เจ้าแมวส้มลายสลิดนั่งอยู่ริมขอบหน้าต่างจ้องมองลงไปยังทิวทัศน์เบื้องล่างอันเป็นสวนสมุนไพรและแปลงผักขนาดย่อม เห็นเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินกำลังก้มๆเงยๆอยู่ท่ามกลางพืชผักใบเขียวที่กำลังผลิดอกออกผล เป็นเวลาผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วที่เขามาอาศัยอยู่กับเด็กสาว ท่ามกลางวันคืนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตประจำวันของเธอและเขาเริ่มต้นขึ้นและจบลงแบบเดิมซ้ำๆอย่างเช่นทุกวัน
เด็กสาวเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการลงไปรดน้ำผักและสมุนไพรที่สวนหลังบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสางดี สายๆแดดเริ่มออกก็ตากสมุนไพร เขาเองก็มักจะมองจ้องจากหน้าต่างห้องมุมนี้อยู่เป็นประจำทุกวัน หลังจากเธอกินข้าวเสร็จก็กลับขึ้นห้องมาทำแผลและให้อาหารเขา ก่อนจะขี่ม้าออกไปที่ไหนซักแห่งจนกระทั่งตกเย็นจึงกลับมา ไปเก็บสมุนไพรที่ตากไว้ กินข้าวเย็น อาบน้ำ ขึ้นห้องมาทำแผลใส่ยาให้เขา อ่านหนังสือและจบวันลงด้วยการนอนในที่สุด ซึ่งทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การเผ้ามองสังเกตการณ์อย่างเงียบๆของเขามาโดยตลอด
ช่างเป็นชีวิตประจำวันเรื่อยเฉื่อยแฉะไร้ความกังวลใจต่างกับตอนที่เขาต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนหลบซ่อนไปมาลิบลับ แรกๆก็ไม่ชินอยู่บ้าง แต่อยู่ไปเรื่อยๆสักพักเขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวและผ่อนคลายไปตามสถานการณ์ นอกจากกลิ้งๆนอนๆไปมาอยู่ภายในห้องของเด็กสาวแล้ว เขาก็ยังฆ่าเวลาระหว่างวันด้วยการส่องนก ดูก้อนเมฆและไล่จับแมลงเล็กๆที่เข้ามาภายในห้องอีกด้วย จะว่าเป็นเพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่รวมถึงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอยู่ทุกวันยังไงก็ไม่ทราบได้ แม้ปีศาจจะมีพลังฟื้นฟูตัวเองเร็วเป็นปกติอยู่แล้วแต่บาดแผลตามตัวของเขากลับดีขึ้นเร็วกว่าเวลาที่คิดไว้มาก จนทุกวันนี้เขาไม่ต้องกินยาอีกแล้วเหลือแค่ทำแผลใส่ยาเฉยๆเท่านั้น
เห็นเด็กสาวในสวนเก็บข้าวของแล้วเดินกลับเข้ามาภายในตัวบ้าน เขาก็ไม่มีอะไรจากมุมนี้จะให้มองอีกจึงเปลี่ยนไปมองก้อนเมฆที่เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆบนท้องฟ้าแทน เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิท้องฟ้าจึงค่อนข้างเปิดและแจ่มใส แสงแดดยามสายลามเลียไปตามขนที่เริ่มนุ่มสลวย อาบแดดได้ซักพักใหญ่ หูก็กระดิกไปทางประตู ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นชิน
อ่า ได้เวลาทำแผลแล้วสินะ
เจ้าแมวส้มเตรียมจะกระโดดลงจากขอบหน้าต่าง เป็นเวลาพอดีกับที่ประตูเปิดออก
“เจ้าเหมียวได้เวลาใส่ยา...”
โครม
คาเรนกระพริบตาปริบๆมองภาพที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะมีเสียงตะโกนถามของพ่อดังมาจากชั้นล่างด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่าคาเรน นั่นเสียงอะไรลูก”
“เปล่าค่ะท่านพ่อ พอดีข้าทำเก้าอี้ล้ม ไม่มีอะไร”
“บาดเจ็บรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ข้าสบายดี” เธอตะโกนตอบ ว่าจบก็รีบสาวเท้าเข้ามาในห้องและปิดประตูลงด้วยความรวดเร็ว
“โอ๊ย” คนบนพื้นร้องครางด้วยความเจ็บปวด จู่ๆเขาก็กลายร่างเป็นคน แม้ระยะจากขอบหน้าต่างกับพื้นจะไม่สูงมากนักแต่แผลที่โดนกระแทกก็เจ็บไม่น้อย คาเรนยื่นมือไปยังคนตรงหน้า แม้จะเฝ้ารอมาโดยตลอดก็ตามแต่เมื่อได้เจอเขาในร่างนี้อีกครั้งจริงๆหัวใจก็แอบเต้นถี่เร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ คนบนพื้นเงยหน้ามองคนเรนสลับกับมือเรียวบางไปมาอยู่ครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ ก่อนจะยินยอมรับความช่วยเหลือจากเด็กสาวตรงหน้าแต่โดยดี คาเรนช่วยพยุงเขาขึ้นมาจากพื้นแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ แม้เขาจะตัวสูงกว่าเธอมากแต่ก็ไม่ได้ลำบากนักเพราะชายหนุ่มมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอม
“...”
“...”
“วะ หวัดดี” คาเรนเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อนหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบไปสักพักอย่างไม่รู้จะคุยอะไรกันดี หลังจากเผลอกลายร่างต่อหน้าเด็กสาวไปในครั้งแรกเขาก็ไม่ได้กลายร่างอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้ ปกติอยู่ในร่างแมวจึงไม่ได้คิดอะไรแต่พอมาอยู่ในร่างคนแล้วมันก็ชวนให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่สักหน่อย
“อ่า อืม” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความไม่คุ้นชิน
“เจ้าชื่ออะไรเหรอ”
“ไคล์ เรียกข้าว่าไคล์” ปกติปีศาจทั่วไปจะไม่มีชื่อเฉพาะตัว มีเพียงปีศาจระดับกลางบางส่วนไปจนถึงระดับสูงเท่านั้นที่มีชื่อ ตั้งแต่จำความได้แม่ก็เรียกเขาด้วยชื่อนี้มาโดยตลอด
“ข้าชื่อคาเรนนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” คาเรนยื่นมือไปตรงหน้าไคล์ เขาก็ยกมือขึ้นมาจับอย่างเก้ๆกังๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน แม้ว่าข้าจะมารบกวนเจ้าอยู่นานแล้วก็เถอะ”
“ไม่เป็นไร ถามได้ไหมว่านายเป็นอะไรกันแน่”
“ปีศาจ มนุษย์อย่างพวกเจ้าเรียกพวกข้ากันแบบนั้น” ชายหนุ่มบอก เขาสังเกตสีหน้าของเด็กสาว แต่หน้าของเธอกลับเป็นปกติกว่าที่คิดไว้ “ทำไมถึงยังช่วยข้าไว้ล่ะ ไม่กลัวเหรอ”
“เจ้าเคยทำร้ายข้าเหรอ”
“...ก็ไม่” ถ้าไม่นับที่ข่วนไปทีสองทีตอนเจอกันช่วงแรกๆน่ะนะ
“นั่นไงล่ะ ตอนแรกก็แอบกลัวบ้าง แต่เจ้าก็ไม่เคยทำร้ายข้านี่ แถมสภาพเจ้าตอนนั้นจะปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่ได้ด้วย” คาเรนว่าพลางฉีกยิ้ม เธอเห็นเขาพยักหน้าน้อยๆ ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือแค่เออออตามไปด้วยเท่านั้น “แล้วเจ้าควบคุมตัวเองตอนเปลี่ยนร่างไม่ได้เหรอถึงได้ลงไปนอนกองกับพื้นแบบนั้น แล้วจะอยู่ในร่างนี้ได้นานแค่ไหน”
