Share

ลิขิตรัก 4 ครอบครัวใหม่

last update Last Updated: 2025-09-21 21:36:43

ลิขิตรัก 4

ครอบครัวใหม่

หญิงสาวสวมอาภรณ์สีดำสนิท  ขับให้เส้นผมสีรัตติกาลเงางามกลืนกินไปกับความมืดมิดแต่มิอาจบดบังความงดงามได้เลย  นางเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย  ผ่านสัตว์อสูรมากมาย ที่จ้องมองร่างบางอย่างหิวโหย  ทว่าสัญชาตญาณของมันบอกว่าอย่าได้ริเข้าไปยุ่งกับหญิงผู้นี้เป็นอันขาด  ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้าเนื่องจากเดินมาไกล จึงหยุดพักใต้ร่มไม้ใหญ่และผลอยหลับไปในที่สุด

“แม่หนู แม่หนู”  ชายชราที่กำลังขนสินค้าผ่านมา เห็นหญิงสาวนอนอยู่ใต้ต้นไม้จึงนึกเป็นห่วง เพราะสถานที่ตรงนี้เป็นเขตสัตว์อสูรย่อมอาจเป็นอันตราย ไม่มีใครเขามานอนเล่นกันหรอก ตนที่เป็นพ่อค้า ต้องขนสินค้าอย่างไม่สามารถเลี่ยงทางนี้ได้เพราะเป็นทางผ่านทางเดียวที่จะเข้าเมือง  จึงได้หยุดเกวียนพร้อมเอ่ยเรียก

“อะ เอ่อ ท่าน…” ร่างบางตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ยามใด มองซ้ายทีขวาทีอย่างมึนงง

“ตรงนี้อันตรายยิ่งนัก  หากเจ้าอยากพักผ่อนต้องเดินไปอีก 2 ลี้ จึงจะเข้าเขตเมือง”  (1 ลี้ เท่ากับ 500 เมตร)  ชายชราบอกหญิงสาวตรงหน้า นางช่างแต่งตัวแปลกประหลาดยิ่งนัก  ชุดก็ไม่เหมือนคนแผ่นดินใหญ่  ตาฟ้าฟางมองสำรวจเห็นดวงหน้ากระจ่างใสของสตรีคราลูกชัดเจน

  งดงามมาก นั่นเป็นสิ่งที่ชายชราคิด

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านตา แต่ข้า…”  นางไม่รู้ว่านี่ที่นี่ไหน

“เจ้าเป็นคนต่างแคว้นหรือ…” 

“เอ่อ เจ้าค่ะ”  ร่างบางเงยหน้าตอบ  นางรู้แค่ว่าคนรักของนางอยู่บนโลกมนุษย์แต่ไม่รู้ว่าอยู่แคว้นใด จึงไม่รู้จะเริ่มต้นหาจากที่ไหนดี

“งั้นมากับข้าไหมแม่หนู ข้ากำลังจะไปแคว้นเฟิง”   แคว้นเฟิงที่ว่าเป็นแค้วนการค้าขายที่ใหญ่รองจากแคว้นต้า  ผู้คนมั่งคั่งและคับแน่น พ่อค้าทั้งหลายจึงมักไปที่นั่นเพื่อขายสินค้าและหากให้นางเดินไปทั้งอย่างนี้ได้โดนพวกคนไม่ดีดักฉุดหรือนำไปขายหอนางโลมเป็นแน่  ชายชราคิด  อีกอย่างหากบุตรสาวของเขายังอยู่ก็คงอายุรุนราวคราวเดียวกับแม่หนูนี้  พลันสายตาหม่นลง

“เจ้าค่ะ”  ลันเซียตอบกลับไปอย่างดีใจ อย่างน้อยการมาโลกมนุษย์ครั้งแรกของนางก็ได้พบเจอกับมนุษย์ที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือตน

“ท่านตาเจ้าคะ  แคว้นเฟิงที่ว่านี้ใหญ่มากหรือไม่เจ้าคะ”  เมื่อขึ้นเกวียนมาพร้อมกับชายชราที่ชื่อ ‘ฟู่เฉิง’ ลันเซียจึงได้เล่าคร่าวๆว่านางมาจากที่ไกลแสนไกลเพื่อตามหาคนรักที่พลัดพรากจากกัน

ชายชรามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสารระคนเอ็นดู ตั้งแต่ขึ้นเกวียนมานางถามเขาไม่หยุดคล้ายว่านางไม่เคยไปไหนนอกจากบ้านตัวเองมาก่อน ส่วนลันเซียนางพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกมนุษย์ ปลดเปลื้องพันธนาการที่คอยเหนี่ยวรั้งจิตใจจนกลายเป็นคนเย็นชาออกจนหมด  อีกทั้งชายชราตรงหน้ายังมีทีท่าใจดี นางจึงแสดงตัวตนที่แท้จริงของนางได้อย่างสนิทใจ

“ใหญ่มากเลยล่ะและก็อันตรายมากเหมือนกัน”  เขาเอ่ยยามนึกถึงเมื่อครั้งอดีตที่เคยมาแคว้นเฟิง  ตอนนั้นเขาเป็นพ่อค้าใหม่ๆ ขายดิบขายดี แต่เพราะถูกเอาเปรียบจากขุนนางเจ้าถิ่น จึงทำให้ได้กำไรน้อยนิด ขุนนางที่ว่าเป็นขุนนางยศใหญ่โต แสนร่ำรวยแต่ก็ยังคดโกงบ้านเมือง นี่ยังไม่รวมถึงเหตุการณ์ที่ทำความเจ็บแค้นให้กับเขาแต่ไม่สามารถทำอะไรคนเหล่านั้นได้  พ่อค้าจนๆอย่างเขาไม่อาจทวงคืนความยุติธรรมให้กับบุตรสาวและฮูหยินได้เลย  เก็บความแค้นไว้ในใจหวังว่าสักวันวิบากกรรมจะตามทันคนเหล่านั้น  จึงเอ่ยเตือนให้แม่หนูที่มาด้วยสวมผ้าคลุมเอาไว้  

เมื่อหลายวันก่อนตนได้ข่าวว่าแคว้นเฟิงเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่  ไม่รู้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน  จึงเสี่ยงกลับมาขายอีกครั้ง ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก

“ขอบคุณเจ้าค่ะที่เอ่ยเตือนข้า”  ลันเซียกระชับผ้าคุมยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ที่ท่านตาเล่ามาก่อนหน้า  ท่านตาเสียบุตรสาวกับคนรักเพราะถูกคนไม่ดีพวกนั้นทำร้าย  ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านตาถึงต้องให้นางสวมผ้าคลุมเอาไว้

“พวกเจ้ามาจากแคว้นใด” ทหารหน้าประตูทางเข้าถามขึ้น เมื่อเกวียนสินค้าของท่านตาและนางถึงหน้าประตูเมือง

“ข้ากับบุตรสาวมาจากแคว้นเหยียน”  แคว้นเหยียนเป็นแคว้นที่เล็กและยากจนที่สุด  ฉะนั้นผู้คนที่นั่นจึงมักอพยพออกนอกเมือง แต่ท่านตาเล่าให้ฟังว่าถึงแม้จะเดินทางออกมาได้ ถ้าหากไม่มีพลังยุทธ์หรือตบะแกร่งพอ  ก็มักจะโดนปล้นหรือโดนสัตว์อสูรฆ่า  แถมยังบอกอีกว่าป่าที่นางนอนอยู่นั้นเป็นเขตของสัตว์อสูร  ดีตรงที่นางนอนอยู่มีสัตว์อสูรค่อนข้างเบาบาง หากเข้าไปในป่าลึกไม่ต้องพูดถึง มีอีกกี่สิบชีวิตก็ไม่พอ  ซึ่งนางไม่อยากจะเล่าให้ท่านตาตกใจเลยว่าเมื่อคืนนางเดินมาจากป่าลึกตรงนั้นแหล่ะ

“บุตรสาวท่านเหตุใดต้องสวมผ้าคลุม” 

“นางไม่สบาย ข้าจึงไม่อยากให้นางโดนอากาศข้างนอกมากนัก”  ท่านตาตอบทหารผ่านประตูอย่างคล่องแคล่ว  นายทหารหรี่ตามองหญิงสาวภายใต้ผ้าคลุม ลันเซียเห็นดังนั้นจึงแกล้งไอ

“แค่ก ๆ” 

“ไปได้” 

