LOGINลิขิตรัก 5
ปองร้าย
“อืมม ดูไปดูมา เมืองนี้ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ” จิวฮวาพึมพำเบาๆกับตัวเองหลังจากขออนุญาตท่านพ่อบุญธรรมที่สนทนากับเถ้าแก่อย่างออกรสว่าจะออกมาสำรวจด้านนอก
พลักกก !
“โอ้ยยย” แต่แล้วจู่ๆก็มีหญิงนางหนึ่งเดินมาชนนางทำให้ผ้าคลุมหน้าหล่นพื้น
เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง ทุกคนมองนางตะลึงค้าง โดยเฉพาะหญิงที่ตั้งใจชนนาง ก่อนที่เสียงซุบซิบภายในบริเวณดังขึ้นทันทีเนื่องจากตรงนี้มีคนสัญจรไปมา
‘นางเป็นบุตรบ้านใดกัน’
‘งดงามยิ่งนัก’
‘แม้แต่นางสนมในวังยังสู้มิได้’
“ปะ เป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อหญิงนางนั้นตั้งสติได้จึงเข้ามาถามไถ่
“ข้ามิเป็นอันใด” จิวฮวาเอ่ยก่อนจะรีบหยิบผ้าคลุมขึ้นมาคลุมหน้าเช่นเดิม มีคนเห็นหน้าข้าแล้ว จะบอกท่านพ่อบุญธรรมอย่างไรดี
“ขอโทษจริงๆเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน” หญิงนางนั้นเอ่ยก่อนจะรีบเดินออกไป จิวฮวาจึงไม่เก็บมาใส่ใจและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มองนางแม้จะลับสายตาไปแล้วอย่างอยากรู้อยากเห็น
เฮ้ออ หมดกันวันสงบสุขของข้า
“กรี๊ดดดดด !”
ตุ้บ
พลัก
“ใจเย็นๆเจ้าค่ะคุณหนู”
“เป็นแค่ขี้ข้าอย่ามาสั่ง !!”
เกลียด นางเกลียดมัน
หลังจากที่นางแสร้งให้บ่าวรับใช้ไปเดินชนสตรีนางหนึ่งเพื่ออยากรู้ว่าหญิงแพศยาหน้าตาเป็นอย่างไรภายใต้ผ้าคลุมนั่น ถึงทำให้ ‘จินเทียน’ ของนางสนใจยิ่งนัก แต่ผลที่ได้กลับทำให้ใจนางร้อนเสมือนมีเพลิงมาเผาไหม้ ด้วยความริษยาหญิงผู้นั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ใบหน้างดงามสุดแสนภูมิใจของนาง เทียบไม่ติดกับหญิงผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย ขนาดเขายังไม่เห็นหน้านางแต่ให้ความสนใจได้ขนาดนี้ ถ้าเห็นหน้าไม่ลุ่มหลงนังแพศยานั่นไปเลยหรือ ไม่ได้ นางต้องทำอะไรสักอย่าง !
“ชิงเถา !!”
“ขอรับคุณหนู” เงามืดที่แฝงตัวอยู่รีบออกมาทันทีหลังได้ยินเสียงคุณหนูของตน
“ข้ามีงานให้เจ้าทำ” นางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หึ ถ้ารอดก็ให้รู้ไป !
