Share

05 กินรังแตน

Author: Sweet Rain
last update Last Updated: 2025-05-14 18:42:15

กว่าต้นหนาวจะได้ออกจากโรงพยาบาลก็ปาไปเกือบสัปดาห์ จากตอนแรกที่จะได้แอดมิทเพียงสองสามวันเท่านั้น แต่ดันมีไข้หวัดเพิ่มขึ้นมาระหว่างที่รักษาอยู่ทำให้ต้องแอดมิทต่อ

         “พี่ควีนคะ หนาวไปแล้วนะคะ” ต้นหนาวในชุดนักศึกษาเอ่ยบอก ก่อนจะรีบวิ่งออกไปขึ้นรถของลุงมิ่งที่กำลังรออยู่

         ใช้เวลานานกว่าสามสิบนาทีท่ามกลางการจราจรที่เริ่มจะติดขัด แต่ต้นหนาวกลับมาถึงมหาวิทยาลัยได้อย่างทันท่วงที

         คลาสแรกของวันนี้เริ่มตอนแปดโมงครึ่ง และระหว่างที่ต้นหนาวกำลังวิ่งอยู่นั้นเป็นเวลาแปดโมงยี่สิบนาทีแล้ว

         “ตายๆๆ ตายแน่ๆ” คนที่ไม่ชอบการเข้าเรียนสายอย่างต้นหนาว เกลียดช่วงเวลานี้มากที่สุด

         แกรก!

         หญิงสาวผลักประตูพร้อมกับวิ่งพรวดพราดไปนั่งที่ประจำด้านหลัง โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองเธอเลยสักนิด

         “ทำไมวันนี้มาสายแบบนี้ล่ะ” มะเหมี่ยวแปลกใจเมื่อเห็นต้นหนาวมาสาย ทั้งที่ปกติแล้วจะมาถึงเป็นคนแรกเสมอ

         “พอดีนอนเพลินไปหน่อย”

         “แล้วหายดีหรือยัง”

         “ก็ยัง แต่ว่าดีขึ้นมากแล้ว”

         “ฉันจดเลคเชอร์ไว้ให้ ส่วนการบ้านส่งให้ทางอีเมลแล้ว” คนพูดน้อยที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น

         “ขอบคุณนะสาริน” ต้นหนาวหันไปขอบคุณเพื่อนสาวเสียงหวาน

         ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาในห้องพอดี ทำให้บทสนทนาหยุดลงเพียงเท่านั้น

         มะเหมี่ยวหันไปสะกิดคนที่นอนฟุบหลับอยู่ฝั่งขวามือของเธอ และมักจะเป็นแบบนี้ประจำ

         กล้าหาญลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง เมื่อเหลือบไปเห็นคนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็จ้องมองอย่างให้ความสนใจจนไม่ได้มองสไลด์บนจอที่อาจารย์กำลังอธิบายเลยสักนิด

         เพลี๊ยะ

         ฝ่ามืออรหันต์ของมะเหมี่ยวฟาดลงที่ศีรษะของชายหนุ่มเต็มแรง ก่อนที่เจ้าตัวจะลงนั่งหลังตรงและมองสิ่งที่อาจารย์กำลังสอนทันที

         “ต้องให้ใช้กำลังตลอดเลย...” เสียงบ่นพึมพำทำให้ต้นหนาวหัวเราะออกมาเล็กน้อย

         กว่าจะเลิกคลาสก็เที่ยงกว่าแล้ว กล้าหาญเดินนำหน้าลงมาจากตึกพร้อมกับต้นหนาวด้วยความหิว

         “เย็นนี้ไปดูหนังกันไหม”

         “หนังผีเหรอ”

         “ใช่ เรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าโรงวันนี้เลย” สิ่งที่กล้าหาญและต้นหนาวมักจะเข้าขากันได้ดีก็คงไม่พ้นเรื่องหนัง โดยเฉพาะหนังผีที่ทั้งสองมักจะเอามาคุยกันในช่วงพักกลางวันเสมอ

         “แล้วมะเหมี่ยวกับสารินล่ะ”

         “ฉันไม่ไปหรอก หนังผีน่ากลัวจะตายไป” คนถูกถามถึงรีบปฏิเสธทันควัน

         “ฉันก็ต้องรีบกลับบ้าน” สารินเอ่ยเสียงเรียบ

         “ก็ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปกับนายเอง”

         “พอดีเลย ฉันมีตั๋วสองอัน” ความบังเอิญที่ไม่ค่อยจะบังเอิญสักเท่าไหร่

         มะเหมี่ยวกรอกตามองบนใส่กล้าหาญอย่างรู้ทัน มะเหมี่ยวรู้ สารินรู้ แต่ต้นหนาวไม่รู้!