“คุมไม่ได้ พลังข้ามันไม่เสถียรน่ะ ส่วนเรื่องระยะเวลาก็สั้นๆ แต่ล่ะครั้งเต็มที่ก็ไม่เกินสองสามชั่วโมง”
“เคยฝึกควบคุมมันอย่างจริงๆจังๆบ้างไหม” คาเรนถามอย่างสงสัย เพราะถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าที่ผ่านมาเขาต้องใช้ชีวิตลำบากมากแน่ๆ
“เคยช่วงแรกๆแต่ยากมากเลยเลิกไป จะเป็นยังไง จะอยู่ในร่างไหนก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปให้ได้อยู่ดี”
“แต่ชีวิตเจ้าจะสบายขึ้นมากเลยนะถ้าควบคุมมันได้ดีขึ้น ลองค่อยๆฝึกดูทีละนิด สักวันต้องทำได้ดีขึ้นแน่” คาเรนเชื่อเสมอว่าทุกความพยายามไม่มีคำว่าสูญเปล่าและจะให้ผลตอบแทนเราเสมอ แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ยังถือว่านั่นคือความเปลี่ยนแปลง
“ก็นะ จะลองดูก็แล้วกัน” เขารับปาก ดูไม่มีความพยามซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้พูดแบบขอทีไปที คุยไปได้สักพักก็ต้องทำแผลใส่ยาให้เพราะใกล้เวลาที่คาเรนจะต้องออกไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว เด็กสาวต้องไปเอายามาเพิ่มเนื่องจากเขากลายร่างเป็นคน ยาทาที่เตรียมมาไว้ในตอนแรกจึงไม่พอดีเสียแล้ว คาเรนมองไคล์ที่นั่งหันหลังให้ นอกจากกางเกงเก่าๆขาดๆที่มีติดกายเพียงตัวเดียวแล้ว เนื้อตัวและผมของเขากลับดูสะอาดสะอ้านแม้ผมจะยาวชี้ฟูไม่เป็นทรงอยู่บ้างก็ตาม เป็นเพราะเธอจับเขาอาบน้ำตั้งแต่วันแรกๆ? เป็นเพราะแมวเลียแต่งขนเองได้? เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่คาเรนนึกสงสัยนัก
แผ่นหลังเปลือยเปล่าของไคล์อยู่ตรงหน้า เมื่ออยู่ในร่างคนแผลจึงเห็นได้ชัดเจนขึ้นด้วย แผลของเขาใหญ่และมีหลายจุด แต่ก็ตื้นขึ้นมาบ้างแล้ว เธอทายาอย่างเบามือก่อนจะพันผ้าพันแผลให้เขาด้วยผ้าสะอาดผืนใหม่
“เสร็จแล้ว” เธอว่าก่อนจะเก็บข้าวของ “อยู่ห้องดีๆล่ะ ข้าไปแล้ว ถ้าเจ้ากลับร่างเดิมเมื่อไหร่ก็อย่าลืมกินข้าวที่เตรียมไว้ให้ด้วยนะ”
“โอเค”
ตกเย็นระหว่างทางกลับจากโรงพยาบาลต้องผ่านตลาด คาเรนนึกถึงไคล์กับกางเกงสู้ชีวิตของเขาจึงตัดสินใจแวะดูร้านเสื้อผ้าสักหน่อย อย่างน้อยก็เป็นเสื้อผ้าที่ใส่ง่ายๆให้เขามีใส่ครบชุดก็ยังดี เธอผูกเจ้าแอนดริวไว้ในโรงพักม้าข้างตลาดก่อนจะเดินชมหลายๆร้าน ด้วยความที่ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆในชนบท ร้านเสื้อผ้าจึงมีไม่เยอะมากนัก เมื่อเจอร้านที่ถูกใจเธอก็เลือกหยิบมาประมาณ 2-3 ชุด ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อแอปเปิ้ลเขียวกลับมาให้กับเจ้าแอนคริวด้วย เมื่อกลับมาถึงห้องคาเรนก็พบว่าชายหนุ่มได้กลับร่างไปเป็นแมวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เหมียววววว”
