Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว
Writer : Aile'N
ตอนที่ 9
"บ้าาาาา คุณจะมาชอบฉันได้ยังไง เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน" อิงเอยส่ายหน้าดิก ไม่ยอมรับในสิ่งที่ได้ยิน เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ไบรอันจะชอบเธออย่างที่เขาบอกจริงๆ เธอไม่เคยพูดดีๆ กับเขาเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เจอกันก็มีแต่เรื่องวุ่นๆ ให้ปวดหัวอยู่ตลอด จะเอาเวลาไหนไปสานสัมพันธ์ให้เขาเกิดความรู้สึกอะไรเทือกนั้นได้ ไม่มีทางอ่ะ!!
"นั่นน่ะสิ.. ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน" คนตัวสูงทำหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็ตอบออกมาหน้าเครียดๆ บ่งบอกอาการได้เป็นอย่างดีว่าตัวเขาเองก็สงสัยและสับสนไม่น้อยเลยเหมือนกัน
"เหอะ.. ก็คิดให้มันดีๆ สิ! บางที.. มันอาจจะ.. เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้" ร่างบางแค่นเสียงเยาะในลำคอเบาๆ ก่อนพยายามหาเหตุผลมาลบล้างความรู้สึกนั้นของเขาออก จะคิดไปว่าเพราะภรรยาเขาเสียไปหลายปีแล้ว เขาคงจะเหงาตามประสาชายโสดที่นานๆ จะเจอผู้หญิงเลยทำให้หวั่นไหวง่ายก็ไม่กล้าคิด เพราะอลันบอกว่ามีผู้หญิงสวยๆ มาหาเขาไม่เคยขาด แล้วมันจะเป็นเพราะอะไรกันล่ะ? เธอมีอะไรดึงดูดเขาตรงไหน ตั้งแต่ทำงานนี้เครื่องสำอางและเสื้อผ้าสวยๆ แทบจะไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ เพราะต้องตื่นแต่เช้าและเข้านอนทีหลังเจ้านายตัวเล็ก จะเอาเวลาที่ไหนไปเสริมสวยกัน..
"คิดว่าไม่" ไบรอันปฏิเสธออกมาราวกับมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองพอสมควร ก็ใช่ว่าเขารักสนุกและยังไม่อยากหยุดที่ผู้หญิงคนไหนทั้งที่มีลูกแล้ว แต่เพราะผ่านผู้หญิงมาเยอะมากต่างหากเขาจึงมั่นใจว่าไม่ได้เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบอย่างแน่นอน ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร ไม่ว่าจะถูกใจมากแค่ไหนก็ตาม!
"ไม่งั้นคุณก็ประสาทอ่ะ ตั้งแต่เจอกันเราเคยคุยกันดีๆ มั้ย ฉันลามปามคุณไปตั้งเท่าไร ชอบก็บ้าแล้ว" อิงเอยยังคงไม่ยอมรับง่ายๆ มันมีแต่ในละครหลังข่าวเท่านั้นแหละที่พระนางด่ากันแทบเป็นแทบตายแต่สุดท้ายกลายเป็นความรักน่ะ เธอไม่เชื่อหรอก!
"นั่นน่ะสิ.. ตัวเตี้ยๆ ตาขวางๆ ปากจัดๆ สเป็คฉันไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย" ตากลมตวัดมองหน้าคนพูดอย่างเอาเรื่องทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนถูกหลอกด่ากรายๆ และยิ่งชัดเจนไปอีกเมื่อมุมปากหนายกยิ้มเยาะบางๆ กลับมา
"คุณมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก กวนประสาท เจ้าชู้ หัวงู! ไม่ใช่สเป็คของฉันเหมือนกัน ถ้าได้คุณเป็นแฟนนะ ฉันยอมขึ้นคานจะดีกว่า! " คนตัวบางแยกเขี้ยวกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ผู้ชายแบบเขานอกจากจะไม่ใช่สเป็คแล้วเธอยังเกลียดแสนเกลียด คนอะไรยียวนกวนประสาทแล้วยังไร้ความเป็นสุภาพบุรุษอีก!
"เฮ้.. ไม่เกินไปหน่อยหรือไง ฉันออกจะหล่อรวยขนาดนี้ ใครๆ ก็อยากได้เป็นสามีทั้งนั้น" เสียงต่ำประท้วงออกมา ก่อนคุยโวด้วยท่าทางหล่อเหลา ทำคนฟังเบ้ปากมองบนใส่แทบจะทันที
"ฉันคนนึงแหละที่ไม่เอา! เชิญหลงตัวเองไปคนเดียวเถอะ! " อิงเอยพูดเสียงห้วน สิ้นคำก็อุ้มอลันขึ้นห้องเพื่อหลีกหนีการเผชิญหน้ากับคนตัวใหญ่เนื่องจากเบื่อจะปะทะคารมให้ตัวเองหงุดหงิดไปมากกว่านี้
ดวงตาคมของคนที่ยังอยู่ที่เดิมมองตามแผ่นหลังบางไปจนลับสายตา ก่อนจะกลับมาจมอยู่ในความคิดของตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ได้คิดไปแล้วรอบหนึ่งตอนนั่งดื่ม.. เขาก็อายุมากแล้ว ใช่ว่าจะอยู่ในอาการสับสนเรื่องความรักอย่างกับเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง.. เขารู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเป็นจุดเริ่มต้นของการจะชอบพอใครสักคน แต่ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าชอบได้ยังไง ชอบที่ตรงไหน แล้วทำไมถึงชอบไวขนาดนี้ ทำไมความรู้สึกตายด้านเรื่องความรักของเขาถึงสั่นคลอนเพราะผู้หญิงตัวเตี้ยๆ คนเดียวได้ง่ายดายนัก..
