Share

บทที่ 2 ใต้แสงเงาจันทร์

Author: Avox
last update Last Updated: 2025-06-07 17:20:20

เสียงร้องแหบเบาที่ดังต่อเนื่องปลุกคาเรนให้สะดุ้งตื่น  ความมืดจางหายไปเล็กน้อยตามเวลาย่ำรุ่งที่แสงจากม่านฟ้ายังทักทอไม่เต็มผืนดี  เด็กสาวมองไปยังที่มาของเสียง  ท่ามกลางแสงสลัวเลือนรางเธอมองเห็นบางสิ่งกำลังพยายามขยับกายเคลื่อนไหวอยู่  เด็กสาวสาวเท้าเข้าไปหามันทันที  ยังไม่ทันทีจะเอื้อมมือไปถึง  แมวผอมโซที่กำลังอ้าปากร้องด้วยความเจ็บปวดก็พลันหันมาขู่ฟ่อใส่  รูม่านตาสีดำขยายกว้างทำให้ดวงตาสีเหลืองอำพันทั้งสองข้างดูราวกับลูกแก้วกลมโต

“อ๊ะ”

คาเรนสะดุ้งรีบชักมือกลับทันที  ตามมาด้วยความรู้สึกแสบนิดๆที่หลังมือ  เพราะเห็นว่ามันกำลังกลัว  เธอจึงพยายามจะลูบหัวปลอบมัน  แต่กลับได้แผลมาซะอย่างนั้น

“เจ็บนะ  อยู่นิ่งๆสิ”

“ฟ่อออออ”

รอยเล็บยาวๆเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแถว  เลือดซึมออกมาจากรอยแผลจางๆ  แม้มันจะไม่ได้เจ็บอะไรมากเพราะกรงเล็บถูกส่งมาจากอุ้งมืออันอ่อนระโหยโรยแรง  แต่หญิงสาวก็ไม่ได้พยายามที่จะเข้าหามันอีก  เธอเลือกที่จะเว้นระยะห่างเพื่อให้มันสงบลง  เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยอมถอยออกไปแล้ว  เจ้าแมวส้มจึงได้มีท่าทีสงบลงแต่มันยังคงมองเขม่งสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย  มองดูเด็กสาวเดินไปหยิบตลับยาใบเล็กๆออกมาจากลิ้นชักแล้วทาลงบนบาดแผลที่มันสร้างขึ้น

“ดุจังนะแกเนี่ย”  คาเรนย่นจมูกใส่เจ้าตัวที่มองจ้องเธอตาเป็นมัน  ดวงตาสีเหลืองส่องประกายแวววับท่ามกลางแสงสลัว

ก็อกๆๆ

“คุณหนูคะ  คุณหนู”  เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นนอกประตู  คาเรนเลิกคิ้ว  หยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะเดินไปเปิดประตู  อีกฝ่ายเป็นแม่ครัวประจำคฤหาสน์  แสงจากตะเกียงน้ำมันเผยให้เห็นถึงสีหน้ากระวนกระวายร้อนใจของเธอ

“มีอะไรรึเปล่าคะคุณป้า”

“ขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อนนะคะคุณหนู  แต่ลูกสาวป้าตอนนี้ไข้สูงมาก  แกเพ้อตลอดเลย  ช่วยไปดูให้ป้าหน่อยได้ไหม”

“ได้ค่ะ  ไม่เป็นไร  เดี๋ยวรอแป๊บหนึ่งนะคะ”  เธอบอกด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้น  คาเรนหันกลับมาหยิบของสองสามอย่างในห้องก่อนจะรีบตามแม่ครัวคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว

หลังผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้วไม่นาน  เจ้าแมวหนุ่มก็พยามยามจะลุกขึ้นยืน  แต่ความเจ็บปวดกลับพุ่งจู่โจมทุกครั้งที่มันพยายามจะขยับเขยื้อนร่างกายจนไม่อาจฝืนลืมตาได้อีกต่อไป  ความดำมือถาโถมเข้ามาอีกครั้งฉุดรั้งสติของมันให้เข้าสู่ห้วงลึกแห่งนิทราอย่างไร้ความปราณี

กลิ่นหอมอ่อนๆเรียกสติให้ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง  แสงยามเที่ยงวันที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้มันต้องรี่ตาลงเล็กน้อย  เมื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยได้  มันก็พบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเบาะเล็กๆในตะกร้าไม้สานใบเดิม  ห้องๆเดิม และแผ่นหลังที่กำลังมองเห็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นคนๆเดียวกันกับที่มันเห็นก่อนจะหลับไป