“เฮ้ออ เหนื่อยยิ่งนัก” จิวฮวาทรุดตัวนั่งหลังจากเดินสำรวจพื้นที่แห่งนี้ได้สักพักใหญ่ โลกมนุษย์มีที่ที่น่าสนใจเยอะแยะเต็มไปหมด แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคงหนีไม่พ้นประตูใหญ่ทึบด้านหน้าเขียนว่า หอสุขสรรค์ นางกำลังจะเข้าไปแต่มีชายร่างใหญ่หน้าโหดที่ยืนเฝ้าประตูสองคน เดินมาบอกนางว่าเข้าไม่ได้เพราะมันสำหรับชาวยุทธ
ทำไมมมม เห็นข้าเป็นสตรีแต่ข้าก็มีความสามารถนะ นางคิดอย่างไม่เข้าใจ
แต่พอแอบดูอยู่สักพักนางกลับเห็นชายแก่พุงพลุ้ยเดินมาพร้อมผู้ติดตามมากมาย ยื่นเงินให้นิดหน่อยก็ยิ้มซะจนเห็นแต่ฟันกับเหงือก ก้มหัวเคารพแทบติดพื้นคือจะเข้าไปได้ต้องยัดเงินถูกมะ ? อยากเข้าแทบขาดใจแต่ประเด็นสำคัญคือ นางมีเงินที่ไหนกันล่ะ !!!
“เฮ้อออ” นางถอนหายใจหลายรอบอย่างใช้ความคิดว่าจะเข้าไปในนั้นอย่างไรดี
“ให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่แม่หนู” นางรีบเงยหน้าขึ้น พบชายชราหน้าตาใจดีแต่งกายด้วยชุดกึ่งเก่ากึ่งใหม่กำลังมองมาที่นาง
“ท่าน…”
“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าเครียดมาสักพักแล้ว ให้ข้าช่วยอันใดหรือไม่”
“ข้าอยากเข้าไปในนั้นเจ้าค่ะ” จิวฮวาตัดสินใจเอ่ยบอกพร้อมชี้ไปทางประตูทึบที่มีชายหน้าโหดยืนเฝ้าอยู่
“เจ้าจงยื่นตรานี้กับชายหน้าประตูตรงนั้น” ชายชรายื่นป้ายสีน้ำตาลมาให้ หญิงสาวมองป้ายในมือของชายชราอย่างชั่งใจ สุดท้ายตัดสินใจเอื้อมมือหยิบมา
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าบนโลกมนุษย์จะมีคนใจดีขนาดนี้ นับว่าเป็นความโชคดีของนางจริงๆ นางคิดก่อนจะเดินไปที่ประตูใหญ่อีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าเสียงชายชราเมื่อสักครู่จะกลายเป็นเสียงแหบพร่าของชายหนุ่ม
“ขอโทษจริงๆแม่นาง ข้าขัดคำสั่งไม่ได้…”
ด้านในเป็นโถงขนาดใหญ่ นางมองพื้นที่รอบๆด้วยความตื่นเต้น มีผู้คนมากมาย แต่งตัวแปลกๆละลานตาไปหมด ผู้คนที่นี่พกดาบกันมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ หันมองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะเดินไปทางไหนต่อ
“เจ้าหรือผู้เข้าแข่งขัน” พลันเสียงหนึ่งดังขึ้น จิวฮวาหันไปมอง ภาพด้านหน้าปรากฏชายสวมชุดสีเหลืองทอง ให้ความรู้สึกสูงส่งนัก ร่างสูงโปร่ง คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักลึก หากอยู่โลกปีศาจ ชายผู้นี้คงโดนปีศาจสาวรุมแย่งเป็นแน่ แม้สำหรับนางหน้าเช่นนี้บนโลกปีศาจจะหาได้โถมไป
แต่เดี๋ยวนะ แข่งขันอะไร ใครเข้าแข่งขัน ?