         คนที่ไม่ได้คิดอะไรก็ยังคงไม่คิดอะไรวันยังค่ำ หนำซ้ำคนอย่างต้นหนาวยังใจกว้างมากเสียด้วย จึงไม่ทันสังเกตสายตาของอีกฝ่ายที่ไม่ได้มองเธอเป็นแค่เพื่อนเลยสักนิด

         “กินอะไรกันดี”

         “ต้นหนาวกินราดหน้ากับฉันไหม เดี๋ยวจะได้ซื้อเผื่อด้วยเลย”

         “ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำแล้วกัน” ทันทีที่ต้นหนาวเดินออกไป มะเหมี่ยวก็พุ่งเข้าประชิดตัวของกล้าหาญทันที

         “ให้มันเบาๆ หน่อย หวานจนเลี่ยนแล้ว”

         “ไม่ต้องยุ่งเลย” กล้าหาญเดินหนีไปทางร้านราดหน้า ทิ้งมะเหมี่ยวให้ยืนอยู่กับสารินเพียงสองคน ก่อนที่ทั้งสองจะค่อยแยกย้ายกันไปซื้อของตัวเอง

         หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ช่วงบ่ายก็ว่างพอดี มะเหมี่ยวกับสารินแยกย้ายกันไป ส่วนกล้าหาญกับต้นหนาวก็พากันมาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัย

         “หนาวรอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อป๊อบคอร์นก่อน”

         “อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนที่จะยืนรออีกฝ่ายอยู่ตรงด้านหน้าของโรงหนัง

         ติ๊ง!

         เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าทำให้ต้นหนาวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ปิดเสียงโทรศัพท์ พลางเปิดดูข้อความที่มีคนส่งเข้ามา

         “อยู่ไหน”

         ‘KINN’ หน้าจอปรากฏชื่อของเจ้าของข้อความโชว์หรา แต่ต้นหนาวจำได้ว่าเขาไม่เคยมีเบอร์ติดต่อหรือไลน์ของเธอเลย ตั้งแต่เขาโดนลงโทษตอนนั้น

         “อยู่โรงหนังค่ะ” เธอพิมพ์ตอบเขาไปตามปกติ เก็บความสงสัยที่มีเอาไว้ในใจ

         (ไปกับใคร)

         “เพื่อนค่ะ”

         (ผู้หญิงหรือผู้ชาย)

         “ผู้ชายค่ะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่ออ่านข้อความที่ต้นหนาวตอบกลับมา

         (ไปกันกี่คน)

         “สองคนค่ะ”

         (กลับบ้าน)

         “เพิ่งมาถึงจะให้หนาวกลับได้ยังไงคะ” มีหรือที่เธอจะยอมกลับง่ายๆ อุตส่าห์ได้มาดูหนังฟรีเชียวนะ

         (ฉันสั่ง ไม่อย่างนั้นอีกสิบนาทีเจอกัน) ต้นหนาวไม่ตอบข้อความกลับ ก่อนจะปิดโทรศัพท์หนีพลางมองไปรอบๆ

         “ไม่น่าจะมาได้หรอก”

         “ต้นหนาว เข้าไปกันเถอะ” กล้าหาญที่เพิ่งซื้อป๊อบคอร์นกับน้ำอัดลมเสร็จก็รีบเดินกลับมาหาต้นหนาวทันที

         ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงหนังด้วยกัน ราวกับคู่รักวัยมหาลัย จนคนรอบข้างต่างก็จ้องมองด้วยความอิจฉาตาร้อน

         เพียงไม่นานหนังก็เริ่มฉาย ต้นหนาวปิดโทรศัพท์เอาไว้เพราะกลัวว่าจะรบกวนคนอื่น ขณะที่กล้าหาญกลับเอาแต่มองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังจ้องมองไปยังจอด้านหน้าอีกทั้งยังทำสีหน้าหวาดกลัวไปตามจังหวะที่ผีออกมาแต่ละฉาก

