นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น!!
คาเรนมองชายหนุ่มที่จู่ๆก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง อีกฝ่ายก็ดูจะตกใจอยู่เหมือนกันไม่น้อย ร่างสูงผงะถอยหลังไป แสงจันทร์ที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาทำให้เห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสวมเพียงกางเกงขาสั้นเก่าๆขาดๆเท่านั้น บนลำตัวมีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดพันอยู่ ดวงตาสีเหลืองเรียวคมเบิกกว้าง ผมสีส้มของเขายุ่งเหยิงดูไม่เป็นทรง ชายหนุ่มทำท่าจะพูดอะไรบางออกมา แต่ชั่วพริบตาร่างของเขาก็ค่อยๆหดเล็กลงและกลับกลายเป็นร่างของเจ้าแมวส้มลายสลิดตามเดิมต่อหน้าต่อตาของคาเรน เด็กสาวลุกพรวดลงจากเตียง เดินห่างจากมันออกมาอยู่ไกล ต่างฝ่ายต่างมองกันไปมา
“แกเป็นตัวอะไรกันแน่” คาเรนเอ่ยขึ้นอย่างสับสน หรือเธอกำลังละเมออยู่?
“เหมียววววว” มันร้องตอบแต่คาเรนไม่เข้าใจ หรือเรื่องเล่าตำนานที่ว่าแมวเป็นปีศาจจะเป็นเรื่องจริง หรือเธอได้เข้าไปยุ่งกับสิ่งที่ไม่จะควรยุ่งซะแล้ว
“เหมียว” เห็นเด็กสาวเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง เจ้าแมวส้มเจ้าปัญหาจึงกระโดดลงจากเตียงทำท่าจะเดินเข้าไปหา คาเรนหันขวับมามองอย่างตกใจ เดินถอยกรูดจนหลังชนผนังห้อง
“หยุดนะ อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ออกไป” เจ้าแมวส้มหยุดกึกก่อนจะนั่งลงจ้องมองตรงมาที่เธอ ผ่านไปนานคาเรนก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เหมือนตอนนี้เธอยังตั้งสติไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรดี เห็นดังนั้นเจ้าแมวส้มจึงกลับไปนอนขดตัวในตะกร้าไม้สานใบเดิมที่อยู่ตรงมุมห้อง
“เหมียว” มันสงเสียงเบาๆก่อนจะฟุบหน้าลง การกระทำที่ปราศจากท่าทีคุกคามของมันดูเหมือนจะทำให้คาเรนเบาใจขึ้น เห็นมันล่าถอยไปแล้วเด็กสาวจึงค่อยๆกระเถิบตัวขึ้นไปบนเตียง หยิบหมอนมากอดไว้แนบอก จับจ้องมองตรงไปที่มันไม่ละสายตาอย่างไม่อาจวางใจ
คาเรนอ้าปากหาวยาวๆอย่างง่วงงุน เธอโหนตัวลงจากแอนดริวเมื่อมาถึงหน้าคฤหาสน์เล็กๆซึ่งเป็นบ้านของเธอ ก่อนจะเดินจูงมันผ่านประตูใหญ่ไปทางโรงม้า เมื่อคืนคาเรนไม่ได้นอนเลยจนกระทั่งเช้า เด็กสาวไปทำงานในสภาพขอบตาดำคล้ำ แม้ปกติจะอยู่อ่านหนังสือจนดึกแค่ไหนแต่เธอก็ไม่เคยอดนอนมาก่อน คิดแล้วก็นึกถึงเจ้าตัวการที่ทำให้เธอมีสภาพอิดโรยอย่างนี้
เมื่อเช้าคาเรนออกจากห้องมาโดยที่ไม่ได้เข้าใกล้มัน ไม่ได้ทำแผลใส่ยา ป้อนน้ำ ป้อนอาหารเหมือนเช่นปกติ เธอไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงกับมันดี
จะเอามันไปปล่อยเลยดีไหม หรือจะเลี้ยงมันต่อไปก่อนดี?