 พวกเราเข้ามาในเมือง  ผู้คนส่วนใหญ่แต่งตัวเรียบง่าย ผู้หญิงจะสวมชุดถักทอที่มีลักษณะเป็นเสื้อคลุมยาว สีสันมีทั้งแบบเรียบๆไปจนถึงสวยสดงดงาม ท่านตายังบอกอีกว่าหากเป็นหญิงที่มีเงินหรือร่ำรวยหน่อยจะสวมเสื้อที่ถักมาจากผ้าแพร ซึ่งมีความสวยงามมาก ผู้ชายโดยทั่วไปจะสวมเสื้อคลุมยาวเช่นกันแตกต่างตรงของผู้ชายจะเป็นแบบเรียบๆ และหากฐานะยากจนจะสวมเสื้อแขนสั้นที่ตัดเย็บด้วยผ้าหยาบ  ซึ่งชุดที่นางใส่อยู่เป็นชุดสีเรียบๆของคนรักท่านตาที่เสียไปแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน

“คืนนี้เราจะพักที่ใดกันหรือเจ้าคะท่านตะ เอ่อ ท่านพ่อ”   เผลอเรียกอย่างลืมตัว เพราะก่อนจะเข้าเมืองท่านตาได้รับนางมาเป็นบุตรบุญธรรมเรียบร้อยแล้วและนางก็ยินดีที่จะเรียกชายอบอุ่นที่ช่วยเล่าเรื่องต่างๆให้นางฟังตั้งมากมายนี้ว่าพ่อ

“พ่อมีสหายสมัยหนุ่มๆเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมเล็กๆอยู่ด้านหน้านี้ คืนนี้เราไปพักที่นั่นกัน”

เพล้ง !!!

“เจ้ากล้าหรือไอ้แก่ !!!” 

“ขะ ข้าน้อยมิกล้า คะ คุณชาย…”  เสียงละล่ำลำลักของเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมเล็กๆสภาพกึ่งเก่ากึ่งใหม่เอ่ยขึ้นอย่างเกรงกลัว เนื่องจากหนุ่มฉกรรจ์  3 คน ดูท่าทางเถื่อนๆกำลังยืนค้ำหัวอยู่ด้วยท่าทางคุกคาม สภาพชายราผู้นั้นตัวสั่น ท่ามกลางผู้ที่ยืนมองไม่มีสักคนจะเข้าไปช่วย ด้วยรู้กิตติมศักดิ์ของคุณชายตระกูล ‘เฉิน’ ผู้นี้ดี

“ฆ่ามันเลยหรือไม่นายท่าน” เสียงเหี้ยมที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ติดตามเอ่ยพร้อมชักดาบ

“หึ ลงมือ” 

ฉับ

เคล้ง !

เพล้ง ! 

“จะ เจ้า…”  ขณะนั้นเองจู่ๆดาบของชายตรงหน้ากลับขาดเป็นสองท่อน  ทำให้เจ้าของดาบถึงกลับตะลึงพูดไม่ออก

ลันเซียภายใต้ผ้าคลุมปรี่เข้าไปรับดาบที่กำลังฟันลงมา ท่ามกลางสีหน้าตกใจของคนรอบข้างเพราะไม่มีผู้ใดเห็นนางเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เห็นอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงดาบกระทบกัน

“เจ้าเป็นใคร !!”  แต่คำถามที่คนรอบข้างสงสัยกลับถามขึ้นมาด้วยชายหนุ่มที่ใส่ชุดหรูหราซึ่งไม่ใช่ใครหากเป็นผู้สั่งการให้ข้ารับใช้ลงมือนั่นเอง

“เป็นหลานสาวของคนที่พวกท่านกำลังทำร้ายอยู่ไงเล่า”   นางและพ่อบุญธรรมได้เข้ามาถึงโรงเตี๊ยมของสหายท่าน  พอดีกับชายคนหนึ่งกำลังชักดาบเตรียมจะฟัน  ท่านพ่อของนางทำท่าจะเข้าช่วยเหลือ นางจึงไม่รอช้ารีบเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที  ดาบนี้เป็นดาบพิเศษ ผู้ที่ถือครองมันสามารถใช้มันและเคลื่อนไหวได้อย่างใจสั่ง ซึ่งขณะนั้นนางมีเวลาไม่มากนักเพราะดาบกำลังจะถึงตัว  จึงเผลอเคลื่อนไหวเพียงพริบตาเดียว