         กระทั่งหนังจบลง กล้าหาญถึงเพิ่งจะได้สติหลังจากที่เอาแต่มองต้นหนาวจนแทบไม่ได้สนใจหนังเลยสักนิด

         “ไม่เห็นน่ากลัวอย่างที่คิดเลย เสียดายเงินชะมัด” ระหว่างที่เดินออกมาจากโรงหนัง ต้นหนาวก็บ่นอุบอิบเล็กน้อย เพราะมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิด ผีก็ออกมาน้อยจนแทบจะนับฉากได้

         “ก็โอเคนะ ไว้คราวหน้ามาดูด้วยกันอีกไหม” ชายหนุ่มใช้โอกาสนี้เอ่ยชักชวนต้นหนาวไว้ล่วงหน้า

         “คงจะไม่ได้” เสียงทุ้มต่ำของใครคนหนึ่งปฏิเสธขึ้น ก่อนที่จะดึงแขนของต้นหนาวให้มายืนข้างกาย

         “คุณคินน์”

         “คุณเป็นใคร ปล่อยหนาวนะ” กล้าหาญทำท่าจะเข้ามาดึงตัวของต้นหนาวคืน ก่อนจะหยุดชะงัก

         “ไม่เป็นไรหรอกกล้า นายกลับไปก่อนเลย” ต้นหนาวรีบปฏิเสธ เพราะดูจากสีหน้าของคินน์แล้ว เขากำลังโกรธเธอมาก

         “ไม่ให้ฉันไปส่งที่บ้านเหรอ” อีกฝ่ายถามด้วยความห่วงใย

         “ไม่เป็นไร”

         “อืม ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ” เสียงของกล้าหาญอ่อนลงอย่างผิดหวัง ก่อนจะเดินออกไปพลางหันกลับมามองต้นหนาวเล็กน้อย

         “กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ” น้ำเสียงดุดันของคนโตกว่าทำเอาต้นหนาวขนลุกซู่ไปทั้งตัว

         “ก็หนาวอยากดูหนัง”

         “แล้วทำไมถึงมากับผู้ชายสองต่อสอง”

         “กล้าหาญไม่ใช่ใครที่ไหน เขาเป็นเพื่อนหนาวนะ”

         “แน่ใจ?” คินน์มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้คิดกับต้นหนาวแค่เพื่อน

         “แน่ใจสิคะ ว่าแต่คุณหาหนาวเจอได้ยังไง” ต้นหนาวไม่ลืมที่จะถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยกับเขาทันที

         “ไม่ต้องรู้หรอก”

         คินน์ไม่ยอมตอบคำถามของคนตัวเล็ก อีกทั้งยังดึงร่างบางให้เดินตามมาจนต้นหนาวตัวแทบปลิว

         “จะต้นหนาวไปไหนคะ”

         “...” ต้นหนาวไม่ได้รับคำตอบจากคินน์ต่อีกเลย แม้ว่าตลอดทางเธอจะยิงคำถามใส่เขามากมาย แต่คนตัวสูงก็ยังคงเงียบและทำหน้าตึงใส่เธออีกต่างหาก

         กระทั่งมาถึงร้านอาหารอิตาเลียนที่อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัย ขับรถมาเพียงสิบนาทีก็ถึงแล้ว หากการจราจรไม่ติดขัดมากนัก

         “ที่แท้ก็ต้นหนาวมากินนี่เอง” ใบหน้าหวานเปื้อนรอยยิ้มหันมองคนตัวสูงที่ยังคงนิ่งเงียบ ก่อนจะดึงเธอให้เดินเข้ามานั่งโต๊ะด้านในสุดของร้าน

         ต้นหนาวนั่งมองเขาสั่งอาหารอย่างงุนงง แม้ว่าจะเคยมาทานร้านอาหารหรูๆ แบบนี้กับควีนอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอไม่เคยสั่งอาหารเองเลยสักครั้งเพราะไม่กล้า

         “สั่งเอง” คินน์เลื่อนเมนูอาหารมาตรงหน้าของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

         ต้นหนาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธและเลื่อนเมนูกลับไปให้คินน์ ทว่าเขากลับมองเธอด้วยสายตาดุๆ ทำให้ต้องรีบหยิบเมนูขึ้นมาสั่งด้วยตัวเอง

