ฉันมุ่นคิ้วสงสัยก่อนจะเลิกสนใจแล้วก้มหน้าลงเพื่ออ่านหนังสือที่เปิดกางเอาไว้ตามเดิม คือท่าทางเหมือนจะดีอยู่หรอกฉันเนี่ย แต่ติดตรงที่ตั้งใจอ่านเท่าไรมันก็ไม่เข้าหัวแล้วนี่สิ ทั้งที่เพื่อนร่วมแชร์โต๊ะก็ไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนสมาธิอะไรเลยนะ ออกจะนิ่งสงบเสมือนไร้ตัวตนในสายตาฉันด้วยซ้ำ จะโทษเขาเต็มร้อยก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าเป็นที่ตัวฉันเองนี่แหละที่สมาธิมีไม่มากพอ ทำยังไงก็ไม่สามารถจมอยู่กับตัวเองต่อไปได้เหมือนก่อนหน้าที่เขาจะปรากฏตัว
จะว่าความหล่อพาใจไม่นิ่งก็...
มีนิดหนึ่งแหละ
ยอมรับ
นี่ถ้ายัยแจนกับยัยเบลไม่ชิ่งหนีฉันกลับบ้านไปก่อนล่ะก็
กล้าฟันธงและคอนเฟิร์มเลยว่ายัยสองคนนั้นจะต้องออกอาการดี๊ด๊า ชนิดเก็บอาการยังไงก็ไม่เนียน เพราะโดยปกติก็ชอบส่องชอบเหล่หนุ่ม ๆ คณะวิศวฯ เป็นงานอดิเรกแก้เครียดกันอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าฉันได้นั่งร่วมโต๊ะกับหนุ่มหล่อคณะนี้ล่ะก็ คงได้ยินเสียงคนร้องโอดครวญแบบแพ็คคู่เพราะความเสียดายพันเปอร์เซ็นต์ และฉันก็ไม่คิดจะปิดปากเงียบด้วย ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคืนนี้จะแชตไลน์ไปเม้าท์ให้เบลกับแจนได้ดีดดิ้นเล่นและพอคิดถึงเพื่อนขึ้นมาก็อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่รู้ว่าปืนอยู่ชั้นปีอะไร ถ้ารู้จะได้บอกข้อมูลยัยสองคนนั้นได้ถูกต้องถ้าโดนซักไซ้ในประเด็นนี้ขึ้นมา แต่ครั้นจะถามให้รู้เรื่องมันก็ดูยังไงอยู่ เพราะเขาเองก็ไม่มีทีท่าว่าอยากคุยกับฉันเท่าไรด้วย
ไม่สิ
เรียกได้ว่าไม่อยากเสวนาด้วยน่าจะใช้คำได้ถูกต้องมากกว่า จะให้ฉันเริ่มต้นชวนคุยก่อนมันก็ไม่ใช่นิสัยอีกแหละ ดีไม่ดีเดี๋ยวจะหาว่าฉันอ่อยเอาอีก พื้นฐานเป็นคนนิสัยหลงตัวเองหรือเปล่าก็ไม่รู้
เอาเป็นว่าฉันเก็บความสงสัยส่วนตัวเอาไว้ในใจจะดีกว่า ถามว่าโอกาสที่จะเจอกันอีกมีไหม ก็คงมีนั่นแหละ แต่เขาจะจำฉันได้ไหมในหลังจากนี้มันก็อีกเรื่อง สรุปว่าไม่สร้างปัญหายุ่งยากให้ตัวเองภายหลังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและในเมื่ออ่านหนังสือหาข้อมูลเพื่อประกอบการทำรายงานส่งอาจารย์วิชุดาอาทิตย์หน้าต่อไปไม่รู้เรื่องฉันจึงปิดมันลงในที่สุด