ที่นี่...ที่ไหน

มันไม่รู้เลยว่าตัวเองมาอยู่ในห้องของเด็กสาวคนนี้ได้ยังไง  แต่ความทรงจำก่อนที่มันจะมาลงเอยด้วยสภาพเช่นนี้นั้นยังคงเด่นชัด  แค่นึกถึงเหงื่อเย็นก็ซึมชื้นขึ้นมาอีกครั้ง

จะเรียกว่ายังพอมีโชคอยู่ใช่ไหม...ที่ยังมีชีวิตรอกมาได้จนถึงตอนนี้

ภาพรองเท้าหุ้มส้นที่ขยับเข้ามาใกล้เรียกสติมันให้กลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง  ยังไม่ทันจะตั้งตัวดีเบาะที่มันนอนอยู่ก็ถูกยกลอยหวือขึ้นจากตะกร้า  ก่อนจะไปวางบนตักของหญิงสาวที่เดินกลับมานั่งยังโต๊ะริมหน้าต่างตัวเดิม

“ฟ่อออออ”  ปากร้องขู่ทันทีอย่างโกรธเกรี้ยว  ตวัดเล็บลงไปยังมือที่มาจับต้องตัวตามอำเภอใจ  แม้ความเจ็บจะพุ่งขึ้นทันทีที่ขยับแต่ก็ถูกความโกรธที่เหนือกว่ากลบไปจนเกือบมิด

“โอ๊ะ”  เสียงอุทานเบาๆดังออกมาจากปากเด็กสาวคนนั้น  เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นต่อของเจ้าตัวระบายกว้าง

“แหง่ววววววว”  ตามมาต้วยเสียงร้องครวญครางของตัวมันเอง  เพราะเล็บของมันเกี่ยวค้างอยู่กับบางสิ่งจนแขนยกค้างอยู่กลางอากาศ  เจ้าแมวผอมโซมองค้อน  ยัง  ยังไม่รีบแกะเล็บของมันออกจากถุงมือให้อีก!

“รอบนี้ทำอะไรฉันไม่ได้แล้วนะ  หึหึ”  แม้เสียงที่ดังออกมาจะฟังไฟเราะเสนาะหู  แต่ถ้อยคำและเสียงหัวเราะทิ้งท้ายกลับชวนให้รู้สึกหงุดหงิดเป็นที่สุด  หลังจากที่มือหลุดเป็นอิสระได้มันก็ยังไม่วายดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากการเกาะกุม  “อย่าดิ้นสิ  เห็นไหมเลือดซึมออกมาอีกแล้ว”

เสียงดุเบาๆดังออกมา  ตามมาด้วยผ้าพันแผลที่ถูกแกะคลายออก  แม้มันจะไม่ชอบใจกับสัมผัสที่ได้รับแต่กลิ่นคาวเลือดกับความเจ็บที่เพิ่มขึ้น  ทำให้มันคิดได้ว่าไม่ใช่เรื่องฉลาดสักเท่าไหร่ที่จะขัดขืนความช่วยเหลือนี้  รอบนี้มันจึงยอมให้หญิงสาวจับนู่นสำรวจนี่อย่างว่าง่ายขึ้นแม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดก็ตาม  หางเรียวยางของมันตวัดไปมาอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ

“เสร็จแล้ว”  ในที่สุดเจ้าหล่อนก็ร้องออกมาเมื่อกลัดผ้าพันแผลเสร็จเป็นที่เรียบร้อย  เจ้าแมวส้มทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง  แต่จู่ๆก็มีผ้าผืนโตมาคลุมร่างของมันแถมยังถูกห่อเป็นก้อนด้วยจนไม่อาจกระดิกตัวไปมาได้  “ต่อไปก็...”

“แหง่วววววว  ฟ่ออออ”  เจ้าเหมียวขู่ฟ่อจ้องหล่อนอย่างมาดร้าย  อย่าให้หลุดไปได้นะ  คอยดู!! มันออกแรงดิ้นแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล  หญิงสาวไม่สนใจ  เธอหยิบช้อนเงินคันเล็กๆคนของเหลวบางอย่างในถ้วยสองสามที  ตักและเลื่อนช้อนมาจ่อปากมัน  ของเหลวสีเขียวเข้มส่งกลิ่นเหม็นเขียว  มันย่นจมูกอย่างรังเกียจ  พยายามกระเถิบคอหนีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“กินหน่อยนะเจ้าเหมียว  จะได้แข็งแรงไวๆ”  ไม่ว่าเปล่า  ขยับช้อนเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นด้วยอีกต่างหาก  เด็กสาวอาศัยจังหวะที่มันกำลังจะอ้าปากงับมือเธอรีบดันช้อนเข้าไป

แหวะ!

