“นั่งพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ออกไปดูข้างนอกก่อน ผู้ช่วยผู้กำกับกำลังบรีฟนักแสดงตามที่คุณปัณณ์สั่งไว้ ถ้าพร้อมเปิดกล้องเดี๋ยวพี่เข้ามาตามค่ะ”
ต้อยติ่ง ผู้จัดการกองถ่ายซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของบริษัทพาเขาเข้ามาส่งในห้อง แล้วรีบเปิดประตูออกไปจัดการทุกอย่างแทนอย่างรู้งาน
คนตัวโตทิ้งแผ่นหลังพิงพนักโซฟา เงยหน้าหลับตาใช้มือกดหัวคิ้วไล่อาการปวดตุบ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ ๆ ห้องที่ว่างเปล่าไร้เงาผู้คนก็มีอะไรบางอย่างตกเสียงดังอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งกั้นโซนเอาไว้ด้านในสุด
“อุ๊ย พี่รส เข้ามาหาลูกจันหน่อยค่ะ”
มือใหญ่ที่กำลังจะจับลูกบิดประตูห้องเจ้าปัญหาชะงักเมื่อมีเสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านใน
“พี่รส อยู่ไหมคะ พี่รส”
เสียงเรียกชื่อผู้จัดการส่วนตัวดังขึ้นหน้าประตู ฉับพลันประตูบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับนางเอกสาวในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเพราะไม่สามารถรูดซิปซึ่งอยู่ด้านหลังได้
หนุ่มสาวชะงักเบิกตาโพลง ก่อนที่เธอจะถูกดันเข้าไปในห้องแต่งตัวเมื่อมีเสียงพูดคุยของชายหญิงกลุ่มใหญ่ดังขึ้นด้านนอกแล้วประตูห้องพักผ่อนก็เปิดออกในเสี้ยววินาทีนั้น
“อื้อ”
มือใหญ่ปิดปากนางเอกสาว แขนแกร่งกอดรั้งร่างบางเข้าหาตัวแล้วกดล็อกประตูทันที ดวงตากลมเบิกกว้างตกใจแทบสิ้นสติแต่ก็ยังกอดเสื้อผ้าให้ปิดบังร่างกายโดยเฉพาะช่วงหน้าอกเอาไว้
“ชู่ว”
เขาก้มมองร่างบางที่ยืนสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอด ม่านตาขยายฉับพลันเมื่อความอวบอิ่มครัดเคร่งของวัยสาวเบียดกันจนชิดภายใต้เสื้อผ้าหลุดลุ่ย
แววตาสั่นระริกด้วยความตกใจกลัวนั้นทำเอาคนตัวโตกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่จนลูกกระเดือกขยับขึ้นลงแรง ๆ
“อื้อ...”
“เงียบ ๆ อยากให้ทุกคนรู้หรือไงว่าเธออยู่กับฉันในสภาพนี้”
ลมหายใจสาวหอบสะท้านทำให้ความอวบอิ่มขยับขึ้นลงล่อตา ทั้งกลัว ทั้งโกรธ ทั้งอับอาย อยากจะทุบเขาแรง ๆ แล้วดิ้นรนออกจากอ้อมกอด แต่ถ้าทำอย่างนั้น เสื้อผ้าที่ยังไม่ทันได้รูดซิปต้องหล่นลงไปกองแทบเท้าอย่างไม่ต้องสงสัย
เขายังคงเป็นคนเดิมและเธอยังจำความรู้สึกตอนโดนเขารังแกเมื่อครั้งยังเป็นเด็กได้ดีไม่มีลืม
แม่ของเธอกับแม่ของเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ทุกครั้งที่แม่ไปหาป้าอัณณาก็มักจะพาเธอไปด้วยเสมอ ทำให้เธอได้เจอกับเขา ลูกชายคนเล็กที่มีอายุห่างจากเธอถึงเจ็ดปีแต่มีนิสัยเกเรผิดพี่ผิดน้อง
