เธอถอนหายใจ แต่สังเกตเห็นว่าขอบตาแดง “โคดี้ไปเจอไฟล์วิดีโอหนึ่ง พอเปิดก็เลยเห็นว่าเป็นการทดลองไวรัสกับเด็กที่ถูกจับ โคดี้เปิดดูแล้วเรียกคนอื่นมาดูด้วย เรมีเห็นก็โวยวาย เพราะในนั้นเป็นวิดีโอของเบ็กกี้...”
“ไอ้บ้าโคดี้” อเล็กซ์กัดฟัน “เจ้านั่นไม่ค่อยคิดอะไร แต่เพราะไม่คิดอะไรนี่แหละ ฉันไปพูดกับหมอนั่นเอง” เขาบอก ไมเคิลกับอเล็กซิสพยักหน้า ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้อง ส่วนจอห์นตามเข้าไป ไมเคิลมองตามแล้วหันกลับมาดูเรมี
“แค่นั้นเหรอ”
อเล็กซิสเล่าต่อ “พวกเขาเลยทะเลาะกัน โคดี้ขอโทษ แต่เรมียังโกรธก็เลยไปจี้ปมเทสซ่า จากที่โคดี้อ่อนก็เลยก้าวร้าวขึ้นมา ทั้งสองต่างไม่ยอมแล้วก็อย่างที่นายเห็น”
ไมเคิลถอนหายใจ ปกติเรมีกับโคดี้เข้ากันได้ดี ยิ่งพักหลังพวกเขานอนห้องเดียวกันก็ยิ่งสนิท ไหนยังจะรับผิดชอบในส่วนเดียวกันอีก จู่ ๆ ลุกขึ้นมาต่อยกันจึงเป็นเรื่องแปลก ทว่าเมื่อฟังอเล็กซิสเล่าแล้วก็เข้าใจ เขามองเรมีที่กำลังยืนหอบหายใจเหมือนพยายามตั้งสติ
“มันไม่ใช่ของน่าดูเลยนะ โดยเฉพาะเมื่อเห็นพวกเข
สีหน้าคนตรงหน้าคล้ายซีดลงไปอีก เขาเม้มปาก “ขอโทษ ฉันจะตั้งใจกว่านี้”“ไม่หรอก ไม่ใช่ความผิดของนาย บางทีพวกเราคิดผิด” เธอว่า “พวกเรากลัวเรื่องเวลา แต่ตอนนี้กำลังใช้เวลาไปเสียเปล่า ๆ” มือทั้งสองข้างเลื่อนลง อเล็กซิสเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้แล้วสวมกอด ปากกระซิบข้างหูของเขา “ฉันอยากอยู่กับทุกคน อยู่แบบสงบสุข ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร แต่ทำไมฉันถึงผลาญเวลาอันน้อยนิดเพื่อความสุขสั้น ๆ ฉันอยากอยู่กับนาย กับทุกคน แบบนี้ไปตลอด”พวกเขาสบตาครู่หนึ่ง อเล็กซ์โน้มหน้าลง หน้าผากของพวกเขาแตะกัน “อืม เข้าใจแล้ว เธอพูดถูก ตอนนี้เธอยังไม่มีคู่ซ้อมคนใหม่ งั้นเรามาสู้กันใหม่เถอะ ฉันสัญญาว่าจะเอาจริง”ทั้งสองยิ้มให้กันแล้วตัดสินใจว่ายกลับขึ้นฝั่ง ทว่าเมื่อมือแตะขอบฝั่งกลับเห็นเท้าสองคู่ เธอเงยหน้าจึงเห็นไมเคิลยืนกอดอกทำหน้าตำหนิ“ดีนะที่เธอคิดได้”เห็นสินะอเล็กซิสวักน้ำใส่น้องชาย “ฉันคิดได้ตั้งนานแล้ว” ก่อนจะโดนดึงตัวขึ้นไป มีอเล็กซ์ตามขึ้นมา บลูมาพร้อมกับไมเคิล เขาทำปากจุ
พุ่มไม้สีเหลืองทองขึ้นสูงรายล้อมเป็นขอบสระ ด้านหลังคือต้นสนสูงเทียมฟ้า แสงอาทิตย์สะท้อนกับผืนน้ำระยิบระยับ มวลน้ำมหาศาลหมุนเป็นสว่านพุ่งขึ้นพุ่งลงทะลุทะลวงไปในอากาศ การเคลื่อนไหวของมันมั่นคงขึ้น จนเมื่อมือเธอสั่น มันจึงสลายลงไป ผิวน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง อเล็กซิสรวบรวมสมาธิใหม่ มวลน้ำลูกใหม่ลอยขึ้นมาเป็นวงกลม ขนาดของมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับสร้างโมเลกุลเพิ่มขึ้นได้เอง แต่ไม่นานก็กระจายแตกตัวลงพร้อมกับที่ขาของผู้ควบคุมยวบลง มือสองข้างกางออกเท้าพื้นไว้ไม่ให้ตัวล้มลงทำไม!