มันรีบดันลิ้นและคายพ่นของเหลวข้นหนืดออกมาในทันที  ด้วยความรีบร้อนและพยายามขัดขืนมันจึงสำลักซะเอง  ไม่เอา!  ขมชะมัด  เอาอะไรให้ข้ากินเนี่ย  จะฆ่ากันด้วยเจ้านี่รึไง!!

คาเรนชะงัก  รีบเอาผ้าสะอาดมาเช็ดปากและหน้าให้มัน  รวมไปถึงกระโปรงตัวสวยที่เลอะเป็นดวงเขียวๆของเธอ  เสียงถอนหายใจยาวๆดังแว่วออกมาให้ได้ยิน  เธอนิ่งไปนานจนเจ้าเหมียวคิดว่าเธอถอดใจและเลิกยุ่งกับมันแล้ว  แต่มันก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดเมื่อหญิงสาวเริ่มจัดท่าทางการอุ้มมันเสียใหม่

ห่อผ้าถูกมัดพันทบแน่นหนากว่าเดิม  หญิงสาววางเจ้าเหมียวไว้บนตักและใช้มือข้างซ้ายบีบปากมันให้อ้าออก  ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มมีเงามืดทะมึนพาดผ่าน  ดูน่าหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก

“จะไม่กินดีๆใช่ไหม”  ช้อนเงินกลับมาจ่ออยู่ที่ปากของมันอีกรอบ  แต่คราวนี้เจ้าเหมียวจำต้องยอมแพ้อย่างไม่มีทางเลือกและกินยาที่เธอป้อนแต่โดยดี

คาเรนยืนเท้าเอวมองเจ้าแมวตัวผอมโซนั่งเลียเท้าหน้าแต่งขนอย่างพอใจหลังจากป้อนยาและอาหารเสร็จ  สภาพในตอนนี้ของมันดูดีกว่าตอนที่เจอครั้งแรกอยู่มากเนื่องจากเธอล้างและเช็ดตัวของมันไว้เป็นอย่างดี  กว่าจะสางก้อนขนที่แห้งกรังไปด้วยเลือดทั้งตัวนั่นได้ก็เล่นเอาเธอเหนื่อยอยู่เหมือนกัน  มองดูขนเรียวยาวที่โผล่พ้นผ้าผันแผล  แม้ตอนนี้จะยังไม่สลวยหนักแต่เธอคิดว่าถ้าบำรุงอีกสักหน่อยมันจะต้องสวยน่าลูบแน่นอน  เด็กสาวมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้วจึงเก็บข้าวของ

“เดี๋ยวกลับมา  ทำตัวเป็นเด็กดีนะเจ้าเหมียว”  เธอลูบหัวของมันอย่างเบามือ  ไม่ถือสาที่มันเอียงหัวหลบ  ก่อนจะออกจากห้องไปไม่ลืมที่จะวางน้ำและกระบะทรายไว้ให้มันด้วย  คาเรนเดินลงมาชั้นล่างผ่านห้องทานอาหารเจอพ่อของตนนั่งอ่านจดหมายอยู่

“อ่านอะไรอยู่เหรอคะท่านพ่อ”  ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้น  เขาแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“โอ้  จะไปแล้วเหรอ  พี่ชายเราส่งจดหมายมาหาพ่อด้วย  บอกเดี๋ยวจะได้กลับมาที่บ้านแล้ว”

“ดีจังเลยค่ะ  ไม่ได้เจอพี่คารันนานแล้ว”

“ใช่แล้ว  ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันนานแล้วเนอะ  ไว้มันกลับมาพ่อจะพาไปกินอาหารอร่อยๆข้างนอกกัน”

“ได้เลยค่ะ  งั้นข้าไปก่อนนะคะท่านพ่อ”

