Share

บทที่ 7 เต็มไปด้วยสัญชาตญาณ

Author: Avox
last update Last Updated: 2025-06-08 21:13:44

            “เวลากินเยื่อที่ล่าเสร็จมันมักจะมีคราบเลือดหรือกลิ่นติดตามตัวใช่ไหม  พวกข้าเลยจะต้องคอยเลียขนตัวเองเพื่อกลบกลิ่นไม่ให้นักล่าตัวอื่นที่อาจเป็นอันตรายได้กลิ่นที่ติดมากับตัวยังไงล่ะ”  คาเรนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือหันหลังไปฟังไคล์ที่กำลังนั่งเท้าคางอยู่ตรงปลายเตียงพลางอธิบายเรื่องที่เขาเลียมือ  เลียหน้า  และขนตามตัวหลังกินข้าวเสร็จทั้งๆที่ก็ไม่ได้เลอะอะไรอยู่

            “จะบอกว่าเป็นสัญชาตญาณอะไรนั่นอีกแล้วใช่ไหม”

            “ใช่แหละ  ข้าทำจนชินไปแล้ว  มันเป็นไปเองน่ะ  ถ้าไม่ได้ทำแล้วมันเหมือนมันขาดอะไรไปสักอย่าง  ก็เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ  เวลาพวกเจ้ากินข้าวเสร็จก็ต้องล้างมือใช่ไหมเล่า”

            “อืม  ก็พอเข้าใจได้อยู่นะ”  คาเรนว่าพลางขยับปากกาขนนกในมือไปมา  ตอนนี้เป็นเวลาราวๆตีห้า  หลังจากไคล์ฝึกควบคุมพลังไปได้สักพักเขาก็กลายร่างเป็นคนอีกครั้ง  ตั้งแต่คาเรนบังคับให้เขาฝึกควบคุมพลังอย่างจริงจังทุกวันเขาก็กลายร่างเป็นคนได้บ่อยขึ้น  เธอคิดว่าที่ผ่านมาที่เขายังไม่สามารถควบคุมพลังได้สักทีคงเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ได้มีใจจะฝึกมากกว่า  ต่อให้กลายร่างเป็นคนก็กลายร่างได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น  นั่นทำให้เขาไม่ได้ฝึกอย่างเป็นจริงเป็นจังเท่าไดนัก  ด้วยการฝึกฝนทุกวัน  ระยะเวลาที่สามารถกลายร่างเป็นคนได้ของไคล์ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  แม้ไม่อาจควบคุมให้กลับร่างเดิมได้ตามที่ต้องการทุกครั้ง  แต่คาเรนก็ถือว่าผลลัพธ์ที่ได้ในตอนนี้ก็นับว่าค่อนข้างน่าพึ่งพอใจทีเดียว

            “แล้วที่ทำท่าเหมือนกำลังขุดๆพื้นหลังกินอาหารเสร็จล่ะ”  คาเรนถือโอกาสถามข้อนี้ไปด้วยเลย  นี่ก็เป็นหนึ่งในพฤติกรรมกรรมของไคล์ที่คาเรนแอบจดไว้ในใจมาสักพักใหญ่

            “อ่อ  นั่นก็ชินเหมือนกัน  ทำเพื่อฝังกลบอาหารทิ้งน่ะ”

            “ฝังกลบ?  แต่เจ้ากินหมดเกลี้ยงทุกรอบเลยนะ  ที่ว่าฝังทิ้งนั่นหรือว่าอาหารไม่ถูกใจเหรอ”  คาเรนถามอย่างสงสัย

            “ไม่ใช่อย่างนั่น  ไม่งั้นจะกินหมดเหรอ  ปกติหลังกินเสร็จพวกเรามักจะขุดดินฝังกลบอาหารไว้เพราะกลิ่นอาหารที่หลงเหลืออยู่น่ะจะทำให้นักล่าที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นๆตามกลิ่นมาพบและทำอันตรายพวกเราได้  มันเป็นสัญชาตญาณอีกอย่างหนึ่งน่ะ”

