“แต่งค่ะ” หลังจากคำตอบแสนหวานจากคนที่เขารักที่สุดออกมา การัณย์ก็ไม่รอช้ารีบสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที เขาลุกขึ้นมากอดหญิงสาวบนเตียงด้วยความรักใคร่เป็นที่สุด“พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องไวน์กับลูกของเราให้ดีที่สุด เชื่อใจพี่นะครับ” “ค่ะ” วรัญชิตาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอไปเต็มเบ้าตา มันเป็นหยาดธาราที่มาจากความปลื้มปิติใจ ถึงแม้ว่าการถูกขอแต่งงานมันออกจะล่อแหลมไปนิด เพราะเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ท่ามกลางหิมะที่ตกอยู่ด้านนอก แต่ก็สมกับเป็นคู่เธอจริง ๆเพราะจุดเริ่มต้นก็มาจากการเกือบจะ One Night Stand กัน แต่วันนี้ดันกลายมาเป็นสามีภรรยากันเสียอย่างนั้น!“พี่ขออะไรได้ไหม…” “ได้สิคะ” เธอหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของคนรัก อ้อมกอดที่อบอุ่นกว่าสิ่งใด อ้อมกอดที่จะคอยปกป้องเธอได้อย่างปลอดภัย“ขอจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่สมฐานะหน่อยนะครับ ไม่อยากให้น้องไวน์น้อยหน้าใคร จะจัดที่ประเทศไหน กี่วัน แขกกี่พันคนก็ได้ แต่ขอแบบยิ่งใหญ่ จะใช้เงินกี่ร้อยล้านก็พร้อมทุ่ม” “ฮ่า ๆ ได้สิคะ เอาจริง ๆ ไวน์ก็แอบอยากจัดเล็ก ๆ เฉพาะคนในครอบครัวนะ แต่ในเมื่อ ‘สามี’ ขอมาแบบนี้ก็จัดให้ค่ะ” การัณย์หัวใจพองโตเมื่อได้ยินคุณภร
“อยากกอดเมีย…” “แต่พี่เพิ่งตื่นขึ้นมาเองนะคะ เมื่อกี้ยังจะตายอยู่เลย…” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา เพราะเธอไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ชิดกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว“ก็คิดถึง อยากกอด อยากจูบ รู้ไหมว่าสองอาทิตย์ที่เราห่างกันพี่ทรมานแค่ไหน ใจจะขาดอยู่แล้ว” “ไม่ได้เหรอ…” เขาถามเสียงออดอ้อน พลางใช้จมูกโด่งเป็นสันจรดลงที่แก้มนวลทั้งสองข้างไปมาด้วยความคิดถึง“เปล่าค่ะ แค่…” “คิดถึงเมีย…อยากกอดเมีย” หญิงสาวได้แต่นอนใจเต้นแรงกับสรรพนามใหม่ที่เขาใช้ คำก็เมียสองคำก็เมีย เธอเขินจนแทบจะละลายติดกับโซฟาอยู่แล้ว! ฟื้นขึ้นมาก็หื่นเลย ไม่ไหวจะเคลียร์กับคุณชายเขาจริง ๆ“ไม่ให้ปฏิเสธหรอกนะ” ว่าจบริมฝีปากร้อนก็ทาบทับลงมาบนกลีบปากอวบอิ่มของเธอด้วยความโหยหา…เขากดริมฝีปากลงมาอย่างล้ำลึก บดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามาลิ้มชิมความหวานละมุนที่คิดถึงมาเนิ่นนานริมฝีปากของทั้งคู่สอดประสานแลกเปลี่ยนรสจูบให้แก่กันและกันอย่างเป็นจังหวะ ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดโรมรันอย่างไม่มีใครยอมใครเพราะต่างคนก็ต่างคิดถึง…ต่างคนก็ต่างโหยหาจูบครั้งนี้เป็นเหมือนการระบายความอัดอั้นตันใจในเวลาที่ห
บ้านพักตากอากาศของวรัญชิตาเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนแรกก็ยังมีความไม่ชินกับอากาศที่หนาวเหน็บเพราะหิมะตกทุกวันบ้างแต่เธอก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว แถมยังหากิจกรรมใหม่ ๆ มาทำไม่ให้ตัวเองเหงาอยู่เสมอ เช่นเรียนทำอาหารจากป้ามาร์ลีน ขับรถไปเดินเล่นที่ตลาดแถวบ้าน และการไม่เสพข่าวอะไรก็ทำให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะยังร้องไห้บ้างเพราะแผลมันยังสดมาก แต่เธอก็พยายามจะไม่คิดถึงคน ๆ นั้นจะว่าไปแล้ว…การได้มาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ไม่แย่อย่างที่คิด เพราะปกติในชีวิตจะมีแต่คนห้อมล้อมมาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่การได้อยู่กับตัวเองในบรรยากาศธรรมชาติปราศจากรถติดและความวุ่นวายนั้นเป็นเหมือนยาที่คอยบรรเทาให้จิตใจเธอสงบขึ้นในแต่ละวันเธอใช้เวลาไปกับการตกแต่งบ้าน ทำอาหาร นอนอ่านหนังสือท่ามกลางวิวหิมะตกสวย ๆ แม้ว่าในแต่ละคืนเธอจะยังสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บปวดยังเกาะกินอยู่ในใจ แต่เธอก็ให้กำลังใจตัวเองในกระจกทุกวันว่ามันจะผ่านไป และเธอต้องดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุดเสียงกริ่งดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน…วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอนัดกับป้ามาร์ลีนว่าจะออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินรับลมหนาว แต่ดูเหมือนว่