“ไปดีมาดีนะลูก”  ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับคำ

คาเรน  คอนเนอร์  เป็นแพทย์ฝึกหัดประจำโรงพยาบาลประจำเมืองบาโทรอน  เมืองเล็กๆในชนบทแห่งนี้มีโรงพยาบาลแห่งนี้ที่เดียวที่เป็นที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวเมือง  พ่อของเธอเป็นขุนนางชั้นบารอน  ขุนนางเล็กๆประจำเมืองบาโทรอน  แม้ไม่ได้มีผลงานเด่นอะไรมากมายนักแต่พ่อของเธอก็เป็นที่รักของชาวเมือง  เขาเป็นพ่อและแบบอย่างที่ดีแต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างเดียวนั่นคือเป็นพวกหัวโบราณ  มักจะยึดติดกับความเชื่อเก่าๆของเมือง  ซึ่งนั่นก็ทำให้คาเรนไม่ได้บอกท่านเรื่องที่แอบเก็บเจ้าแมวส้มมาดูแล  แม้ชีล่าจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้นัก  แต่บัดนี้แม่บ้านสาวก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ลงเรือลำเดียวกันกับคาเรนอย่างจำใจเป็นที่เรียบร้อย

เด็กสาวโหนตัวลงจาก ‘แอนดริว’ เจ้าม้าตัวผู้สีน้ำตาลตัวโปรดของเธอก่อนจะเดินจูงมันไปผูกไว้ที่โรงม้า  โรงพยาบาลประจำเมืองเมืองบาโทรอนเป็นอาคารเดี่ยวสูง 3 ชั้น  ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบาโทรอน  เดินจากคอกม้าไม่ไกลก็มาถึง  เด็กสาวทักทายทุกคนทันทีที่มาถึงอย่างคุ้นเคย  เดินเลี้ยวเข้าไปในแผนกห้องยาและเริ่มทำหน้าที่ของตนเหมือนเช่นทุกวัน

ผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้ว  เจ้าแมวส้มลายสลิดมองสังเกตไปรอบๆ  ห้องที่มันอยู่ค่อนข้างโล่งและเป็นระเบียบเรียบร้อย  เฟอร์นิเจอร์ต่างๆมีน้อยชิ้นเท่าที่จำเป็น  จะมีเพียงแค่มุมเดียวเท่านั้นที่รกเป็นพิเศษคือโต๊ะและชั้นหนังสือริมหน้าต่าง  หน้าต่างไม้ถูกเปิดกว้าง  สายลมเอื่อยๆพัดเข้ามาในห้องจนม่านสีขาวผืนบางพลิ้วไหว  อิสรภาพกำลังรออยู่ตรงหน้าเชื้อเชิญให้มันมุ่งไปหา

โครม!!

มันลองกระโดดขึ้นโต๊ะดู  แต่ก็ขึ้นไม่ถึง  ทำได้เพียงตะเกียดตะกายเกาะกองหนังสือและลากมันลงพื้นมาด้วยเท่านั้น  หนังสือกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น  มันค่อยๆลุกขึ้นเอี้ยวตัวมาเลียข้างลำตัวที่กำลังเจ็บแปล๊บๆแต่ติดที่มีผ้าผันแผลเลยทำให้เลียไม่ได้  ทำได้แค่มองดูรอยเลือดที่ค่อยๆซึมขึ้นมาเป็นวงเท่านั้น

มันในตอนนี้อ่อนแอเกินไป  แค่จะปีนโต๊ะไม้ธรรมดาๆตัวหนึ่งเพื่อออกไปข้างนอกก็ยังทำไม่ได้เลย

เดินวนเวียนในห้องสักพักมันก็เริ่มเบื่อ  จึงเดินกลับไปนอนที่ตะกร้าไม้สานใบเดิม  นอนเอาคางเกยเท้าแล้วถอนลมหายใจยาวแบบเซ็งๆ  ไม่ช้าไม่นานมันก็ผล็อยหลับไป

แกร๊ก

เสียงเปิดประตูปลุกเจ้าแมวส้มให้ตื่นขึ้น  มันเฝ้ามองอย่างระแวดระวัง  เห็นเด็กสาวเจ้าของห้องเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา  หล่อนหันมาทักทายมันเล็กน้อย  ก่อนจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในห้อง

“หวา  ซนจังเลยนะแกเนี้ย”  เด็กสาวบ่นอุบก่อนจะก้มตัวลงเก็บหนังสือแล้วกองมันซ้อนกันไว้บนโต๊ะตามเดิม  เมื่อเรียบร้อยดีแล้วเธอจึงหันมาสนใจมันต่อ

“ไหนดูซิ”