“นี่ไคล์ เห็นกางเกงที่เจ้าใส่อยู่เก่าและขาดมากแล้ว ข้าเลยซื้อเสื้อผ้าใหม่มาให้ด้วยล่ะ ไว้กลายเป็นคนรอบหน้าเจ้าลองใส่ดูนะ” คาเรนหยิบเสื้อตัวหนึ่งมาโชว์ เจ้าแมวส้มที่นั่งมองอยู่พยักหน้ารับ เดินเข้ามาเอาหัวถูขาคาเรนไปมาก่อนจะล้มตัวลงนอนหงายท้อง คาเรนก้มตัวลงลูบท้องอย่างเบามือ จู่ๆไคล์ก็ผงกหัวหันขวับมามองเธอแล้วเบิกตากว้าง
นะ นี่เขากำลังนอนหงายท้องอยู่อย่างนั้นเหรอ ไหนจะยังเธอที่กำลังลูบท้องเขาอยู่นี่อีก
สำหรับแมวแล้วท้องถือเป็นเป็นจุดอ่อนที่บอบบางมากๆและท่านอนหงายก็ไม่ได้อยู่ในท่าทางเตรียมพร้อม หากไม่สบายใจและไม่ไว้ใจจริงๆ หรือรู้สึกว่าบริเวณรอบข้างนั้นไม่ปลอดภัยจะไม่มีทางทำท่าทางอย่างนี้เด็ดขาด นี่เขาลืมตัวและปล่อยตัวขนาดนี้ได้ยังกัน...ต่อหน้าเด็กสาวคนนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ที่เขาได้มาอาศัยอยู่กับเธอ เขาก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยและเริ่มไว้ใจเด็กสาวอยู่หน่อยๆแล้ว
สัมผัสแผ่วเบาที่ลูบวนไปมายังคงต่อเนื่อง แรกๆไคล์ก็เหมือนจะเกร็งอยู่บ้าง แต่ก็ค่อยๆรู้สึกดีขั้นและนอนแผ่หลาเต็มที่ให้คาเรนลูบไปในที่สุด
ครั้งนี้จะยอมให้หน่อยก็แล้วกัน
คาเรนนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง สีหน้าของเธอดูเหนื่อยล้า เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและตามตัว มีไคล์กำลังช่วยเอาผ้าซับเหงื่อให้อยู่ข้างเตียง ในห้องยังมีหญิงวัยกลางคนอยู่อีกคนหนึ่งกำลังอุ้มทารกแรกเกิดที่ร้องให้จนเงียบเสียงไปแล้วล้างตัวในอ่างน้ำไม้ “ดีใจด้วยนะ พวกเจ้าได้ลูกสาว” หญิงวัยกลางคนบอกขณะอุ้มทารกน้อยออกมาจากอ่างแล้วซับตัวให้ด้วยผ้าสะอาด ไคล์และคาเรนมองหน้ากันด้วยสีหน้าดีใจ “ได้ยินไหมคาเรน พวกเราได้ลูกสาวแหละ” ไคล์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ข้าได้ยินแล้ว” คาเรนยิ้ม “ท้องแรกสินะ” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นคนทำคลอดให้ถาม “ครับ ขอบคุณที่มาช่วยทำคลอดให้ถึงคฤหาสน์นะครับ เพราะคาเรนปวดท้องคลอดกะทันหันมากเลยพาไปโรงพยาบาลในเมืองไม่ทัน คนแรกที่พอจะนึกถึงได้ก็มีแต่คุณป้าที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงกันเท่านั้น” ไคล์ตอบและถือโอกาสนี้พูดขอบคุณหญิงวัยกลางคนไปด้วยเลย “ไม่เป็นไร ข้ายินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว อีกอย่างพวกเราก็ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก เอ้านี่” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้เตียง
“โอ้ยหนาว” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นพลางทำท่าขนลุก ลมหายใจที่พ่นออกมาจากทางจมูกและปากกลายเป็นไอขาวๆลอยขึ้นไปในอากาศ อากาศเย็นจัด หิมะกำลังจะตกลงมาในไม่ช้า มือบางถูกเข้าหากันแล้วเป่าปากใส่ให้ลมหายใจอุ่นๆพอที่จะคลายความหนาวไปได้บ้าง เธอมีผมตรงยาวสีส้ม ดวงตาสีเขียวมรกต และมีรูปลักษณ์ราวอายุ 19-20 ปี “ถ้าไม่ติดว่ามีธุระในเมืองก็ไม่อยากออกจากบ้านเลยนะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเดินผ่านตรอกเล็กๆ ฟ้าใกล้มืดแล้ว