            “อ่อ  แมวอย่างพวกเจ้านี่ก็เต็มไปด้วยสัญชาตญาณดีเน๊อะ”

“ทั้งหมดนั่นก็เพื่อเอาตัวรอดจากโลกภายนอกอันโหดร้ายนั่นแหละ  มนุษย์อย่างพวกเจ้าจะมาเข้าใจอะไร”  ไคล์ว่าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ  ปีศาจแมวตัวเล็กๆอย่างเขาต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ตลอด  ต่อให้ไม่ใช่ปีศาจด้วยกันเอง  การอาศัยอยู่ในเมืองที่มีความเชื่ออคติกับแมวเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเช่นกัน

“ไม่เอาน่าไคล์  อย่าว่าอย่างนั้นสิ  พอเจ้าอธิบายข้าก็เข้าใจอยู่นะ”  เพราะเป็นคนช่างสังเกตและไวต่ออารมณ์ของคนอื่น  คาเรนเลยรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของไคล์ได้ทันที  เธอจึงพูดปลอบอย่างเห็นอกเห็นใจ

“มีแค่เจ้าคนเดียวที่เข้าใจ  ข้าก็ดีใจแล้ว”  เขาว่าแล้วเปลี่ยนมาเป็นฉีกยิ้มกว้าง

“ขนาดนั้นเลยนะ”  คาเรนหัวเราะ  มองรอยยิ้มที่เริ่มกว้างขึ้นกว่าแต่ก่อนของเขาอย่างรู้สึกใจฟู

“ขนาดนั้นแหละ”

“เจ้าลองฝึกควบคุมให้กลับไปอยู่ในร่างแมวให้ได้ด้วยนะ”  คาเรนว่าขณะกำลังจะหันกลับไปเขียนหนังสือต่อ  ไคล์มองแผ่นหลังของคาเรนอย่างชั่งใจ

“หญ้า”

“ว่าไงนะ  หญ้ามันทำไม”  คาเรนถามมือยังไม่หยุดเขียน

“ข้าอยากกินหญ้าบ้างน่ะ”

“ห๊ะ  แมวอย่างเจ้าต้องกินหญ้าด้วยเหรอ”  คราวนี้คาเรนหยุดมือและหันหลังกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง  เธอทำหน้าประหลาดใจสุดๆอย่างไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเมื่อครู่จากปากของเขา

“กินสิ  แมวก็กินพืชได้นะ”  ไคล์หยักไหล่

“กินแล้วมันช่วยเรื่องอะไรเหรอ  นายไม่สบายงั้นเหรอ?”

“ช่วยหลายๆอย่างนะ  ไม่สบายตัว  สมานแผลก็ช่วยได้  ช่วยให้ขย้อนเอาเศษอาหารที่ไม่ย่อยหรือพวกก้อนขนภายในท้องออกมาก็ยังได้  แต่ข้ากินเพื่อปรับสมดุลการขับถ่าย  จะให้กินแต่เนื้อสัตว์ท้องก็จะอืดเอาน้า”  คาเรนผู้ชื่นชอบสมุนไพรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วตาเป็นประกายขึ้นมาทันที  ตอนนี้เธอชักอยากจะรู้มากๆแล้วว่าเขากินพืชอะไรได้บ้างในสวนของเธอ

“ได้สิ  งั้นลงไปกินที่สวนข้างล่างวันนี้เลยดีไหม  ข้าอยากจะรู้แล้วว่าเจ้ากินอะไรได้บ้าง”

“ให้ข้าลงไปจะดีเหรอ  เจ้าบอกว่าพ่อเจ้าไม่ชอบแมวไม่ใช่เหรอ  แล้วถ้าเกิดเขามาเห็นข้าเข้าล่ะ”