หลังจากได้รับข้อมูลที่อยู่ของวรัญชิตาจากวรเวชเขาก็รีบติดต่อเลขาให้จัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้เรียบร้อย แม้ว่าเขาไม่อาจจะรอช้าได้เพียงวินาทีที่จะต้องไปขอโทษดวงใจของเขาให้ได้ แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนไป…คือจัดการกับสิ่งเลวทรามที่เอมี่ทำไว้สำนักงานใหญ่ SK-Airwaysการัณย์กลับมาที่สำนักงานใหญ่เพื่อเตรียมตัวคุยกับทีมทนายฝีมือฉกาจประจำตระกูล ทีมไอที และทีมภาพลักษณ์ของบริษัท เขาเดินตรงเข้ามาที่ห้องทำงานเพื่อนั่งรอคนเหล่านั้นและสูบบุหรี่เงียบ ๆ แต่เสียงโวยวายที่หน้าห้องทำให้เขาต้องเปิดประตูไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เข้าไปไม่ได้นะคะ!” “ปล่อยฉันนะ!” ชายหนุ่มเปิดประตูมาเจอภาพการยื้อยุดระหว่างเลขาส้มและเจ้าของชุดเดรสสีแดง โดยที่ตอนนี้คุณส้มดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบจากพละกำลังของเอมี่ การัณย์เลยเดินเข้าไปห้ามสถานการณ์ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ“อยากเข้าก็เข้ามา ไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะกับคุณส้ม” หลังจากได้ยินคำนั้น เอมี่ก็สะบัดมือออกจากเลขาส้มและมองจิกเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม“เป็นแค่เลขาอย่าสะเออะมาสอดเรื่องเจ้านาย!” เธอเอ่ยสั้น ๆ ก่อนเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูใส่หน้าเลขาดัง ๆปัง!“ไง เซอร์ไ
ปัง ปัง ปัง!เสียงเคาะประตูดังลั่นห้อง ปลุกการัณย์ให้ตื่นจากการหลับใหล เขาเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบากจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซัดไปหลายแก้วเมื่อคืนแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องนอนแสนหม่นหมองใครกันที่เข้ามาในเพนต์เฮาส์ของเขาได้…คนที่มีคีย์การ์ดของที่นี่ก็มีแต่วรัญชิตากับเอมี่นี่นา ไม่สิ ยังมีอีกคนคือเก้ากวินทร์พี่ชายเขาแต่เขาภาวนาให้คนที่มาเคาะประตูเป็นวรัญชิตาได้ไหม…เขาคิดถึงเธอจนใจจะขาดแล้วปัง ปัง ปัง!การัณย์รีบขยี้ตาและลุกจากเตียงไปเปิดประตูห้องนอนด้วยความรีบร้อน แต่คนที่มาเคาะประตูโครมครามดันเป็นเก้ากวินทร์เสียอย่างนั้น ร้อยวันพันปีพี่ชายตัวดีของเขาไม่เคยมาที่นี่ วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น…“มึงอ่านข่าวเดี๋ยวนี้เลย” เขารับมาจากพี่ชายด้วยหัวใจที่กระตุกวูบอย่างรุนแรง…ขออย่าให้เป็นข่าวที่ทำร้ายจิตใจของคนที่เขารักเลย แค่นี้เธอก็เจ็บมากพออยู่แล้ว‘ข่าวลือแซ่บซู๊ดปากส่งท้ายปีมาแล้วพวกเธอ…วงในว่ากันว่าไฮโซ ว. เป็นมือที่สามในความสัมพันธ์สุดร้อนฉ่า แถมตอนนี้เธอยังท้องป่องโดยที่ฝ่ายชายไม่รับเป็นผิดชอบอีกด้วย’ ‘นัวชั้นสูงที่แท้จริง! ชาวเน็ตตาดีส่องสตอรี่ IG ของไฮโซสาวอีกคนที่เป็นเจ้าของฉายานางฟ้าแมวจรจัด
ในที่สุดการเดินทางหลายชั่วโมงก็ผ่านพ้นไป ตอนนี้วรัญชิตาได้เดินทางถึงบ้านพักที่ครอบครัวซื้อไว้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เรียบร้อยแล้ว“คุณไวน์…” คริสและมาร์ลีนรีบเดินมากอดต้อนรับอย่างอบอุ่น“คิดถึงจังเลยค่ะ” ด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ดีเลิศจากการเรียนโรงเรียนนานาชาติมาทั้งชีวิต เธอจึงสามารถสื่อสารได้คล่องแคล่วมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เริ่มสนิทกับคริสและมาร์ลีนตั้งแต่เจอกันแรก ๆ“ปีนี้หนาวหน่อยนะคะคุณไวน์ แต่ป้าเตรียมเตาผิงไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” “ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ” เธอเห็นด้วยว่าปีนี้หนาวจริง ๆ ปกติที่เคยมาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วอากาศไม่หนาวขนาดนี้ หรือเป็นเพราะช่วงนี้มันปลายเดือนพฤศจิกาแล้วด้วยอุณหภูมิจึงลดลงต้อนรับฤดูหนาววรัญชิตาถอดเสื้อคลุมออกและนั่งลงบนโซฟาหนังตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น ความอบอุ่นจากเตาผิงที่ถูกจุดไว้ทำให้ใส่แค่เสื้อไหมพรมตัวเดียวก็เอาอยู่โดยไม่ต้องเปิดเครื่องทำความร้อนเพียงไม่นานมาร์ลีนก็นำแก้วโกโก้อุ่น ๆ มาเสิร์ฟ เธอยกดื่มและนั่งคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กับมาร์ลีนและคริสไปเรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินลืมความเศร้าไปชั่วขณะคุณแม่ของเธอคิดถูกจริง ๆ ที่ส่งเธอมาพักใจอยู่ที่นี่ เพราะกา