เวลานี้ผู้คนส่วนใหญ่กลับเข้าบ้านไปขลุกตัวอยู่ในเตียงอุ่นๆกันหมดแล้ว บนถนนจึงเงียบเหงาไม่ค่อยมีผู้คน ในระหว่างที่เธอเดินไปเรื่อยๆหางตาเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มุมหนึ่งของถนน พอมองดูให้ดีก็เห็นเป็นร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งเนื้อตัวมอมแมมนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆขาดๆ ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินผ่านไปอยู่แล้วแต่อะไรบ้างอย่างร้องเรียกให้เธอเดินกลับมาอีกครั้งแล้วไปหยุดยืนตรงหน้าเด็กชายคนนั้น เด็กน้อยนอนสั่นด้วยความหนาว ใบหน้ามอมแมมดูแดงก่ำเหมือนเป็นไข้ หญิงสาวลองเอามือไปแตะที่หน้าผากของเด็กชายดู ตัวร้อนจี๋เลย เป็นไข้จริงๆด้วย หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้ว
“นี่คือไคล์ เป็นน้องชายต่างแม่ของเจ้า ฝากดูแลเขาแทนข้าหน่อยนะ” นั่นคือประโยคที่ท่านพ่อพูดกับเขาในวันหนึ่งพลางส่งลูกแมวสีส้มลายสลิดตัวน้อยมาให้ ไครัสในวัยเด็กยื่นมือออกไปรับมาอุ้มไว้ เขาเป็นปีศาจที่เกิดมามีพลังสูงตั้งแต่เด็กจึงสามารถรับรู้ได้ถึงพลังปีศาจในตัวลูกแมวน้อยนี่ได้ทันที “ท่านพ่อ ข้าจะต้องทำยังไงบ้าง” ไครัสในรูปลักษณ์เหมือนเด็กชาวมนุษย์อายุ 11 ขวบเงยหน้าถามผู้เป็นพ่อ เขามีพี่น้องต่างแม่หลายคนแต่ด้วยความที่ที่ผ่านมาเขาเป็นลูกชายคนเล็กของปราสาทจอมมารจึงเคยแต่ถูกตามเอาใจจากคนรอบตัว และด้วยความที่ถูกฝึกให้เป็นนักรบมาอย่างเดียวตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้ว่าควรจะดูแลกับน้องชายต่างแม่ร่างจิ๋วนี่อย่างไรดี “ดูแลและเป็นเพื่อนให้เขาในช่วงระหว่างที่ข้าจัดการกับกลุ่มกบฏ ฝึกเขาให้กลายร่างเป็นคนให้ได้และคอยสอนสิ่งต่างๆที่เจ้ารู้ให้แก่เขา ส่วนเรื่องอาหารและน้ำพวกหญิงรับใช้จะเป็นผู้จัดการเอง” ท่านพ่อบอกแบบนั้นแล้วหลังจากนั้นก็ยุ่งอยู่กับการจัดการกับกลุ่มกบฏจนไม่มีเวลามาดูเขาและน้องชายต่างแม่ในร่างแมวตัวนี้อีกเลย ส่วนท่านพี่คนอื่นๆไม่ออกไปช่วยท่านพ่อรบก
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่สภาพและบรรยากาศภายในปราสาทราชาปีศาจแห่งนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไคล์เดินบนโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังเบื้องหน้า เขาไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยจนกระทั่งวันนี้ เวลาก็น่าจะผ่านมาซักร้อยปีเศษๆเห็นจะได้นับตั้งแต่เขามาพาคาเรนกลับไปยังโลกมนุษย์ตอนราชาปีศาจสาปเมืองบาโทรอน ในมือไคล์มีสายใยพลังสีแดงผูกโยงไปยังดวงวิญญาณมนุษย์ชายที่อยู่ด้านหลัง ใช่แล้ว วันนี้เขากลับมาทำตามสัญญาที่เคยได้ให้ไว้ สัญญาที่ว่าจะนำวิญญาณมนุษย์มามอบให้กับซาตาลตลอดชั่วชีวิตของเขา ไคล์เดินเรื่อยๆโดยมีดวงวิญญาณมนุษย์ชายลอยตามหลังมาจนกระทั่งถึงประตูทางเข้าปราสาทชั้นในเขาก็ยื่นป้ายทองคำสลักตราของราชาปีศาจขึ้นมาแสดงให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูดู ทหารยามรับไปดูสักครู่หนึ่งก่อนจะยื่นส่งคืนกลับมาให้ “เชิญขอรับท่านไคล์ ตอนนี้ท่านราชาปีศาจน่าจะอยู่ที่ห้องทรงงาน จากนี้ไปข้าจะนำทางท่านไปต่อเอง” นายทหารบอก ดูเหมือนทหารยามทุกคนจะรู้จักป้ายทองคำนี้กันเป็นอย่างดีและรู้จักชื่อของเขาด้วย แค่เขาแสดงมันให้ดู ทุกคนก็ยอมเปิดทางให้อย่างง่ายดายและต้อนรับขับสู่เป็นอย่างดี