“ข้าไม่เข้าใจ” เอ่ยตามความจริง แค่ยื่นป้ายตามชายชราบอก หาได้เอ่ยจะเข้าแข่งขันแต่อย่างใด ชายผู้นี้ทักคนผิดแล้ว
“ก็ป้ายที่เจ้าถืออยู่นั่นไง ป้ายของผู้เข้าแข่งขัน”
“ห๊ะ !!!” หญิงสาวร้องลั่นเมื่อเขาชี้มาตรงป้ายสีน้ำตาลที่อยู่ในมือ อยากจะตะโกนดังๆว่านางไม่รู้เรื่องโว้ยยยยยย
“ข้าไม่รู้นะว่าเจ้าได้มันมาอย่างไร แต่ที่ป้ายมีตัวเลขอยู่ …” รีบยกขึ้นมาดูทันที มีเลขอยู่จริงๆด้วย
ต่อไปขอเชิญผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 12
จู่ๆ ห้องโถงที่เหมือนมีไว้สำหรับเล่นอะไรสักอย่าง ก็มีเสียงประกาศมาแว่วๆ เหมือนเสียงประกาศมันอยู่ชั้นล่างนี้
‘หมายเลข 12 งั้นหรือ’ นางพึมพำพร้อมมองดูเลขป้ายตามชายตรงหน้าบอก ในมือปรากฏตัวเลข 13
“เลข 13”
“หึๆ ดีใจด้วย เจ้าขึ้นสู้ต่อจากนี้แล้วนะสาวน้อย”
“!!!!” นางอยากจะกรี๊ดดังๆแล้วบอกว่าไม่รู้เรื่องแข่งขันอะไรนี่ทั้งนั้นแต่กลับพูดมันไม่ออก เพราะเป็นผู้รับป้ายนี้มาเองไม่ได้โดนใครบังคับ
ซวยแล้วจิวฮวา !
“ตอนนี้ยังไม่มีใครล้ม ‘มัน’ ได้” ชายชุดเหลืองเอ่ย เขาพาหญิงสาวเดินลงมาชั้นใต้ดินแล้วพามานั่งตรงไหนสักที่ของห้องโถง จิวฮวาใช้สายตาสำรวจรอบๆ พบว่าจำนวนผู้คนชั้นบนที่มาเทียบกับคนในห้องโถงนี้ไม่ได้เลย ส่วนใหญ่เป็นบุรุษ สตรีมีบ้างประปราย ทุกคนนั่งเหมือนกำลังดูอะไรสักอย่าง
เมื่อหันไปมองตาม ช่างเป็นกิจกรรมแปลกประหลาดนักในสายตานาง มนุษย์ชอบดูอะไรแบบนี้งั้นหรือ เบื้องหน้าเป็นลานกว้างมีคราบเลือดสีแดงฉาน พร้อมด้วยเศษชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์
นางเข้าใจแล้วทำไมผู้เฝ้าประตูด้านหน้าถึงมองอย่างตกตะลึงในตอนแรกที่หญิงสาวยื่นป้ายอัปมงคลนี้ให้ ที่นี่มันลานประลองเพื่อเอาชีวิตรอดชัดๆ คิดพร้อมมองชายแต่งตัวคล้ายชาวยุทธกำลังสู้กับสัตว์อสูร
ใช่ ทุกคนฟังไม่ผิด ชายคนนั้นกำลังสู้กับสัตว์อสูรที่มีพละกำลังมากกว่าโข แม้แขนข้างหนึ่งจะขาด คาดว่าน่าจะถูกฟันอันแหลมคมของมันกระชากแต่เขากลับไม่หยุดการต่อสู้
“ชายผู้นั้นกล้าหาญมาก แต่ยังขาดประสบการณ์” ชายที่นั่งข้างเอ่ยวิเคราะห์ชายหนุ่มผู้นั้น แววตามีประกายความชื่นชม
“หากสู้ไม่ไหวขอยอมแพ้…”
“ย่อมได้ แต่จำนวนเงินของผู้ชนะนั้นล่อตาล่อใจผู้เข้าแข่งขันไม่ใช่หรือ” เขาบอกแต่ประโยคหลังเหมือนหันมาถามนาง อะไร ข้าไม่รู้เรื่อง เงินอันใดกัน ข้าคือคนดวงซวยที่เผอิญผ่านมา
“ต่อให้มีเงินมากองด้านหน้าข้าหลายร้อยตำลึงทอง หากต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ไม่ขอเสี่ยง !!” เรื่องอะไรจะไปเสี่ยงเพื่อเงินที่ไม่รู้ว่าถ้าสู้ไปตายขึ้นมาจะได้ใช้เงินนั้นไหมกัน อีกอย่างจุดประสงค์ที่มาที่นี่ไม่ใช่เงินสักหน่อย
“ฮ่าๆ งั้นเจ้าจะบอกว่าที่มาลงแข่งขันเพื่ออยากทดสอบฝีมืองั้นสิ” เขาเลิกคิ้วพลางหัวเราะเยาะหญิงภายใต้ผ้าคลุมเหมือนเป็นตัวตลก ทำให้นางแอบหน้างอง้ำแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบกลับไป อยากตะโกนใส่หน้ากวนโอ๊ยนั่นดังๆว่า
ทดสอบฝีมืออันใดกัน ข้าคือตัวโง่งมที่เห็นแก่ของฟรีเลยโดนหลอก!
