คินน์ คณิณกรณ์ นักธุรกิจหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีที่เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นรองประธานบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย ครอบครัวรวยล้นฟ้า มีธุรกิจมากมายหลายอย่าง
ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักนามสกุลของเขา ‘วงศ์วรกุลกิตติ์’ แต่ภายใต้หน้ากากของนักธุรกิจ ครอบครัวของเขายังเป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลมากอีกด้วย
คินน์อุ้มร่างของหญิงสาวแปลกหน้าที่เป็นลมไป เข้ามาภายในบ้านอย่างรีบร้อน
“พี่คินน์ นั่นใครคะ” น้องสาวคนเล็กสุดของบ้านอย่าง ‘ควีน’ รีบพุ่งตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที เมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนของพี่ชายอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย
“ไม่รู้สิ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้เข้าไปช่วยโคลด์เอาไว้ได้ทัน พี่ก็เลยพามาด้วย”
“แต่ทำไมเธอถึงมีรอยแผลเยอะขนาดนี้ล่ะคะ ไม่ใช่ว่าไปโดนใครทำร้ายมาเหรอคะเนี่ย” ปลายนิ้วเรียวสัมผัสร่างกายมอมแมมอย่างไม่รังเกียจ
“งั้นพี่ฝากควีนช่วยจัดการให้หน่อยนะ”
“ได้ค่ะ แต่จะพาเธอไปไว้ห้องไหนล่ะคะ” ตอนนี้ทุกห้องในบ้านก็มีคนอยู่ครบ ห้องรับแขกก็ไม่ได้ทำความสะอาดเอาไว้คงจะมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด
“ห้องพี่ก็ได้”
“หา! เอางั้นเหรอคะ?” ควีนเผลอส่งเสียงร้องตกใจออกมาอย่างลืมตัว ปกติแล้วคินน์ไม่ใช่คนที่จะยอมให้มานอนในห้องตัวเองง่ายๆ แบบนี้ จึงกลายเป็นเรื่องน่าแปลกเมื่อเขาตอบแบบนั้น
“อืม”
ควีนไม่เซ้าซี้รีบเดินตามคินน์ไปด้านบน พลางตรวจดูอาการของหญิงสาวที่หมดสติไป
“พี่คินน์ออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ เดี๋ยวควีนจะเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอก่อน” เธอหันไปบอกพี่ชายที่กำลังยืนมองอยู่
“อืม”
“แล้วคืนนี้พี่คินน์จะนอนที่บ้านไหมคะ”
“อืม พี่จะนอนที่นี่ เดี๋ยวนอนที่โซฟาก็ได้”
“ค่ะ” คินน์ออกไปรออยู่ด้านนอก ขณะที่ควีนกำลังดูแลผู้หญิงที่เขาพามา
ระหว่างที่กำลังเช็ดเนื้อตัวที่เปื้อนมอมแมมออก ก็เผยให้เห็นบาดแผลอีกหลายจุดที่ซ่อนอยู่ใต้คราบสกปรกและใต้ร่มผ้า
สายตาอ่อนโยนมองหญิงสาวแปลกหน้าด้วยความตกใจและสงสาร ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะถูกคนทำร้ายจนมีบาดแผลมากถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน
หลังจากเช็ดตัว ทำแผล และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหญิงสาวจนเสร็จ จึงออกมาหาพี่ชายที่รออยู่ด้านนอก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่คืนนี้อาจจะมีไข้ ยังไงพี่คินน์ก็ไปเรียกควีนแล้วกันนะคะ”
“ขอบคุณนะ เธอไปพักเถอะ”
“ค่ะ” ควีนต้องรีบกลับไปพักผ่อนเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เธอต้องห่วงอีกแล้ว พรุ่งนี้เธอต้องไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลต่ออีก