“จะยกเจ้านี่เหรอ มาเดี๋ยวข้าช่วย” เสียงดังมาจากทางด้านหลัง อีวานที่กำลังจะยกหม้อต้มสมุนไพรใบโตออกจากเตาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าซาร่าเดินเข้ามาช่วยจับที่หูหิ้วด้านหนึ่งไว้ “จะยกไปไหนเหรอ”“จะเอาไปตั้งเอาไว้ให้เย็นตรงโต๊ะนู้น” อีวานชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่งในห้อง“อ๋อ ได้เลย” หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ อีวานจับที่หูหิ้วอีกด้านที่เหลือแล้วนับให้สัญญาณ“งั้นยกพร้อมกันนะ หนึ่ง สอง สาม เอ้า ฮึบ” หม้อใบโตที่ใส่น้ำต้มสมุนไพรไว้ค่อนหม้อถูกยกลอยขึ้นอย่างง่ายดายเมื่อมีคนยกพร้อมกันสองคน อีวานกับซาร่าช่วยกันยกหม้อไปวางที่โต๊ะตัวที่อีวานชี้บอก“ขอบใจ” อีวานพูดขึ้นเมื่อหม้อถูกวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยดีแล้ว“ไม่เป็นไร” แล้วซาร่าก็เดินไปทำงานอย่างอื่นต่อ อีวานมองตามหลังของเธอไป นับตั้งแต่หายดีจากโรคระบาดประหลาดเขาก็พึ่งจะกลับมาทำงานได้ไม่นาน เขารู้สึกว่าซาร่าไม่ได้เขม่นเขาเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว แถมบางทีถ้าเธอผ่านมาเห็นในจังหวะที่เขาต้องทำอะไรหนักๆคนเดียว เธอก็จะอาสาเข้ามาช่วยเขาอยู่บ่อยๆ อ้อ จำได้แล้ว เธอเริ่มกลับมาคุยกับเขาตอนช่วงที่ต้องพลัดเวรกันไปช่วยพวกรุ่นพี่ดูแลผู้ป่วยที่ป่วยจากโร
ประตูมิติที่ไคล์สร้างเปิดขึ้นภายในห้องพักห้องเดิมที่คาเรนเคยนอนอยู่ก่อนหน้านี้ก่อนที่เธอจะถูกพาไปยังโลกปีศาจ ไคล์อุ้มคาเรนที่หลับไม่ได้สติเดินออกมาจากประตู พอเดินพ้นออกมาประตูมิติก็ปิดตัวลงและหายไป ไคล์วางร่างของคาเรนลงบนเตียง ใช้มือปัดปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้าขาวนวลออกแล้วจ้องมองใบหน้ายามหลับของเธอ “เรากลับมาที่โลกมนุษย์แล้วนะคาเรน คำสาปก็ถูกถอนออกไปแล้ว ข้าทำตามที่สัญญาแล้ว ทีนี้เจ้าก็ฟื้นได้แล้วนะคนดี” ไคล์ก้มลงพูดกับคาเรนเบาๆ ราวกับรอให้ไคล์ปลุกให้ตื่นขึ้นจากห้วงฝัน ฉับพลันแพขนตาหนาก็ขยับน้อยๆตอบรับคำพูดของไคล์ ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆลืมตาขึ้นจ้องมองมายังชายหนุ่มด้วยความงุนงง “ไคล์? ทำไมข้าถึงมานอนอยู่ที่นี่?” คาเรนถามเสียงเบาอย่างยังคงค่อยไม่มีแรง ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือเธอกำลังขึ้นเวรดูแลผู้ป่วยอยู่ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงนี่แล้ว “เจ้าหลับไป...นานมาก” ไคล์บอก ยกมือเธอขึ้นมากุมไว้อย่างดีใจที่เธอฟื้น “แต่ตอนนี้เจ้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว” “ข้าหลับไปนานแค่ไหน” คาเรนถาม“12 ชั่วโมงได้” ไคล์ตอบ“น