“แง้วววววว”  มันลากเสียงอย่างไม่พอใจเมื่อถูกอุ้ม  เด็กสาวอุ้มมันอย่างเบามือที่สุดแต่มันก็ไม่ชอบสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยนี่สักเท่าไหร่

“แผลเปิดอีกแล้วเห็นไหม  รอเดี๋ยวนะ”  มันเป็นอิสระอีกครั้งเมื่อหล่อนวางตัวมันลงก่อนจะออกจากห้องไป  มันรีบวิ่งไปแอบใต้ตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว  สักครู่หนึ่งเด็กสาวก็กลับเข้ามาพร้อมผ้าพันแผลและถ้วยยา  เธอกวาดตามองไปรอบๆห้องและก็พบตัวมันอย่างรวดเร็วด้วยความที่ห้องค่อนข้างโล่งและมีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น

“มานี่เลย อย่าหนีนะ”  สุดท้ายมันก็กลับไปอยู่ในอ้อมแขนของเด็กสาวอีกครั้ง  คาเรนวางแมวลงบนโต๊ะหนังสือก่อนจะคลายผ้าพันแผล  เช็ดล้างยาเก่าออกก่อนจะทายาใหม่ลงไปอีกครั้ง  ทาเสร็จจึงพันแผลไว้ตามเดิมด้วยผ้าขาวสะอาดผืนใหม่  จากนั้นจึงเริ่มห่อตัวมันด้วยผ้าผืนใหญ่

เจ้าแมวเริ่มใจไม่ดี  ผ้าที่พันรอบตัวมันแบบนี้  ไม่นะ

ช้อนเงินคันเล็กมาจ่อรออยู่ที่ปาก  กลิ่นยาขมๆเหม็นเขียวแบบเดิมกับเมื่อตอนกลางวันทำให้มันหันหน้าหนีดิ้นขลุกขลักไปมาในก้อนผ้าแต่ก็ดิ้นไม่หลุด

“อดทนกินหน่อยนะ  อ้ามมมมม”  มันเกลียดยานี่  เกลียดผ้าที่รัดพันรอบตัวมันอยู่นี่  และที่เกลียดที่สุดเลยคือยัยผู้หญิงจอมเผด็จการคนนี้!

เป็นเวลากว่าหลายชั่วโมงแล้วที่เด็กสาวที่น่ารำคาญคนนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ  เจ้าแมวส้มเฝ้ามองกิจวัตรอันน่าเบื่อหน่ายของหล่อนมานาน  แต่ภายในห้องนอกจากเจ้าหล่อนที่ขยับมือพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอีก  มันจึงเฝ้ามองการกระทำของเด็กสาวเจ้าของห้องต่อไปอย่างเงียบๆ  แสงจากเชิงเทียนสะท้องต้องใบหน้าด้านข้างทำให้เห็นถึงสีหน้ามุ่งมั่นจริงจังของเจ้าตัว  จนเวลาผ่านไปค่อนข้างดึกมากแล้วเด็กสาวจึงปิดหนังสือลงโดยไม่ลืมคั่นหน้าที่อ่านค้างไว้ด้วย  แสงไฟบนเชิงเทียนถูกดับลงทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความมืดสลัว  ค่ำคืนนี้ภายในห้องค่อนข้างสว่างกว่าคืนไหนๆเพราะเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง  แสงจันทร์ลอดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดกว้างรับลม

“ราตรีสวัสดิ์นะเจ้าแมวน้อย”  หญิงสาวบอกก่อนจะขึ้นเตียงนอนไป  เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับแล้วมันจะฟุบหน้าลงหลับบ้าง

ตุบ

แมวหนุ่มกระดิกหูหันไปทางต้นเสียง  ฝีเท้าเบาๆก้าวลงจากเตียงก่อนจะมาหยุดที่หน้าตะกร้าที่มันนอนอยู่  มันปรือตาขึ้นเงยหน้ามองเด็กสาวอย่างงวยงงว่าเธอต้องการจะทำอะไร

