LOGIN"อยู่กันไปก็รักกันเอง"
นั่นคือคำพูดเนิบๆ ของผู้เป็นย่าที่ทำเอาญารินถึงกับอึ้งไปเลย ดวงตาคู่สวยเหล่มองใบหน้าเหี่ยวๆ สลับกับหน้าพ่อเป็นระยะ เธอเองก็เดาใจย่าไม่ถูก แถมตอนนี้บรรยากาศในห้องก็เครียดมากจนเธอหายใจไม่ออก มันเหมือนว่าเธอกำลังทำผิดและมันก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ยิ่งได้ยินทุกประโยคที่ผู้ใหญ่คุยกันมันก็ยิ่งทำให้รู้ว่าเรื่องของเธอกำลังเลยเถิดไปไกลเกินกว่าที่จะปล่อยผ่าน เอาตรงๆ มันพูดไม่ออก บอกไม่ถูก มันเหมือนคนน้ำท่วมปาก ไม่พอยังแอบรู้สึกหวิวๆ เคว้งๆ ตงิดๆ ในใจพิกล มันเหมือนกับว่าเธอกำลังถูกทุกคนมัดมือชกให้ต้องตกลงแต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้าที่เธอยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อด้วยซ้ำ ฉันงง ส่วนไอ้ผู้ชายข้างๆ ฉันก็คง งงเป็นไก่ตาแตกไม่แพ้กัน!! เพราะตอนนี้พวกป้าๆ ที่เป็นผู้ใหญ่หัวหงอกเสี้ยมเก่ง ต่างลงความเห็นด้วยสีหน้าจริงจังว่าจะต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องเพื่อรักษาหน้าและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล และเพื่อกันไม่ให้มีคนนินทา ก็เลยแก้ปัญหาที่แสนจะน้ำเน่าเหมือนในละครที่เธอเคยดูเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว นั่นก็คือ...จับแต่งให้มันจบๆ ไป เดี๋ยวก่อนนะ!! เฮลโหล~ ได้ยินฉันไหม ถามความคิดเห็นฉันยัง แล้วไอ้งั่งนั่งบื้อข้างๆ ก็ไม่พูดอธิบายห่าเหวอะไรเลย คือก็รู้นะว่าตกใจ แต่ช่วยตั้งสตินิดหนึ่ง แก้ตัวนะเป็นไหม ฉันพูดจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วเนี่ย!! หญิงสาวคิดพลันลอบถอนหายใจ ดวงตาคู่สวยชำเลืองมองคนตัวโตที่นั่งพับเพียบข้างๆ เธอ ยิ่งไปกว่านั้นไอ้สีหน้าที่เหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั่นคืออะไร ทำไม อย่าบอกนะว่ารู้สึกพะอืดพะอม รังเกียจที่จะต้องแต่งงานเข้าหอกับเธอ เหอะ!! ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งเหมือนกัน เป็นไปได้อยากจะลุกขึ้นมาอย่างองอาจ แล้วตะโกนอย่างไม่แคร์เวิลล์ต่อหน้าทุกคนว่า ไอ ด้อน แคร์ เสร็จแล้วก็นะ....ขับรถกลับคอนโดเดี๋ยวนี้ตอนนี้เลย แต่อนิจจา..... มันทำไม่ได้อย่างที่คิดไง ความเป็นจริงคือ เสียงร้องโวยวายของเธอเมื่อคืนมันทำคนทั้งบ้านตื่น ถ้าแค่พ่อกับญาติๆ คงไม่เท่าไหร่ แต่นี้มีทั้งคนงาน คนขับรถ คนสวน คนรับใช้ที่เห็น มันก็นะ....