         “เอาราวิโอลี่ที่นึงค่ะ”

         “แค่นั้นเหรอ”

         “ค่ะ”

         หญิงสาวรีบพยักหน้าตอบ ก่อนที่คินน์จะหันไปสั่งอาหารเพิ่มและยื่นเมนูคืนให้กับพนักงาน แล้วนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ

         ระหว่างที่กำลังนั่งรอ คินน์ยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดด้วย จนต้นหนาวเริ่มรู้สึกอึดอัดกับคนตรงหน้าแล้ว

         “ถ้าไม่พูดกับหนาว หนาวจะฟ้องคุณพ่อว่าคุณคินน์แอบมาเจอหนาว”

         “เดี๋ยวนี้กล้าขู่ฉันเหรอ” ในที่สุดคนหน้าตึงก็ยอมเปิดปากพูด

         “ก็คุณไม่ยอมพูดกับหนาว แล้วจะให้หนาวทำยังไง” คนตัวเล็กหน้ามุ่ยใส่คินน์เล็กน้อย

         “ต่อจากนี้ไปห้ามอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง ถ้าจะไปไหนมาไหนให้มีเพื่อนผู้หญิงไปด้วย เข้าใจไหม”

         “ค่ะ ปกติแล้วหนาวมีเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มอีกสองคนชื่อมะเหมี่ยวกับสาริน แต่วันนี้สองคนนั้นมีธุระเลยไม่ได้มาด้วย” ต้นหนาวรีบอธิบายทันที เพื่อให้เขาเชื่อว่าเธอไม่ได้จงใจจะมากับกล้าหาญเพียงสองต่อสอง

         “ดี ถึงยังไงก็ห้ามอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง”

         “เข้าใจแล้วค่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้ารัวๆ ใส่เขา ก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟพอดี  

         ต้นหนาวรีบจัดการอาหารตรงหน้าจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งยังเอื้อมไปตักอาหารอย่างอื่นที่คินน์เป็นคนสั่งมาอีก

         “พอให้สั่งเองก็สั่งมาแค่อย่างเดียว แต่ตอนกิน กินเกือบทุกอย่าง”

         “ก็หนาวไม่ชินกับการสั่งอาหารนี่”

         “ไม่ชินก็ต้องฝึก ถ้าไปคนเดียวจะนั่งเฉยๆ ให้พนักงานตรัสรู้เองหรือไง” ไม่เคยคาดเดาคำพูดที่ออกมาจากปากของคินน์ได้เลยจริงๆ ยิ่งโดนดุ หน้าของต้นหนาวก็ยิ่งหดเล็กลงจนเหลือเท่าฝ่ามือ

         “ก็เปล่า...” เธอปฏิเสธเสียงอ่อน

         “ไปกินรังแตนที่ไหนมาเนี่ย” อดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงเบา ไม่ให้คนตรงหน้าได้ยิน

         “กินเสร็จอยากไปไหนหรือเปล่า”

         “ไม่แล้วค่ะ เดี๋ยวหนาวจะกลับบ้านแล้ว” เมื่อมองดูนาฬิกาก็พบว่าเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว วันนี้ทุกคนอยู่บ้าน เธอก็ต้องรีบกลับบ้าน

         “งั้นก็โทรหาลุงมิ่งเลย”

         ต้นหนาวมองคนที่เอ่ยเสียงดุพลางทำหน้ามุ่ยใส่เขาที่เอาแต่สั่งเธออย่างกับเป็นพ่อเธองั้นแหละ

         มือเล็กคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนขับรถของที่บ้านให้มารับที่ร้านอาหารทันที

         “เดี๋ยวคราวหน้าฉันจะพาไปเที่ยว” คินน์เอ่ยขึ้นพลางยีหัวของคนตัวเล็กเบาๆ ระหว่างที่กำลังรอลุงมิ่งมารับ

         “คุณจะมาอีกเหรอคะ” ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อได้ยินเขาบอกแบบนั้น

         “อืม หรือไม่อยากไปเที่ยว”

         “อยากค่ะ” เรื่องกินเรื่องเที่ยวคนอย่างต้นหนาวไม่เคยเกี่ยง หากเขาเสนอมาขนาดนี้แล้ว เรื่องอะไรจะปฏิเสธกัน