“เรามานอนด้วยกันดีกว่า”  ว่าเสร็จก็อุ้มมันขึ้นไว้แนบกับอก  ครู่ถัดมามันก็มาอยู่บนเตียงกับเธอเป็นที่เรียบร้อย  เธอวางตัวมันให้นอนอยู่บนอก  ลูบขนมันไปมาอย่างเบามือ  ทีแรกมันก็เกร็งๆอยู่บ้าง  จนกระทั่งคาเรนเริ่มเปลี่ยนมือจากที่ลูบมาเป็นเกาคางมันจึงเริ่มผ่อนคลายและส่งเสียงพอใจอย่างลืมตัว  คาเรนเกือบจะหลับไปอยู่แล้วถ้าไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น  น้ำหนักที่จู่ๆก็กดทับตัวเธอมากขึ้นจนอัดอัดบวกกับอ้อมแขนที่กอดรัดตัวเธอไว้ทำให้หญิงสาวตื่นตระหนก  เบิกตากว้างดันร่างนั้นออกก่อนที่เธอจะตะลึงงันไปกับสิ่งที่ได้เห็น

ใต้แสงเงาจันทร์ดวงตาสองคู่สอดประสานจ้องมองกันอย่างต่างฝ่ายต่างตกใจ  แม้มีเงาดำพาดผ่านใบหน้าแต่ด้วยระยะที่ใกล้กับเพียงแค่คืบ  ดวงตาสีเหลืองคมเข้มกลับกำลังสะกดคาเรนไว้ราวกับต้องมนต์  ต่างฝ่ายต่างกลั้นหายใจอย่างลืมตัว

ผ่านไปเนิ่นนานคาเรนเป็นฝ่ายที่ได้สติเป็นคนแรกเธอผลักชายหนุ่มที่จู่ๆก็ปรากฏกายขึ้นและกำลังคร่อมตัวเธออยู่ให้ห่างออกไป

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 5 เจ้าดวงดาวดวงน้อย

    คาเรนนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง สีหน้าของเธอดูเหนื่อยล้า เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและตามตัว มีไคล์กำลังช่วยเอาผ้าซับเหงื่อให้อยู่ข้างเตียง ในห้องยังมีหญิงวัยกลางคนอยู่อีกคนหนึ่งกำลังอุ้มทารกแรกเกิดที่ร้องให้จนเงียบเสียงไปแล้วล้างตัวในอ่างน้ำไม้ “ดีใจด้วยนะ พวกเจ้าได้ลูกสาว” หญิงวัยกลางคนบอกขณะอุ้มทารกน้อยออกมาจากอ่างแล้วซับตัวให้ด้วยผ้าสะอาด ไคล์และคาเรนมองหน้ากันด้วยสีหน้าดีใจ “ได้ยินไหมคาเรน พวกเราได้ลูกสาวแหละ” ไคล์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ข้าได้ยินแล้ว” คาเรนยิ้ม “ท้องแรกสินะ” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นคนทำคลอดให้ถาม “ครับ ขอบคุณที่มาช่วยทำคลอดให้ถึงคฤหาสน์นะครับ เพราะคาเรนปวดท้องคลอดกะทันหันมากเลยพาไปโรงพยาบาลในเมืองไม่ทัน คนแรกที่พอจะนึกถึงได้ก็มีแต่คุณป้าที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงกันเท่านั้น” ไคล์ตอบและถือโอกาสนี้พูดขอบคุณหญิงวัยกลางคนไปด้วยเลย “ไม่เป็นไร ข้ายินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว อีกอย่างพวกเราก็ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก เอ้านี่” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้เตียง

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 4 หญิงสาวเจ้าของร้านขายยา

    “โอ้ยหนาว” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นพลางทำท่าขนลุก ลมหายใจที่พ่นออกมาจากทางจมูกและปากกลายเป็นไอขาวๆลอยขึ้นไปในอากาศ อากาศเย็นจัด หิมะกำลังจะตกลงมาในไม่ช้า มือบางถูกเข้าหากันแล้วเป่าปากใส่ให้ลมหายใจอุ่นๆพอที่จะคลายความหนาวไปได้บ้าง เธอมีผมตรงยาวสีส้ม ดวงตาสีเขียวมรกต และมีรูปลักษณ์ราวอายุ 19-20 ปี “ถ้าไม่ติดว่ามีธุระในเมืองก็ไม่อยากออกจากบ้านเลยนะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเดินผ่านตรอกเล็กๆ ฟ้าใกล้มืดแล้ว เวลานี้ผู้คนส่วนใหญ่กลับเข้าบ้านไปขลุกตัวอยู่ในเตียงอุ่นๆกันหมดแล้ว บนถนนจึงเงียบเหงาไม่ค่อยมีผู้คน ในระหว่างที่เธอเดินไปเรื่อยๆหางตาเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มุมหนึ่งของถนน พอมองดูให้ดีก็เห็นเป็นร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งเนื้อตัวมอมแมมนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆขาดๆ ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินผ่านไปอยู่แล้วแต่อะไรบ้างอย่างร้องเรียกให้เธอเดินกลับมาอีกครั้งแล้วไปหยุดยืนตรงหน้าเด็กชายคนนั้น เด็กน้อยนอนสั่นด้วยความหนาว ใบหน้ามอมแมมดูแดงก่ำเหมือนเป็นไข้ หญิงสาวลองเอามือไปแตะที่หน้าผากของเด็กชายดู ตัวร้อนจี๋เลย เป็นไข้จริงๆด้วย หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้ว