คินน์กลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่มีหญิงสาวนอนอยู่บนเตียง แม้จะสงสัยในตัวตนของผู้หญิงตรงหน้าแค่ไหน แต่เขากลับรู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
วันต่อมา
หญิงสาวที่สลบไปตั้งแต่เมื่อวานเพิ่งจะได้สติและรู้สึกตัวขึ้น ทันทีที่มองไปรอบๆ จึงนึกขึ้นได้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ใช่ความฝันและมันคือเรื่องจริง แต่ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่โรงพยาบาล
ต้นหนาวหันมองรอบตัวด้วยความตื่นตระหนก ข้าวของภายในห้องนี้ดูหรูหราและมีราคาแพง คงจะเป็นบ้านของคนที่มีฐานะร่ำรวย
ท่าทางแปลกๆ ของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของคินน์ที่ยืนมองมาจากอีกฝั่งของห้องทั้งหมด
“ฟื้นแล้วสินะ”
“คุณพาหนาวมาที่ไหนคะ” แม้จะเป็นลมไป แต่ต้นหนาวยังจำได้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าคือคนเดียวกับที่ดึงเธอไปหลบหลังต้นไม้ระหว่างที่กำลังยิงปะทะกัน
“บ้านของฉัน”
“หา! คุณคงไม่ได้คิดจะทำอะไรหนาวหรอกใช่ไหม”
“ฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอกน่ะ ตัวสกปรกมอมแมมอย่างกับลูกหมาตกขี้โคลน”
ต้นหนาวโล่งใจขึ้นนิดหน่อย เมื่อเขาพูดแบบนั้น เนื้อตัวของเธอสกปรกมอมแมมอย่างที่เขาว่า แต่เหมือนลูกหมาอันนี้เธอไม่แน่ใจสักเท่าไร ตัวเธอก็ไม่ได้เล็ก จะไปเหมือนลูกหมาได้ยังไงกัน
“รีบลุกออกไปซะ ฉันจะนอน”
“ค...ค่ะ” ต้นหนาวรีบเด้งตัวลุกออกจากเตียงและออกมานอกห้องทันที
‘แล้วจะไปอยู่ที่ไหน...’
ต้นหนาวหยุดยืนนิ่งที่หน้าห้องก่อนจะหันมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง ขณะเดียวกันก็ตื่นตาตื่นใจไปกับทุกอย่างภายในบ้าน
บ้านหลังหนึ่งสามารถใหญ่โตมโหฬารได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ ปกติเคยเห็นแค่ในละคร ไม่คิดว่าจะได้มาเหยียบจริงๆ
“ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” จู่ๆ ก็มีผู้หญิงโผล่เข้ามาถามเธอ พร้อมกับยกหลังมือขึ้นมาทาบบนหน้าผากของเธอ
“หนาวไม่เป็นไรแล้วค่ะ” ต้นหนาวเอ่ยตอบทันควัน
“แล้วพี่คินน์ล่ะ”
“คินน์?”
“คนที่พาเธอมาไง” ควีนรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“นอนอยู่ในห้องค่ะ” ต้นหนาวตอบพลางหันมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง
“แล้วเธอจะไปไหนต่อเหรอ”
“ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“แล้วบ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ”
“ห...หนาว ไม่มีบ้านค่ะ” เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรืออธิบายกับอีกฝ่ายยังไงดี
“ถ้างั้นอยู่ที่นี่ด้วยกันไหม” ควีนเอ่ยคำถามที่อีกฝ่ายไม่คาดคิดออกมา ต้นหนาวตกใจไม่น้อยเมื่อจู่ๆ ก็ถูกชวนให้อยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้
“หนาวจะอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“ได้สิ เธอช่วยโคลด์ไว้นะ”
“ช่วย?” ต้นหนาวเกาหัวตัวเองอย่างงุนงง พลางครุ่นคิดว่าตัวเองจะไปช่วยเหลือใครได้ยังไงกัน เมื่อคืนยังเอาตัวเองเกือบไม่รอดเลย
“อืม ถ้าไม่มีเธอพี่คินน์ก็คงจะเข้าไปช่วยพี่โคลด์ไม่ทัน”
“แต่หนาวไม่ได้ช่วยอะไรใครเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามปฏิเสธ
“เธอชื่ออะไรล่ะ”
“ต้นหนาวค่ะ”
“ต้นหนาวอายุเท่าไหร่แล้ว” ควีนพยายามถามไถ่ทุกอย่างให้แน่ชัด ก่อนที่ตนจะเอาเรื่องนี้ไปขอคุณพ่อกับคุณแม่ เผื่อว่าจะได้มีน้องสาวมาเพิ่มอีกสักคน
“ปีนี้จะสิบแปดค่ะ”
“แล้วเธอมาจากที่ไหนล่ะ”
“หนาว อ...เอ่อ หนาวหนีออกมาจากซ่องค่ะ”
“ซ่อง!” ควีนเผลอตะโกนด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่เธอแค่ตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น และสงสารเด็กสาวตรงหน้าไม่น้อย
“แม่หนาวทำงานที่นั่น หนาวก็โตมาที่นั่น แต่ตอนนี้แม่หนาวเสียไปนานแล้วค่ะ เลยได้คอยช่วยงานที่นั่นเพราะอายุยังไม่ถึงสิบแปดค่ะ”
“งั้นแผลตามตัวก็มาจากคนพวกนั้นทำเหรอ”
“ค่ะ พอดีว่ามีเรื่องเข้าใจผิด หนาวเลยฉวยโอกาสหนีออกมา”
“น่าสงสารจัง หนาวไม่ต้องไปไหนนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยหนาวเอง” ควีนออกตัวพร้อมที่จะช่วยเหลือต้นหนาวโดยไม่มีข้อแม้ หากแต่ร่างสูงโปร่งที่เดินออกมาจากห้องทำให้เธอต้องชะงักเล็กน้อย
“พี่คินน์คิดว่ายังไงคะ ให้ต้นหนาวมาเป็นน้องสาวอีกคนดีไหม”
“ไม่ได้” คนตัวสูงปฏิเสธเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะคะ” ควีนไม่เข้าใจพี่ชายของตัวเอง พลางทำสีหน้าไม่พอใจใส่อีกฝ่าย
“เดี๋ยวพี่จัดการเอง ควีนไปทำงานเถอะ”
“ค่ะ แต่ว่าห้ามไล่เธอไปไหนนะคะ” ควีนก้มมองดูนาฬิกาข้อมือจึงพบว่าใกล้จะถึงเวลาต้องไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งพี่ชายเอาไว้พลางหันมาส่งยิ้มให้กับต้นหนาว
คินน์หันมามองหญิงสาวแปลกหน้าที่ตนพามา พลางเพ่งมองอย่างพิจารณา จนอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกเขาจ้อง
“เดี๋ยวหนาวออกไปจากที่นี่ก็ได้นะคะ”
“แล้วจะไปอยู่ไหน มีที่ไปเหรอ” ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงดุใส่ พลางกระแทกเสียงจนคนฟังเริ่มรู้สึกกลัว คินน์ได้ยินทุกอย่างที่ควีนคุยกับต้นหนาวหมดแล้ว
“ม...ไม่มีค่ะ”
“มาทำงานกับฉันไหม” คิ้วหนายกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถาม
“ทำงาน? งานอะไรคะ”
“ดูแลทุกคนในบ้านนี้” คินน์ไม่อยากให้เด็กสาวตรงหน้ามองว่านี่เป็นการช่วยเหลือเธอเปล่าๆ จึงเลือกที่จะยื่นข้อเสนอเป็นการทำงานแทน
“หนาวทำได้เหรอคะ”
“ทำได้สิ ถ้าเธอตกลง เธอจะได้อยู่ที่นี่ต่อ”
“ตกลงค่ะ” ไหนๆ ก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้ว สู้รับข้อเสนอของคนตรงหน้าเอาไว้ก่อนจะดีกว่า หากงานนี้ไม่โอเคอย่างน้อยก็น่าจะพอเก็บเงินได้บ้าง แล้วค่อยออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ได้
“แต่!”