ตอนพิเศษ 2บุตรชายตัวแสบ แม้หน้าตาของบุตรทั้งสองจะเหมือนกัน แต่นิสัยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อู่หลงคนโตจะเป็นเด็กเงียบขรึม ชอบสังเกตคล้ายกำลังคิด วิเคราะห์อยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งนี้ดีหรือไม่ดีแล้วค่อยทำ อีกทั้งยังมากแผนการ เล่นเอาเขาหัวหมุนสุดก็คนพี่นี่แหล่ะ เพราะเดาใจไม่ออก รับมือได้ยาก ส่วนอู่ชิงคนน้องจะเป็นคนตรงๆ หิวก็ร้อง อยากให้พ่ออุ้มก็ร้องถึงขนาดเคยร้องดีดดิ้นเพราะแย่งนมแม่กับพี่ชายก็เคยมาแล้ว จนจิวฮวาต้องให้บุตรชายทั้งสองกินคนละเต้า เขาสงสารจิวฮวายิ่งนักต้องรับมือกับตัวแสบทั้งสอง นึกสัญญากับตัวเองในใจว่าจะช่วยนางเลี้ยงลูกๆให้ดี และเพราะทั้งคู่แตกต่างกันเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อแม่ต้องปรับตัวให้ดี แต่โชคยังดีพวกเขาเป็นเด็กเลี้ยงง่ายง่ายกับผีนะซิ ตีกันอีกแล้ว“ปะ!” อู่หลงคนพี่ร้องเรียกคนเป็นพ่อคล้ายจะฟ้องว่าน้องทำตัวเกเร“แอะ!” ส่วนคนน้องก็ดีดดิ้น จนเท้าอวบไปโดนคนพี่เพราะอึ
ตอนพิเศษ 1สิ่งสำคัญ“ฮึก แงงง ปะ ปะ”“พ่อมาแล้วอู่ชิง เป็นอะไร หืม” เสียงร้องลั่นของบุตรชายวัยเกือบหนึ่งขวบดังขึ้น คนเป็นพ่อรีบรุดมาดูบุตรชายแทบจะทันที ส่วนภรรยาของเขาดูโรงเตี๊ยมอยู่ นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วตั้งแต่วันที่บุตรชายทั้งสองคลอดออกมา ท่านพ่อท่านแม่ของเขาแวะมาดูหน้าหลานชายตั้งแต่เด็กๆพึ่งคลอดได้ไม่กี่วัน พร้อมของรับขวัญหลานอีกมากมาย จนไม่มีที่เก็บ หลักๆก็เป็นพวกหีบทองคำ เพชรนิลจินดา และโฉนดที่ดิน มากมายเสียจนท่านพ่อตากับจิวฮวาทำหน้าลำบากใจ ปู่กับย่าของเด็กๆมาที่แคว้นเฟิงแห่งนี้ร่วมเดือน แต่ด้วยงานที่ต้องสะสางจึงไม่อาจทิ้งจวนมานานกว่านี้ได้กว่าจะทำใจจากหลานชายที่นับวันยิ่งตัวอวบอ้วน เล่นเอาเขากับจิวฮวาถึงกับต้องเอ่ยรับปากว่าจะพาบุตรชายไปเยี่ยมพวกท่านบ่อยๆ นี่ก็ไปพึ่งกลับมา ส่วนใหญ่จะไปเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง เดิมทีท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาพูดคุยถึงเรื่องแต่งงานกับท่านพ่อตาไปบ้างแล้ว ทว่าท่านพ่อตากลับบอกว่าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจิวฮวา ซึ่งนางก็บอกว่ายังไม่พร้อมเพราะเด็กๆย