“ไม่เห็นหรอกพ่อไม่ได้มาหลังบ้านนานแล้ว  ซีล่าเองก็รู้อยู่แล้วว่าข้าเลี้ยงเจ้าเอาไว้”  เธอบอกอย่างมั่นใจ  ไคล์มองคาเรน  ดวงตาสีเขียวกลมโตของเด็กสาวเป็นประกายแวววาวภายใต้แสงจากเชิงเทียน เธอมองเขาอย่างใจจดใจจ่อรอคอยคำตอบ

“ก็ได้  ถ้ากลับร่างเดิมได้น่ะนะ”

และแล้วไคล์ก็กลับร่างเดิมได้จริงๆแม้จะทุลักทุเลไปหน่อยก็เถอะ  กว่าจะลงมาจากห้องได้ก็เลยเวลาทำสวนตอนเช้าของคาเรนไปแล้วเล็กน้อย  คาเรนเดินนำหน้าไปทางประตูหลังบ้านโดยมีไคล์ในร่างแมววิ่งตามหลังไปติดๆ  ซีล่าที่เดินถือตะกร้าเปล่าหลังเอาผ้าไปตากเสร็จเดินสวนออกมาจากทางที่พวกเธอกำลังจะไป

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนูวันนี้ลงมาสาย...ว้าย  ตายแล้ว”  ซีล่าตาโตอุทานออกมาเมื่อเห็นเจ้าแมวส้มออกมาอยู่ในที่ที่มันไม่ควรจะอยู่

“ชู่วว์  เจ้าอย่าเอะอะไปซีล่า  เงียบหน่อย”  คาเรนรีบตะครุบปากแม่บ้านสาวฉับ  ซีล่ายังคงเบิกตากว้าง  หล่อนกอดตะกร้าในมือมองคาเรนแล้วพยักหน้าเบาๆ  คาเรนจึงค่อยปล่อยมือออกในที่สุด

“จะไม่ให้ซีล่าเอะอะได้ยังไงคะ  แค่คุณหนูแอบเลี้ยงเอาไว้บนห้องก็ว่าแย่แล้ว  นี่ให้มันออกมาเดินข้างนอกห้องด้วยจะไม่เป็นอะไรเหรอคะ”  ซีล่ากระซิบเสียงเบากลัวเสียงของเธอจะก้องไปตามทางเดิน

“ไม่เป็นไรน่า  เชื่อข้าเถอะ  ให้มันไปสำรวจสวนหลังบ้านบ้าง  แค่ไม่นาน  พ่อไม่มีทางรู้หรอก”  คาเรนพูดเสียงเบาตอบ

“จะดีหรือคะ”  แม่บ้านสาวถามอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจนัก  ไม่ดีเลย  ไม่ดีเอามากๆ

“เถอะน่า  ไปนะ”  คาเรนว่าก่อนจะเปิดประตูให้ไคล์ออกก่อนและพาตัวเองตามออกไป  ซีล่ามองตามประตูที่ปิดลงอย่างเป็นกังวล  นับตั้งแต่เก็บเจ้าไคล์มาจากโรงเรือน  คุณหนูผู้แสนน่ารักและเรียบร้อยของเธอก็ดื้อดึงเช่นนี้มาโดยตลอด  ไม่คิดว่าคุณหนูของเธอเองก็มีมุมเช่นนี้อยู่เหมือนกัน  นั่นทำให้ซีล่าที่แอบสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวคุณหนูของเธออยู่อย่างเงียบๆเริ่มไม่ชอบใจเจ้าแมวส้มเข้าไปทุกทีๆ

“เอ้า  ลองเดินดูรอบๆได้เลยนะข้าปลูกเอาไว้หลายอย่างเลยล่ะ  ถ้าเจ้ากินต้นไหนได้ก็ร้องบอกข้าหน่อยนะ”  คาเรนผายมือไปทางสวนอย่างภาคภูมิใจ  ท่ามกลางแปลงผักและพืชนาๆชนิด  ไคล์เริ่มจากต้นหญ้าธรรมดาๆที่ขึ้นอยู่เต็มลานกว้างเป็นอันดับแรก