ท่ามกลางความสับสน ภาพดวงตาสีเหลืองเรียวคมที่สบประสานจ้องมองตรงมายังเธอภายใต้แสงจันทร์กลับฉายชัดอยู่ในห้วงความคิดและความรู้สึก เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดราวกับมีมนต์สะกดที่ชวนให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มไปมัน
พรืด
แอนดริวพ่นลมหายใจของมันออกมาอย่างไม่พอใจจนคาเรนต้องดึงสติของตัวเองกลับมา
“เป็นอะไรหึ หิวมากเลยเหรอ รอก่อนนะ เดี๋ยวจะไปเอาของที่แกชอบมาให้” คาเรนลูบขนสีน้ำตาลสลวยของมันสองสามที เดินออกไปจากโรงม้า ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับหญ้าจำนวนหนึ่งและถังใส่ผลไม้
“กินเยอะๆนะ” คาเรนป้อนแครอทกับแอปเปิลเขียวซึ่งเป็นของโปรดของแอนดริว มันกินหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่ามันอิ่มและอารมณ์ดีแล้วเธอจึงหวีขนให้มันด้วยอย่างเอาใจใส่
“ไปก่อนนะ” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเธอจึงกอดคอและจูบที่หน้าของมัน แอนคริวพยักหน้าขึ้นลงอย่างอารมณ์ดี
แอดดดด
คาเรนค่อยๆแง้มประตูออก ชะโงกหน้าเข้ามาดูสถานการณ์ภายในห้องนอนของตัวเองอย่างระแวดระวัง หลังจากกินข้าวเย็นและอาบน้ำเสร็จ เธอก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับสิ่งลึกลับภายในห้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มันจะไปรึยังนะ
ถ้ายังอยู่ ที่แรกที่เธอคิดว่ามันจะอยู่คือตะกร้าไม้สานใบเดิมตรงมุมห้อง และก็เห็นร่างส้มๆผอมๆของมันนอนอยู่ตรงนั้นจริงๆ เสียงเปิดประตูเบาๆทำให้มันผงกหัวขึ้นจ้องตรงมาที่ประตูเช่นกัน ดวงตาสองคู่สบประสานกันอีกครั้ง คาเรนค่อยๆเปิดประตูให้กว้างขึ้นแล้วเดินเข้าไป ปิดประตูลงตัดสินใจเผชิญหน้ากับมัน
เจ้าแมวส้มเหมือนจะรอเธออยู่ก่อนแล้วมันร้องเสียงแหบเบาก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาหา คาเรนเผลอก้าวถอยหลังชนประตู แมวส้มจึงหยุดชะงักและนั่งลงจ้องมองเธอไม่เข้ามาหาอีก ยิ่งสบตากับมันในตอนนี้ภาพชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีส้มดวงตาสีเหลืองเรียวคมคนเมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัว
คาเรนมองท่าทีไร้การคุกคามของมันอย่างชั่งใจก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปหาและเอื้อมมือไปยังหัวของมันแต่ก็หยุดชะงักค้างไว้หลับตาปี้อย่างกล้าๆกลัวๆ
ฟุบ
เจ้าเหมียวเป็นฝ่ายขยับตัวดันหัวของมันมาถูไถกับฝ่ามือของคาเรนเมื่อเห็นว่าเธอยังนิ่งค้างอยู่ในท่านั้นไม่ขยับซักที
“เหมียว” คาเรนลืมตา แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและโล่งใจ ถ้าไม่นับเรื่องที่มันกลายร่างเป็นคนเมื่อคืนแล้ว มันในนี้ตอนก็ดูเป็นแมวปกติและไม่มีท่าทีที่จะทำร้ายเธอ แถมยังดูอ้อนขึ้นเล็กน้อยจากเดิมเสียด้วยซ้ำ
งั้น เลี้ยงต่อไปก็ได้ใช่ไหม อย่างน้อยก็รอจนมันหายเจ็บก่อนก็ยังดี