“หึ นับว่าไม่เลว !”  ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างถูกใจ เป็นแค่หลานสาวเถ้าแก่ธรรมดาแต่สามารถรับดาบของข้ารับใช้ที่มีพลังตบะได้

“เป็นอย่างใดบ้างเจ้าคะ”  เมื่อเห็นพวกเขาหยุดการคุกคาม นางจึงคุกเข่าเอ่ยถามชายชราอย่างเป็นห่วง

“แม่นาง…”  เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองหญิงสาวตรงหน้า แม้จะอยู่ภายใต้ผ้าคลุมแต่น้ำเสียงและสายตาเป็นห่วงของนางอดขอบคุณอย่างซึ้งใจไม่ได้ แม้รู้ว่าประโยคที่นางตอบไปจะไม่ใช่เรื่องจริง อาจโกหกเพื่อช่วยเขาแต่ก็ยินดีรับนางเป็นหลานสาวยิ่งนัก

“เหตุใดพวกท่านต้องทำร้ายท่านตาของข้า!!” นางยิ้มตอบชายชรา ก่อนจะหันไปถามชายหนุ่ม

“ข้าแค่สั่งสอน ผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงก็เท่านั้น”

“ที่ต่ำที่สูง ?” หญิงสาวเลิกคิ้วพลางยืนขึ้น

“…”

“สูงยังไงในเมื่อข้ายืน เจ้ายืน เราก็เสมอกัน !!!!”

 “บังอาจ !!!”  เมื่อสิ้นประโยค คนรับใช้ด้านหลังตะโกนขึ้นทันทีที่หญิงชาวบ้านธรรมดาบังอาจมาลบหลู่นายน้อยของตน

“เอาเถอะ ข้าไม่ถือสา หึๆ”  คนเป็นนายน้อยพูดกับข้ารับใช้ด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ คำพูดเชิงไม่เอาเรื่องตรงข้ามกับแววตาระยิบระยับ บ่งบอกว่าสนใจหญิงตรงหน้าอย่างชัดเจน หากได้เห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมนั่นล่ะก็…

“แม่นางชื่อว่าอันใดหรือ”

“ข้าไม่จำเป็นต้องตอบท่าน !!” นางไม่สนใจ หันมาพยุงเถ้าแก่ให้ลุกขึ้น

“ดี น่าสนใจยิ่ง”  เขาไม่เคยโดนหญิงใดปฏิเสธมาก่อนจึงสนใจสตรีตรงหน้ายิ่งนัก ก่อนที่ข้ารับใช้อีกคนจะเดินเข้ามากระซิบที่หู เพื่อบอกกล่าวเรื่องบางอย่าง

เห็นทีวันนี้คงจะได้สนทนาเพียงเท่านี้ แต่ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะไม่มีโอกาส

“…”

“ไว้พบกันใหม่นะเมยเม่ย”  (เมยเม่ย แปลว่า น้องสาว) แม้จะหันหลังจากมาแต่ก็ได้ยินเสียงนางผู้นั้นอย่างชัดเจน

“ข้าไม่มีพี่ชายเยี่ยงท่าน !!” นางตะโกนไล่หลัง

“ฮ่า ๆ ถูกใจยิ่งนัก”  เดินออกไปอย่างสำราญใจ

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหรินกู่”  เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ชายชราจึงเข้าไปทักสหายอย่างเป็นห่วง เหลือบมองบุตรบุญธรรมด้วยความชื่นชม  นอกจากจะมีหน้าตางดงามล่มเมืองแล้วยังมีพลังตบะอีกหรือนี่ นับว่าไม่ธรรมดาเสียแล้ว

“อ้าว เจ้าฟู่เฉิงมิใช่หรือ มาๆ มานั่งก่อนไม่ได้พบกันเสียนาน ขอบใจเจ้ามากนะแม่หนู”  เถ้าแก่เหรินที่ตั้งสติจากเหตุการณ์ตรงหน้าได้กล่าวทักทายสหายเก่าด้วยความคิดถึง  ก่อนจะหันไปขอบคุณหญิงสาวที่เข้ามาช่วยเขาไว้ แม้จะไม่รู้จักแต่นับว่าแม่นางผู้นี้มีคุณธรรมยิ่งนัก

“นั่นลูกสาวบุญธรรมข้าเอง”  ไม่รอช้าชายชรารีบเอ่ยแนะนำหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวให้รู้จัก