“เหมียว”

“อ่าหะ  หญ้าทั่วๆไปที่เจ้าบอก”  ไคล์เดินสำรวจไปเรื่อยๆก่อนจะมาหยุดยืนที่แปลงๆหนึ่งที่เป็นพืช สีเขียวขอบหยักคล้ายๆผักชีใบเล็กๆ  มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

“เหมียว”

“พาร์สลีย์เหรอ  น่าสนใจดีนี่ต่อไปล่ะ”  ไคล์พยักหน้าเดินสำรวจพลางเอาจมูกดมหากลิ่นฟุดฟิดไปเรื่อย  พอได้กลิ่นหอมเย็นๆก็มุ่งหน้าตรงไป

“เมี้ยว”

“เปเปอร์มินต์  ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะเนี่ย  จากนั้นล่ะ”  ไคล์แหงนหน้ามองซ้ายขวาก่อนจะมุ่งตรงไปที่แปลงดอกไม้แปลงหนึ่งที่มีลักษณะเป็นพุ่ม  ดอกวงนอกสีขาวล้อมรอบตุ้มเกสรสีเหลืองขนาดใหญ่

“คาโมมายล์  กินดอกไม้ได้ด้วยเหรอเนี่ย”  คาเรนอุทาน  ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่เธอพบคือพืชแต่ละต้นที่เขาบอกว่ากินได้จะมีกลิ่นหอมเย็นสดชื่นเป็นเอกลักษณ์  แมวชอบอะไรแบบนี้เองเหรอเนี่ย  “มีอะไรอย่างอื่นอีกไหม”

ไคล์เชิดหน้าเดินนำไปที่ริมขอบรั้วของสวนอย่างภูมิใจนำเสนอ  อ้าปากเคี้ยวใบที่ขึ้นเป็นพุ่มก่อนจะลงไปนอนกลิ้งหงายท้องท่ามกลางพุ่มเหล่านั้น  แถมยังส่งเสียงในลำคออย่างมีความสุขอีกด้วย  คาเรนที่เดินตามมาดูประหลายใจเล็กน้อย  มันก็ถือเป็นพืชในสวนของเธอก็จริงเพราะอยู่ในรั้ว  แต่เธอไม่ได้เป็นคนปลูก  มันขึ้นเองและเป็นพืชล้มลุกที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามป่า

“แคทนิปนี่เอง”  คาเรนลืมต้นนี้ไปเลย  เพราะเป็นพืชที่ไม่ต้องปลูกก็พบได้ทั่วไปอยู่แล้ว  และส่วนใหญ่ชาวเมืองจะนำมาใช้สำหรับไล่ยุงและแมลงวันมากกว่า  เหมือนเคยได้ยินอยู่ว่าเมืองอื่นที่ผู้คนนิยมเลี้ยงแมวกันตามปกติไม่ได้มีความเชื่อแบบชาวเมืองบาโทรอน  พืชชนิดนี้ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำให้แมวผ่อนคลาย  บรรเทาความเครียด  และถูกนำมาใช้กับแมวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว  แต่นอกเหนือจากสรรพคุณที่ว่ามาแล้วมันยังมีฤทธิ์ทำให้แมวมึนเมาเล็กน้อยอีกด้วย

ไคล์...เจ้านี่ก็ขี้เมาเหมือนกันนะเนี่ย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 5 เจ้าดวงดาวดวงน้อย

    คาเรนนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง สีหน้าของเธอดูเหนื่อยล้า เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและตามตัว มีไคล์กำลังช่วยเอาผ้าซับเหงื่อให้อยู่ข้างเตียง ในห้องยังมีหญิงวัยกลางคนอยู่อีกคนหนึ่งกำลังอุ้มทารกแรกเกิดที่ร้องให้จนเงียบเสียงไปแล้วล้างตัวในอ่างน้ำไม้ “ดีใจด้วยนะ พวกเจ้าได้ลูกสาว” หญิงวัยกลางคนบอกขณะอุ้มทารกน้อยออกมาจากอ่างแล้วซับตัวให้ด้วยผ้าสะอาด ไคล์และคาเรนมองหน้ากันด้วยสีหน้าดีใจ “ได้ยินไหมคาเรน พวกเราได้ลูกสาวแหละ” ไคล์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ข้าได้ยินแล้ว” คาเรนยิ้ม “ท้องแรกสินะ” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นคนทำคลอดให้ถาม “ครับ ขอบคุณที่มาช่วยทำคลอดให้ถึงคฤหาสน์นะครับ เพราะคาเรนปวดท้องคลอดกะทันหันมากเลยพาไปโรงพยาบาลในเมืองไม่ทัน คนแรกที่พอจะนึกถึงได้ก็มีแต่คุณป้าที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงกันเท่านั้น” ไคล์ตอบและถือโอกาสนี้พูดขอบคุณหญิงวัยกลางคนไปด้วยเลย “ไม่เป็นไร ข้ายินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว อีกอย่างพวกเราก็ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก เอ้านี่” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้เตียง

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 4 หญิงสาวเจ้าของร้านขายยา

    “โอ้ยหนาว” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นพลางทำท่าขนลุก ลมหายใจที่พ่นออกมาจากทางจมูกและปากกลายเป็นไอขาวๆลอยขึ้นไปในอากาศ อากาศเย็นจัด หิมะกำลังจะตกลงมาในไม่ช้า มือบางถูกเข้าหากันแล้วเป่าปากใส่ให้ลมหายใจอุ่นๆพอที่จะคลายความหนาวไปได้บ้าง เธอมีผมตรงยาวสีส้ม ดวงตาสีเขียวมรกต และมีรูปลักษณ์ราวอายุ 19-20 ปี “ถ้าไม่ติดว่ามีธุระในเมืองก็ไม่อยากออกจากบ้านเลยนะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเดินผ่านตรอกเล็กๆ ฟ้าใกล้มืดแล้ว เวลานี้ผู้คนส่วนใหญ่กลับเข้าบ้านไปขลุกตัวอยู่ในเตียงอุ่นๆกันหมดแล้ว บนถนนจึงเงียบเหงาไม่ค่อยมีผู้คน ในระหว่างที่เธอเดินไปเรื่อยๆหางตาเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มุมหนึ่งของถนน พอมองดูให้ดีก็เห็นเป็นร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งเนื้อตัวมอมแมมนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆขาดๆ ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินผ่านไปอยู่แล้วแต่อะไรบ้างอย่างร้องเรียกให้เธอเดินกลับมาอีกครั้งแล้วไปหยุดยืนตรงหน้าเด็กชายคนนั้น เด็กน้อยนอนสั่นด้วยความหนาว ใบหน้ามอมแมมดูแดงก่ำเหมือนเป็นไข้ หญิงสาวลองเอามือไปแตะที่หน้าผากของเด็กชายดู ตัวร้อนจี๋เลย เป็นไข้จริงๆด้วย หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้ว