คาเรนหาเหตุผลในการเก็บมันไว้ให้กับตัวเอง แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเองก็อยากจะพบและพูดคุยกับเขาในร่างมนุษย์อีกครั้ง
ภาพดวงตาสีเหลืองเรียวคมยังฉายชัด จะเรียกว่าเป็นความประทับใจแรกพบหรือเปล่านะ
จะเห็นแก่ตัวไปไหมหากเธอคิดจะเก็บเจ้าของดวงตาคู่นั้นไว้กับเธอแค่คนเดียว เป็นความลับของเธอคนเดียวเท่านั้น ความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้
“หิวรึเปล่า” เธอเอ่ยขึ้นเพราะตั้งแต่เช้ามันยังไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
“เหมียวววว” คราวนี้มันส่งเสียงดังขึ้นและลากเสียงยาวอย่างต้องการจะบอกถึงระดับความหิวโหย คาเรนยิ้มกับท่าทีของมัน เธอเอาอาหารบดให้มันกินก่อนจะทำแผลใส่ยาให้มันใหม่ ซึ่งคราวนี้มันก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
แมวหนุ่มจ้องมองเด็กสาวนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างตัวเดิมเหมือนเช่นเดิมกับวันก่อน ดูเธอจะชอบอ่านหนังสือมากจนเรียกว่าทำเป็นกิจวัตรประจำวันเลยก็ว่าได้ เรือนผมสีเงินตัดสั้นประบ่าของเจ้าตัวเลื่อนตกลงมาบดบังใบหน้าด้านข้าง เธอเพียงยกมือขึ้นทัดมันกับใบหูก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ
ครั้งแรกตอนที่กลายร่างเป็นคนต่อหน้าเด็กสาวเขาเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เนื่องจากไม่ได้ต้องการจะเผยร่างนี้ให้กับมนุษย์คนใดได้เห็น เป็นการกลายร่างโดยไม่ตั้งใจเนื่องจากไม่สามารถมารถควบคุมพลังได้ ปกติปีศาจระดับสูงจะมีร่างที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์และสามารถควบคุมการแปลงกายของตนได้ดั่งใจ แต่ไม่ใช่กับเขา เขาเป็นเพียงปีศาจระดับกลางไปจนถึงล่างที่พลังไม่เสถียรพอ หลายๆครั้งก็มักจะควบคุมพลังไม่ได้และเกิดเหตุการณ์ต่างๆอย่างเช่นเหตุการณ์นี้เป็นต้น
ในโลกปีศาจพลังคือกฎเกณฑ์ เป็นตัวกำหนดระดับชั้นการปกครอง เป็นตัวบ่งบอกถึงอำนาจและความแข็งแกร่ง ผู้ที่มีพลังมากกว่าคือผู้ที่อยู่บนจุดสูงกว่าของห่วงโซ่ เรียกได้ว่าพลังเป็นทุกอย่างเลยก็ว่าได้
ด้วยความที่เขาเกิดมามีพลังไม่เสถียรผิดแปลกไปจากปีศาจปกติ ถ้าเป็นมนุษย์ก็เปรียบได้ดั่งกับคนพิการ นั่นทำให้เขากลายเป็นฝ่ายถูกไล่ล่า ต้องคอยหลบซ่อนตัวจากผู้ที่แข็งแกร่งกว่า และมีชีวิตรอดมาด้วยความยากลำบากเรื่อยมา แผลและอาการบาดเจ็บบนร่างกายในตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน เกิดจากการที่เขาได้ไปพบเข้ากับปีศาจระดับสูงโดยบังเอิญและเกิดการต่อสู้กัน
ที่รอดมาได้นี่ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วจนเขาก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามาถึงที่นี่ได้ยังไง แต่หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเนื่องจากไม่คุ้นชินและระแวงไม่ไว้ใจกับทุกสิ่ง เขาจึงคิดอยากหนีออกไป แต่หลังจากเวลาผ่านไปเขาก็รู้แล้วว่าตัวเองในตอนนี้อ่อนแอเกินไป ไม่แม้แต่จะออกไปจากห้องเล็กๆนี้เองได้ ต้องการความช่วยเหลือและที่พักพิง