กลายเป็นเรื่องใหญ่ แถมไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่นั่งข้างๆ ร่วมชะตากรรมกับเธอก็ยังอยู่ในสภาพกึ่งโป๊ะ กึ่งเปลือย และถึงจะมีกางเกงบ็อกเซอร์ปิดบังส่วนตุงๆ นั้นอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น เธอกับผู้ชายที่นั่งติดกันรู้ดีว่าไม่มีอะไรเกินเลย เพราะต่างคนต่างหลับ แต่อย่างว่าภาพที่เห็นมันสื่อให้คิดในแง่ดีไม่ได้เลยจริงๆ หญิงชายอยู่กันสองต่อสอง ถ้าเป็นข้างนอกคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่..... มันอยู่ในห้องนอนไง มันก็เลยหมดคำแก้ตัว!! มุแงง~ จบแล้วญาริน!! ชีวิตโสดๆ สวยๆ ชิคๆ ต้องมาจบเห่ที่คำว่า "แต่งงาน" เพื่อรักษาชื่อเสียงและหน้าตาอันแสนบางของวงศ์ตระกูลที่ถือเป็นผู้รากมากดีสมัยเก่าก่อน ยิ่งไปกว่านั้น.... พอถามไปถามมาถึงสาเหตุก็กลับกลายเป็นว่าเป็นเธอที่ผิดเอง ไอ้ผู้ชายที่นั่งบื้อประหนึ่งกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปากคือ "หลาน" ของเพื่อนสนิทย่าที่โตมาด้วยกัน แถมยังมีดีกรีไม่ธรรมดาเป็นถึงหมอจบใหม่ที่มาทำงานใช้ทุนที่ ร.พ. แถวบ้าน เชี่ยเอ้ย!! แล้วทำไมไม่พักที่พักในร.พ. จะมาพักที่บ้านย่าทำไมวันนี้.... จะบอกว่า "บังเอิญ" มันก็พูดได้ไม่เต็มปาก ยิ่งย่าทวนความทรงจำเธอที่กำลังตกใจด้วยน้ำเสียงตำหนินิดๆ ว่า "จำที่ย่าบอกไม่ได้หรือ" "บอกอะไรคะ" ญารินรีบถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกอย่างรอบตัวตอนนี้มันกดดันมากบอกเลย "พี่พีทจะมาพักที่บ้านย่า" พี่พีท?? มาพัก?? ที่บ้านย่า?? ใช่!! เธอจำได้ แต่ "พี่พีท" ที่ย่าพูดถึงเนี่ยไม่ใช่ "พี่พีท" หลานสาวคนสวยของย่าอีกคนที่อายุมากกว่าเธอสองปีเหรอ แต่เดี๋ยวนะ!! ขอเธอตั้งสติแป๊บ สิ่งที่ย่าบอกก่อนหน้า แล้วเธอเหนื่อยจนนึกไม่ออก คือเรื่องนี้สินะ โธ่ถัง กะละมัง หม้อ ไห!! ญาริน เธอเข้าใจผิด "พี่พีท" จะเป็น " พี่พีทชี่" ได้ยังไง อยากจะชกหัวตัวเองแรงๆ ในความโง่เง่าก็กลัวเจ็บ เอาเป็นว่าไอ้ผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จัก ย้ำว่าไม่รู้จักเลยจริงๆ มีชื่อว่า พีท!! และเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นคนที่นั่งหน้าตั้ง หลังตรงข้างๆ เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย เพราะห้องๆ นั้นคือห้องที่ย่าตั้งใจจัดไว้ให้เขาพักอยู่แล้ว แต่เป็นเธอที่เสร่อเข้าห้องผิดเอง เพราะไม่ฟังย่าให้ดีว่าห้องที่จัดให้เธอนั้นคือห้องทางซ้ายมือ ไม่ใช่ห้องทางขวามือ พอเธอเถียงว่าได้ยินย่าบอกว่าให้พักที่ห้องขวาจริงๆ ย่าก็พูดเสียงสั่นๆ เหมือนน้อยใจว่า "หลานหาว่าย่าโกหกเหรอ" เอากับย่าสิ!! ใครมันจะกล้าโทษคนแก่ บางทีอาจเป็นเธอที่ฟังผิดเองก็ได้ "พะ....พูดอะไรหน่อยสิ" ญารินกระทุ้งข้อศอกใส่คนนั่งข้างๆ เผื่อคำพูดของคนที่เป็นหมออาจจะดูน่าเชื่อถือกว่าคำพูดของเธอที่ไม่มีใครสนใจฟัง คือแบบว่าไร้น้ำหนักสิ้นดี และคำพูดคำแรกที่ออกจากริมฝีปากได้รูปของนายนั่นที่นั่งบื้อเป็นตอไม้อยู่นานสองนานก็ทำเอาญารินที่อุตส่าห์ฝากความหวังไว้อย่างดิบดีถึงกับอ้าปากค้าง อยากจะระเบิดตัวเองให้กลายเป็นโกโก้ครั้น เพราะแทนที่จะปฏิเสธ แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังเกินเบอร์ประหนึ่งกลัวว่าเธอจะมีมลทินให้หมองหม่นว่า "ผมจะรับผิดชอบเองครับ!!!" ฉิบ*"" หญิงสาวสบถเสียงต่ำ ดวงตาคู่สวยเบิกโตจนแทบถลนด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้ไงนอกจากพึมพำให้คนข้างๆ ได้ยินเต็มสองหูว่า ถ้าจะพูดแล้วมันแย่กว่าเดิม ก็จงเงียบและหุบปากไปซะ!!!!