เขามีหน้าที่พาเธอออกมาเล่นนอกบ้าน แต่เขามักจะหาเรื่องทะเลาะกับเธอ ทั้งยังชอบต่อว่าว่าเธอเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจและถือวิสาสะลงโทษด้วยการดึงผมแกละทั้งสองข้างเป็นประจำ
“ไม่เอา ลูกจันไม่เล่นขายขนมแล้ว ลูกจันจะเล่นพ่อแม่ลูก พี่ปัณณ์ต้องเล่นกับลูกจัน”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กในชุดเดรสกระโปรงบานราวเจ้าหญิง มัดผมแกละทั้งสองข้างแล้วผูกโบชิ้นใหญ่สีเดียวกับชุดผลักของเล่นพลาสติกอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่เล่น พี่จะเล่นเกม เบื่อจะแย่แล้วยัยเปี๊ยก มาทีไรก็ชวนเล่นแต่อะไรน่าเบื่อ”
ปัณณธีเดินหนีเพราะเบื่อเต็มทีที่ต้องตามใจเด็กนิสัยไม่ดี ด้วยตนเป็นน้องชายคนเล็ก มีแต่คนยอมและตามใจ แต่อยู่มาวันหนึ่งกลับต้องมาคอยตามใจลูกสาวของเพื่อนแม่ น่าเบื่อจนอยากไล่ตะเพิดกลับบ้านทุกครั้ง
“ไม่ได้ พี่ต้องเล่นกับลูกจัน”
คนตัวเล็กวิ่งไปดักหน้า แล้วดึงเขากลับมานั่งเล่นกับตนบนเสื่อซึ่งปูอยู่ในสนามหญ้าข้างบ้าน แต่เขากลับสะบัดมือเล็กออกแล้วดึงผมแกละทั้งสองข้างของเด็กขี้วีนอย่างแรงจนเธอร้องไห้จ้า
แม้ว่าเธอจะตัวเล็กกว่าเขามาก แต่ก็สู้สุดใจ มือเล็กป้อมและแขนสั้น ๆ ของเธอพยายามปัดป่ายทุบตีเขาเท่าที่ทำได้ น่าแปลกที่เขากลับหัวเราะร่าราวกับไม่รู้สึกรู้สาแม้แต่น้อย
มันเป็นอยู่แบบนี้จนเธอเติบโตขึ้น ก็เลือกที่จะไม่ตามแม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกเพราะเกลียดขี้หน้าเด็กเกเรปากร้าย จนขึ้นชั้นมัธยม เธอก็สอบชิงทุนได้ไปเรียนต่างประเทศจนถึงระดับปริญญาตรี เพิ่งจะกลับมาประเทศไทยหลังจากเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้เอง
แค่เธอเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยได้ไม่นานก็มีแมวมองเข้ามาทาบทามให้เธอเป็นดารา ด้วยความที่เป็นคนชอบแสดงออกและชอบความท้าทายจึงตอบตกลงแล้วก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงทันที
แต่ใครจะคิด ว่าการที่เธอได้เป็นดารา จะทำให้เธอวนกลับมาเจอพี่ชายปากร้ายจอมเกเรคนนั้นอีก
ครั้งแรกที่เจอหน้ากันในตึกของบริษัท เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเป็นเขาจริง ๆ เพราะเด็กเกเรผอมกะหร่องคนนั้น แม้จะมีเค้าโครงความหล่อ แต่เมื่อโตมากลับเป็นชายหนุ่มเพอร์เฟคมากเสน่ห์จนเธอตกตะลึง แทบจะไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้เลย
แต่ก็เท่านั้นแหละ เพราะคนอย่างเขามันมีดีแค่เปลือกนอก เมื่อเขาทักทายเธอด้วยถ้อยคำร้าย ๆ เหมือนตอนเด็กไม่มีผิด และมันทำให้เธอได้รู้ว่าถึงแม้เวลาจะเปลี่ยน แต่คนร้ายกาจอย่างเขาไม่เคยเปลี่ยน