         ไม่นานนักลุงมิ่งก็เข้ามาจอดรถที่ด้านหน้าของร้าน ต้นหนาวหันมาบอกลาคินน์ก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถทันที

         คินน์ยืนมองจนกระทั่งลุงมิ่งขับรถออกไป เขาจึงค่อยออกจากร้านไปทีหลัง พอต้องทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ เขาไม่ค่อยชินเลย

         “อาทิตย์หน้าจะพาไปดูหนังอีก”

         เขาส่งข้อความไปบอกต้นหนาว พลางยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะได้รับข้อความตอบกลับมาจากอีกฝ่าย

         “ได้ค่ะ แต่คุณคินน์เป็นคนจ่ายนะคะ” ทันทีที่อ่านข้อความก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของคนตัวเล็กดังขึ้นในหัวตามข้อความที่อ่าน

         คินน์ส่ายหัวกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา และพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะขับรถออกจากร้านอาหาร

         “หึ ปกติฉันก็จ่ายทุกครั้งไม่ใช่หรือไง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Please,Call Me Yours คลั่งรักเมียเด็ก   05 กินรังแตน

    กว่าต้นหนาวจะได้ออกจากโรงพยาบาลก็ปาไปเกือบสัปดาห์ จากตอนแรกที่จะได้แอดมิทเพียงสองสามวันเท่านั้น แต่ดันมีไข้หวัดเพิ่มขึ้นมาระหว่างที่รักษาอยู่ทำให้ต้องแอดมิทต่อ “พี่ควีนคะ หนาวไปแล้วนะคะ” ต้นหนาวในชุดนักศึกษาเอ่ยบอก ก่อนจะรีบวิ่งออกไปขึ้นรถของลุงมิ่งที่กำลังรออยู่ ใช้เวลานานกว่าสามสิบนาทีท่ามกลางการจราจรที่เริ่มจะติดขัด แต่ต้นหนาวกลับมาถึงมหาวิทยาลัยได้อย่างทันท่วงที คลาสแรกของวันนี้เริ่มตอนแปดโมงครึ่ง และระหว่างที่ต้นหนาวกำลังวิ่งอยู่นั้นเป็นเวลาแปดโมงยี่สิบนาทีแล้ว “ตายๆๆ ตายแน่ๆ” คนที่ไม่ชอบการเข้าเรียนสายอย่างต้นหนาว เกลียดช่วงเวลานี้มากที่สุด แกรก! หญิงสาวผลักประตูพร้อมกับวิ่งพรวดพราดไปนั่งที่ประจำด้านหลัง โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองเธอเลยสักนิด “ทำไมวันนี้มาสายแบบนี้ล่ะ” มะเหมี่ยวแปลกใจเมื่อเห็นต้นหนาวมาสาย ทั้งที่ปกติแล้วจะมาถึงเป็นคนแรกเสมอ “พอดีนอนเพลินไปหน่อย” “แล้วหายดีหรือยัง” “ก็ยัง แต่ว่าดีขึ้นมากแล้ว” “ฉันจดเลคเชอร์ไว้ให้ ส่วนการบ้านส่งให้ทางอีเมลแล้ว” คนพูดน้อยที่สุดในก

  • Please,Call Me Yours คลั่งรักเมียเด็ก   04 อุบัติเหตุ

    ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของต้นหนาวเริ่มต้นขึ้นในไม่กี่เดือนต่อมา เธอได้เรียนคณะบัญชีเพื่อที่จะกลับมาช่วยงานที่บริษัทของวสันต์ แต่เธอกลับมีสิ่งหนึ่งที่คาใจอยู่ ‘คินน์’ เขาหายหน้าไปจากชีวิตของเธอราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ ทุกคนก็ไม่เคยพูดถึงเขาต่อหน้าเธอเลยสักครั้ง “ต้นหนาว ขอลอกชีทของอาจารย์สิริพรรณหน่อยสิ” “ทำไมนายไม่ทำเอง มาลอกฉันอยู่ได้” “ก็มันยาก” กล้าหาญทำหน้าหงอยเมื่อโดนต่อว่า ต้นหนาวที่ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำกับเพื่อน จึงยอมยกชีทของตัวเองให้เพื่อนอย่างกล้าหาญลอกอย่างง่ายดาย แก๊งของต้นหนาวประกอบได้ด้วยสมาชิกทั้งหมดสี่คน คือ เธอ กล้าหาญ มะเหมี่ยว และสาริน ซึ่งทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีถึงดีมาก ระดับมหาเศรษฐีเลยก็ว่าได้ เพราะมหาวิทยาลัยนี้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ค่าเทอมแพงมากที่สุด ในตอนแรกเริ่มเธอรู้จักแค่เพียงมะเหมี่ยว แต่หลังจากนั้นก็มีสารินกับกล้าหาญเข้ามาอยู่ด้วยเพราะต้องทำงานกลุ่มด้วยกัน แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เป็นเพื่อนสนิทกันมาจนถึงตอนนี้ “หนาว เย็นนี้ไปกินชาบูกันไหม” มะเหมี่ยวที่รักการกินเป็