ลิขิตรัก 49บทส่งท้ายจิวฮวา...นางยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ดวงตาของนางยังคงงดงาม ทว่าภายในกลับมีความเหนื่อยล้าแฝงอยู่ ร่างบางที่เคยคุ้นบัดนี้ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ท้องของนางใหญ่ขึ้นมากจนน่าใจหาย ภายในนั้นมีบุตรสาวหรือชายของเขาหลับใหลอยู่จิวฮวาเองก็ชะงักค้างไปเช่นกัน นางไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเขาอีกครั้งเร็วขนาดนี้ ความรู้สึกหลายอย่างตีตื้นขึ้นมาในอก ทั้งดีใจ ตกใจ สับสน และ...เจ็บปวด มือบางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ความเงียบเข้าครอบงำทั้งสองครู่หนึ่ง“เจ้า...” เฟยหลงเอ่ยเสียงแหบพร่า “ข้า...ข้าในที่สุดก็พบเจ้าแล้ว”“นะ นายหญิง...” หลินจูมองทั้งสองด้วยแววตาสับสน จิวฮวากะพริบตาช้าๆ หัวใจเต้นแรง แม้พยายามห้ามมันแล้วก็ตาม“ท่านมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงของนางราบเรียบ ไม่ได้อธิบายหรือตอบสิ่งใดกับสาวใช้ตัวน้อย พยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา เฟยหลงก้าวเข้ามาใกล้ นัยน์ตาของเขามีทั้งความอ่อนโยนและความเจ็บปวด“ข้าตามหาเจ้า ตามหามาตลอดหลายเดือน” จิวฮวายังคงนิ่ง ทว่ามือที่ก
ลิขิตรัก 48ปลายทางหัวใจ “เอาล่ะ ข้าจะขอแนะนำใครบางคน” เฟิงหวงประกาศเสียงดัง วันนี้เป็นวันแรกที่จิวฮวาได้เข้ามาสอนเหล่าผู้คุ้มกัน เบื้องหน้าเป็นชายที่มีอายุในช่วง 18-50 ปี ทุกคนต่างมองหญิงสาวหนึ่งเดียวในสนามฝึกด้วยสายตาแตกต่างกันไป“ทักทายทุกคน ข้าจิวฮวา ต่อไปนี้จะเป็นผู้ฝึกให้พวกท่าน หวังว่าจะไม่มีใครดูถูกข้าที่เป็นเพียงสตรีแถมยังตั้งครรภ์เช่นนี้”“เอ่อ ข้าขอภัยที่ถาม จะไม่เป็นอันตรายหรือขอรับ” หน่วยกล้าตายคนหนึ่ง เขาเป็นชายวัยกลางคนที่กล้ายกมือถาม สายตาเขามีความลังเล ไม่มั่นใจ จิวฮวายิ้มมุมปากภายใต้ผ้าคลุม น้ำเสียงตอบกลับไม่ได้เต็มไปด้วยความไม่ชอบใจแต่อย่างใดที่โดนถามเช่นนี้“ขอบคุณที่เป็นห่วง พอดีบุตรชายข้าแข็งแรงยิ่งนัก แค่การขยับร่างกายนิดหน่อยไม่ทำให้เป็นอันตรายหรอก” จิวฮวากล่าวน้ำเสียงจริงจังเลียนแบบคำพูดบุตรชายที่กล่าวว่าพวกเขาแข็งแรง ซึ่งนางเชื่อว่าเขาแข็งแรงดั่งที่พูดจริงๆ บุตรชายที่มีสายเลือดปีศาจราชวงศ์ จะอ่อนแอได้อย่างไร พอนางพูดจบภายในครรภ์รู้สึกถึงการเต้นตึก