"คิกคิก แดดดี๊ชอบอิงเอย" คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักขึ้นมาขณะถูกพาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน
"เอ่อ.. ไม่หรอกค่ะ แดดดี๊กำลังสับสนน่ะ อย่าถือสาเลยนะ" คนฟังอ้ำอึ้ง กว่าจะหาคำพูดเจอก็กลายเป็นเหมือนว่ากำลังแก้ต่างให้ทั้งตัวเองและใครอีกคน เธอแค่ไม่อยากให้อลันเข้าใจหรือคาดหวังไปแบบนั้น แม้คนเป็นพ่อจะพูดออกมาเองก็เถอะ แต่เขาคงกำลังเข้าใจผิดอยู่แน่ๆ
"อิงเอยไม่ชอบแดดดี๊หรอคร้าบ" รอยยิ้มสดใสชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกลายมาเป็นความงุนงงสงสัย
"เอ่อ.. มันก็.. ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกนะ.. อืม มัน.. ยังไงดีล่ะ" คำถามของเด็กชายวัยแค่สี่ขวบทำอิงเอยอ้ำอึ้งหนักกว่าเดิม แต่จะตอบว่าใช่ก็คงจะดูใจร้ายเกินไปเมื่อเห็นสายตาแห่งความคาดหวังจ้องมองอยู่ตลอด เลยต้องพยายามคิดหาเหตุผลดีๆ มาอธิบาย
"เราชอบกันแบบเพื่อน แบบเจ้านายลูกน้องไงคะ แต่ชอบแบบคนรักไม่ได้" ร่างบางบอกอีก ซึ่งหาความจริงในประโยคแทบจะไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าจะเพื่อน เจ้านาย หรือคนรักเธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกชอบพอให้ไบรอันเลยสักนิดเดียว ผู้ชายที่ไหนเขาบอกชอบผู้หญิงด้วยคำพูดและท่าทางกวนประสาทแบบนั้น ถ้าไม่ใช่คนหลงตัวเอง! และเธอก็เกลียดคนประเภทนี้เสียด้วยสิ =_="
"ทำไมไม่ได้ล่ะคร้าบ.. คนรักเหมือนแดดดี๊กับหม่ามี้หรือเปล่า" อลันถามออกมาอีก ปากน้อยๆ เตรียมเบะเมื่อคำตอบไม่เป็นอย่างที่หวัง
"ก็.. คนรักกันก็ประมาณนั้นแหละจ้ะ แต่อิงเอยไม่ได้คิดกับแดดดี๊ของอลันแบบนั้น" ร่างบางย้ำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เด็กชายเข้าใจอะไรผิดไปอย่างคนเป็นพ่อ เพราะปฏิเสธเด็กน้อยนั้นยากกว่าปฏิเสธคนเป็นผู้ใหญ่เสียอีก
"ทำไมไม่คิดล่ะครับ อลันอยากให้อิงเอยมาเป็นหม่ามี้ของอลัน ไม่ได้หรอครับ.." ลำคอระหงถูกสองแขนเล็กๆ โอบกอด พร้อมกับซบใบหน้าลงกับไหล่บางอย่างออดอ้อน การกระทำนั้นทำใจคนฟังอ่อนยวบ..
"เอ่อ.. เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาน่ะ อลันง่วงหรือยังครับ อิงเอยจะเล่านิทานให้ฟัง" คนถูกอ้อนลำบากใจไม่น้อย แต่ก็จำต้องปฏิเสธออกมาอีก ก่อนจะรีบตัดบทเข้าเรื่องอื่นเมื่อเดินมาถึงห้อง
"..ง่วงครับ" อลันตอบรับอย่างซึมๆ นอนมองตามพี่เลี้ยงที่เดินไปหยิบหนังสือนิทานมาจากตู้ตาแป๋ว คนถูกมองก็รู้ตัวว่ากำลังถูกร่างเล็กๆ นั้นกดดันทางสายตา แต่เลือกที่จะไม่สนใจ ขึ้นไปนอนข้างกันและอ่านนิทานกล่อมเจ้านายตัวเล็กจนกระทั่งหลับปุ๋ยไป
ตากลมจ้องมองดวงหน้าคนหลับด้วยความสงสารและเห็นใจ เธอเข้าใจความรู้สึกของอลันนะ.. เด็กคนนี้คงไม่เคยเจอใครที่รักและหวังดีกับเขาเหมือนพ่อ ก็เลยติดเธอแจจนคิดไปว่าไม่อยากให้จากไปไหน เลยอยากให้มาเป็นแม่ใหม่เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ถ้าพูดถึงคนเป็นพ่อ.. เธอไม่เข้าใจ เพราะขนาดตัวเขาเองยังดูสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเลย
นั่งมองคนหลับพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นาน อิงเอยก็ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเล็กๆ นั้นไว้แล้วก้มลงจูบแก้มใสเบาๆ ก่อนลุกออกไปปิดไฟให้ เหลือเพียงแสงสว่างอันน้อยนิดจากโคมไฟหัวเตียงกับข้างกำแพงทางไปห้องน้ำ แล้วจึงเดินออกจากห้องไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนบ้าง แต่คืนนี้มันช่างหลับยากหลับเย็น.. ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานไม่ได้ส่งผลให้ดวงตาอ่อนเพลียตามเลยสักนิด
วันต่อมา..
