ลิขิตรัก 5
ปองร้าย
“อืมม ดูไปดูมา เมืองนี้ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ” จิวฮวาพึมพำเบาๆกับตัวเองหลังจากขออนุญาตท่านพ่อบุญธรรมที่สนทนากับเถ้าแก่อย่างออกรสว่าจะออกมาสำรวจด้านนอก
พลักกก !
“โอ้ยยย” แต่แล้วจู่ๆก็มีหญิงนางหนึ่งเดินมาชนนางทำให้ผ้าคลุมหน้าหล่นพื้น
เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง ทุกคนมองนางตะลึงค้าง โดยเฉพาะหญิงที่ตั้งใจชนนาง ก่อนที่เสียงซุบซิบภายในบริเวณดังขึ้นทันทีเนื่องจากตรงนี้มีคนสัญจรไปมา
‘นางเป็นบุตรบ้านใดกัน’
‘งดงามยิ่งนัก’
‘แม้แต่นางสนมในวังยังสู้มิได้’
“ปะ เป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อหญิงนางนั้นตั้งสติได้จึงเข้ามาถามไถ่
“ข้ามิเป็นอันใด” จิวฮวาเอ่ยก่อนจะรีบหยิบผ้าคลุมขึ้นมาคลุมหน้าเช่นเดิม มีคนเห็นหน้าข้าแล้ว จะบอกท่านพ่อบุญธรรมอย่างไรดี
“ขอโทษจริงๆเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน” หญิงนางนั้นเอ่ยก่อนจะรีบเดินออกไป จิวฮวาจึงไม่เก็บมาใส่ใจและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มองนางแม้จะลับสายตาไปแล้วอย่างอยากรู้อยากเห็น
เฮ้ออ หมดกันวันสงบสุขของข้า
“กรี๊ดดดดด !”
ตุ้บ
พลัก
“ใจเย็นๆเจ้าค่ะคุณหนู”
“เป็นแค่ขี้ข้าอย่ามาสั่ง !!”
เกลียด นางเกลียดมัน
หลังจากที่นางแสร้งให้บ่าวรับใช้ไปเดินชนสตรีนางหนึ่งเพื่ออยากรู้ว่าหญิงแพศยาหน้าตาเป็นอย่างไรภายใต้ผ้าคลุมนั่น ถึงทำให้ ‘จินเทียน’ ของนางสนใจยิ่งนัก แต่ผลที่ได้กลับทำให้ใจนางร้อนเสมือนมีเพลิงมาเผาไหม้ ด้วยความริษยาหญิงผู้นั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ใบหน้างดงามสุดแสนภูมิใจของนาง เทียบไม่ติดกับหญิงผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย ขนาดเขายังไม่เห็นหน้านางแต่ให้ความสนใจได้ขนาดนี้ ถ้าเห็นหน้าไม่ลุ่มหลงนังแพศยานั่นไปเลยหรือ ไม่ได้ นางต้องทำอะไรสักอย่าง !
“ชิงเถา !!”
“ขอรับคุณหนู” เงามืดที่แฝงตัวอยู่รีบออกมาทันทีหลังได้ยินเสียงคุณหนูของตน
“ข้ามีงานให้เจ้าทำ” นางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หึ ถ้ารอดก็ให้รู้ไป !
“เฮ้ออ เหนื่อยยิ่งนัก” จิวฮวาทรุดตัวนั่งหลังจากเดินสำรวจพื้นที่แห่งนี้ได้สักพักใหญ่ โลกมนุษย์มีที่ที่น่าสนใจเยอะแยะเต็มไปหมด แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคงหนีไม่พ้นประตูใหญ่ทึบด้านหน้าเขียนว่า หอสุขสรรค์ นางกำลังจะเข้าไปแต่มีชายร่างใหญ่หน้าโหดที่ยืนเฝ้าประตูสองคน เดินมาบอกนางว่าเข้าไม่ได้เพราะมันสำหรับชาวยุทธ
ทำไมมมม เห็นข้าเป็นสตรีแต่ข้าก็มีความสามารถนะ นางคิดอย่างไม่เข้าใจ
แต่พอแอบดูอยู่สักพักนางกลับเห็นชายแก่พุงพลุ้ยเดินมาพร้อมผู้ติดตามมากมาย ยื่นเงินให้นิดหน่อยก็ยิ้มซะจนเห็นแต่ฟันกับเหงือก ก้มหัวเคารพแทบติดพื้นคือจะเข้าไปได้ต้องยัดเงินถูกมะ ? อยากเข้าแทบขาดใจแต่ประเด็นสำคัญคือ นางมีเงินที่ไหนกันล่ะ !!!