และสิ่งที่ทำให้เธอลำบากใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อแม่ของเขามาทาบทามให้เธอรับงานแสดงของบริษัท ในขณะที่มีบริษัทละครมากมายมาทาบทามเธอ แต่เธอต้องเลือกรับละครที่มีเขาเป็นผู้กำกับการแสดงด้วยความจำใจเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ใหญ่
สุดท้าย แค่มาทำงานวันแรก เธอก็โดนเขากลั่นแกล้งอีกจนได้ ผู้ชายเฮงซวย ขนาดมีข่าวฉาวจนอับอายไปทั้งตระกูลยังไม่สลด ไม่รู้ใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาฉาบรองพื้นไว้หนาขนาดไหนกันแน่
เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ด้านนอกยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง ประตูห้องแต่งตัวด้านข้างถูกปิดอย่างแรงจนผนังที่ใช้เพียงไม้อัดกั้นเอาไว้สั่นสะเทือน
ปลายฟ้า นางร้ายหน้าใหม่ที่เพิ่งเป็นข่าวกับปัณณธีก่อนที่เขาจะตกเป็นจำเลยสังคมด้วยข่าวฉาววางเสื้อผ้าลงบนโต๊ะตัวเล็กริมผนัง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลาจนเสร็จ แต่เมื่อกำลังรวบเก็บของบนโต๊ะกลับต้องเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อผนังห้องที่เคยมีปฏิทินแขวนอยู่กลับว่างเปล่าเพราะตอนนี้ปฏิทินชิ้นนั้นตกลงไปบนพื้นจากการกระแทกประตูจนผนังสั่นสะเทือนเมื่อครู่
จึงก้มเก็บปฏิทินชิ้นนั้นจะนำมาแขวนที่เดิมเพราะเข้าใจเหตุผลแล้วที่ทำไมต้องมีปฏิทินแขวนอยู่ เนื่องจากผนังเป็นรูขนาดใหญ่จนมองทะลุเห็นห้องแต่งตัวที่อยู่ข้างกันนี่เอง
แต่ยังไม่ทันที่จะแขวนปฏิทินคืนที่เดิม ดวงตาก็ดันมองเข้าไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันอยู่ที่บริเวณประตูห้อง เธอจะไม่สนใจเลยถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ปัณณธี ผู้ชายที่เพิ่งลากเธอขึ้นเตียงเมื่ออาทิตย์ก่อน
มือเล็กกำแน่นจนตัวสั่น เธอกดส่งข้อความบอกให้เพื่อนที่มาด้วยกันออกไปก่อน เดี๋ยวเธอจะตามออกไปเอง แล้วทำทีเปิดและปิดประตูให้เหมือนว่าคนที่เข้ามาใช้บริการห้องนี้ออกไปแล้วทั้งที่เธอยังยืนแอบอยู่จุดเดิม
เสียงพูดคุยของดาราและทีมงานกลุ่มใหญ่เงียบลงพร้อมกับเสียงปิดประตูดังแว่ว เขาจึงปล่อยมือที่ปิดปากนางเอกสาวเอาไว้ทันที
“คุณเข้ามาทำไม”
ตอนเด็กเธอเรียกเขาว่าพี่ปัณณ์ แม้จะไม่เต็มใจและใส่อารมณ์ทุกครั้งในการเรียกเพราะโดนบังคับก็ตาม แต่จากกันไปไม่กี่ปีก็ทำตัวห่างเหิน ไหนจะใบหน้าสวย ๆ ที่ทำเอาเขาตกตะลึงจนแทบลืมหายใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนั่นอีก ตอนนี้มันเชิดสูงจนน่าหมั่นไส้
“คุณงั้นเหรอ”
“ใช่”
“เมื่อก่อนเรียกฉันว่าพี่ ลืมแล้วเหรอ”
“ไม่ได้ลืม แต่สะดวกเรียกแบบนี้”