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 3 น้องชายต่างแม่

    “นี่คือไคล์ เป็นน้องชายต่างแม่ของเจ้า ฝากดูแลเขาแทนข้าหน่อยนะ” นั่นคือประโยคที่ท่านพ่อพูดกับเขาในวันหนึ่งพลางส่งลูกแมวสีส้มลายสลิดตัวน้อยมาให้ ไครัสในวัยเด็กยื่นมือออกไปรับมาอุ้มไว้ เขาเป็นปีศาจที่เกิดมามีพลังสูงตั้งแต่เด็กจึงสามารถรับรู้ได้ถึงพลังปีศาจในตัวลูกแมวน้อยนี่ได้ทันที “ท่านพ่อ ข้าจะต้องทำยังไงบ้าง” ไครัสในรูปลักษณ์เหมือนเด็กชาวมนุษย์อายุ 11 ขวบเงยหน้าถามผู้เป็นพ่อ เขามีพี่น้องต่างแม่หลายคนแต่ด้วยความที่ที่ผ่านมาเขาเป็นลูกชายคนเล็กของปราสาทจอมมารจึงเคยแต่ถูกตามเอาใจจากคนรอบตัว และด้วยความที่ถูกฝึกให้เป็นนักรบมาอย่างเดียวตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้ว่าควรจะดูแลกับน้องชายต่างแม่ร่างจิ๋วนี่อย่างไรดี “ดูแลและเป็นเพื่อนให้เขาในช่วงระหว่างที่ข้าจัดการกับกลุ่มกบฏ ฝึกเขาให้กลายร่างเป็นคนให้ได้และคอยสอนสิ่งต่างๆที่เจ้ารู้ให้แก่เขา ส่วนเรื่องอาหารและน้ำพวกหญิงรับใช้จะเป็นผู้จัดการเอง” ท่านพ่อบอกแบบนั้นแล้วหลังจากนั้นก็ยุ่งอยู่กับการจัดการกับกลุ่มกบฏจนไม่มีเวลามาดูเขาและน้องชายต่างแม่ในร่างแมวตัวนี้อีกเลย ส่วนท่านพี่คนอื่นๆไม่ออกไปช่วยท่านพ่อรบก

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 2 สัญญาร้อยปีหน

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่สภาพและบรรยากาศภายในปราสาทราชาปีศาจแห่งนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไคล์เดินบนโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังเบื้องหน้า เขาไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยจนกระทั่งวันนี้ เวลาก็น่าจะผ่านมาซักร้อยปีเศษๆเห็นจะได้นับตั้งแต่เขามาพาคาเรนกลับไปยังโลกมนุษย์ตอนราชาปีศาจสาปเมืองบาโทรอน ในมือไคล์มีสายใยพลังสีแดงผูกโยงไปยังดวงวิญญาณมนุษย์ชายที่อยู่ด้านหลัง ใช่แล้ว วันนี้เขากลับมาทำตามสัญญาที่เคยได้ให้ไว้ สัญญาที่ว่าจะนำวิญญาณมนุษย์มามอบให้กับซาตาลตลอดชั่วชีวิตของเขา ไคล์เดินเรื่อยๆโดยมีดวงวิญญาณมนุษย์ชายลอยตามหลังมาจนกระทั่งถึงประตูทางเข้าปราสาทชั้นในเขาก็ยื่นป้ายทองคำสลักตราของราชาปีศาจขึ้นมาแสดงให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูดู ทหารยามรับไปดูสักครู่หนึ่งก่อนจะยื่นส่งคืนกลับมาให้ “เชิญขอรับท่านไคล์ ตอนนี้ท่านราชาปีศาจน่าจะอยู่ที่ห้องทรงงาน จากนี้ไปข้าจะนำทางท่านไปต่อเอง” นายทหารบอก ดูเหมือนทหารยามทุกคนจะรู้จักป้ายทองคำนี้กันเป็นอย่างดีและรู้จักชื่อของเขาด้วย แค่เขาแสดงมันให้ดู ทุกคนก็ยอมเปิดทางให้อย่างง่ายดายและต้อนรับขับสู่เป็นอย่างดี