“เฮ้อออ” นางถอนหายใจหลายรอบอย่างใช้ความคิดว่าจะเข้าไปในนั้นอย่างไรดี
“ให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่แม่หนู” นางรีบเงยหน้าขึ้น พบชายชราหน้าตาใจดีแต่งกายด้วยชุดกึ่งเก่ากึ่งใหม่กำลังมองมาที่นาง
“ท่าน…”
“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าเครียดมาสักพักแล้ว ให้ข้าช่วยอันใดหรือไม่”
“ข้าอยากเข้าไปในนั้นเจ้าค่ะ” จิวฮวาตัดสินใจเอ่ยบอกพร้อมชี้ไปทางประตูทึบที่มีชายหน้าโหดยืนเฝ้าอยู่
“เจ้าจงยื่นตรานี้กับชายหน้าประตูตรงนั้น” ชายชรายื่นป้ายสีน้ำตาลมาให้ หญิงสาวมองป้ายในมือของชายชราอย่างชั่งใจ สุดท้ายตัดสินใจเอื้อมมือหยิบมา
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าบนโลกมนุษย์จะมีคนใจดีขนาดนี้ นับว่าเป็นความโชคดีของนางจริงๆ นางคิดก่อนจะเดินไปที่ประตูใหญ่อีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าเสียงชายชราเมื่อสักครู่จะกลายเป็นเสียงแหบพร่าของชายหนุ่ม
“ขอโทษจริงๆแม่นาง ข้าขัดคำสั่งไม่ได้…”
ด้านในเป็นโถงขนาดใหญ่ นางมองพื้นที่รอบๆด้วยความตื่นเต้น มีผู้คนมากมาย แต่งตัวแปลกๆละลานตาไปหมด ผู้คนที่นี่พกดาบกันมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ หันมองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะเดินไปทางไหนต่อ
“เจ้าหรือผู้เข้าแข่งขัน” พลันเสียงหนึ่งดังขึ้น จิวฮวาหันไปมอง ภาพด้านหน้าปรากฏชายสวมชุดสีเหลืองทอง ให้ความรู้สึกสูงส่งนัก ร่างสูงโปร่ง คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักลึก หากอยู่โลกปีศาจ ชายผู้นี้คงโดนปีศาจสาวรุมแย่งเป็นแน่ แม้สำหรับนางหน้าเช่นนี้บนโลกปีศาจจะหาได้โถมไป
แต่เดี๋ยวนะ แข่งขันอะไร ใครเข้าแข่งขัน ?
“ข้าไม่เข้าใจ” เอ่ยตามความจริง แค่ยื่นป้ายตามชายชราบอก หาได้เอ่ยจะเข้าแข่งขันแต่อย่างใด ชายผู้นี้ทักคนผิดแล้ว
“ก็ป้ายที่เจ้าถืออยู่นั่นไง ป้ายของผู้เข้าแข่งขัน”
“ห๊ะ !!!” หญิงสาวร้องลั่นเมื่อเขาชี้มาตรงป้ายสีน้ำตาลที่อยู่ในมือ อยากจะตะโกนดังๆว่านางไม่รู้เรื่องโว้ยยยยยย
“ข้าไม่รู้นะว่าเจ้าได้มันมาอย่างไร แต่ที่ป้ายมีตัวเลขอยู่ …” รีบยกขึ้นมาดูทันที มีเลขอยู่จริงๆด้วย
ต่อไปขอเชิญผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 12
จู่ๆ ห้องโถงที่เหมือนมีไว้สำหรับเล่นอะไรสักอย่าง ก็มีเสียงประกาศมาแว่วๆ เหมือนเสียงประกาศมันอยู่ชั้นล่างนี้
‘หมายเลข 12 งั้นหรือ’ นางพึมพำพร้อมมองดูเลขป้ายตามชายตรงหน้าบอก ในมือปรากฏตัวเลข 13
“เลข 13”
“หึๆ ดีใจด้วย เจ้าขึ้นสู้ต่อจากนี้แล้วนะสาวน้อย”
“!!!!” นางอยากจะกรี๊ดดังๆแล้วบอกว่าไม่รู้เรื่องแข่งขันอะไรนี่ทั้งนั้นแต่กลับพูดมันไม่ออก เพราะเป็นผู้รับป้ายนี้มาเองไม่ได้โดนใครบังคับ
ซวยแล้วจิวฮวา !