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 3 น้องชายต่างแม่

    “นี่คือไคล์ เป็นน้องชายต่างแม่ของเจ้า ฝากดูแลเขาแทนข้าหน่อยนะ” นั่นคือประโยคที่ท่านพ่อพูดกับเขาในวันหนึ่งพลางส่งลูกแมวสีส้มลายสลิดตัวน้อยมาให้ ไครัสในวัยเด็กยื่นมือออกไปรับมาอุ้มไว้ เขาเป็นปีศาจที่เกิดมามีพลังสูงตั้งแต่เด็กจึงสามารถรับรู้ได้ถึงพลังปีศาจในตัวลูกแมวน้อยนี่ได้ทันที “ท่านพ่อ ข้าจะต้องทำยังไงบ้าง” ไครัสในรูปลักษณ์เหมือนเด็กชาวมนุษย์อายุ 11 ขวบเงยหน้าถามผู้เป็นพ่อ เขามีพี่น้องต่างแม่หลายคนแต่ด้วยความที่ที่ผ่านมาเขาเป็นลูกชายคนเล็กของปราสาทจอมมารจึงเคยแต่ถูกตามเอาใจจากคนรอบตัว และด้วยความที่ถูกฝึกให้เป็นนักรบมาอย่างเดียวตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้ว่าควรจะดูแลกับน้องชายต่างแม่ร่างจิ๋วนี่อย่างไรดี “ดูแลและเป็นเพื่อนให้เขาในช่วงระหว่างที่ข้าจัดการกับกลุ่มกบฏ ฝึกเขาให้กลายร่างเป็นคนให้ได้และคอยสอนสิ่งต่างๆที่เจ้ารู้ให้แก่เขา ส่วนเรื่องอาหารและน้ำพวกหญิงรับใช้จะเป็นผู้จัดการเอง” ท่านพ่อบอกแบบนั้นแล้วหลังจากนั้นก็ยุ่งอยู่กับการจัดการกับกลุ่มกบฏจนไม่มีเวลามาดูเขาและน้องชายต่างแม่ในร่างแมวตัวนี้อีกเลย ส่วนท่านพี่คนอื่นๆไม่ออกไปช่วยท่านพ่อรบก

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 2 สัญญาร้อยปีหน

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่สภาพและบรรยากาศภายในปราสาทราชาปีศาจแห่งนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไคล์เดินบนโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังเบื้องหน้า เขาไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยจนกระทั่งวันนี้ เวลาก็น่าจะผ่านมาซักร้อยปีเศษๆเห็นจะได้นับตั้งแต่เขามาพาคาเรนกลับไปยังโลกมนุษย์ตอนราชาปีศาจสาปเมืองบาโทรอน ในมือไคล์มีสายใยพลังสีแดงผูกโยงไปยังดวงวิญญาณมนุษย์ชายที่อยู่ด้านหลัง ใช่แล้ว วันนี้เขากลับมาทำตามสัญญาที่เคยได้ให้ไว้ สัญญาที่ว่าจะนำวิญญาณมนุษย์มามอบให้กับซาตาลตลอดชั่วชีวิตของเขา ไคล์เดินเรื่อยๆโดยมีดวงวิญญาณมนุษย์ชายลอยตามหลังมาจนกระทั่งถึงประตูทางเข้าปราสาทชั้นในเขาก็ยื่นป้ายทองคำสลักตราของราชาปีศาจขึ้นมาแสดงให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูดู ทหารยามรับไปดูสักครู่หนึ่งก่อนจะยื่นส่งคืนกลับมาให้ “เชิญขอรับท่านไคล์ ตอนนี้ท่านราชาปีศาจน่าจะอยู่ที่ห้องทรงงาน จากนี้ไปข้าจะนำทางท่านไปต่อเอง” นายทหารบอก ดูเหมือนทหารยามทุกคนจะรู้จักป้ายทองคำนี้กันเป็นอย่างดีและรู้จักชื่อของเขาด้วย แค่เขาแสดงมันให้ดู ทุกคนก็ยอมเปิดทางให้อย่างง่ายดายและต้อนรับขับสู่เป็นอย่างดี

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   ตอนพิเศษ 1 เริ่มต้นกันใหม่