คนที่นอนตื่นสายเดินลงมาจากห้องนอน สายตากวาดมองไปทั่วชั้นล่าง แต่ไม่พบเงาของคนที่ได้ชื่อว่า "สามี" ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดที่ทำตัวไม่สมกับเป็นภรรยาที่ดีดั่งคำสอนย่า แต่อีกใจก็นะแฮปปี้ดีเหมือนกัน เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยชินกับการที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นที่มีสถานะต่างเพศสักเท่าไหร่ ยกเว้นพ่อบังเกิดเกล้า ที่รับหน้าที่เป็นพ่อ "เลี้ยงเดี่ยว" ดูแลเธอตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยใช่ค่ะ!! พ่อฉันเป็นหม้าย โสดสนิท สถานะเมียทิ้ง ทั้งชีวิตทำแต่งาน หาแต่เงิน จนละเลยความรู้สึกเมีย พอรู้ตัวอีกทีก็โดนทิ้งไปแบบงงๆ แถมยังทิ้งของแถมให้ดูเป็นของต่างหน้า ก็คือ "เธอ" ย่าเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นเธอยังอายุแค่สามเดือน ผู้ชายห่ามๆ ทำแต่งานอย่างพ่อมีหรือจะเลี้ยงเป็น ดังนั้นตอนเด็กๆ เธอจึงถูกโยนให้ย่าเลี้ยง และนี่ก็คือเหตุผลหลักเลยว่าทำไมเธอถึงเป็นหลานรักของย่า ก็นะทั้งน่ารัก ทั้งน่าเอ็นดู แถมยังพกพาความน่าสงสารสดใสมาเต็ม ย่าก็เลยทั้งรักทั้งหลงเธอหนักเป็นพิเศษถ้าถามว่าสงสารพ่อไหม??เธอก็สงสารอยู่ แต่มาคิดในอีกมุมหนึ่งพ่อก็ทำตัวเอง มีเมียแต่ไม่ใส่ใจ สุดท้ายเมียก็เลยทิ้งไปอย่างไม่ใยดี นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เธอหวงชีวิตโสด เ
คิดว่าแค่โกหกๆ ไปก็จบคิดว่าจะรอดพ้นไปได้ง่ายๆแต่ที่ไหนได้ มันไม่ได้จบง่ายๆ อย่างที่คิด เพราะถึงเธอจะรอดพ้นจากการทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมียจริง แต่ก็ลืมไปว่าพี่พีทเป็นหมอ ใช่!! และมันก็สำคัญมาก เพราะสายตาที่พี่เขามองเธอนั้นมันแอบมีความไม่เชื่อแฝงอยู่นิดๆ แค่คำพูดคงยังไม่มีน้ำหนักพอ ดังนั้นงานแสดงละครต้องมา งานตอแหลให้สมจริงต้องมี แหมๆ คนอย่างญารินทำได้ทุกอย่าง จะเอาตัวให้รอดก็ต้องฉลาดและเฉลียว ไม่งั้นคงไม่ได้รับฉายาแถเก่งมาครองหรอก จริงไหม!!"อะ....โอ้ยยยยย"อยู่ๆ คนที่เพิ่งบอกว่าตัวเองเป็นเมนส์ก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาพร้อมกับใช้สองมือกุมท้อง ไม่พอเธอยังเพิ่มความสมจริงขึ้นอีกนิดด้วยการทำหน้าบิดเบี้ยวแสดงถึงความเจ็บปวดประหนึ่งคนที่เพิ่งโดนต่อยท้องมา ฮึๆๆๆๆ ถึงกับอึ้งไปเลยสินะ!!หญิงสาวคิดพร้อมกับเหล่มองปฏิกิริยาคนนอนข้างๆ โอเค ถึงเขาจะดูงงนิดๆ แต่ดูจากหัวคิ้วเข้มที่ย่นเข้าหากัน แสดงว่ามันได้ผลอยู่ คิดไว้ว่าจะแสดงแค่นิดๆ หน่อยๆ แต่คนอย่างเธอพอได้ทำอะไรมันก็มักจะเผลอตัวจัดเต็มตลอด งานนี้ก็เลยนอนตัวงอเป็นกุ้งไปเลยสิจ๊ะ"ญาเจ็บมากเลยเหรอ"เสียงทุ้มถามคนที่กำลังแหกปากลั่นด