"คุณไบรอัน.." ท่ามกลางความมืดสลัวในช่วงเช้าของวันใหม่ เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ลูกบอลยางกลมๆ ในมือจะถูกโยนไปกระทบใส่คนบนเตียงที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่
ตุ้บ!
"คุณไบรอัน.. ตื่นค่ะ! " เสียงเดิมเพิ่มความดังขึ้นอีก เรี่ยวแรงก็เพิ่มมากขึ้นตามความหงุดหงิด หึ.. ทำเธอนอนไม่หลับทั้งคืน แต่ตัวเองกลับหลับเป็นตาย!
ตุ้บ!
"คุณไบรอัน ตื่นนน! " คนตัวเล็กเริ่มเกรี้ยวกราด เพราะเห็นหน้าคนหลับแล้วหมั่นไส้ เรียวนิ้วทั้งห้าบีบลูกบอลในมือแน่น ก่อนขว้างใส่คนบนเตียงสุดแรง ทำคนนอนเริ่มจะรู้สึกตัวเพราะความรำคาญ
ตุ้บ!
"อื้อ.. อะไรเนี้ย~" เจ้าของห้องผงกศีรษะขึ้นมาอย่างงัวเงีย อิงเอยเลยขว้างใส่เขาอีก ไม่ได้ปลุกแต่เพื่อความสะใจล้วนๆ
ตุ้บ!
ลูกบอลยางสีแดงสดกระแทกเข้ากลางหน้าผากของคนบนเตียงอย่างจัง จนใบหน้างัวเงียนั้นผงะหงายไปข้างหลังเล็กน้อย ก่อนจะพยายามลืมตาขึ้นมาจับต้นชนปลายสิ่งที่เกิดขึ้น
"นี่เธอ.. อะไรเนี่ย" ตาคมที่เริ่มจะลืมได้เต็มที่กวาดมองลูกบอลหลากสีที่ตกอยู่รอบตัวก่อนเลื่อนมาหยุดยังคนตัวบางที่ยืนถือตะกร้าใบเล็กอันบรรจุลูกบอลอีกสามลูกที่เหลืออยู่ ซึ่งร่างนั้นถอยไปยืนชิดติดริมกำแพงห้องห่างไกลจากเตียงพอสมควร
"อุปกรณ์การปลุกไงคะ ตื่นแล้วก็ฝากเก็บใส่ตะกร้าไว้ในห้องคุณด้วย วันต่อๆ ไปจะได้หยิบใช้สะดวก" ใครคนนั้นเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนบอกออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านว่าได้กระทำลามปามคนอายุมากกว่า ก็ถ้าไม่ปลุกแบบนี้เธอนี่แหละจะถูกเขาลวนลามอีก! นี่คือสาเหตุว่าทำไมเมื่อวานเธอหยิบลูกบอลติดมือมาด้วย เพื่อที่จะได้ปลุกเขาได้โดยไม่ต้องยืนอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะถูกดึงลงไปบนเตียงอีกยังไงล่ะ!
"เดี๋ยว.." เจ้าของห้องเรียกไว้เมื่อเห็นร่างบางชี้นิ้วสั่งเสร็จก็รีบเดินดุ่มๆ ไปทางประตูเหมือนไม่อยากจะอยู่ในนี้นานๆ
"อะไรคะ" อิงเอยหยุดฝีเท้า ก่อนหันมาถามหน้านิ่งๆ ผิดกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัว ลุ้นระทึกในใจว่าเขาจะพูดอะไร
"ฉันคิดดีแล้วนะ.." คนตัวสูงมองคนฟังนิ่งไปชั่วอึดใจก็พูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
"เรื่องอะไรคะ" รู้แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะสิ่งที่ทำให้คนบนเตียงหน้าเครียดแต่เช้าแบบนี้มันคงจะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ทำให้เธอนอนไม่หลับเลยทั้งคืน!
"ที่ฉันบอกว่า.. ชอบเธออ่ะ" ไม่รู้คนตัวใหญ่มีเล่ห์กลอะไรในการพูด เพราะทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะพูดอะไรแต่คนฟังกลับควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองไม่ได้
"แล้ว? " แม้ข้างในจะห้ามไม่ได้ แต่ภายนอกที่แสดงออกอิงเอยถือว่าทำได้ดี เธอเก็บอาการอยู่หมัดจนทำไบรอันเริ่มจะหัวเสีย เพราะเหมือนมีแค่เขาที่ว้าวุ่นใจอยู่ฝ่ายเดียว
"ก็เหมือนเดิม.." เสียงขุ่นเอ่ยหน้าเคร่งๆ รู้สึกขัดใจที่ถูกอีกคนเมินเฉยคำสารภาพ
"หึ งั้นก็เตรียมตัวอกหักได้เลยค่ะ เพราะฉันไม่ได้ชอบคุณ! " อิงเอยยิ้มเยาะพลางยืนกอดอกมองเหยียดเจ้าของบ้านด้วยความสะใจ สิ้นคำก็เชิดหน้าเดินหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
"ไรวะ.. ยัยเตี้ยนั่น.. กล้าดียังไงถึงปฏิเสธคนอย่างฉัน.. กรอด.." คนไม่เคยถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด นอกจากบ่นพึมพำแล้วก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังบางออกไปอย่างคาดโทษ..