ยิ่งหลังจากเด็กสาวได้เห็นร่างมนุษย์ของเขาแล้วกลับยังกล้าเข้าหาเขาอีกรอบแบบที่ไม่มีมนุษย์ปกติที่ไหนกล้าทำ ภาพเด็กสาวที่ยื่นมือเข้ามาหาอย่างกล้าๆกลัวๆ นั่นทำให้เขารู้ได้ว่าช่างโชคดีแล้วเพราะนอกจากเด็กสาวที่ใจดีคนนี้แล้วคงยากที่จะมีใครไว้ใจและให้โอกาสปีศาจอีก
จะลองเชื่อใจและพึ่งพิงเธอดูก็ได้
แมวหนุ่มบอกกับตัวเองในใจและเฝ้ามองเด็กสาวอยู่เงียบๆต่อไป
คาเรนนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง สีหน้าของเธอดูเหนื่อยล้า เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและตามตัว มีไคล์กำลังช่วยเอาผ้าซับเหงื่อให้อยู่ข้างเตียง ในห้องยังมีหญิงวัยกลางคนอยู่อีกคนหนึ่งกำลังอุ้มทารกแรกเกิดที่ร้องให้จนเงียบเสียงไปแล้วล้างตัวในอ่างน้ำไม้ “ดีใจด้วยนะ พวกเจ้าได้ลูกสาว” หญิงวัยกลางคนบอกขณะอุ้มทารกน้อยออกมาจากอ่างแล้วซับตัวให้ด้วยผ้าสะอาด ไคล์และคาเรนมองหน้ากันด้วยสีหน้าดีใจ “ได้ยินไหมคาเรน พวกเราได้ลูกสาวแหละ” ไคล์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ข้าได้ยินแล้ว” คาเรนยิ้ม “ท้องแรกสินะ” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นคนทำคลอดให้ถาม “ครับ ขอบคุณที่มาช่วยทำคลอดให้ถึงคฤหาสน์นะครับ เพราะคาเรนปวดท้องคลอดกะทันหันมากเลยพาไปโรงพยาบาลในเมืองไม่ทัน คนแรกที่พอจะนึกถึงได้ก็มีแต่คุณป้าที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงกันเท่านั้น” ไคล์ตอบและถือโอกาสนี้พูดขอบคุณหญิงวัยกลางคนไปด้วยเลย “ไม่เป็นไร ข้ายินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว อีกอย่างพวกเราก็ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก เอ้านี่” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้เตียง
“โอ้ยหนาว” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นพลางทำท่าขนลุก ลมหายใจที่พ่นออกมาจากทางจมูกและปากกลายเป็นไอขาวๆลอยขึ้นไปในอากาศ อากาศเย็นจัด หิมะกำลังจะตกลงมาในไม่ช้า มือบางถูกเข้าหากันแล้วเป่าปากใส่ให้ลมหายใจอุ่นๆพอที่จะคลายความหนาวไปได้บ้าง เธอมีผมตรงยาวสีส้ม ดวงตาสีเขียวมรกต และมีรูปลักษณ์ราวอายุ 19-20 ปี “ถ้าไม่ติดว่ามีธุระในเมืองก็ไม่อยากออกจากบ้านเลยนะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเดินผ่านตรอกเล็กๆ ฟ้าใกล้มืดแล้ว เวลานี้ผู้คนส่วนใหญ่กลับเข้าบ้านไปขลุกตัวอยู่ในเตียงอุ่นๆกันหมดแล้ว บนถนนจึงเงียบเหงาไม่ค่อยมีผู้คน ในระหว่างที่เธอเดินไปเรื่อยๆหางตาเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มุมหนึ่งของถนน