“เหอะ”
“ตอบมา ว่าคุณเข้ามาทำไม จะมาแกล้งอะไรกันอีก”
“เป็นเด็กหรือไง ถึงคิดว่าคนอื่นจะเข้ามาแกล้ง ฉันเข้ามานั่งในนี้ พอดีได้ยินเสียงใครโวยวายในห้อง นึกว่าลื่นล้มคอหักตายเลยเข้ามาดู ใครจะคิดว่ามีผู้หญิงไม่รู้จักโตแก้ผ้าอยู่”
เขากวาดมองร่างบางขาวผ่องแต่อวบอิ่มไปด้วยวัยสาวแล้วก็ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อีกครั้ง แต่แล้วดวงตาคมกลับวาบขึ้นเมื่อเด็กเอาแต่ใจตอกกลับมา
“ก็เห็นนี่ว่าโตแล้ว ที่เข้ามาในนี้เพราะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ใครจะไปคิดว่ามีคนไม่เอาไหนหนีนักข่าวเข้ามาในห้องนี้ล่ะ คิดว่าพี่รสยังอยู่ เลยจะเรียกมาช่วยรูดซิปให้หน่อย”
เสียงเถียงกันแม้จะไม่ดังนักแต่คนที่ยืนแอบอยู่ห้องข้าง ๆ ก็ได้ยินชัดเจน คิ้วที่กันแต่งเป็นทรงสวยขมวดเข้าหากัน จากบทสนทนาที่เรียกว่าเถียงกันน่าจะเหมาะกว่า คาดเดาว่าทั้งคู่คงรู้จักกันมาก่อน
“ลูกจัน...”
เสียงทุ้มกดต่ำ กรามแกร่งขบแน่นด้วยความไม่พอใจที่เธอพูดแทงใจดำ
ใช่ เขาหนีนักข่าวเข้ามาหลบในนี้ เพียงแค่เพราะผู้หญิงคนเดียวทำเอาชีวิตเขารวนได้ขนาดนี้เชียวเหรอ น่าเจ็บใจชะมัด
ความหงุดหงิดที่มีทำเอาเขาคว้าแขนเรียวแล้วกำแน่น เธอเจ็บจนเบ้หน้าร้องออกมาเบา ๆ แต่กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีเหมือนเมื่อตอนเด็ก ๆ ต่างกันนิดหน่อยที่ถ้าเป็นตอนนั้น ถึงแม้เธอจะสู้ แต่ก็ร้องไห้แหกปากเสียงดังจนเขาโดนแม่ทำโทษทุกครั้ง
แต่คราวนี้ เธอจะร้องไห้เรียกหาใครล่ะ ใครจะช่วยเธอได้ และใครจะมาทำโทษเขา
“ปล่อยนะ ฉันเจ็บ”
“เหอะ ฉันงั้นเหรอ”
“ใช่ จะทำไม จะให้แทนตัวว่าลูกจันเหมือนเมื่อก่อนเหรอ ไม่เอาอะ ไม่สนิท”
“เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เธอบอกไม่สนิทงั้นเหรอ งั้นต้องแบบไหนล่ะเธอถึงจะเรียกว่าสนิท ต้องเอากันเลยไหม ใช่สินะ ไปโตที่เมืองนอกเมืองนานี่ คงฟรีเซ็กซ์สนุกเลยสิ”
ปลายฟ้าขมวดคิ้ว ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายวิดีโอผ่านช่องว่างของผนัง ซึ่งรูของมันใหญ่พอที่จะมองเห็นความเป็นไปของอีกห้องอย่างชัดเจน
“ต่ำ ตอนเด็ก ๆ ปากหมายังไง โตขึ้นมาก็ยังปากหมาเหมือนเดิม ฉันแปลกใจมากที่มีผู้หญิงอยากนอนกับผู้ชายอย่างคุณ”
“ปากหมางั้นเหรอ ลองโดนหมาในปากฉันกัดหน่อยเป็นไง”