เพราะรู้ว่าหากฝืนอ่านต่อไปก็สูญเสียเวลาเปล่า เพราะสมาธิที่เสีย ไปแล้วเรียกกลับคืนมาได้ยากแค่ไหนฉันรู้ดี และด้วยเหตุนี้ฉันเลยเริ่มลงมือเก็บชีทเรียน สมุดจดบันทึกเกี่ยวกับเรื่องเรียน ปากกาหลากสี ใส่กระเป๋าผ้าปักลายด้วยมือเพื่อเตรียมตัวกลับหอพักที่อยู่ห่างออกไปจากมหาวิทยาลัยหลุบสายตาลงดูเวลาที่นาฬิกาบนข้อมือก็พบว่า ณ ตอนนี้เกือบจะหกโมงครึ่งแล้ว สามชั่วโมงกว่าที่นั่งอยู่ในหอสมุด คือมาอาศัยตากแอร์อยู่ที่นี่ตั้งแต่เรียนวิชาสุดท้ายของวันเสร็จ ก็ว่าแล้วว่าทำไมถึง
ได้รู้สึกหิวขึ้นมาตงิด ๆ ที่แท้ก็ได้เวลาหาอะไรใส่ปากใส่ท้องแล้วนี่เอง ซึ่งเมนูในใจก็มีมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะนั่นก็คือ...
ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นหน้าปากซอยเข้าหอ
จริง ๆ อยากกินมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ แต่เผอิญว่าช่วงเวลาที่อยากมันดึกเกินกว่าจะออกไปเดินต๊อก ๆ เพื่อซื้ออะไรกินแล้วไง
เลยอาศัยทำมาม่าเกาหลีแบบเผ็ดคูณสองใส่ไส้กรอกเซเว่นที่ซื้อติดตู้เย็นแก้ความอยากหมูตุ๋นแสนอร่อยแทน และแค่นึกถึงความหอมของน้ำซุปน้ำย่อยในกระเพาะก็เริ่มทำงานหนักขึ้นมาอีกแล้วกลับดีกว่า
ไม่รออะไรแล้ว
แต่ก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะแล้วหันหลังให้ใครอีกคนฉันก็แอบเหล่สายตามองแวบหนึ่งนะ เผื่อเขามองมาฉันก็จะพูดอะไรสักคำสองคำ ซึ่งฉันคงหวังมากไปเลยเลือกที่จะไม่พูดอะไร อีกอย่างก็เห็นว่าเขากำลังตั้งอกตั้งใจเล่นเกมในมือถือมาก ขืนทะเล่อทะล่าไปขัดจังหวะเข้าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตัวฉันสักเท่าไร ใครบ้างจะไม่รู้ว่าพวกผู้ชายเวลาเล่นเกมนี่จริงจังยิ่งกว่าจริงจังซะอีก สังเกตดูได้จากสีหน้าที่
ค่อนไปทางเคร่งเครียดนั่นสิ สงสัยกำลังอยู่ในช่วงพีคจัด โบกมือลากันตรงนี้ไปเลยละกัน“แฟนยัยพิมพ์เขาเป็นลูกชายเจ้าของร้านทอง ตามจีบยัยพิมพ์อยู่นานกว่าแม่ลูกสาวฉันจะยอมใจอ่อนตกลงปลงใจคบหาด้วย ไอ้ตอนเรียนมหา’ลัยน่ะไม่เคยมีแฟนอย่างใครเขาหรอก” ปากป้าณีพูดกับป้าหมอนคนที่แกกำลังเม้าท์ด้วย ทว่าปรายตามองมาทางฉันที่นั่งโต๊ะติดกัน ประโยคต้นพูดอวยลูกสาวตัวเอง ประโยคหลังนี่กระทบกระเทียบ นี่แหละนิสัยป้าฉัน ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของพ่อตอนนี้ขั้นตอนการทำบุญเลี้ยงพระแล้วผ่านพ้นไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวรับประทานอาหารร่วมกัน ป้าณีแกสั่งโต๊ะจีนมาหกสิบโต๊ะ อันนี้ทราบจากแม่ พี่พิมพ์วันนี้แต่งตัวสวยจัดเต็ม ข้างกายมีแฟนหนุ่มซึ่งได้รับการชื่นชมจากป้าณีไม่ขาดตามติดไม่ห่าง“โชคดีของยัยพิมพ์มันแล้วณีเอ๊ย แต่จะว่าไปแล้วลูกหลานตระกูลเธอได้แฟนหน้าตาดีกันทั้งนั้น” ป้าหมอนเอ่ยขึ้นมา ไม่ต้องคอยเงี่ยหูฟังฉันก็ได้ยินแม้ว่าเสียงดนตรีในงานจะดัง “อย่างแฟนของยัยหนูพริกหวานนั่นก็ดูดีเชียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านคงไม่ธรรมดา ผิวพรรณงี้ผุดผ่อง หน้าหล่อยังกับพระเอกละครแน่ะ ได้ยินใครว่าขับรถราคาหลายล้านเลยนะ”“แฟนยัยพิมพ์ก็เปลี่ยนรถขับเป็นว่าเล่น เอาเถอะยังไงฉันขอตัวไปคุยกับแขกคนอื่นต่อแล้วกันนะหมอน”“ป้าณีแก
“แฟนปืนสวยจัง”ลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านประโยคแรกที่ได้ยินก็ทำฉันยิ้มกว้าง วางมือลงบนฝ่ามือแกร่งที่ยื่นออกมารอรับ ริมฝีปากสวยแนบจูบลงบนหลังมือฉันด้วยสัมผัสทะนุถนอม ก่อนเขาจะรวบเอวฉันเข้าไปกอดแนบอก“แฟนเค้าก็หล่อมากกกก” ลากเสียงพลางคล้องแขนโอบรอบลำคอแกร่ง โน้มคนตัวสูงให้ก้มต่ำลงมาหา จูบหนัก ๆ ที่แก้มนุ่มซึ่งนุ่มน้อยกว่าฉันนิดนึง ก่อนจะเกยคางกับแผ่นอกแข็ง ๆ แหงนคอมองดวงตาลุ่มลึกที่แสนอบอุ่น“ชักไม่อยากให้ดื้อไปออกงานแล้วสิ หรือเราจะไม่ไปดี” ปืนพึมพำ จูบเปลือกตาฉันตามด้วยจมูก แก้มทั้งสองข้าง และมาหยุดที่ริมฝีปาก“เปลี่ยนใจมานอนกอดกันอยู่บ้านแทนเถอะค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันปืนคิดถึงกอดอุ่น ๆ ของดื้อ” แล้วเขาก็จูบจุ๊บปากฉันติด ๆ กันจนฉันหลุดเสียงหัวเราะ คิดถึงส่วนหนึ่ง หวงก็ส่วนหนึ่งแหละอาการนี้อะ หลังกลับจากบ้านสวนปืนฉันก็เอ้อระเหยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่ออีกสามวัน แล้วถึงได้กลับมาบ้าน ตอนมาปืนก็มาส่งนี่แหละ แต่เขาจะมาขลุกตัวอยู่บ้านฉันลากยาวมันก็ไม่เหมาะ อีกอย่างเขาต้องช่วยงานพ่อกับแม่ด้วย เพราะใกล้สิ้นปีแบบนี้ทั้งร้านอาหาร และบริษัทต่างก็ยุ่งพอกัน เมื่อวานกว่าจะขับรถมาถึงที่บ้านฉันก็ปาเข้าไ
‘เกียร์วิศวฯ คือเกียร์แห่งความภาคภูมิใจ มีไว้เพื่อระลึกถึงความยากลำบากว่ากว่าจะได้มากูต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหน ส่วนเกียมัวคือเกียร์ที่กูก็ต้องพึงระลึกอยู่เหมือนกันว่าอย่าได้ทำอะไรให้เกียนี้ระคายเคืองเพราะอาจส่งผลถึงชีวิตกูได้’“ยิ้มอะไรคะดื้อ” เสียงทุ้มนุ่มถามข้างหู“คิดถึงเรื่องเกียร์อยู่ค่ะ” เงยหน้ายิ้ม แผ่นหลังพิงอกแกร่งสบาย“เกียร์เหรอคะ ดื้อหมายถึงเกียร์อะไร เกียร์ที่ปืนให้ดื้อเก็บรักษาเอาไว้ หรือปืนที่เกียมัว” เขาเขี่ยปลายจมูกฉัน ประโยคท้ายกระซิบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็ทั้งสองแหละ” ฉันยิ้มเต็มใบหน้า ปืนรัดแขนแน่นแสดงอาการมันเขี้ยวฉัน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคนเยอะเขาคงจับฉันฟัดไปแล้ว ไม่ทำแค่หอมแก้มธรรมดาหรอก“นี่ ๆ ๆ ที่เราจะปาร์ตี้หมูกระทะกันเนี่ย มีของครบเหรอ”“เออว่ะ ถ้าแจนไม่ทักคงไม่มีใครคิด” เป้ขมวดคิ้ว เท้าเอว“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงคืนนี้ก็ได้กิน”“พูดแบบนี้หมายความว่ามึงเตรียมไว้แล้วเหรอวะไอ้ปืน”“อือ”สรุปได้ว่าก่อนมาปืนให้คนงานช่วยเตรียมซื้อเสบียงไว้รอท่าพวกเราอยู่ก่อนแล้ว เหมือนเขารู้อะว่าความต้องการของทุกคนคืออะไร รางวัลที่เขาสมควรได้ฉันเลยจัดไปชุดใหญ่ หอมแก้มเน้
เราใช้เวลากินข้าวกันประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นฉันก็ไล่ปืนให้ไปนั่งดูทีวี ส่วนฉันก็ทำหน้าที่เก็บกวาดโต๊ะอาหารแล้วถึงนำจานชามทั้งหมดมาล้างทำความสะอาด เสร็จจากในครัวฉันก็แวบมาดูปืนแป๊บหนึ่ง เห็นเขานั่งดูหนังเงียบ ๆ ฉันก็ยิ้มพอใจก่อนจะหมุนตัวเดินมาทางห้องนอน อาบน้ำอีกสักรอบ คืนความสดชื่นให้ร่างกาย“ถึงว่าทำไมหายมานาน”เท้าพลันชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยทักขึ้นมา ฉันคลี่ยิ้มแล้วเดินตรงมาที่เตียง แขนยาว ๆ ข้างหนึ่งเด่ออกรอท่าให้ฉันถลาเข้ามาอยู่ในวงแขน ส่วนอีกข้างกำมือถือฉันไว้ ระหว่างเราไม่มีความลับต่อกัน ใครจะใช้ของใครจึงไม่ใช่ปัญหา เขาเล่นของฉัน ฉันเล่นของเขา หยิบผิดหยิบถูกสลับเครื่องกันประจำเพราะตอนนี้ เราใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ความคิดปืนอีกแหละ เงินเขาด้วย“นึกว่าจะได้นอนหลับสบายบนเตียงคนเดียวซะอีก” แสร้งบ่นทว่าก็ทิ้งตัวลงนอนซบอกอุ่น ๆ ที่ช่วงหลังมานี้ฉันใช้มันนอนต่างหมอนเป็นประจำ“คิดว่าจะได้นอนหลับสบายจริง ๆ เหรอคะคนสวย” ถามเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะงับแก้มฉันไปคำใหญ่ และดูดจนเกิดเสียงดังบ๊วบ ชอบเล่นอะไรแบบเนี้ย “ตอนอาบน้ำใหม่ ๆ นี่น่ากินนักแหละ” คราวนี้