ยุ่งไม่พอ....เวลายังผ่านไปเร็ว เร็วชนิดที่ว่าญารินยังไม่ทันได้คุยอะไรกับว่าที่ "สามี" เลย งานแต่งถูกจัดออกมาอย่างใหญ่โตสมฐานะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น แขกจากทั่วทุกสารทิศต่างทยอยมาแสดงความยินดี ซุ้มหน้าทางเข้างานที่จัดด้วยดอกไม้นั้นดูสวยงาม และเข้ากันได้ดีกับธีมงานสีทองหรูหราที่เจ้าสาวเป็นคนเลือกและออกแบบเองภาพของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยืนจับมือกันยิ้มรับแขกช่างดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ผู้ชายก็สูงหล่อดูดี ส่วนผู้หญิงก็สวยจนแทบลืมหายใจ ใครเห็นก็เอ่ยปากชม แถมภายในงานยังจัดออกมาได้ดี ทั้งอาหาร ทั้งเครื่องดื่ม ทั้งดนตรีเจ้าภาพจัดเต็มแบบไม่มีคำว่ากั๊ก เรียกได้ว่างานนี้ได้รับคำชมจากแขกทุกคนจนล้นหลามจริงๆ ทุกอย่างในงานผ่านไปอย่างราบรื่น จนกระทั่ง..."เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวหน่อยครับ"ห๊ะ!!!อีตาพิธีกรบ้า!! ไม่มีอย่างอื่นให้พูดแล้วรึไง เรียกแขกขึ้นมาร้องเพลงสิ ทำไมจะต้องหอมแก้มด้วย ดวงตาคู่สวยเบิกโตเมื่อได้ยินเสียงเชียร์ของแขกในงานสนับสนุนการแสดงความรักที่เจ้าบ่าวมีให้กับเจ้าสาวรักบ้ารักบออะไร...ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ฉันได้เจอหน้าเจ้าบ่าวแค่สามครั้งถ้วน ไม่รวมถึงการคุยแต่ละครั้งท
เคยได้ยินมาบ้างว่าหมอมีความรับผิดชอบสูง!!แต่คือเข้าใจไหมว่า...ไม่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษมารับผิดชอบเรื่องของฉันก็ได้ ฉันไม่ว่า ฉันไม่ด่า ฉันไม่โวยวาย และฉันก็ไม่ได้อยากเรียกร้องให้นายมารับผิดชอบอะไรเลยจริงๆ ถึงญารินจะคิดเช่นนั้นแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ สายตากดดันของย่าทำเอาเธอรู้สึกหนาวไปถึงไขสันหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากพูดแสดงความคิดเห็น หน้าสวยๆ ไร้ซึ่งรอยยิ้มนั้นบ่งบอกว่าเธอไม่เห็นด้วยกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยิน หัวทุยส่ายไปมาทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า "แต่งงาน" ย่าดูกระตือรือร้นจนเธอหวั่นใจ และในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวและไม่อยากได้ยินก็กำลังเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่มีรอยยับย่น "คงต้องหาฤกษ์แต่งให้เร็วที่สุด"อนิจจา....จบเห่แล้ว!!หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง ไปต่อไม่เป็นเพราะไม่นึกว่าสถานะโสดของเธอจะพลิกผันในชั่วข้ามคืน และเมื่อเหล่มองหน้าไร้อารมณ์ของว่าที่เจ้าบ่าว เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะตั้งแต่เธอบอกไปว่าให้ "หุบปาก" ก็หุบปากจริงๆ ไม่พูด ไม่จา ไม่หือ ไม่อือ แต่เสือกพยักหน้าตอบรับกับทุกเรื่องที่ผู้ใหญ่เสนอ หนักกว่าเก่าหนักกว่าเก่ามากบอกเลย!!เมื่อไม่มีพรรคพวก ก็เลยกลายเป็นพวกหัวเดียว