เพียงขิมสะบัดแขนออกจากมือใหญ่ของพี่ชายเพื่อนที่เพิ่งได้รับการแนะนำให้รู้จักกันในวันนี้“คุณรู้ใช่ไหมว่าหมอนั่นเป็นใคร”ดวงตาคมกล้าน่ากลัวทำคนตัวบางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จะโกหกก็คงทำไม่ได้เพราะความแตกหมดแล้ว“รู้ค่ะ คุณรัฐเป็นแฟนยัยลูกจัน”“ฮะ หมอนั่นเป็นแฟนน้องสาวผมจริง ๆ เหรอ แล้วทำไมไม่มีใครบอก จะได้ให้คนจับตาดูไว้แล้วกันไม่ให้เข้ามาสร้างความวุ่นวายในงาน หรือที่หมอนั่นมาทำลายงานหมั้นของน้องผมมีคุณรู้เห็นเป็นใจ”“จะบ้าหรือไงคะคุณพี่ชายเพื่อน ฉันจะไปทำอย่างนั้นทำไม อย่ามากล่าวหากันนะ”“ผมมีชื่อ ยัยลูกจันก็แนะนำให้คุณรู้จักแล้ว จำชื่อผมไม่ได้หรือไง”“จำได้ค่ะ คุณหมอชยุตม์”หมอหนุ่มพยักหน้าพึงพอใจที่คนตัวบางท่าทางดื้อรั้นจำชื่อของเขาได้“ยัยลูกจันมีแฟนแล้วทำไมถึงไม่มีใครบอกผม รวมทั้งยัยลูกจันด้วย”“ก็งานหมั้นครั้งนี้มันเป็นการหมั้นปลอม ๆ เพื่อรักษาชื่อเสียงให้เฉย ๆ ไม่ใช่หรือไงคะ แค่ปีเดียวยัยลูกจันก็เป็นอิสระ ระหว่างนี้จะคบกับใครต่อก็ได้ เลยยังไม่ได้บอกแฟน อีกอย่างเขาไปสัมมนาที่นิวยอร์กค่ะ ยัยลูกจันติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เกิดเรื่อง ใครจะคิดล่ะคะว่าเขาจะโผล่มาเซอร์ไพรส์”ชยุตม์ถอนหายใจ ยกมือขึ้
“เรื่องงานหมั้นแม่จัดการเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ สองคนไม่ต้องกังวล เราจะจัดที่บ้านของลูกจัน เป็นงานแบบอบอุ่น เชิญแขกผู้ใหญ่ เพื่อนสนิทของสองคน ส่วนสื่อเราคงห้ามไม่ได้ แค่เตรียมตัวเอาไว้เผื่อมีการถ่ายรูปหรือสัมภาษณ์หลังจบงาน”อัณณา อดีตนักข่าวสายบันเทิงร่ายยาวให้ลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ฟังบนโต๊ะอาหารมื้อเย็น ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนมีใบหน้ายิ้มแย้มสบายใจ ในขณะที่ปัณณธียังคงมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนชิดจันทร์อดหมั่นไส้ไม่ได้“เด็ก ๆ ว่าไงกันจ๊ะ รายชื่อแขกที่แม่ส่งให้โอเคหรือเปล่า อยากเชิญใครเพิ่มก็บอกแม่เลยนะ พรุ่งนี้การ์ดเสร็จแน่นอน เอาไปแจกกันได้เลย ส่วนแขกผู้ใหญ่พ่อแม่จะไปเชิญให้เอง ดีไหม”คนเป็นแม่ยังคงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ราวกับการหมั้นหมายในครั้งนี้มันเกิดขึ้นจากความรักของเธอและเขาอย่างไรอย่างนั้น“เอาตามที่แม่ว่าเหมาะสมเลยครับ ผมยังไงก็ได้”ปัณณธีตอบรับคนเป็นแม่ ใบหน้าเฉยชาไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกอื่นใด ต่างจากชายผู้คลั่งรักที่มีสายตาเปี่ยมสุขต่อหน้าสื่อเมื่อช่วงบ่ายเป็นคนละคน“แล้วลูกจันล่ะจ๊ะ ต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกป้าได้เลยนะลูก”“ลูกจันโอเคค่ะคุณป้า”เธออยากจบเรื่องบ้า