“อะไรคะ” ต้นหนาวรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“เธอต้องเชื่อฟังฉัน ทำตามที่ฉันสั่ง ห้ามออกนอกลู่นอกทางเข้าใจไหม”
“ได้ค่ะ หนาวทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ”
“ถ้าทำได้ ฉันให้เดือนละสองแสน” จำนวนเงินที่มากเกินกว่างานที่ได้รับ คินน์เต็มใจที่จะให้หญิงสาวตรงหน้า เงินแค่นั้นไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงเลยสักนิด
“สองแสน!” ดวงตาทั้งสองข้างของต้นหนาวเบิกกว้างจนเกือบจะเท่าไข่ห่าน
“ตกลงไหม”
“ตกลงค่ะ” มีคนมาเสนอเงินให้มากถึงขนาดนี้แล้ว ต้นหนาวจะปฏิเสธได้ยังไงกัน ทำงานแค่เดือนเดียวได้ตั้งสองแสนเชียวนะ
“เดี๋ยวนะ ฉันลืมบอกไป” ยังไม่ทันที่จะดีใจได้อย่างเต็มที่ ก็ต้องชะงักอีกครั้งเพราะคินน์พูดขึ้นมาอีก
“อะไรเหรอคะ”
“นอกจากจะต้องดูแลพ่อแม่ฉันแล้ว เธอต้องเรียนต่อด้วย”
“เรียน? คุณจะให้หนาวเรียนเหรอคะ” ต้นหนาวเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ เพราะหลังจากที่แม่เสีย เธอก็ต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานให้เจ๊เจ้าของซ่องแทนแม่
“ใช่”
“ขอบคุณค่ะ”
“เธอต้องทำตัวดีๆ เชื่อฟังพ่อแม่ของฉัน ช่วยงานในบ้านเท่าที่ทำได้ ห้ามเถลไถล เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ” ต้นหนาวรับปากกับคินน์ ก่อนจะส่งยิ้มให้คนหน้าตึงอย่างสดใส
“ตามฉันมา”
ร่างเล็กรีบวิ่งตามคนตัวสูงไปด้วยความดีใจ นานแค่ไหนกันที่เธอไม่ได้เจอคนดีๆ แบบนี้
เกือบสามปีที่ใช้ชีวิตทำงานอยู่ในซ่อง วันๆ เจอแต่ผู้ชายบ้ากามและเกือบสามปีที่ไม่ได้ออกมาเห็นโลกภายนอก ไม่ได้เห็นว่าโลกนี้มีอีกหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
ต่อจากนี้ชีวิตของต้นหนาวคนนี้จะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว แม่จะต้องภูมิใจในตัวหนาว ภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ หนาวจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และใช้ชีวิตให้ดีสมกับที่ได้รับโอกาสอีกครั้ง แม่เป็นกำลังใจให้หนาวนะ...
กว่าต้นหนาวจะได้ออกจากโรงพยาบาลก็ปาไปเกือบสัปดาห์ จากตอนแรกที่จะได้แอดมิทเพียงสองสามวันเท่านั้น แต่ดันมีไข้หวัดเพิ่มขึ้นมาระหว่างที่รักษาอยู่ทำให้ต้องแอดมิทต่อ “พี่ควีนคะ หนาวไปแล้วนะคะ” ต้นหนาวในชุดนักศึกษาเอ่ยบอก ก่อนจะรีบวิ่งออกไปขึ้นรถของลุงมิ่งที่กำลังรออยู่ ใช้เวลานานกว่าสามสิบนาทีท่ามกลางการจราจรที่เริ่มจะติดขัด แต่ต้นหนาวกลับมาถึงมหาวิทยาลัยได้อย่างทันท่วงที คลาสแรกของวันนี้เริ่มตอนแปดโมงครึ่ง และระหว่างที่ต้นหนาวกำลังวิ่งอยู่นั้นเป็นเวลาแปดโมงยี่สิบนาทีแล้ว “ตายๆๆ ตายแน่ๆ” คนที่ไม่ชอบการเข้าเรียนสายอย่างต้นหนาว เกลียดช่วงเวลานี้มากที่สุด แกรก! หญิงสาวผลักประตูพร้อมกับวิ่งพรวดพราดไปนั่งที่ประจำด้านหลัง โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองเธอเลยสักนิด “ทำไมวันนี้มาสายแบบนี้ล่ะ” มะเหมี่ยวแปลกใจเมื่อเห็นต้นหนาวมาสาย ทั้งที่ปกติแล้วจะมาถึงเป็นคนแรกเสมอ “พอดีนอนเพลินไปหน่อย” “แล้วหายดีหรือยัง” “ก็ยัง แต่ว่าดีขึ้นมากแล้ว” “ฉันจดเลคเชอร์ไว้ให้ ส่วนการบ้านส่งให้ทางอีเมลแล้ว” คนพูดน้อยที่สุดในก
