่อนที่ทุกคนจะหายจากความสับสน เสี่ยวหนิวก็เป็นฝ่ายอธิบาย "คุณย

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 179

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย... จากทารกน้อยที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนยิ้มแต้ในเปล บัดนี้ "อาหมวยน้อยหลิน" เติบโตขึ้นเป็นเด็กหญิงวัยห้าขวบที่ฉลาดและน่ารักเกินวัย เธอกำลังจะเตรียมตัวเข้าโรงเรียนอนุบาลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเด็กหญิงได้เห็นกิจการของครอบครัวเ

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 178

    เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี...ชีวิตของทุกคนในครอบครัวตงและครอบครัวสาขาต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่นและเปี่ยมด้วยความสุข กิจการร้านหมูกระทะขยายสาขาไปอีกหลายแห่งภายใต้การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบตามที่อาทิตย์จัดการ ทำให้ฐานะความเป็นอยู่ของทุกคนยิ่งมั่นคง และแล้วข่าวดีที่ทุกคนรอคอยก็มาเยือนครอบ

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 177

    โอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาได้มาเคาะประตูอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว หลังจากได้ปรึกษาหารือกันในครอบครัวอย่างละเอียด ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่านี่คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้ เคี้ยงจึงได้ตอบตกลงรับข้อเสนอของคุณสมชายผู้จัดการห้างซิตี้มอลล์ในที่สุด ไม่นานนักทีมงา

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 176

    เวลาผ่านไปอีกหกเดือน... หลินน้อยเติบโตขึ้นเป็นทารกที่จ้ำม่ำน่ารักน่าชัง ผิวขาวผ่องและมีดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส เป็นที่รักและเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวใหญ่ ทั้งอากงตงและอาม่าเคี้ยงที่ตอนนี้มีความสุขกับการได้เลี้ยงหลานคนแรกของลูกชายคนเล็กอย่างเต็มที่ รวมถึงลุงชัยและป้าจำปีที่มักจะพ

  • OMG!! ฉันย้อนเวลากลับมาเจอปะป๊าตอนเขาอายุ14    บทที่ 175

    ในสายตาของใครหลายคน ชัยอาจจะดูเป็นลูกชายคนโตที่ทอดทิ้งครอบครัวไปในยามที่ลำบาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องราวของเขาก็เต็มไปด้วยความรัก ความผิดพลาด และการเรียนรู้ที่ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ย้อนกลับไปในวันที่ชัยอายุเพียงสิบแปดปี เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ร้อนรนด้วยความรักที่มีต่อ "จำปี" หญิงสาวที

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status