“ตอนนี้ยังไม่มีใครล้ม ‘มัน’ ได้” ชายชุดเหลืองเอ่ย เขาพาหญิงสาวเดินลงมาชั้นใต้ดินแล้วพามานั่งตรงไหนสักที่ของห้องโถง จิวฮวาใช้สายตาสำรวจรอบๆ พบว่าจำนวนผู้คนชั้นบนที่มาเทียบกับคนในห้องโถงนี้ไม่ได้เลย ส่วนใหญ่เป็นบุรุษ สตรีมีบ้างประปราย ทุกคนนั่งเหมือนกำลังดูอะไรสักอย่าง
เมื่อหันไปมองตาม ช่างเป็นกิจกรรมแปลกประหลาดนักในสายตานาง มนุษย์ชอบดูอะไรแบบนี้งั้นหรือ เบื้องหน้าเป็นลานกว้างมีคราบเลือดสีแดงฉาน พร้อมด้วยเศษชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์
นางเข้าใจแล้วทำไมผู้เฝ้าประตูด้านหน้าถึงมองอย่างตกตะลึงในตอนแรกที่หญิงสาวยื่นป้ายอัปมงคลนี้ให้ ที่นี่มันลานประลองเพื่อเอาชีวิตรอดชัดๆ คิดพร้อมมองชายแต่งตัวคล้ายชาวยุทธกำลังสู้กับสัตว์อสูร
ใช่ ทุกคนฟังไม่ผิด ชายคนนั้นกำลังสู้กับสัตว์อสูรที่มีพละกำลังมากกว่าโข แม้แขนข้างหนึ่งจะขาด คาดว่าน่าจะถูกฟันอันแหลมคมของมันกระชากแต่เขากลับไม่หยุดการต่อสู้
“ชายผู้นั้นกล้าหาญมาก แต่ยังขาดประสบการณ์” ชายที่นั่งข้างเอ่ยวิเคราะห์ชายหนุ่มผู้นั้น แววตามีประกายความชื่นชม
“หากสู้ไม่ไหวขอยอมแพ้…”
“ย่อมได้ แต่จำนวนเงินของผู้ชนะนั้นล่อตาล่อใจผู้เข้าแข่งขันไม่ใช่หรือ” เขาบอกแต่ประโยคหลังเหมือนหันมาถามนาง อะไร ข้าไม่รู้เรื่อง เงินอันใดกัน ข้าคือคนดวงซวยที่เผอิญผ่านมา
“ต่อให้มีเงินมากองด้านหน้าข้าหลายร้อยตำลึงทอง หากต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ไม่ขอเสี่ยง !!” เรื่องอะไรจะไปเสี่ยงเพื่อเงินที่ไม่รู้ว่าถ้าสู้ไปตายขึ้นมาจะได้ใช้เงินนั้นไหมกัน อีกอย่างจุดประสงค์ที่มาที่นี่ไม่ใช่เงินสักหน่อย
“ฮ่าๆ งั้นเจ้าจะบอกว่าที่มาลงแข่งขันเพื่ออยากทดสอบฝีมืองั้นสิ” เขาเลิกคิ้วพลางหัวเราะเยาะหญิงภายใต้ผ้าคลุมเหมือนเป็นตัวตลก ทำให้นางแอบหน้างอง้ำแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบกลับไป อยากตะโกนใส่หน้ากวนโอ๊ยนั่นดังๆว่า
ทดสอบฝีมืออันใดกัน ข้าคือตัวโง่งมที่เห็นแก่ของฟรีเลยโดนหลอก!