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของต้นหนาวเริ่มต้นขึ้นในไม่กี่เดือนต่อมา เธอได้เรียนคณะบัญชีเพื่อที่จะกลับมาช่วยงานที่บริษัทของวสันต์ แต่เธอกลับมีสิ่งหนึ่งที่คาใจอยู่ ‘คินน์’ เขาหายหน้าไปจากชีวิตของเธอราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ ทุกคนก็ไม่เคยพูดถึงเขาต่อหน้าเธอเลยสักครั้ง “ต้นหนาว ขอลอกชีทของอาจารย์สิริพรรณหน่อยสิ” “ทำไมนายไม่ทำเอง มาลอกฉันอยู่ได้” “ก็มันยาก” กล้าหาญทำหน้าหงอยเมื่อโดนต่อว่า ต้นหนาวที่ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำกับเพื่อน จึงยอมยกชีทของตัวเองให้เพื่อนอย่างกล้าหาญลอกอย่างง่ายดาย แก๊งของต้นหนาวประกอบได้ด้วยสมาชิกทั้งหมดสี่คน คือ เธอ กล้าหาญ มะเหมี่ยว และสาริน ซึ่งทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีถึงดีมาก ระดับมหาเศรษฐีเลยก็ว่าได้ เพราะมหาวิทยาลัยนี้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ค่าเทอมแพงมากที่สุด ในตอนแรกเริ่มเธอรู้จักแค่เพียงมะเหมี่ยว แต่หลังจากนั้นก็มีสารินกับกล้าหาญเข้ามาอยู่ด้วยเพราะต้องทำงานกลุ่มด้วยกัน แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เป็นเพื่อนสนิทกันมาจนถึงตอนนี้ “หนาว เย็นนี้ไปกินชาบูกันไหม” มะเหมี่ยวที่รักการกินเป็
วันนี้ต้นหนาวได้ไปสอบเทียบเข้ามหาลัย ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นและต้นหนาวก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะออกมาดีเหมือนที่เธอคิดเอาไว้ คินน์กลับมาบ้านและรับหน้าที่เป็นคนขับรถพาเด็กสาวไปสอบแล้วก็พาเธอไปเดินห้างสรรพสินค้าต่อหลังจากที่สอบเสร็จ อีกทั้งยังพาเธอไปกินโน้นกินนี่แต่ต้นหนาวก็ไม่เอะใจเพราะมัวแต่สนุกสนานกับการกินและเที่ยวจนแทบจะลืมไปว่ามีคินน์มาด้วย “นึกยังไงถึงต้นหนาวมาเที่ยวคะ” ต้นหนาวเอ่ยถามระหว่างที่กำลังเดินเข้าบ้าน “ไม่ต้องอยากรู้” คินน์ตอบด้วยน้ำเสียงดุๆ ทำให้ต้นหนาวหน้างอเล็กน้อย แต่ก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเขาส่งสายตาดุดันมาที่เธอ “อ้าว พี่คินน์กลับมาเมื่อไหร่คะ” ควีนที่เป็นห่วงกลัวว่าต้นหนาวอยู่บ้านคนเดียวหลังจากสอบเสร็จแล้วจะเหงาจึงแวะกลับมาพร้อมกับอาหารและขนมเต็มไม้เต็มมือ “เมื่อวานน่ะ” “ต้นหนาวพี่ซื้อของกินมาฝาก” ควีนชูขนมและของกินมากมายในมือให้ต้นหนาวดู ทว่าเจ้าตัวกลับรู้สึกอิ่มจนกินอะไรต่อไม่ลงแล้ว “เอ่อ... พี่ควีนกินอะไรมาหรือยังคะ” “พี่กินมาแล้วจ้ะ” “ถ้างั้นเดี๋ยวหนาวเก็บ
ต้นหนาวก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน หลังจากที่คินน์ตกลงให้หญิงสาวมาทำงานที่นี่ วสันต์และอรดาที่เป็นเสาหลักของบ้านต่างก็เอ็นดูต้นหนาวตามๆ กัน เพราะเหมือนได้ลูกสาวมาเพิ่มอีกคน ควีนโล่งใจขึ้นและเข้าใจว่าคินน์เสนอจ้างงานต้นหนาวเพื่อให้เด็กสาวไม่ยึดติดว่าเป็นหนี้บุญคุณต่อครอบครัวของเขา ปล่อยให้ต้นหนาวได้ใช้ชีวิตอย่างดีเสมือนส่วนหนึ่งในครอบครัว แม้จะเป็นงานแต่ก็เป็นงานที่มีความสุขที่สุด ส่วนโคลด์ก็เอ็นดูต้นหนาวเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่งไม่ต่างจากควีนเช่นกัน หลังจากผ่านความตายมาได้อย่างเฉียดฉิวก็ต้องขอบคุณต้นหนาวที่เบี่ยงเบนความสนใจของคนพวกนั้นจนทำให้เขาไม่ต้องกลายเป็นศพไปเสียก่อน แต่ก็อาการสาหัสเอาเรื่อง “ต้นหนาว พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับพี่ไหม” ควีนเอ่ยชวนเด็กสาวที่กำลังช่วยจัดเอกสารภายในห้องทำงานของเธอ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี ควีนเลยถือโอกาสจะพาต้นหนาวไปเที่ยวสักหน่อย ถ้าได้พาเด็กสาวออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็น่าจะดีกว่าอยู่แต่ในบ้าน “ไปสิคะพี่ควีน เอ่อ... ว่าแต่คุณคินน์เขาจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ” ตลอดเวลาที่ต้นหนาวตกลงทำงานอยู่ที่นี่มานานเกือบห้