อิงเอยมาปลุกเจ้านายตัวน้อยต่ออย่าง (พยายาม) ไม่คิดอะไร เช้านี้เธอเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวให้อลันเพราะกลัวว่าถ้าให้ทำเองจะชักช้าไม่ทันการ ไว้รอให้อาบเองในตอนที่มีเวลามากๆ อย่างตอนเย็นดีกว่า พออาบน้ำแต่งตัวให้กันเสร็จก็พาลงมากินข้าวเช้า ซึ่งไบรอันก็ไม่ได้พูดอะไรให้เธอลำบากใจหรือยียวนกวนประสาทให้ต้องหงุดหงิดหัวเสีย เพียงแต่ชอบมอง.. มองแบบไม่พูดอะไร ซึ่งก็น่าอึดอัดพอกัน!
จนไปส่งอลันเข้าเรียนและเขาก็ออกไปทำงานต่อ อิงเอยถึงหายใจหายคอสะดวกขึ้นมาหน่อย เธอกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองตามตารางงานที่ยังคงหยิบออกมาดูเรื่อยๆ เพราะยังจำไม่ค่อยได้ ทำเสร็จก็มาหาเพลงในครัว
"เพลง.. อลันไม่ชอบกินผักอ่ะ ฉันลองหาข้อมูลในเน็ตดูเขาบอกให้ต้มจนนิ่มและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เด็กจะกินง่าย ฉันฝากดูแลเรื่องนี้ให้ด้วยนะ อลันต้องกินให้ครบห้าหมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ พวกหมูนี่ห้ามเลยนะ อย่าให้กินมาก ยิ่งหมูติดมันยิ่งแล้วใหญ่.." หลังจากพาตัวเองมานั่งเสิร์ชข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้สักพักใหญ่ๆ ร่างบางก็พูดขึ้นกับหัวหน้าแม่บ้านที่นั่งเช็ดจานชามอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์
"เธอดูรักอลันมากเลยเนอะ ไม่น่าเชื่อ.." ใครคนนั้นถามกลับมาด้วยความแปลกใจ แต่ถ้าฟังไม่ดีถ้อยคำก็ดูเหมือนจะประชดประชันอยู่ในทีเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะอาชีพไหนทุกคนก็ทำแค่ที่จำเป็นเพื่อหวังเงินเดือนตอบแทนทั้งนั้น น้อยคนนักที่จะใส่ใจงานที่ทำมากขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ว่ารักงานหรือรักคนที่ต้องดูแลจริงๆ
"มีด้วยหรอคนไม่รัก? อลันออกจะน่ารักขนาดนั้น นี่ถ้าวันหนึ่งฉันได้แต่งงานบ้างนะ ฉันก็อยากมีลูกน่ารักๆ แบบอลันนี่แหละ แต่ไม่รู้เมื่อไรจะได้แต่ง ยี่สิบแปดแล้วยังไม่มีใครมาจีบเลย เจอแต่พวกหัวงู! " เป็นทั้งคำบอกเล่า บ่น และตัดพ้อผสมปนเปกันไปสำหรับคนพูดเก่งอย่างอิงเอย พอบ่นเสร็จก็ทำหน้าบึ้งแก้มป่องพองลมด้วยความขัดใจ เป็นนิสัยเด็กๆ ที่แก้ยังไงก็ไม่หายเลยติดมาจนถึงอายุยี่สิบแปดในวันนี้ =_="
"ดีแล้วล่ะ ได้เธอมาดูแลช่วย ฉันจะได้วางใจ อลันก็ดูจะติดเธอมากด้วย" เพลงบอกความรู้สึกจากใจ ยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่ค่อยจะไว้ใจอิงเอยเหมือนกัน แต่พอเห็นอะไรหลายๆ อย่างตั้งแต่ที่ได้เข้ามาทำหน้าที่แล้วก็เริ่มไว้วางใจมากขึ้น
"มากดิ ขนาดอยากให้มาเป็นแม่ใหม่เลยนะ แต่ฉันไม่เอาอ่ะ ไม่อยากมีสามีขี้เก๊ก! " คนตัวบางคุยให้เพื่อนใหม่ฟังอย่างหมดเปลือกว่าเจ้านายคนเล็กพูดอะไรกับเธอไว้บ้าง เพราะฟังมากๆ บางทีก็อึดอัดแม้จะเป็นแค่คำพูดไร้เดียงสาจากเด็กก็เถอะ แต่เด็กนี่แหละปฏิเสธยากที่สุดแล้ว!
"หึหึ ระวังหัวใจตัวเองดีๆ เถอะ ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว ปากบอกไม่ชอบๆ แต่สุดท้ายก็ลงเอยกัน เหมือนที่เขาบอกว่าเกลียดอะไร มักได้อย่างนั้น" เพลงกระตุกยิ้มเยาะบางๆ ล้อเลียน ไม่แสดงท่าทางแปลกใจหรือกลัวอิงเอยจะเข้ามาจับเจ้านายของตัวเองอีก เพราะขำมากกว่าที่เห็นสถานการณ์มันตาลปัตรไปไกลจนกู่ไม่กลับ เจ้านายของเธอถูกเกลียด..