แค่คำถามแรกก็เจอหมักฮุกทำเอามาลินแทบสลบกลางอากาศ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วเมื่อมันเป็นสาระสำคัญของเรื่องในวันนี้มาลิน : “ไม่จริงค่ะ หลินไม่ได้ท้อง ขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่หลินทำให้ตกใจ”เสียงนักข่าวคุยกันเซ็งแซ่ บ้างอุทานออกมาด้วยถ้อยคำหยาบคาย บ้างหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนเพราะคิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้นักข่าว : “หมายความว่ายังไงคะ ข่าวนี้หลินเป็นคนปล่อยออกมาเองหรือเปล่า”เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนวงในซึ่งไม่รู้เป็นใคร ไม่สามารถระบุตัวได้ออกมาโพสต์เรื่องนี้ เมื่อคนแชร์กันไปอย่างแพร่หลายจนเป็นข่าวใหญ่โต คนนั้นก็ระเบิดตัวเองหายไป จึงไม่มีใครฟันธงได้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนออกมาปล่อยข่าวเป็นคนแรกกันแน่มาลิน : “หลินไม่ได้เป็นคนปล่อยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวนี้หลุดออกมาได้ยังไง อาจมีการเข้าใจผิดกันเพราะก่อนหน้านี้หลินไม่สบายบ่อย เป็นโรคกระเพาะค่ะ มีอาเจียนบ้างตามที่สาธารณะ แล้วก็อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวที่หลินคบกับปัณณ์พอดี”แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันตามนั้น ก็เลยต้องซักไซ้อีกหน่อยนักข่าว : “แล้วถ้าไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว ก่อนหน้านี้หลินหายไปไหนมาคะ ปล่อยให้ปัณณ์โดนชาวเน็ตโจมตีจนแทบไม่เหล
“เรื่องมันเป็นยังไง คลิปนั่น เป็นแกกับผู้กำกับคนนั้นจริง ๆ หรือถูกตัดต่อ”เพียงขิม สาวสวยที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า แต่งกายเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟัน ทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังเริ่มถามเป็นคนแรกและก็ได้รับแรงส่งเสริมจากเพื่อนในกลุ่มเป็นการพยักหน้า รวมทั้งพี่ชายฝาแฝดที่มองเจ้าของห้องด้วยสายตาเป็นห่วงกว่าทุกคน“จริง เป็นฉันกับหมอนั่นจริง ๆ”“ฮะ แกจูบกับเขาจริง ๆ เหรอ ทำไมล่ะ แกชอบเขาเหรอ แต่แกมีแฟนแล้วนะ”มัสลิน ทายาทเพียงคนเดียวที่ยังไม่ยอมเข้าไปบริหารโรงเรียนนานาชาติของผู้เป็นพ่อแต่กลับมาเปิดร้านอาหารที่สร้างชื่อติดตลาดอย่างรวดเร็วเอ่ยถาม ปกติเธอเป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าแววตาเท่าไร แต่เรื่องนี้ทำเธอตกใจจริง ๆ เพราะชิดจันทร์ที่เธอรู้จักไม่มีทางจูบกับใครง่าย ๆ แน่ ถ้าไม่ใช่คนรักหรือทำเพราะงาน“หรือแกเลิกกับแฟนแกแล้ว”เพียงขิมถามแทรก ดวงตากลมโตมองไปยังพี่ชายฝาแฝดที่เกิดก่อนเธอเพียงห้านาทีอย่างมีความหวัง เขาอยู่กลุ่มเดียวกันกับเธอและสองคนนี้ตั้งแต่เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่อเมริกาด้วยกัน และเธอรู้ดีที่สุดว่าพี่ชายของเธอหลงรักชิดจันทร์ตั้งแต่แรกพบมัสลินเองก็เหลือบมองเพ