คินน์ คณิณกรณ์ นักธุรกิจหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีที่เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นรองประธานบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย ครอบครัวรวยล้นฟ้า มีธุรกิจมากมายหลายอย่างไม่ว่าใครก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักนามสกุลของเขา ‘วงศ์วรกุลกิตติ์’ แต่ภายใต้หน้ากากของนักธุรกิจ ครอบครัวของเขายังเป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลมากอีกด้วยคินน์อุ้มร่างของหญิงสาวแปลกหน้าที่เป็นลมไป เข้ามาภายในบ้านอย่างรีบร้อน “พี่คินน์ นั่นใครคะ” น้องสาวคนเล็กสุดของบ้านอย่าง ‘ควีน’ รีบพุ่งตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที เมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนของพี่ชายอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย “ไม่รู้สิ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้เข้าไปช่วยโคลด์เอาไว้ได้ทัน พี่ก็เลยพามาด้วย” “แต่ทำไมเธอถึงมีรอยแผลเยอะขนาดนี้ล่ะคะ ไม่ใช่ว่าไปโดนใครทำร้ายมาเหรอคะเนี่ย” ปลายนิ้วเรียวสัมผัสร่างกายมอมแมมอย่างไม่รังเกียจ “งั้นพี่ฝากควีนช่วยจัดการให้หน่อยนะ” “ได้ค่ะ แต่จะพาเธอไปไว้ห้องไหนล่ะคะ” ตอนนี้ทุกห้องในบ้านก็มีคนอยู่ครบ ห้องรับแขกก็ไม่ได้ทำความสะอาดเอาไว้คงจะมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด “ห้องพี่ก็ได้” “หา! เอางั้นเหรอคะ?” ควีนเผลอส่งเสียงร้องตกใจออกมา
ค่ำคืนที่แสนมืดมิดมีเพียงแสงของพระจันทร์ที่สว่างไสว ราวกับชีวิตของเด็กสาวที่กำลังรอคอยวันที่จะได้เห็นแสงสว่างในปลายทางข้างหน้า อีกไม่นานชีวิตที่ไม่อาจเลือกเกิดได้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล... ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ! ปึง!“หน้าด้าน! แกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ” เสียงตวาดดังลั่นบ้าน ก่อนที่ร่างของเด็กสาวแสนบอบบางจะถูกผลักออกมาจากบ้านอย่างรุนแรง เนื้อตัวฟกช้ำและมีแต่แผลเต็มไปหมด “พอเถอะจ้ะเมียจ๋า เดี๋ยวมันตายจะเป็นเรื่องใหญ่” “กล้าดียังไงมายุ่งกับผัวกู มึงอยากลองดีกับกูเหรอ” ความโมโหทำให้อีกฝ่ายหน้ามืดตามัวจนมองไม่เห็นความจริงที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้คำโกหกของผู้ชาย “ผัวเจ๊นั่นแหละ มันคิดไม่ซื่อกับฉัน” หญิงสาวรีบเถียงกลับ เธอไม่ยอมรับในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ทำ ตวัดสายตาไปมองผู้ชายที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังของเจ๊สร “ไม่ต้องมากล่าวหาผัวกู มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!”ต้นหนาวกระตุกยิ้มเมื่อถูกอีกฝ่ายตวาดไล่ ก่อนจะปิดประตูบ้านเต็มแรงด้วยความโมโห คนโง่ก็ยังโง่จนวันยังค่ำ... เมื่อเห็นโอกาสที่จะได้หนีออกไปจากที่นี่ เธอจึงรีบหอบร่างกายอันบอบช้