"ม.. ไม่มีทาง! " คนฟังส่ายหน้ายืนยัน แม้เสียงจะหายไปนิดๆ ในตอนต้นประโยค สิ้นคำก็ตัดบททำเป็นดูนู่นดูนี่ในโทรศัพท์ต่อ แต่เพลงก็รู้.. ว่าคนฝั่งตรงข้ามกำลังฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิจะดูอะไรอีกอย่างที่พยายามแสดงออก..
..
..
"จะไปไหนหรอคะพี่คิน? " ร่างบางท้วงขึ้นมาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นวิวสองข้างทางกลับบ้านเปลี่ยนไปจากทุกวัน
"คุณไบรอันสั่งว่าให้พาคุณหนูกับน้องอิงไปหาที่โรงแรมน่ะครับ" คนขับตอบกลับมา ยิ่งทำคนฟังแปลกใจ
"โรงแรม? ไปทำไมคะ" อิงเอยขมวดคิ้วยุ่ง แค่รู้ว่าเป็นคำสั่งของไบรอันก็ทำให้หงุดหงิดมากพอแล้ว ก็ยิ่งไม่พอใจมากไปอีกเมื่อเขาไม่คิดจะบอกอะไรเธอไว้ก่อน อยู่ๆ ก็ให้ไปเลยแบบนี้
"หาอะไรทานน่ะ คุณไบรอันเสร็จจากงานแล้วเลยจะพาคุณหนูไปทานข้าว" คินบอกอย่างไม่คิดอะไร เพราะถือเป็นเรื่องปกติ ถึงไบรอันจะไม่ค่อยมีเวลาพาอลันไปเที่ยวไหนไกล แต่ถ้ามีเวลาหลังเสร็จจากงานเพียงน้อยนิด เขาก็มักจะพาลูกไปทานข้าวนอกบ้านกันสองคนเสมอ
"ทานที่บ้านก็ได้นี่คะ ไม่เห็นจะต้องไปที่อื่นเลย" ร่างบางไม่เข้าใจการกระทำนั้น เพราะส่วนตัวเธอถูกเลี้ยงดูมาต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง ช่วงเวลาสำคัญของครอบครัวเธอ มักจะเป็นการทำอาหารทานเองกันที่บ้าน ได้พูดคุย ได้หัวเราะไปด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก โดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร แบบนี้มีความสุขกว่าตั้งเยอะ
"คุณไบรอันสั่งมาแบบนี้น่ะ พี่ก็ขัดอะไรไม่ได้" คนฟังพยักหน้าเข้าใจ แอบส่งสายตาขอโทษร่างสูงเล็กน้อยเพราะเธอเซ้าซี้เขามากจนเกินไป เขาก็แค่รับคำสั่งมาและทำตามเท่านั้น
อิงเอยนั่งเล่นกับคนตัวเล็กอยู่เบาะหลังสักพักใหญ่ๆ รถที่นั่งมาก็แล่นเข้าไปจอดหน้าโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่ง ก่อนที่เธอกับอลันจะถูกคินนำทางขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม ที่มีวิวเปิดกว้างล้อมรอบด้วยกระจกใสมองเห็นไห้รอบทิศ ทั้งชั้นมีเพียงโต๊ะอาหารไม่กี่โต๊ะตั้งอยู่ราวกับเป็นชั้นวีไอพีของแขกระดับผู้ดีไฮโซหรือผู้มีอันจะกินที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศสุดโรแมนติก ความหรูหราของสถานที่ทำร่างบางกระอักกระอ่วน ไม่อยากจะอยู่นานๆ พอคินผายมือเชิญให้เดินไปยังโต๊ะที่ร่างสูงนั่งรออยู่ เธอก็รีบพาอลันไปหาเขาแล้วตั้งใจจะหลบฉากกลับออกมา เพราะคิดว่าพ่อกับลูกเขาคงอยากใช้เวลาร่วมกัน
"จะไปไหน" เสียงทุ้มติดดุรั้งพี่เลี้ยงของลูกชายไว้ก่อนจะได้เดินหนีไปไกล
"ไปรอที่อื่นไงคะ ทานเสร็จแล้วค่อยเรียกฉัน" อิงเอยหันกลับมาบอก อดไม่ได้ต้องมองไปรอบๆ เมื่อเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นจากแขกโต๊ะอื่นที่มองมาเหมือนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือไม่ก็คงกำลังคิดว่าคนสภาพอย่างเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง..
ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะให้พาอลันมาที่นี่ ไม่งั้นเธอคงแต่งตัวให้เกียรติสถานที่มากกว่านี้
"นั่งลง.. ฉันสั่งอาหารมาตั้งเยอะ" ไบรอันบอกแกมบังคับ ความจริงแล้วเขาตั้งใจพาทั้งอิงเอยและอลันมาทานด้วยกันต่างหาก ไม่ได้จะให้ไปรอที่ไหนอย่างที่เข้าใจ แต่เธอก็ช่างไม่รู้ใจ..