  • Please,Call Me Yours คลั่งรักเมียเด็ก   03 คำสั่งห้าม

    วันนี้ต้นหนาวได้ไปสอบเทียบเข้ามหาลัย ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นและต้นหนาวก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะออกมาดีเหมือนที่เธอคิดเอาไว้ คินน์กลับมาบ้านและรับหน้าที่เป็นคนขับรถพาเด็กสาวไปสอบแล้วก็พาเธอไปเดินห้างสรรพสินค้าต่อหลังจากที่สอบเสร็จ อีกทั้งยังพาเธอไปกินโน้นกินนี่แต่ต้นหนาวก็ไม่เอะใจเพราะมัวแต่สนุกสนานกับการกินและเที่ยวจนแทบจะลืมไปว่ามีคินน์มาด้วย “นึกยังไงถึงต้นหนาวมาเที่ยวคะ” ต้นหนาวเอ่ยถามระหว่างที่กำลังเดินเข้าบ้าน “ไม่ต้องอยากรู้” คินน์ตอบด้วยน้ำเสียงดุๆ ทำให้ต้นหนาวหน้างอเล็กน้อย แต่ก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเขาส่งสายตาดุดันมาที่เธอ “อ้าว พี่คินน์กลับมาเมื่อไหร่คะ” ควีนที่เป็นห่วงกลัวว่าต้นหนาวอยู่บ้านคนเดียวหลังจากสอบเสร็จแล้วจะเหงาจึงแวะกลับมาพร้อมกับอาหารและขนมเต็มไม้เต็มมือ “เมื่อวานน่ะ” “ต้นหนาวพี่ซื้อของกินมาฝาก” ควีนชูขนมและของกินมากมายในมือให้ต้นหนาวดู ทว่าเจ้าตัวกลับรู้สึกอิ่มจนกินอะไรต่อไม่ลงแล้ว “เอ่อ... พี่ควีนกินอะไรมาหรือยังคะ” “พี่กินมาแล้วจ้ะ” “ถ้างั้นเดี๋ยวหนาวเก็บ

  • Please,Call Me Yours คลั่งรักเมียเด็ก   02 ลูกสาวคนโปรด

    ต้นหนาวก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน หลังจากที่คินน์ตกลงให้หญิงสาวมาทำงานที่นี่ วสันต์และอรดาที่เป็นเสาหลักของบ้านต่างก็เอ็นดูต้นหนาวตามๆ กัน เพราะเหมือนได้ลูกสาวมาเพิ่มอีกคน ควีนโล่งใจขึ้นและเข้าใจว่าคินน์เสนอจ้างงานต้นหนาวเพื่อให้เด็กสาวไม่ยึดติดว่าเป็นหนี้บุญคุณต่อครอบครัวของเขา ปล่อยให้ต้นหนาวได้ใช้ชีวิตอย่างดีเสมือนส่วนหนึ่งในครอบครัว แม้จะเป็นงานแต่ก็เป็นงานที่มีความสุขที่สุด ส่วนโคลด์ก็เอ็นดูต้นหนาวเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่งไม่ต่างจากควีนเช่นกัน หลังจากผ่านความตายมาได้อย่างเฉียดฉิวก็ต้องขอบคุณต้นหนาวที่เบี่ยงเบนความสนใจของคนพวกนั้นจนทำให้เขาไม่ต้องกลายเป็นศพไปเสียก่อน แต่ก็อาการสาหัสเอาเรื่อง “ต้นหนาว พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับพี่ไหม” ควีนเอ่ยชวนเด็กสาวที่กำลังช่วยจัดเอกสารภายในห้องทำงานของเธอ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี ควีนเลยถือโอกาสจะพาต้นหนาวไปเที่ยวสักหน่อย ถ้าได้พาเด็กสาวออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็น่าจะดีกว่าอยู่แต่ในบ้าน “ไปสิคะพี่ควีน เอ่อ... ว่าแต่คุณคินน์เขาจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ” ตลอดเวลาที่ต้นหนาวตกลงทำงานอยู่ที่นี่มานานเกือบห้