“ห๊ะ จริงหรือนี่ !!!”  เถ้าแก่เหรินตกใจ เพราะนั่นก็หมายความว่าแม่หนูนี่ก็เปรียบเสมือนหลานสาวเขาเช่นกัน ช่างดียิ่ง

“ขออภัยที่แนะนำตัวช้าเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าจิวฮวา”  จิวฮวาเอ่ยนามที่พึ่งคิดสดๆให้กับชายชราตรงหน้า ชื่อนี้มีความหมายว่า ดอกไม้แห่งโชคชะตา ช่างเหมาะกับนางยิ่งนัก หากบอกชื่อจริงๆไปเกรงว่าจะไม่กลมกลืนกับคนที่นี่  ส่วนพ่อบุญธรรมก็หันมายิ้มให้อย่างเข้าใจ เพราะก่อนหน้านางเผลอแนะนำเขาด้วยชื่อจริงๆของนาง

“ดี ๆ ดีเหลือเกิน ข้ามีหลานสาวแล้วหรือนี่…” เถ้าแก่เหรินกล่าวด้วยความยินดี เขาดูแลกิจการและอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม บิดามารดาเสียไปเพราะสัตว์อสูรบุกเมื่อหลายสิบปีก่อน ฉะนั้นเมื่ออดีตจึงสนิทกับฟู่เฉิงที่เพิ่งเสียภรรยากับบุตรไปด้วยเข้าใจคำว่าสูญเสียเช่นกัน

ตอนนั้นสหายคนเดียวบอกกับเขาว่าอยากลองไปค้าขายต่างเมืองดู เขายอมรับว่าตกใจมาก พยายามเอ่ยห้ามแต่ก็ไม่สำเร็จ จึงได้แต่อวยพรให้สหายเดินทางปลอดภัยและยังคงคิดถึงเสมอ  จนกระทั่งบัดนี้

“ใช่แล้วสหาย  ต่อไปนี้ข้าจะมาพักที่นี่ชั่วคราว”

“พักยาวๆก็ได้ฟู่เฉิง ข้าเหงายิ่งนัก” เถ้าแก่เหรินเอ่ยบอกน้ำเสียงยินดีตามประสาตาแก่ขี้เหงา 

“ฮ่าๆ เจ้ายังมิเปลี่ยนไปเลยนะ”  ก่อนที่ชายชราทั้งคู่จะพากันแลกประสบการณ์เล่าเรื่องที่ผ่านตลอดช่วงหลายปีที่ไม่เจอกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 13 อนุคนแรก

    ลิขิตรัก 13 อนุคนแรก“อ๊ะ อื้มมมม” ไม่ทันได้ตอบกลับ ริมฝีปากโดนปิดด้วยริมฝีปากหนาของคนที่คร่อมอยู่ทันที มือของเขาอยู่ไม่นิ่ง จับร่างกายไปทุกส่วน ข้าสะดุ้งทันทีที่เขาจงใจกดร่างกายท่อนล่างกับส่วนนั้นของข้าทั้งที่ตัวเองยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบ แต่มันก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้“อื้มมม” เขาครางกระหึ่มอย่างพอใจและยิ่งกระหายในกายข้ามากยิ่งขึ้นเมื่อมือแกร่งจับมือนิ่มของข้าให้เลื่อนลงไปสัมผัสกลางลำตัวที่บัดนี้โป่งพองแข็งสู้มือข้าจนแทบจะระเบิด แต่ดูเหมือนเขาพยายามข่มอารมณ์ไว้คล้ายอยากเล่นสนุกกับร่างกายข้ามากกว่านี้“อ้าปาก” ดุเสียงเข้มเมื่อข้าปิดปากไม่ให้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามาได้อีก“อ๊ะ!” เขากัดริมฝีปากข้าเมื่อเห็นว่าข้ายังดื้อไม่ยอมเปิดปากตามเขาสั่ง ก่อนจะครางอย่างพอใจเมื่อลิ้นร้ายกาจเข้ามาไล่ต้อนข้าได้อย่างจนมุมปากหนายังไซร้คอข้าอยู่และมีทีท่าว่ากำลังจะเลื่อนลงมายังหน้าอกหน้าใจที่มันใหญ่จนล้นมือเขา มือทำหน้าที่ไม่อยู่นิ่ง บีบคลึงหน้าอกอย่างมันมือ ส่วน