"แล้วจะสั่งมาทำไมเยอะแยะคะ อีกอย่างทานที่บ้านก็ได้ ไม่เห็นต้องลงทุนมาที่แบบนี้เลย" เสียงหวานลดระดับความดังลงเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน เธอไม่ชอบใจนักตั้งแต่ที่เขาให้คินพามาที่นี่โดยไม่บอกล่วงหน้าแล้ว แต่จะให้หักหน้าเขาในที่แบบนี้ก็คงไม่ได้จึงยอมเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกัน
"ไม่ชอบหรือไง" ไบรอันเอ่ยถาม แววตามีความคาดหวังอะไรบางอย่างเปล่งประกายจนคนฟังรู้สึกได้
"ก็.. เปล่า แต่มาโรงแรมหรูขนาดนี้ ต้องมีแต่ของแพงๆ แน่เลย มันสิ้นเปลืองนะคะ" ไม่มีใครหรอกที่จะไม่ชอบหรือไม่อยากมาทานอาหารดีๆ และชมวิวสวยๆ ในใจกลางเมืองแบบนี้ มันเหมือนฝันของใครหลายคนเลยด้วยซ้ำ แต่ในทางกลับกันมันก็สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ค่าอาหารมื้อเดียวเอาไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะแยะ
"ฉันมีเงินจ่าย" ร่างสูงอวดรวยออกมาเต็มปากเพื่อตัดความรำคาญ เพราะแค่ค่าอาหารมื้อเดียวมันจิ๊บจ้อยมากสำหรับเขา แต่คนตัวบางกลับทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ มีปัญหามากๆ ก็ชักจะเริ่มรำคาญความเป็นคนดีของอีกฝ่ายแล้วเหมือนกัน ทำตัวเป็นเด็กดีนั่งกินเงียบๆ ไม่เป็นหรือยังไง =_="
"รู้ค่ะ.. งั้นก็เชิญคุณสุขสมกับเงินของคุณไปแล้วกันนะคะ ฉันขอไปรอที่รถ" อิงเอยเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง เมื่อคนตัวใหญ่ทำตัวป๋า อวดร่ำอวดรวยและเอาแต่ใจ
"อิงเอย.. ฉันอุตส่าห์เอาใจเธอนะ" ไบรอันขัดขึ้นมาอย่างจริงจัง ตาคมมองตำหนิคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรและเอาแต่คอยขัดใจเขาตลอดนิ่งๆ เพื่อให้เธอรู้ตัว
"ห้ะ? เอาใจ? ฉัน? เอาใจฉันทำไมคะ" ร่างบางถามกลับด้วยความสงสัย คนที่เขาควรจะเอาใจคือลูกชายเขามากกว่านะ วันไหนที่ไม่เห็นเขาไปรับพร้อมกับเธออลันไม่ค่อยจะสดใสเท่าที่ควรเลย เขาจะรู้ตัวบ้างไหม ไม่ใช่ทำแต่งาน!
"เธอจะได้ชอบฉันไง" คนตัวใหญ่ยอมรับออกมาหน้านิ่งๆ เพียงเท่านี้ก็ทำร่างบางเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด.. เธอก็เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าการที่ผู้ชายจะเอาใจผู้หญิงสักคนหนึ่งคือการพามาแบบไม่บอกกล่าวและบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ =_="
"เหอะ.. มุกตื้นดีนะคะ คิดว่าทำแบบนี้ฉันจะชอบคุณหรือไง ฉันไม่เหมือนพวกผู้หญิงของคุณนะ! " อิงเอยแค่นเสียงเยาะ ต่อให้เขาทำอะไรมากกว่านี้เพื่อเอาใจเธอ เธอก็คงจะไม่รู้สึกดีเท่าไรเพราะมีอคติกับเขาไปแล้วตั้งแต่ต้น บอกเลยว่าเหนื่อยเปล่า..
"เออ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ! แต่ต้องกินเป็นเพื่อนฉันกับอลัน" คนฝั่งตรงข้ามทำหน้าขัดใจก่อนตัดบทและหันไปกระดิกนิ้วให้บริกรยกอาหารที่สั่งรอไว้มาเสิร์ฟ จะได้รีบกินรีบกลับ!
"กิน! " เสียงเข้มสั่งขึ้นอีกเมื่ออาหารถูกยกมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ เรียกได้ว่าต่างคนต่างไม่พอใจ เพราะบรรยากาศมันเสียไปตั้งแต่คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ก็เลยไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ต่างคนต่างกินให้มันจบๆ กันไป คนอุตส่าห์พามากินของดีๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกดันไม่ชอบ เอาใจยากจริง!
..
..
..
..
Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว Writer : Aile'Nตอนที่ 30 (ตอนจบ) "ท้องแฝดหรอคะ! ? "อายุครรภ์ราวสองเดือน อิงเอยก็เริ่มแพ้ท้องอย่างหนัก ถึงขนาดกินอะไรไม่ค่อยได้จนน้ำหนักลดฮวบ.. กลัวว่าถ้าเป็นแบบนั้นต่อไปจะส่งผลถึงพัฒนาการของลูกในท้องเธอก็เลยให้สามีพามาหาคุณหมอ กระทั่งมีโอกาสได้อัลตราซาวด์ดูคนในท้องคุณหมอก็บอกว่าเธอท้องลูกถึงสองคน!"ครับ นี่คนแรก ส่วนตรงนี้ก็อีกคน" คุณหมอบอกพลางเลื่อนอุปกรณ์ที่ใช้อัลตราซาวด์ไปบนท้องนูนๆ ของเธอในขณะที่มือชี้ไปยังหน้าจอมอนิเตอร์ที่ปรากฏภาพแปลกๆ ดูไม่คุ้นตาสำหรับคุณแม่มือใหม่ เธอมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรแต่รู้สึกตื่นเต้นจนมือสั่น และมีเหงื่อผุดซึมทั้งที่ภายในห้องแอร์เย็นเฉียบ.."แบบนี้ก็ดีน่ะสิ! โคตรโชคดีเลย ท้องครั้งเดียวได้มาตั้งสองคน" คุณพ่อลูกสอง.. ไม่สิ ลูกสามแล้วต่างหากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตาคมยังไม่ละไปจากหน้าจอมอนิเตอร์เลยสักวินาทีเดียว"ครับ.. คนส่วนใหญ่ก็คิดแบบนั้น.. แต่หมอก็ให้คำแนะนำไปหลายรายแล้วว่าการท้องแฝดไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอย่างที่คิด.." คุณหมอบอกเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งงันไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลยจนคนฟังแอบกลัวในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว Writer : Aile'Nตอนที่ 29"เอ๋ น้องอลันคุณพี่เลี้ยงมารับกลับไปแล้วนะคะ" คุณครูประจำชั้นทำหน้าตามึนงงเมื่อเห็นคนตัวใหญ่มาถามหาลูกชายทั้งที่ก่อนหน้าไม่กี่นาทีเด็กชายถูกพี่เลี้ยงมารับกลับไปแล้ว"อ่า.. หรอครับ สงสัยเธอลืมโทรบอกผมน่ะครับ" ร่างสูงบอกก่อนยิ้มให้แล้วขอตัวกลับ ไม่ใช่แค่คุณครูที่งงเขาเองก็งงเหมือนกันว่าทำไมอิงเอยถึงมารับอลันโดยไม่บอกเขาก่อน เพราะตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่เขาก็ทำหน้าที่ปลุก พาอาบน้ำแต่งตัวและไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก คาดว่าร่างบางคงอยากจะมารับอลันด้วยตัวเองและลืมโทรบอกเขาก็เลยตรงกลับบ้านเลย"มีอะไรหรือเปล่า" สองเท้าที่กำลังก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอหยุดชะงัก ก่อนยืนถามหัวหน้าสาวใช้ประจำบ้านด้วยความสงสัย เพราะบังเอิญเจอกันตรงทางเข้าพอดีและใครคนนั้นก็มีท่าทางแปลกๆ จ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มเย็นๆ เหมือนมีอะไรในใจ"มีค่ะ.." เพลงบอกเพียงเท่านั้นก็หยุดเพื่อให้อีกคนถามมาก่อนถึงจะเล่าต่อ ซึ่งนิสัยแบบนี้ที่เธอชอบทำไบรอันไม่เคยชอบเลยสักที เพราะถ้าเป็นเรื่องสำคัญกว่าจะรู้เรื่องคงทำเอาหงุดหงิดน่าดู"มี
Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว Writer : Aile'Nตอนที่ 28ตกกลางดึกในคืนนั้น.. คนท้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดท้องพ่วงด้วยปวดปัสสาวะจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะกลับมา แต่อาการปวดทำให้นอนไม่ได้ ต้องดันหมอนไปชิดหัวเตียงและนั่งพิงเพื่อรอดูอาการไปก่อน ใจหนึ่งก็อยากจะปลุกสามีให้ตื่นมาอยู่เป็นเพื่อนแต่มันก็ดึกมากแล้วเลยไม่อยากรบกวนไม่รู้ว่าอาการที่เป็นอยู่มันอันตรายแค่ไหน แต่มันปวดหน่วงๆ เหมือนตอนเป็นประจำเดือน ซึ่งก็ทรมานอยู่ไม่น้อย ครั้นนั่งคิดไปคิดมาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนไปห้างฯ ได้ซื้อหนังสือคุณแม่มือใหม่กลับมาด้วย เลยลุกไปหยิบมาอ่านโดยเปิดแค่โคมไฟหัวเตียง เป็นหนังสือที่เธอคาดหวังและตั้งใจจะฝากชีวิตของลูกไว้กับมัน เพราะในนี้มีบอกทุกอย่างทั้งอาการ สาเหตุและวิธีดูแลตัวเองตั้งแต่เริ่มท้องจนถึงตอนคลอด..'การปวดท้องจากการหดรัดตัวของมดลูก.. จะมีอาการคล้ายๆ ปวดประจำเดือนเพราะมดลูกมีการบีบรัดตัว แต่ปวดไม่บ่อยนัก ไม่นานก็หาย และไม่เป็นอันตราย แต่ต้องระวังสำหรับคุณแม่ท้องแก่ ถ้าปวดบ่อยๆ และถี่จนผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์'ดวงตากลมไล่อ่านทุกข้อความในหนังสือหน้าที่พิจารณาแล้วว่าตรงกับอาการของตัวเอง เ
Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว Writer : Aile'Nตอนที่ 27วันต่อมา..ไบรอันกับอิงเอยบินกลับกรุงเทพฯ ในตอนเกือบเที่ยง ก่อนจะถึงวันงานแต่งอย่างเป็นทางการพ่อกับแม่ของเธอถึงจะบินตามมาร่วมงานพอกลับมาถึงบ้านทั้งคู่ก็ต้องตกใจเพราะว่าอลันไม่ได้ไปโรงเรียนอย่างที่คิดและควรจะเป็น เพลงบอกว่าเจ้าตัวเล็กคิดถึงพ่อกับแม่เลยงอแงไม่อยากไปเรียน เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องมาตั้งแต่เช้า ทั้งที่เมื่อวานก็ยังปกติดีแต่เหมือนวันนี้จะทนไม่ไหวงอแงออกมา แต่เพลงก็ไม่ได้ละเลยคอยไปดูอยู่ตลอดและเพิ่งจะกลับลงมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี่เอง"หม่ามี้! ฮื่ออออ อลัน ฮื่อ คิดถึง" เมื่อรู้ข่าวอิงเอยก็รีบตรงขึ้นไปหาเด็กชายบนห้องโดยมีคนตัวใหญ่เดินตามมาติดๆ ทันทีที่เจอหน้ากันอลันก็ปล่อยโฮออกมาแล้ววิ่งเข้ามากอดเธอไว้แน่น"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง มี้กลับมาแล้วครับ ชู่ว~" เสียงหวานเอ่ยปลอบขณะโอบกอดร่างเล็กๆ นั้นไว้ด้วยความรัก ก่อนจะอุ้มขึ้นเพื่อพาไปนั่งบนโซฟาดีๆ"ฮื่อๆ หม่ามี้.. อึก ไปไหนมา ฮื่อออ" เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กชายทำอิงเอยสงสารจับใจ แต่คนเป็นพ่อกลับนั่งมองยิ้มๆ เพราะอยู่ด้วยกันมาเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้นอลันก็ติดร่างบาง
Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว Writer : Aile'Nตอนที่ 26เมื่อผ่านด่านพ่อตาขาโหดมาได้ (อย่างทุลักทุเล) งานแต่งงานแบบเรียบง่ายก็ถูกจัดขึ้นที่แรกยังบ้านเกิดของฝ่ายเจ้าสาว ก่อนที่จะจัดงานใหญ่อีกครั้งที่กรุงเทพฯ โดยแขกที่มาร่วมงานในวันนี้ก็เชิญแค่ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงคนสนิทกันเท่านั้น เป็นงานผูกแขนสวมแหวนกันธรรมดาๆ แต่ที่ไม่ธรรมดาเห็นทีจะเป็น 'สินสอด' ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องล่ำลือกันไปทั่วทั้งตำบล!เงินสดจำนวนร้อยล้านบาทที่ต้องวางใส่พานใบใหญ่ถึงสิบใบถึงจะพอบวกทองคำแท่งหนักเท่าน้ำหนักตัวเจ้าสาวและรถยนต์ขนาดครอบครัวอีกหนึ่งคัน แค่นั้นก็มากเกินพอที่จะกลบคำครหานินทาและทำให้คนเป็นพ่อแม่ถึงกับยิ้มหน้าบานตลอดงานเพราะได้ยินแต่คำสรรเสริญเยินยอไม่ขาดสาย แม้จะเหมือนเป็นงานเล็กๆ แต่เจ้าของบ้านก็ถึงขั้นลงทุนปิดบ้านเลี้ยงฉลองทั้งแขกที่มาร่วมงานและบรรดาคนงานในไร่ตลอดทั้งวัน"ไปพักกันเถอะลูก เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวพวกนี้แม่กับเด็กๆ เก็บกวาดเอง" คนเป็นแม่เดินมาบอกคู่บ่าวสาวในตอนงานเลิก แม้สามีกับพวกคนงานในไร่จะยังตั้งวงสังสรรค์กันอยู่ อิงเอยพยักหน้ารับคำก่อนพาไบรอันขึ้นห้องไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยกันมาท
Single Dad คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว Writer : Aile'Nตอนที่ 25"คุณ! ปะ เป็นยังไงบ้างอ่ะ เจ็บมากหรือเปล่า แล้วทำไมเดินออกมาแบบนี้! ? " คนที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินรีบพุ่งเข้าไปหาคนเจ็บที่เดินออกมาด้วยท่าทางอิดโรย เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอาบไปด้วยเลือดจากบาดแผลเพราะไม่ยอมให้หมอเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้และนอนค้างที่นี่เพื่อรอดูอาการ"ฉันไม่เป็นไร กลับกันเถอะ" ไบรอันบอกก่อนเดินนำไปก่อนอย่างไม่สนใจอะไร เขาอาจจะบ้าที่บอกให้หมอใช้แค่ยาชาช่วยในการผ่าเอากระสุนออก พอทำแผลเสร็จก็ปฏิเสธที่จะแอ็ดมิทและเดินโทงๆ ออกมา เหตุผลก็แค่ว่าเขาไม่ชอบโรงพยาบาล.."กะ กลับเลยหรอ? แต่หน้าคุณซีดๆ นะ" อิงเอยเลิกลั่ก เร่งฝีเท้าเดินตามอีกคนมาจนทันและพยายามจะแย้งด้วยความเป็นห่วง เลือดไหลเยอะขนาดนั้นเขาควรจะถูกเข็ญออกมาด้วยรถเข็นแบบนั่งหรือไม่ก็เตียงแล้วพาไปที่ห้องพักฟื้นสิ ไม่ใช่แบบนี้!"จัดการเรื่องยากับค่ารักษา ฉันจะไปรอที่รถ" คนตัวใหญ่ไม่ได้พูดอะไรกับร่างบางอีก เพียงหันไปบอกคินที่เดินตามมา แล้วจูงมือเล็กพาเดินกลับไปที่รถท่ามกลางสายตาผู้คนรอบข้างที่มองมาอย่างสนใจ เพราะเลือดสีแดงสดมันแปดเปื้อนตามตัวและเสื้อผ้าของทั้งคู่จนแยกไม่ออกว่าใคร