พอมองดูให้ดีก็เห็นเป็นร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งเนื้อตัวมอมแมมนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆขาดๆ ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินผ่านไปอยู่แล้วแต่อะไรบ้างอย่างร้องเรียกให้เธอเดินกลับมาอีกครั้งแล้วไปหยุดยืนตรงหน้าเด็กชายคนนั้น เด็กน้อยนอนสั่นด้วยความหนาว ใบหน้ามอมแมมดูแดงก่ำเหมือนเป็นไข้ หญิงสาวลองเอามือไปแตะที่หน้าผากของเด็กชายดู ตัวร้อนจี๋เลย เป็นไข้จริงๆด้วย หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้ว
“นี่คือไคล์ เป็นน้องชายต่างแม่ของเจ้า ฝากดูแลเขาแทนข้าหน่อยนะ” นั่นคือประโยคที่ท่านพ่อพูดกับเขาในวันหนึ่งพลางส่งลูกแมวสีส้มลายสลิดตัวน้อยมาให้ ไครัสในวัยเด็กยื่นมือออกไปรับมาอุ้มไว้ เขาเป็นปีศาจที่เกิดมามีพลังสูงตั้งแต่เด็กจึงสามารถรับรู้ได้ถึงพลังปีศาจในตัวลูกแมวน้อยนี่ได้ทันที “ท่านพ่อ ข้าจะต้องทำยังไงบ้าง” ไครัสในรูปลักษณ์เหมือนเด็กชาวมนุษย์อายุ 11 ขวบเงยหน้าถามผู้เป็นพ่อ เขามีพี่น้องต่างแม่หลายคนแต่ด้วยความที่ที่ผ่านมาเขาเป็นลูกชายคนเล็กของปราสาทจอมมารจึงเคยแต่ถูกตามเอาใจจากคนรอบตัว และด้วยความที่ถูกฝึกให้เป็นนักรบมาอย่างเดียวตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้ว่าควรจะดูแลกับน้องชายต่างแม่ร่างจิ๋วนี่อย่างไรดี “ดูแลและเป็นเพื่อนให้เขาในช่วงระหว่างที่ข้าจัดการกับกลุ่มกบฏ ฝึกเขาให้กลายร่างเป็นคนให้ได้และคอยสอนสิ่งต่างๆที่เจ้ารู้ให้แก่เขา ส่วนเรื่องอาหารและน้ำพวกหญิงรับใช้จะเป็นผู้จัดการเอง” ท่านพ่อบอกแบบนั้นแล้วหลังจากนั้นก็ยุ่งอยู่กับการจัดการกับกลุ่มกบฏจนไม่มีเวลามาดูเขาและน้องชายต่างแม่ในร่างแมวตัวนี้อีกเลย ส่วนท่านพี่คนอื่นๆไม่ออกไปช่วยท่านพ่อรบก
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่สภาพและบรรยากาศภายในปราสาทราชาปีศาจแห่งนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไคล์เดินบนโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังเบื้องหน้า เขาไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยจนกระทั่งวันนี้ เวลาก็น่าจะผ่านมาซักร้อยปีเศษๆเห็นจะได้นับตั้งแต่เขามาพาคาเรนกลับไปยังโลกมนุษย์ตอนราชาปีศาจสาปเมืองบาโทรอน ในมือไคล์มีสายใยพลังสีแดงผูกโยงไปยังดวงวิญญาณมนุษย์ชายที่อยู่ด้านหลัง ใช่แล้ว วันนี้เขากลับมาทำตามสัญญาที่เคยได้ให้ไว้ สัญญาที่ว่าจะนำวิญญาณมนุษย์มามอบให้กับซาตาลตลอดชั่วชีวิตของเขา ไคล์เดินเรื่อยๆโดยมีดวงวิญญาณมนุษย์ชายลอยตามหลังมาจนกระทั่งถึงประตูทางเข้าปราสาทชั้นในเขาก็ยื่นป้ายทองคำสลักตราของราชาปีศาจขึ้นมาแสดงให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูดู ทหารยามรับไปดูสักครู่หนึ่งก่อนจะยื่นส่งคืนกลับมาให้ “เชิญขอรับท่านไคล์ ตอนนี้ท่านราชาปีศาจน่าจะอยู่ที่ห้องทรงงาน จากนี้ไปข้าจะนำทางท่านไปต่อเอง” นายทหารบอก ดูเหมือนทหารยามทุกคนจะรู้จักป้ายทองคำนี้กันเป็นอย่างดีและรู้จักชื่อของเขาด้วย แค่เขาแสดงมันให้ดู ทุกคนก็ยอมเปิดทางให้อย่างง่ายดายและต้อนรับขับสู่เป็นอย่างดี