“ถ้าทุกคนต้องการแบบนี้ ลูกจันจะยอมหมั้นกับคุณปัณณ์ค่ะ แต่หมั้นเพื่อกลบข่าวฉาวเท่านั้นนะคะ สักหนึ่งปีก็ได้ค่ะ พอมีข่าวดรามาเรื่องอื่นมาคนก็ลืม ไว้ตอนนั้นเราค่อยประกาศถอนหมั้นว่าลูกจันกับคุณปัณณ์เราไปกันไม่รอดก็ได้ค่ะ”สิ่งที่ชิดจันทร์เสนอทำเอาทุกคนอึ้งไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะตัวต้นเรื่องอย่างปัณณธี“ทำไมต้องหมั้นปลอม ๆ”ปัณณธีเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดวงตาคมวาววับเมื่อสัมผัสได้ว่าเธอรังเกียจเขา ทั้งที่ผู้หญิงมากมายพยายามทำทุกวิถีทางที่จะครอบครองเขาถึงขั้นโกหกว่าท้อง“หรือคุณอยากหมั้นกับฉันจริง ๆ คะ อย่าบอกนะว่าคุณพิศวาสฉันจนยอมทิ้งชีวิตอิสระของตัวเองเพียงเพราะเราจูบกันแค่ครั้งเดียว”ชิดจันทร์สวนกลับทันควัน ในเมื่อไม่สามารถเอาเรือไปขวางน้ำที่กำลังเชี่ยวกรากได้ ก็คงต้องยอมลอยตามน้ำไปก่อน แต่เรื่องอะไรที่เธอจะเอาทั้งชีวิตไปทิ้งกับผู้ชายอย่างเขาแถมเธอยังมีคนรักอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องได้แต่งงานกับคนที่เธอรักเท่านั้น“ลูกจัน เราเป็นผู้หญิงนะ ทำไมพูดจากับพี่เขาแบบนี้”ทอฝันปรามลูกสาวเสียงเขียว แม้จะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะลูกสาวเธอเสียหายย่อยยับ แต่ก็รู้สึกสมใจอยู่ลึก ๆ เมื่อกำลังจะดองกับเพื
คนตัวบางนั่งก้มหน้ากุมมือทั้งสองข้างบนตักด้วยความกดดัน ในขณะที่คนต้นเรื่องเหลือบมองเธอเป็นระยะด้วยสายตาอ่อนแสง“ไอ้โปรด มึงจะเอายังไง ลูกมึงทำลูกกูป่นปี้หมดแล้ว”คิมหันต์เปิดฉากโวยวายเพื่อนรัก ถ้าเด็กสองคนคบหากันอยู่เขาจะไม่ว่าเลยสักคำ นี่ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่ลูกชายจอมเจ้าชู้ของเพื่อนกลับมาจูบลูกสาวเขาจนมีคลิปหลุด“ใจเย็น ๆ ก่อนไอ้คิม ตอนนี้กูใช้เส้นสายสั่งลบคลิปออกหมดแล้ว ไม่เกินครึ่งวันน่าจะเรียบร้อย”“ประเด็นมันไม่ใช่แค่คลิปที่หลุด แต่มึงดูตามเพจข่าวหรือยัง คนคอมเมนต์ด่าลูกกูว่าแย่งลูกมึงมาจากหลิน ทำให้ลูกมึงไม่รับผิดชอบเด็กในท้องจนหลินหนีไป แถมยังขุดคุ้ยมาด่าสารพัด ด่าไปจนถึงเรื่องที่ลูกกูได้แสดงละครเรื่องนี้โดยไม่ต้องแคสเพราะนอนกับลูกมึง”“ผมขอโทษครับคุณอา ผมไม่ได้ตั้งใจให้ลูกจันเสียหาย”พูดจบก็ได้รับสายตาคมดุจากพ่อผู้หวงลูกสาวราวไข่ในหินเป็นการตอบแทน“ปัณณ์ไม่ได้ตั้งใจจูบลูกสาวอาอย่างนั้นเหรอ แล้วทำทำไม”“เอ่อ คือ เรื่องนั้น คือผมตั้งใจจูบลูกจันครับ แต่ไม่ได้ตั้งใจให้คลิปหลุดหรือทำให้น้องเสียหาย”“อาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปัณณ์จะทำกับน้องแบบนี้”คนต้นเรื่องก้มหน้างุดด้วยความส