ลิขิตรัก 47ตามหา3 เดือนผ่านไปแคว้นเฟิงภายในโรงเตี๊ยมที่กลายเป็นที่โด่งดัง หญิงสาวร่างบาง แม้อายุครรภ์จะน้อยแต่ท้องกลับป่องอย่างเห็นได้ชัดนั่งอยู่หลังโต๊ะด้านใน จิวฮวากำลังอ่านสรุปของที่หมดไปและต้องซื้อเข้ามาของโรงเตี๊ยม ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นางพยายามทำตนให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อไม่ให้จิตใจหวนนึกถึงใครบางคน“นายหญิง คุณชายเฉินมาขอพบขอรับ” ฮุ่ยเฉินที่เปลี่ยนคำเรียกมาเป็นนายหญิงเอ่ยบอกร่างที่ง่วนอยู่กับเอกสารในมือ โรงเตี๊ยมมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาล ทั้งมาเข้าพัก ดื่มด่ำกับอาหารและเลือกซื้อของฝาก ทุกคนทำงานกันแทบไม่พัก แต่ไม่มีใครบ่นเลยสักคน กลับกันต่างรู้สึกดีใจ เนื่องจากนายหญิงได้ให้สิ่งที่เรียกว่าโบนัสตามผลประกอบการ ยิ่งมีลูกค้ามากเท่าไหร่ นั่นทำให้ทุกคนดีใจขึ้นมากเท่านั้น เพราะนั่นหมายถึงรายได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วยช่วงนี้อิงหลิวต้องดูบัญชีของร้านอย่างเต็มตัว นายหญิงได้เลื่อนขั้นให้อิงหลิวเป็นผู้จัดการบัญชี เขาเป็นผู้จัดการร้าน โดยมีเหล่าเด็กๆทั้งสามคอยช่วยเห
ลิขิตรัก 46ไม่ยอมแพ้ค่ำคืนที่จันทร์ส่องแสงสุกสว่างเหนือเมืองหลวง เงาทมิฬแฝงตัวอยู่ภายใต้ราตรี หมอกหนาทึบลอยต่ำบดบังทัศนียภาพของพระราชวังหลวง บรรยากาศเคร่งขรึมปกคลุมไปทั่วบริเวณ หลงฮ่องเต้ จางเฟยหลง ผู้นำตระกูลจาง และเหล่าทหารจำนวนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าจวนเสนาบดีเยว่ มีองค์รักษ์แฝงอยู่รอบจวนหลายสิบนาย รวมถึงพลทหารที่ซุ่มอยู่ตามแผน“คืนนี้เป็นคืนสำคัญ เจิ้นจะรออยู่ตรงนี้” หลงฮ่องเต้เอ่ยเสียงหนักแน่น ดวงเนตรคมกล้ากวาดมองทุกคนที่ยืนอยู่ พระองค์มีส่วนผิดที่ไม่เอะใจสักนิดว่ามีปีศาจแฝงตัวอยู่ในแคว้น แถมยังเข้าออกในราชสำนักโดยไม่ระแคะระคาย“หากไม่ใช่แค่เยว่เหมยฟางที่เป็นปีศาจ ฝ่าบาทอาจเกิดอันตรายได้พะย่ะค่ะ” จางเฟยหลงเอ่ยขึ้น สายตาเป็นกังวล จวนตระกูลเงียบสงัดเกินไปจนกว่าจะไม่รู้ว่าพวกเขามาเยือนคืนนี้ ไม่แน่พวกมันอาจคาดการณ์แล้วเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว“เจ้าไม่ต้องกังวล พ่อจะอยู่ปกป้องฝ่าบาทเอง” ผู้นำตระกูลจางกล่าวกับบุตรชาย พวกเขาวางแผนกันมานาน รวบรวมหลักฐานแน่นหนา เริ่มจากสร้อยข้อมือของบุตรชาย