“จะยกเจ้านี่เหรอ มาเดี๋ยวข้าช่วย” เสียงดังมาจากทางด้านหลัง อีวานที่กำลังจะยกหม้อต้มสมุนไพรใบโตออกจากเตาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าซาร่าเดินเข้ามาช่วยจับที่หูหิ้วด้านหนึ่งไว้ “จะยกไปไหนเหรอ”“จะเอาไปตั้งเอาไว้ให้เย็นตรงโต๊ะนู้น” อีวานชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่งในห้อง“อ๋อ ได้เลย” หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ อีวานจับที่หูหิ้วอีกด้านที่เหลือแล้วนับให้สัญญาณ“งั้นยกพร้อมกันนะ หนึ่ง สอง สาม เอ้า ฮึบ” หม้อใบโตที่ใส่น้ำต้มสมุนไพรไว้ค่อนหม้อถูกยกลอยขึ้นอย่างง่ายดายเมื่อมีคนยกพร้อมกันสองคน อีวานกับซาร่าช่วยกันยกหม้อไปวางที่โต๊ะตัวที่อีวานชี้บอก“ขอบใจ” อีวานพูดขึ้นเมื่อหม้อถูกวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยดีแล้ว“ไม่เป็นไร” แล้วซาร่าก็เดินไปทำงานอย่างอื่นต่อ อีวานมองตามหลังของเธอไป นับตั้งแต่หายดีจากโรคระบาดประหลาดเขาก็พึ่งจะกลับมาทำงานได้ไม่นาน เขารู้สึกว่าซาร่าไม่ได้เขม่นเขาเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว แถมบางทีถ้าเธอผ่านมาเห็นในจังหวะที่เขาต้องทำอะไรหนักๆคนเดียว เธอก็จะอาสาเข้ามาช่วยเขาอยู่บ่อยๆ อ้อ จำได้แล้ว เธอเริ่มกลับมาคุยกับเขาตอนช่วงที่ต้องพลัดเวรกันไปช่วยพวกรุ่นพี่ดูแลผู้ป่วยที่ป่วยจากโร
ประตูมิติที่ไคล์สร้างเปิดขึ้นภายในห้องพักห้องเดิมที่คาเรนเคยนอนอยู่ก่อนหน้านี้ก่อนที่เธอจะถูกพาไปยังโลกปีศาจ ไคล์อุ้มคาเรนที่หลับไม่ได้สติเดินออกมาจากประตู พอเดินพ้นออกมาประตูมิติก็ปิดตัวลงและหายไป ไคล์วางร่างของคาเรนลงบนเตียง ใช้มือปัดปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้าขาวนวลออกแล้วจ้องมองใบหน้ายามหลับของเธอ “เรากลับมาที่โลกมนุษย์แล้วนะคาเรน คำสาปก็ถูกถอนออกไปแล้ว ข้าทำตามที่สัญญาแล้ว ทีนี้เจ้าก็ฟื้นได้แล้วนะคนดี” ไคล์ก้มลงพูดกับคาเรนเบาๆ ราวกับรอให้ไคล์ปลุกให้ตื่นขึ้นจากห้วงฝัน ฉับพลันแพขนตาหนาก็ขยับน้อยๆตอบรับคำพูดของไคล์ ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆลืมตาขึ้นจ้องมองมายังชายหนุ่มด้วยความงุนงง “ไคล์? ทำไมข้าถึงมานอนอยู่ที่นี่?” คาเรนถามเสียงเบาอย่างยังคงค่อยไม่มีแรง ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือเธอกำลังขึ้นเวรดูแลผู้ป่วยอยู่ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงนี่แล้ว “เจ้าหลับไป...นานมาก” ไคล์บอก ยกมือเธอขึ้นมากุมไว้อย่างดีใจที่เธอฟื้น “แต่ตอนนี้เจ้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว” “ข้าหลับไปนานแค่ไหน” คาเรนถาม“12 ชั่วโมงได้” ไคล์ตอบ“น