ฉันกลั้นหายใจขณะเปิดและปิดประตู ก่อนจะเดินย่องเบา ลงน้ำหนักแค่ปลายเท้าเข้ามาในห้องนอนกว้าง ร่างสูงเปลือยท่อนบนอวดแผ่นหลังขาวจั๊วะของผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ที่กำลังนอนคว่ำหน้า ไม่รู้สึกรู้สากับอุณหภูมิที่เปิดเอาไว้เย็นจัด ฉันกัดริมฝีปากพลางอมยิ้ม คลานเข่าขึ้นมานั่งทับขาอยู่บนเตียง ใช้นิ้วชี้จิ้มสะกิดจึก ๆ บริเวณเหนือขอบกางเกงนอนขายาวก็ยังไม่ขยับจึงตัดสินใจเหยียดขาข้างขวาตวัดคร่อมสะโพกสอบก่อนจะพาตัวเองปีนขึ้นมานอนทับเรือนกายแข็งแรง แกล้งเป่าลมเข้าไปในหูสะอาด ปลุกคนนอนตื่นสายให้ตื่นจากการนอนหลับฝันดี“ปืนนนนน”“อือ”“ตื่นได้แล้วค่ะ ตอนนี้จะเที่ยงแล้วนะคะ”พรึ่บ“ว้าย” กรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ ปืนพลิกตัวทีเดียวฉันก็ตกอยู่ใต้ร่างในอ้อมแขนเขา ทิ้งน้ำหนักตัวกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมให้ฉันเป็นคนแบกรับเอาไว้“แฟนปืนตัวหอมจังค่ะ” เสียงแหบแห้งของคนเพิ่งตื่นงึมงำ จมูกกับปากคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ ฉันแทรกนิ้วเข้าไปซุกในเส้นผมนุ่มลื่น สิ่งที่โปรดปรานอีกอย่างหนึ่งของฉันคือการได้เล่นผมเขา แล้วเขาเองก็ชอบที่ฉันหมั่นนวดคลึงหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ ผู้ชายหลายคนอาจจะถือ ไม่ปลื้มที่แฟนเล่นหัวแต่ส
หลังจากกินอิ่มเราก็หอบหิ้วของฝากมาให้พ่อกับแม่ ปืนเขาคอยถามตลอดว่าเอาอันนั้นไหม พ่อจะกินไหม แม่จะชอบรึเปล่า แล้วเขาก็เข้ากันได้ดีกับน้องชายฉันมาก ๆ ฉันดีใจนะ ดีใจมากเลยล่ะที่การคบกันของเราสองคนไม่ได้นำพาความหนักใจให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อนฉันหลาย ๆ คนเจอปัญหาครอบครัวแฟนไม่ปลื้ม เข้ากับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าวันใดวันหนึ่งฉันต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้นจะทำยังไง ซึ่งมันก็ไม่ได้คำตอบ เพราะเรายังไม่เจอ จนวันนี้ฉันมีแฟน และปัญหานั้นฉันกับปืนไม่มี จึงบอกได้เลยว่ามันคือความโชคดีของเรา “แอบคิดถึงผู้ชายคนไหนรึเปล่าคะดื้อถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” “อื้อ” “อื้อนี่คือไรดื้อ” “ก็คิดไง” “ว่าไงนะ!” “คิดถึงปืน” ยิ้มอ้อนปืนก่อนเอนหัวพิงไหล่เขาอย่างออดอ้อน “คิดถึงปืนในแง่ไหนเล่าให้ฟังหน่อย พูดดีมีรางวัล พูดไม่ดีต้องโดนทำโทษ” ฉันอมยิ้ม ปืนยกมือขึ้นลูบผม ได้ยินเสียงสูดดมแถวข้างขมับแล้วพึมพำว่า “หอม” “คิดว่าเค้าโชคดีจังที่ได้เจอกับเธอ และที่โชคดีไม่แพ้กันคือครอบครัวของเรารักและเอ็นดูเรา” มุ