ลิขิตรัก 5ปองร้าย“อืมม ดูไปดูมา เมืองนี้ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ” จิวฮวาพึมพำเบาๆกับตัวเองหลังจากขออนุญาตท่านพ่อบุญธรรมที่สนทนากับเถ้าแก่อย่างออกรสว่าจะออกมาสำรวจด้านนอกพลักกก !“โอ้ยยย” แต่แล้วจู่ๆก็มีหญิงนางหนึ่งเดินมาชนนางทำให้ผ้าคลุมหน้าหล่นพื้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง ทุกคนมองนางตะลึงค้าง โดยเฉพาะหญิงที่ตั้งใจชนนาง ก่อนที่เสียงซุบซิบภายในบริเวณดังขึ้นทันทีเนื่องจากตรงนี้มีคนสัญจรไปมา‘นางเป็นบุตรบ้านใดกัน’‘งดงามยิ่งนัก’‘แม้แต่นางสนมในวังยังสู้มิได้’“ปะ เป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อหญิงนางนั้นตั้งสติได้จึงเข้ามาถามไถ่“ข้ามิเป็นอันใด” จิวฮวาเอ่ยก่อนจะรีบหยิบผ้าคลุมขึ้นมาคลุมหน้าเช่นเดิม มีคนเห็นหน้าข้าแล้ว จะบอกท่านพ่อบุญธรรมอย่างไรดี“ขอโทษจริงๆเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน” หญิงนางนั้นเอ่ยก่อนจะรีบเดินออกไป จิวฮวาจึงไม่เก็บมาใส่ใจและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาผู้คนท
ลิขิตรัก 4ครอบครัวใหม่หญิงสาวสวมอาภรณ์สีดำสนิท ขับให้เส้นผมสีรัตติกาลเงางามกลืนกินไปกับความมืดมิดแต่มิอาจบดบังความงดงามได้เลย นางเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ผ่านสัตว์อสูรมากมาย ที่จ้องมองร่างบางอย่างหิวโหย ทว่าสัญชาตญาณของมันบอกว่าอย่าได้ริเข้าไปยุ่งกับหญิงผู้นี้เป็นอันขาด ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้าเนื่องจากเดินมาไกล จึงหยุดพักใต้ร่มไม้ใหญ่และผลอยหลับไปในที่สุด“แม่หนู แม่หนู” ชายชราที่กำลังขนสินค้าผ่านมา เห็นหญิงสาวนอนอยู่ใต้ต้นไม้จึงนึกเป็นห่วง เพราะสถานที่ตรงนี้เป็นเขตสัตว์อสูรย่อมอาจเป็นอันตราย ไม่มีใครเขามานอนเล่นกันหรอก ตนที่เป็นพ่อค้า ต้องขนสินค้าอย่างไม่สามารถเลี่ยงทางนี้ได้เพราะเป็นทางผ่านทางเดียวที่จะเข้าเมือง จึงได้หยุดเกวียนพร้อมเอ่ยเรียก“อะ เอ่อ ท่าน…” ร่างบางตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ยามใด มองซ้ายทีขวาทีอย่างมึนงง“ตรงนี้อันตรายยิ่งนัก หากเจ้าอยากพักผ่อนต้องเดินไปอีก 2 ลี้ จึงจะเข้าเขตเมือง” (
ลิขิตรัก 3ฝืนลิขิต“ท่านจะไปจริงๆหรือ…” เสียงทุ้มลึกของนักฆ่าหนุ่มผู้มากความสามารถเอ่ยถามอย่างสงสัย โฉมหน้าภายนอกนั้นผู้พบเห็นเป็นต้องลุ่มหลงมัวเมาด้วยรูปลักษณ์แต่ใครจะล่วงรู้ว่าเขาได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่โหดเหี้ยม ฆ่าผู้อื่นได้อย่างเลือดเย็นหากมาขวางทางราชินีของตน แววตาเย็นชาทำให้ปีศาจสาวหลายตนอยากถวายตัวให้ยิ่งนัก แต่ก็ต้องเศร้าใจเพราะดวงใจของเขาไม่มีไว้ให้ผู้ใดนอกจากหญิง ‘ผู้นั้น’ แม้มิอาจเอื้อม ทำได้เพียงแหงนมองเสมือนสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตว์มองเจ้านายก็ตาม“ข้าตัดสินใจแล้วซันซัส” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา เหม่อมองทิวทัศน์เห็นธรรมชาติสุดแสนจะงดงาม เวลานี้ไม่ใช่เวลามาชื่นชมความงามของมัน ภายในใจกระวนกระวายด้วยความสับสนยามคิดถึงคำพูดของบิดาบัดนี้นางกำลังทิ้งหน้าที่อันใหญ่หลวงเพียงต้องการทำตามเสียงเรียกร้องของดวงใจ แม้นางจะยืนกรานอยากไปแต่ใครจะรู้ว่าใจนางนั้นแสนจะสับสนและกลัว…“ท่านกำลังสับสน…”&nbs
ลิขิตรัก 2โลกมนุษย์“ลูกว่าอันใดนะ…” สุรเสียงทรงอำนาจของบุรุษผู้ปกครองโลกปีศาจเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เหตุใดบุตรสาวที่มักเย็นชาของตนถึงเอ่ยเช่นนั้น รอบข้างมีข้าราชบริภารและเหล่าเสนาทั้งหลายที่ต่างตกใจไม่แพ้กันเมื่อหมื่นปีก่อนในสายตาของส่วนใหญ่มองปีศาจน่ากลัวและอัปลักษณ์ มีจิตใจโหดเหี้ยม เข่นฆ่ากันเองและระรานสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วปีศาจเป็นพวกรักสงบ ชอบบำเพ็ญเพียรและสั่งสมบารมีแรงกล้าจะมีแต่พวกนอกรีตเท่านั้นที่มักระรานไปทั่วจนนำภัยมาสู่โลกปีศาจเอง สาเหตุหนึ่งเพราะอดีตโลกปีศาจเคยมีกษัตริย์ปกครองเห็นแก่ตัว หลงมัวเมาในอำนาจและนารี เป็นเหตุให้มีปีศาจตนหนึ่งผู้มีอำนาจและพลังตบะแรงกล้า แม้นปีศาจด้วยกันเองยังต้องยำเกรงและขนานนามปีศาจตนนั้นว่า ‘จอมมาร’จอมมารได้ปราบกษัตริย์ที่ปกครองปีศาจลง เมื่อเห็นว่าปีศาจตนนั้นไม่สมควรปกครองโลกปีศาจอีกต่อไปโดยได้ร่วมมือกับสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งหลายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของปีศาจตนนั้น
ลิขิตรัก 1ปฐมบทแห่งการจากลา“อะ อึก แค่กๆ ละ ลันเซีย พะ พี่คงมาได้ คะ แค่นี้…” ร่างชายหนุ่มสวมชุมเกราะ หน้าตาราวกับเทพบุตรลงมาจุติ ดวงตาสีเขียวมรกตซึ่งแตกต่างจากเผ่าพันธุ์ปีศาจส่วนใหญ่ที่มีสีแดงคล้ายท้องนภายามเย็น อกด้านซ้ายมีโลหิตจำนวนมากไหลทะลักออกมา ด้านข้างมีสตรีงดงามยิ่งกว่าเทพธิดาใดๆ ดวงตาประกายแดงสั่นไหว หยาดน้ำตาหลั่งรินไหลดวงทหัยสลาย“ท่านพี่ ดะ ได้โปรด ฮึก อย่าจากข้าไป” เสียงสะอื้นของสตรีอันเป็นที่รัก ทำให้เทพหนุ่มอยากดึงร่างบางตรงหน้ามากอดปลอบแต่ก็ต้องเจียมตัวเมื่อสถานะของเขาและนางนั้นต่างกันเหลือเกิน ความรักต่างเผ่าพันธุ์นี้ โชคชะตาไม่อาจลิขิต แต่ทว่าเขาและนางแอบฝืนลิขิตนั้น และตอนนี้สวรรค์คงกำลังลงโทษเรื่องมันเกิดขึ้นจากปีศาจที่คิดกบฏบุกเข้ามาหมายจะล้มล้างอำนาจของท่านจอมมารผู้ซึ่งเป็นบิดาของนาง โดยใช้นางเป็นเหยื่อล่อ มันหนักหนานักสำหรับปีศาจที่มีอายุเพียง 20 ปี สำหรับมนุษย์นั้นอายุเท่านี้ก็สามารถออกเรือนได้แต่สำหรับลันเซียยังเด็กมาก พลังมนตรา ก็ยังมีจำกัด ถึงแม้ร่างกายนางจะโตเต็มวัยแล้วก็ตาม ต่างจากเขาที่อายุ 500 ปี เป็นเทพบำเพ็ญเพียรตบะ มีพลังมหาศาลแต่เลือกทรยศเผ่าพ