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 1 เริ่มต้นกันใหม่

    “จะยกเจ้านี่เหรอ มาเดี๋ยวข้าช่วย” เสียงดังมาจากทางด้านหลัง อีวานที่กำลังจะยกหม้อต้มสมุนไพรใบโตออกจากเตาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าซาร่าเดินเข้ามาช่วยจับที่หูหิ้วด้านหนึ่งไว้ “จะยกไปไหนเหรอ”“จะเอาไปตั้งเอาไว้ให้เย็นตรงโต๊ะนู้น” อีวานชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่งในห้อง“อ๋อ ได้เลย” หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ อีวานจับที่หูหิ้วอีกด้านที่เหลือแล้วนับให้สัญญาณ“งั้นยกพร้อมกันนะ หนึ่ง สอง สาม เอ้า ฮึบ” หม้อใบโตที่ใส่น้ำต้มสมุนไพรไว้ค่อนหม้อถูกยกลอยขึ้นอย่างง่ายดายเมื่อมีคนยกพร้อมกันสองคน อีวานกับซาร่าช่วยกันยกหม้อไปวางที่โต๊ะตัวที่อีวานชี้บอก“ขอบใจ” อีวานพูดขึ้นเมื่อหม้อถูกวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยดีแล้ว“ไม่เป็นไร” แล้วซาร่าก็เดินไปทำงานอย่างอื่นต่อ อีวานมองตามหลังของเธอไป นับตั้งแต่หายดีจากโรคระบาดประหลาดเขาก็พึ่งจะกลับมาทำงานได้ไม่นาน เขารู้สึกว่าซาร่าไม่ได้เขม่นเขาเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว แถมบางทีถ้าเธอผ่านมาเห็นในจังหวะที่เขาต้องทำอะไรหนักๆคนเดียว เธอก็จะอาสาเข้ามาช่วยเขาอยู่บ่อยๆ อ้อ จำได้แล้ว เธอเริ่มกลับมาคุยกับเขาตอนช่วงที่ต้องพลัดเวรกันไปช่วยพวกรุ่นพี่ดูแลผู้ป่วยที่ป่วยจากโร

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   บทที่ 33 จากนี้จวบจนนิรันดร์

    ประตูมิติที่ไคล์สร้างเปิดขึ้นภายในห้องพักห้องเดิมที่คาเรนเคยนอนอยู่ก่อนหน้านี้ก่อนที่เธอจะถูกพาไปยังโลกปีศาจ ไคล์อุ้มคาเรนที่หลับไม่ได้สติเดินออกมาจากประตู พอเดินพ้นออกมาประตูมิติก็ปิดตัวลงและหายไป ไคล์วางร่างของคาเรนลงบนเตียง ใช้มือปัดปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้าขาวนวลออกแล้วจ้องมองใบหน้ายามหลับของเธอ “เรากลับมาที่โลกมนุษย์แล้วนะคาเรน คำสาปก็ถูกถอนออกไปแล้ว ข้าทำตามที่สัญญาแล้ว ทีนี้เจ้าก็ฟื้นได้แล้วนะคนดี” ไคล์ก้มลงพูดกับคาเรนเบาๆ ราวกับรอให้ไคล์ปลุกให้ตื่นขึ้นจากห้วงฝัน ฉับพลันแพขนตาหนาก็ขยับน้อยๆตอบรับคำพูดของไคล์ ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆลืมตาขึ้นจ้องมองมายังชายหนุ่มด้วยความงุนงง “ไคล์? ทำไมข้าถึงมานอนอยู่ที่นี่?” คาเรนถามเสียงเบาอย่างยังคงค่อยไม่มีแรง ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือเธอกำลังขึ้นเวรดูแลผู้ป่วยอยู่ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงนี่แล้ว “เจ้าหลับไป...นานมาก” ไคล์บอก ยกมือเธอขึ้นมากุมไว้อย่างดีใจที่เธอฟื้น “แต่ตอนนี้เจ้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว” “ข้าหลับไปนานแค่ไหน” คาเรนถาม“12 ชั่วโมงได้” ไคล์ตอบ“น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status