มือซ้ายตีผิวน้ำด้วยความโมโห เธอพยายามอยู่หลายครั้งที่จะควบคุมน้ำให้สามารถเป็นพลังโจมตีของตัวเองได้ สิ่งที่ง่ายที่สุดคือแผ่ความเย็นหรือทำให้เป็นน้ำแข็ง แต่การปั้นรูปหรือเปลี่ยนรูปร่างยากจนหลายครั้งแทบหมดแรง ขณะที่จอห์นสามารถสร้างพายุได้แล้ว อเล็กซิสทำได้แค่แผ่ไอเย็น ซึ่งมันก็ทำให้คู่ต่อสู้มีอาการสั่นหนาวแค่นั้น ดังนั้นเธอจะต้องใช้น้ำเป็นอาวุธให้ได้ไม่ยุติธรรมเลยเพื่อนสามคนออกปากคล้าย ๆ กัน นั่นหมายความว่าพวกเขาเห็นว่าพัฒนาการของอเล็กซิสช้าแค่ไหน และอาจจะเข้าใจว
อเล็กซิสเลิกคิ้ว คนที่สามแล้วที่ทักเธอเรื่องนี้ แต่ก่อนที่จะบอกว่าอาคุสะและฟีบี้แจ้งข่าวแล้ว เทสซ่าก็รีบตัดบทพูดทันที เหตุใดเทสซ่าจำต้องรีบร้อน “มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าฉันยังดูไม่พร้อมมาก”เทสซ่าไม่ตอบแสดงว่าใช่“มีคนบอกเธอแล้วหรือ”“อาคุสะกับฟีบี้”สาวผิวเข้มทำหน้าร้องอ๋อทันที “พอดีฉันได้ยินโอลิแวนคุยกับเดสซิเร ดูเหมือนเดสซิเรก็อยากจะออกไปด้วย อุ๊ปซ์...” เทสซ่าหัวเราะคิกคักเมื่ออเล็กซิสครวญ คนอื่นไม่เห็นอยากออกไปเลย ทำไมต้องมีคู่แข่งด้วยนะ“ก็นะ...” เธอจับไหล่เป็นการปลอบโยน “เดสคงเบื่อ แต่ไหนแต่ไร ยัยนั่นไม่ใช่คนอยู่นิ่ง แล้วงานในครัวก็ไม่ใช่พื้นฐานของสาวสังคมด้วย แต่ทีมสำรวจ...คือ ก็พวกฉันนั่นแหละ อยากให้เธอได้ไปมากกว่า พวกเราเซตทีมล่วงหน้าไปแล้วสอง ดังนั้นพอหมดเซตนี้ ก็อาจจะเริ่มวนทีมใหม่ ฉันอยากให้เป็นเธอไป...”อเล็กซิสนึกอยากกอดเพื่อนแน่น ๆ ด้วยความซึ้งใจ “ขอบคุณมาก แต่ก็ไม่แปลกที่พวกเธอจะห่วง ฉันก็คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม เมื่อวานสองช
เขาไม่ได้พูดผิดเลย เธอไม่มีสมาธิฝึกกับอเล็กซ์ แต่เพราะพวกเขาคบกัน อยู่ด้วยกัน อเล็กซ์จึงเป็นคู่ซ้อมตัวหลักโดยปริยาย ก่อนหน้านั้นง่องแง่งกันไร้สาระจนปรับความเข้าใจ เมื่อเริ่มต้นใหม่ กลายเป็นว่าทุกวินาทีไม่มีอารมณ์แม้แต่จะฝึก สู้กันไปสักพักพวกเขาก็เริ่มนัวเนียกัน หลายครั้งไมเคิลต้องเข้ามาช่วยฝึกแทน แต่เมื่อฝึกหนัก ๆ เข้า เขาก็หยุด ไมเคิลเป็นคู่ซ้อมที่ดีกับคนอื่น ยกเว้นกับพี่สาวตัวเอง ตลกร้ายเพราะทั้งอเล็กซ์และไมเคิลนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มแนวหน้า แต่อเล็กซิสกลับอ่อนปวกเปียก“จะให้ใครมาฝึกฉันล่ะ”“นั่นสิ” อาคุสะตอบ “แต่ถ้าเธอยังช้าแบบนี้ จอห์นอาจเสียบเข้าทีมสำรวจไปก่อนนะ”อเล็กซิสถอนหายใจ“ข้างหน้ามีตึกแฝด” เสียงของเซนดังขึ้นมา“ระวังด้วย” เธอตอบแล้วหันไปดูจออื่น ซึ่งทั้งห้าจอมาจากกล้องบนตัวของแต่ละคน บลู ริงโก้ เซน ลู และรีเวอร์ “พวกนายอย่าเพิ่งเข้าไป”“ยังไม่เจอพาหนะของหน่วยลาดตระเวน” อีกฝ่ายตอบอเล็กซิสหันไปสบตากับนาฮีมานาที่หันมาเช็กพอดี หญิงสาวพยักหน้า