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 12 หลอกใช้

    ลิขิตรัก 12 หลอกใช้เพล้ง !“เป็นอันใดหรือเจ้าคะท่านพี่เฟยหลง” เสียงหวานเอ่ยถามชายคนรัก เมื่อเห็นร่างสูงปล่อยความกดดัน จนแจกันแตกเป็นเสี่ยงๆ“มิเป็นอันใด ต้องขออภัยเหมยเอ๋อร์ด้วยแล้วที่ทำให้เจ้าตกใจ” ชายหนุ่มหันมองหญิงคนรักที่เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ สบถในใจที่เผลอใช้พลังจนอาจเกือบทำให้หญิงคนรักบาดเจ็บ“น้องมิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ว่าแต่ผู้ใดหนอที่ทำให้ท่านพี่อารมณ์ไม่ดีเช่นนี้”“เรื่องงานหน่ะ” ร่างสูงไม่ได้โกหก ทุกคืนเขาจะออกไปตรวจในเมืองโดยรอบ จนบางวันปะทะเข้ากับพวกนอกด่านแทบไม่ได้นอน แต่ส่วนหนึ่งคิดไปถึงต้นตอที่ทำให้ตนเป็นเช่นนี้อีกเรื่อง อยากจัดการกับหญิงไร้ยางอายนั่นเด็ดขาด แต่ทำไมใจมันถึงสั่นตลอดเมื่ออยู่กับนางอาคเนย์ที่นางใช้เรียกเขานั้นไม่รู้เป็นชายใด แต่พอนางพูดชื่อนี้ ใจเขามันหงุดหงิดทุกครั้ง แทบอยากกระชากร่างบางให้หยุดเรียกชื่อนั้น แล้วจดจำเพียงชื่อเขา พลันความคิดต้องหยุดชะงักลงยามเขาได้จับไปที่สร้อยท

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 11 ไร้ยางอาย

    ลิขิตรัก 11 ไร้ยางอาย “อุ้ย พี่เฟยหลง”“เดินระวังๆสิ เหมยเอ๋อร์” เสียงทุ้มที่เดินตามหลังประคองร่างบอบบางของคนรักไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม สายตาคมดุคนในอ้อมแขนไม่จริงจังนัก“คิกๆ เหมยเอ๋อร์รู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องไม่ปล่อยให้เหมยเอ๋อร์เป็นอันใด” เสียงหวานใสตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม“พี่อยู่กับเจ้าได้มิตลอด เจ้าก็ต้องระวังตัวให้มาก” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง พลันครุ่นคิดเรื่องที่ได้ยินมาตลอดเวลา ศัตรูย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเร้นหาจุดอ่อน หากพวกมันรู้ว่าเขามีคนรักต้องหาทางทำร้ายนางเป็นแน่“อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างงั้นสิเจ้าคะ เหมยเอ๋อร์มิเป็นอันใดง่ายๆหรอกนะ” นางบอกคนรักที่ทำหน้ากลัดกลุ้มใจอย่างชัดเจน“พี่ก็หวังให้เป็นเช่นนั้น”“จริงสิ สร้อยที่น้องให้...”“พี่ใส่ติดตัวไว้ตลอดเลยล่ะ” หยางหลงสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปก่อนจะยกแขนข้างขวาที่สวมสร้อยลูกปัด ซึ่งคนรักร้อยเองกับมือขึ้นมาให้ดู เขาใส่ต