    “จะยกเจ้านี่เหรอ มาเดี๋ยวข้าช่วย” เสียงดังมาจากทางด้านหลัง อีวานที่กำลังจะยกหม้อต้มสมุนไพรใบโตออกจากเตาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าซาร่าเดินเข้ามาช่วยจับที่หูหิ้วด้านหนึ่งไว้ “จะยกไปไหนเหรอ”“จะเอาไปตั้งเอาไว้ให้เย็นตรงโต๊ะนู้น” อีวานชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่งในห้อง“อ๋อ ได้เลย” หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ อีวานจับที่หูหิ้วอีกด้านที่เหลือแล้วนับให้สัญญาณ“งั้นยกพร้อมกันนะ หนึ่ง สอง สาม เอ้า ฮึบ” หม้อใบโตที่ใส่น้ำต้มสมุนไพรไว้ค่อนหม้อถูกยกลอยขึ้นอย่างง่ายดายเมื่อมีคนยกพร้อมกันสองคน อีวานกับซาร่าช่วยกันยกหม้อไปวางที่โต๊ะตัวที่อีวานชี้บอก“ขอบใจ” อีวานพูดขึ้นเมื่อหม้อถูกวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยดีแล้ว“ไม่เป็นไร” แล้วซาร่าก็เดินไปทำงานอย่างอื่นต่อ อีวานมองตามหลังของเธอไป นับตั้งแต่หายดีจากโรคระบาดประหลาดเขาก็พึ่งจะกลับมาทำงานได้ไม่นาน เขารู้สึกว่าซาร่าไม่ได้เขม่นเขาเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว แถมบางทีถ้าเธอผ่านมาเห็นในจังหวะที่เขาต้องทำอะไรหนักๆคนเดียว เธอก็จะอาสาเข้ามาช่วยเขาอยู่บ่อยๆ อ้อ จำได้แล้ว เธอเริ่มกลับมาคุยกับเขาตอนช่วงที่ต้องพลัดเวรกันไปช่วยพวกรุ่นพี่ดูแลผู้ป่วยที่ป่วยจากโร

  • Starry Night ค่ำคืนใต้หมู่ดาวมีเพียงแค่สองเรา   บทที่ 33 จากนี้จวบจนนิรันดร์

    ประตูมิติที่ไคล์สร้างเปิดขึ้นภายในห้องพักห้องเดิมที่คาเรนเคยนอนอยู่ก่อนหน้านี้ก่อนที่เธอจะถูกพาไปยังโลกปีศาจ ไคล์อุ้มคาเรนที่หลับไม่ได้สติเดินออกมาจากประตู พอเดินพ้นออกมาประตูมิติก็ปิดตัวลงและหายไป ไคล์วางร่างของคาเรนลงบนเตียง ใช้มือปัดปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้าขาวนวลออกแล้วจ้องมองใบหน้ายามหลับของเธอ “เรากลับมาที่โลกมนุษย์แล้วนะคาเรน คำสาปก็ถูกถอนออกไปแล้ว ข้าทำตามที่สัญญาแล้ว ทีนี้เจ้าก็ฟื้นได้แล้วนะคนดี” ไคล์ก้มลงพูดกับคาเรนเบาๆ ราวกับรอให้ไคล์ปลุกให้ตื่นขึ้นจากห้วงฝัน ฉับพลันแพขนตาหนาก็ขยับน้อยๆตอบรับคำพูดของไคล์ ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆลืมตาขึ้นจ้องมองมายังชายหนุ่มด้วยความงุนงง “ไคล์? ทำไมข้าถึงมานอนอยู่ที่นี่?” คาเรนถามเสียงเบาอย่างยังคงค่อยไม่มีแรง ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือเธอกำลังขึ้นเวรดูแลผู้ป่วยอยู่ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงนี่แล้ว “เจ้าหลับไป...นานมาก” ไคล์บอก ยกมือเธอขึ้นมากุมไว้อย่างดีใจที่เธอฟื้น “แต่ตอนนี้เจ้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว” “ข้าหลับไปนานแค่ไหน” คาเรนถาม“12 ชั่วโมงได้” ไคล์ตอบ“น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status