ไม่มีใครรู้ว่าทางการเจอศพคนพวกนั้นแล้วหรือยัง แต่พวกเขาก็ตัดสินใจจัดตั้งเวรยามขึ้นเพื่อคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลา วิถีชีวิตในแต่ละวันปรับจากเอาตัวรอดเป็นเตรียมพร้อมร่างกายและทักษะสำหรับต่อสู้ แต่ละกลุ่มฝึกหนักขึ้นและจัดตั้งเวลาฝึกซ้อมเพื่อให้ทุกกลุ่มได้ใช้พื้นที่กันอย่างเท่าเทียม พวกเขาควบคุมการใช้เสบียงและหาอาหารมากขึ้นสำหรับสะสมหากถูกปิดล้อม จวบจนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ภัยจากด้านนอกยังไม่เข้ามา ความตึงเครียดเริ่มบรรเทาลง ทีมสำรวจที่สองจึงได้ออกไป และครั้งนี้พวกเขากลับมาอย่างไร้กังวลมันอาจเงียบสงบเกินไปจนหลงลืมไปว่ากำลังเล่นซ่อนแอบในห้องสี่เหลี่ยมยังคงปิดทึบ มีเพียงสองร่างเคลื่อนไหว อาจเป็นเพราะเธอเคยเกือบสูญเสียมันไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะได้ครอบครองวันเวลาเหล่านี้ได้นานเท่าใด ภาพที่เธอวาดฝันถึงคนรักต่างจากความเป็นจริงในตอนนี้ ในตอนนั้นอเล็กซิส เดวิสวางแผนไว้มากมาย การสร้างครอบครัว ชีวิตหลังเรียนจบและเริ่มทำงาน แต่ในเวลานี้เธอต้องการเพียงทุกคนอยู่พร้อมหน้า หากเทียบกับความฝันในสมัยก่อนคงฟังเหมือนสิ้นคิด แต่เหตุใดมันกลับดูทะเยอทะยานในเวลานี้อเล็กซ์ยังคงกำกับร่างกาย
หากมองผิวเผินจะเห็นว่าห้องเก็บข้อมูลถูกออกแบบให้ไม่ต่างจากหอสมุดโบราณ ตู้เก็บสีน้ำตาลไม้และกระจกป้องกันแน่นหนา ทว่าพื้นมันวาวนี้ไม่ได้เกิดจากการเคลือบด้วยแล็กเกอร์ แต่เป็นพื้นกระจกบางสแกนคนเดินไปมาตลอดทางแค่จะเข้ามายังยาก แล้วยังเจอตัวสแกนอีก บราวน์ส่ายหน้า เหนื่อยใจขึ้นมา“คุณต้องการรู้อะไร”เขาเงยหน้าตอบ “พวกโวลคอฟต้องการหาสถานที่กักตัวลูกชาย อเล็กซานเดอร์ โวลคอฟ แล้วก็ยังมีครอบครัวเดวิส”“พวกเขาจะไม่มีวันรู้” เจ้าหน้าที่วัยชราส่ายหน้าแล้วคีย์ข้อมูลลงบนแท็บเลต ไม่นานตู้หนังสือหลังหนึ่งเรืองแสง เขาชี้แล้วเดินนำ ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารออกมา“นี่เป็นข้อมูลของอเล็กซานเดอร์ โวลคอฟทั้งหมดตั้งแต่ถูกจับกุมไปจนถึงส่งไปยังสถานบำบัด มีข้อมูลของเบนจามิน โรซิเยร์และซาร่าห์ เฮิร์สท์เพราะพวกเขาถูกจับด้วยกัน แล้วก็นี่ของอเล็กซิส เดวิสที่มาพร้อมกับเบลินดา คาร์เตอร์ ออสโล่ เจสเซ่นส์ และเวด มิลเลอร์”บราวน์เปิดอ่านโดยไว บางหน้าเขาพลิกรวดเร็ว และอย่างที่คิด สำหรับคดีของอเล็กซานเดอร์ โวลคอฟบ่งบอกว่ายุคสมัยแห่