  • Please,Call Me Yours คลั่งรักเมียเด็ก   01 ข้อเสนอ

    คินน์ คณิณกรณ์ นักธุรกิจหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีที่เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นรองประธานบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย ครอบครัวรวยล้นฟ้า มีธุรกิจมากมายหลายอย่างไม่ว่าใครก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักนามสกุลของเขา ‘วงศ์วรกุลกิตติ์’ แต่ภายใต้หน้ากากของนักธุรกิจ ครอบครัวของเขายังเป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลมากอีกด้วยคินน์อุ้มร่างของหญิงสาวแปลกหน้าที่เป็นลมไป เข้ามาภายในบ้านอย่างรีบร้อน “พี่คินน์ นั่นใครคะ” น้องสาวคนเล็กสุดของบ้านอย่าง ‘ควีน’ รีบพุ่งตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที เมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนของพี่ชายอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย “ไม่รู้สิ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้เข้าไปช่วยโคลด์เอาไว้ได้ทัน พี่ก็เลยพามาด้วย” “แต่ทำไมเธอถึงมีรอยแผลเยอะขนาดนี้ล่ะคะ ไม่ใช่ว่าไปโดนใครทำร้ายมาเหรอคะเนี่ย” ปลายนิ้วเรียวสัมผัสร่างกายมอมแมมอย่างไม่รังเกียจ “งั้นพี่ฝากควีนช่วยจัดการให้หน่อยนะ” “ได้ค่ะ แต่จะพาเธอไปไว้ห้องไหนล่ะคะ” ตอนนี้ทุกห้องในบ้านก็มีคนอยู่ครบ ห้องรับแขกก็ไม่ได้ทำความสะอาดเอาไว้คงจะมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด “ห้องพี่ก็ได้” “หา! เอางั้นเหรอคะ?” ควีนเผลอส่งเสียงร้องตกใจออกมา

  • Please,Call Me Yours คลั่งรักเมียเด็ก   บทนำ

    ค่ำคืนที่แสนมืดมิดมีเพียงแสงของพระจันทร์ที่สว่างไสว ราวกับชีวิตของเด็กสาวที่กำลังรอคอยวันที่จะได้เห็นแสงสว่างในปลายทางข้างหน้า อีกไม่นานชีวิตที่ไม่อาจเลือกเกิดได้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล... ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ! ปึง!“หน้าด้าน! แกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ” เสียงตวาดดังลั่นบ้าน ก่อนที่ร่างของเด็กสาวแสนบอบบางจะถูกผลักออกมาจากบ้านอย่างรุนแรง เนื้อตัวฟกช้ำและมีแต่แผลเต็มไปหมด “พอเถอะจ้ะเมียจ๋า เดี๋ยวมันตายจะเป็นเรื่องใหญ่” “กล้าดียังไงมายุ่งกับผัวกู มึงอยากลองดีกับกูเหรอ” ความโมโหทำให้อีกฝ่ายหน้ามืดตามัวจนมองไม่เห็นความจริงที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้คำโกหกของผู้ชาย “ผัวเจ๊นั่นแหละ มันคิดไม่ซื่อกับฉัน” หญิง‍‍สาวรีบเถียงกลับ เธอไม่ยอมรับในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ทำ ตวัดสายตาไปมองผู้ชายที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังของเจ๊สร “ไม่ต้องมากล่าวหาผัวกู มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!”ต้นหนาวกระตุกยิ้มเมื่อถูกอีกฝ่ายตวาดไล่ ก่อนจะปิดประตูบ้านเต็มแรงด้วยความโมโห คนโง่ก็ยังโง่จนวันยังค่ำ... เมื่อเห็นโอกาสที่จะได้หนีออกไปจากที่นี่ เธอจึงรีบหอบร่างกายอันบอบช้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status