"อยู่กันไปก็รักกันเอง"นั่นคือคำพูดเนิบๆ ของผู้เป็นย่าที่ทำเอาญารินถึงกับอึ้งไปเลย ดวงตาคู่สวยเหล่มองใบหน้าเหี่ยวๆ สลับกับหน้าพ่อเป็นระยะ เธอเองก็เดาใจย่าไม่ถูก แถมตอนนี้บรรยากาศในห้องก็เครียดมากจนเธอหายใจไม่ออก มันเหมือนว่าเธอกำลังทำผิดและมันก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ยิ่งได้ยินทุกประโยคที่ผู้ใหญ่คุยกันมันก็ยิ่งทำให้รู้ว่าเรื่องของเธอกำลังเลยเถิดไปไกลเกินกว่าที่จะปล่อยผ่าน เอาตรงๆ มันพูดไม่ออก บอกไม่ถูก มันเหมือนคนน้ำท่วมปาก ไม่พอยังแอบรู้สึกหวิวๆ เคว้งๆ ตงิดๆ ในใจพิกล มันเหมือนกับว่าเธอกำลังถูกทุกคนมัดมือชกให้ต้องตกลงแต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้าที่เธอยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อด้วยซ้ำฉันงงส่วนไอ้ผู้ชายข้างๆ ฉันก็คงงงเป็นไก่ตาแตกไม่แพ้กัน!!เพราะตอนนี้พวกป้าๆ ที่เป็นผู้ใหญ่หัวหงอกเสี้ยมเก่ง ต่างลงความเห็นด้วยสีหน้าจริงจังว่าจะต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องเพื่อรักษาหน้าและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล และเพื่อกันไม่ให้มีคนนินทา ก็เลยแก้ปัญหาที่แสนจะน้ำเน่าเหมือนในละครที่เธอเคยดูเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว นั่นก็คือ...จับแต่งให้มันจบๆ ไปเดี๋ยวก่อนนะ!!เฮลโหล~ได้ยินฉันไหมถามความคิดเห็นฉันยังแล้วไอ้งั่งนั่ง
เมื่อไหร่จะแต่งงานอยากขึ้นคานรึยังไงหรือว่าไม่มีใครเอา!!นั่นคือคำพูดประโยคเดิมซ้ำๆ จากคนรอบข้างที่พอเห็นหน้า "ญาริน" ปุ๊บ หนอนก็เจาะปากปั๊บ คือไม่มีเรื่องอื่นให้ถามหรือไง อย่างเช่น ได้ข่าวว่างานไปได้ดี ได้เลื่อนขั้นอะไรอย่างนี้ เรื่องไหนดีๆ เป็นศรีแก่ปากก็ไม่รู้จักถาม เอาถามแต่เรื่องที่ชวนให้เธอต้องปวดหัว คนเพิ่งเรียนจบ วันๆ ทำแต่งาน แล้วจะเอาเวลาว่างที่ไหนไปคว้าผู้ชายมาแต่งทำผัว ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจ เธออยากจะพูดตอกหน้าพวกญาติๆ ไปสักหมัดสองหมัด แต่เอาเถอะ ถ้าสวนกลับไปสุดท้ายก็คงโดนพ่อด่าอยู่ดี ดังนั้นจึงทำได้แค่นั่งปั้นหน้าแสร้งยิ้ม ทำหูทวนลม หยิบขนมยัดเข้าปากไปแบบเซงๆผู้หญิงอายุยี่สิบสี่แก่ตรงไหน??เอาตรงๆ เลยคือไม่เข้าใจ ทำไมอยากให้เรียนจบแล้วต้องแต่งงานทันที แต่งทำไมเร็ว ยังเที่ยวลัลล้าใช้ชีวิตโสดไม่คุ้มเลย หญิงสาวคิดในใจ และในเมื่อไม่อยากฟังเธอจึงค่อยๆ ปลีกตัวมานั่งเล่นโทรศัพท์ไกลๆ วันนี้เป็นวันรวมญาติที่บ้านย่า เอาตรงๆ จากใจคือเธอไม่ได้อยากมาเลย แต่คนเป็นพ่อเอาแต่คะยั้นคะยอขอร้องให้เธอมาด้วย สุดท้ายก็นะ...ขัดไม่ได้ที่ผ่านมาเธอสรรหาเหตุผลอ้างว่า "ไม่ว่าง" แถมยังเอาตัวรอดได้ทุกป