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 10 ไม่เชื่อใจ

    ลิขิตรัก 10ไม่เชื่อใจ“เจิ้นมิเคยเห็นเจ้าทำหน้าเครียด มีเรื่องทุกข์ใจอันใดหรือ” ชายหนุ่มบนบัลลังก์เอ่ยถามสหายที่ยามนี้เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“หามิได้พะย่ะค่ะ” ร่างหนาผู้ถูกถามตอบกลับคล้ายปฏิเสธกลายๆ“อืมม หรือเจ้ากำลังคิดถึงหญิงนางนั้น” สายตาคมปราดมองอย่างหยอกล้อ หญิงนางนั้นที่ว่าคงหนีไม่พ้นนางที่ลานประลองแคว้นเฟิง“กระหม่อมมิสนผู้ใจนอกจากเหมยฟาง” และเขาก็ยังคงกล่าวออกมาเช่นเดิม สายตาเย็นชาช่างราบเรียบคล้ายเหนื่อยหน่ายกับทุกสิ่ง จนผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นต้าเช่นเขานึกอยากเห็นว่าจะมีหญิงใดในหล้าทำให้แม่ทัพใหญ่ผู้นี้เปลี่ยนไปได้หรือไม่ ซึ่งแม้กระทั่งคู่หมายที่เป็นบุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเองก็ยังมิอาจทำได้“หึ ๆ เจิ้นก็ยังตรัสคำเดิมว่าจะรอดู”“หากหวงช่างเชิญมาเพียงเท่านี้ กระหม่อมขอลา” ชายหนุ่มลุกขึ้นโดยยังไม่ได้รับอนุญาต หน้าตานิ่งเฉยบ่งบอกว่าไม่เกรงกลัวอาญาเลยแม้แต่น้อย“ดะ เดี๋ยวเจิ้นมีเรื

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 9 พบเจอ

    ลิขิตรัก 9พบเจอหนึ่งชั่วยามผ่านไปจบเสียที…กี่ตัวกันนะ 10 ตัว 50 ตัว หรือมากกว่านั้น ข้าทิ้งตัวลงนอนที่พื้นอย่างคนหมดแรง เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด คิดว่าถ้ากลับไปต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วยามกว่าจะล้างมันออกหมด ตามร่างกายมีรอยกรงเล็บที่ร่างกายสมานบาดแผลไม่ทันเนื่องจากมันมีเยอะเกินไปโฮกกกกกเหลืออีกตัวหรือ ข้าหันไปมองทางต้นเสียง เห็นมันหนึ่งตัวขู่คำราม เห็นเขี้ยวแหลมคมที่สามารถฉีกร่างกายมนุษย์พร้อมกินอย่างไม่เหลือแม้แต่กระดูก มันทำท่าพร้อมกระโจนเข้ามาทุกเมื่อ แต่ข้าหมดแรงแล้วนะ คิดในใจทว่าสมองสั่งให้ลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับหนักอึ้งแขนขาขยับได้อย่างยากลำบากอาจเป็นเพราะนี่มันเลยขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์มามากแล้ว สุดท้ายจึงล้มตัวลงนอนที่เดิม จบแล้วสินะ ชีวิตข้าคงมาได้เพียงเท่านี้ ข้าขอโทษท่านพ่อท่านแม่ที่มิอาจกลับไปหาพวกท่าน ลาก่อนท่านอาค

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 8 เทพเซียน

    ลิขิตรัก 8 เทพเซียนยามจื่อ (23.00 - 24.59 น.)“ฝั่งนั้นมีกี่ตัว” ข้าสวมชุดสีดำทะมัดทะแมง พร้อมผ้าคาดผืนบาง เหลือเฉพาะดวงตา มองไปมาเหมือนนักฆ่าไม่มีผิด“2 ตัวขอรับ” ฮุ่ยเฉินที่แต่งตัวไม่ต่างจากข้าเอ่ยบอก ตอนนี้บาดแผลเขาสมานกันดีแล้ว เหลือเพียงรอยขีดข่วนจากกรงเล็บที่แขนนั่นนิดหน่อย พละกำลังก็เหมือนจะฟื้นตัวแล้วด้วย ข้าคงลืมบอกอีกอย่างสินะ เลือดของข้าหน่ะ นอกจากจะรักษาบาดแผลแล้วยังฟื้นฟูพลังตบะ นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่อยากให้ผู้อื่นรู้เรื่องนี้ เพราะข้าเกลียดความวุ่นวาย“จัดการ” ข้าบอกเขาเสียงเรียบก่อนที่ตัวเองจะปรี่ตัวเข้าไปจัดการอีกฝั่งที่มี 5 ตัว ลักษณะของมันแตกต่างจากซือเป่าลิบลับ เหมือนสัตว์อสูรกายมากกว่าเป็นสัตว์อสูร มันมองมาอย่างหิวโหยแต่ก่อนที่มันจะกระโจนใส่ ข้าชิงเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาก่อนจะฟันไปที่ลำตัวของมันจนเลือดสีดำคล้ำสาดกระเด็นเปื้อนชุดข้าและนี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เลือกหยิบชุดสีน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status