Beranda / แฟนตาซี / Undisclosure / ครอบครัวเดวิส

Share

ครอบครัวเดวิส

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-08 12:04:51

ครอบครัวของคาเลบอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ห่างจากสวนสาธารณะประจำเมืองอยู่เพียงสองช่วงตึก ทั้งหลังทาสีขาวละมุนคล้ายสีเปลือกไข่ ที่แห่งนี้เป็นสวรรค์บนดินของคาเลบ ตรงสวนหน้าบ้านจะมีโรงไม้เล็กตั้งแอบอยู่ เป็นที่ประดิษฐ์ของเล่นชิ้นเล็กหรือของใช้ที่ทำจากไม้โดยฝีมือคาเลบเอง ซึ่งผลงานของเขาสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ มันเป็นไอเดียของลูกคนที่สาม อเล็กซิสได้ถ่ายรูปชิ้นงานของพ่อ แล้วอัปโหลดลงอินเทอร์เน็ต เธอยังพิมพ์ใบโฆษณาขายงานไม้ของเขาแล้วเอาไปแปะบนกระดานประกาศอีกด้วย อเล็กซิสไม่ได้หิวเงินขนาดนั้นหรอก แต่เธอทำไปเพื่อให้เขาภูมิใจในตัวเอง แน่นอนว่าคาเลบภูมิใจทั้งตัวเขาและไอเดียของลูกสาวมาก

คาเลบจอดรถไว้ในโรงจอด รถตู้สีเทาคันนี้รับใช้ครอบครัวเดวิสมาประมาณสิบสองปีแล้ว คาเลบยังครองตัวเป็นสุภาพบุรุษอยู่เสมอ ด้วยการประคองเบียนน่าลงจากรถ เขาปฏิบัติกับภรรยาเช่นนี้เรื่อยมาตั้งแต่ออกเดตครั้งแรก เบียนน่ามีดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มแสนอบอุ่นไปถึงหัวใจ ผิวสีทองแดงเข้มคล้ายกับผิวของเขาแต่เนียนและมีสุขภาพดีกว่า เบียนน่าเป็นผู้หญิงร่างอวบ ผู้มีรอยยิ้มสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น พวกเขาคบหากันราวสองปี จากนั้นคาเลบขอเธอแต่งงาน ทั้งสองพยายามจะมีลูกเป็นของตัวเองแต่ล้มเหลวทุกครั้ง ต่อมา สามีภรรยาเดวิสจึงรับอุปการะเจสซี่มาเป็นบุตรชาย เมื่อเห็นว่าลูกชายอยู่คนเดียวและกลัวว่าจะเหงา สองปีต่อมา พวกเขาจึงรับไบรซ์มาเป็นลูกสาวอีกคน ปีถัดมาพวกเขารับอเล็กซิสมาเป็นสมาชิกคนที่ห้าของครอบครัว สมาชิกห้าคนคงพอแล้วที่จะเรียกว่าครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อลูก ๆ โตขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขากลัวว่าจะอยู่กันเพียงสองคน สิบเอ็ดปีผ่านไป ชาร์ลีจึงเข้ามาเป็นลูกคนที่สี่และเป็นคนสุดท้ายที่พวกเขารับเลี้ยงดู

ครอบครัวเดวิสไม่ได้ร่ำรวย เป็นเพียงครอบครัวระดับชนชั้นกลางเท่านั้น ความจริงบ้านหลังนี้พอเหมาะที่จะมอบความสะดวกสบายให้กับพวกเขาหากมีสมาชิกเพียงแค่สามหรือสี่คน แต่เพราะมีกันถึงหกคน บ้านจึงไม่ต่างจากโพรงกระต่าย แต่ถึงกระนั้นพวกเขาไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย เพียงแค่ไม่ควรใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็พอ

คาเลบและเบียนน่าเปิดประตูเข้ามาเจอกับห้องรับแขก ชาร์ลีกำลังนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ดูการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่ เด็กชายอายุเพียงหกขวบเท่านั้น เมื่อเห็นว่าพ่อและแม่กลับถึงบ้านแล้ว หนุ่มน้อยหันหน้ามาพร้อมกับอวดแก้มสีแดงคล้ายกับผลมะเขือเทศที่เบียนน่าปลูกในสวนหลังบ้าน เขาเป็นเด็กผมทองคนเดียวในบ้าน ทั้งยังมีผิวขาวแบบงาช้าง ทุกคนเรียกเด็กชายว่า เจ้าชาร์ลี หรือ เจ้าลิง (หรือไอ้จิ๋วชาร์ลี เวลาเจสซี่อารมณ์ไม่ดี)

โชคดีที่ไบรซ์กลับมาอยู่บ้านเป็นเวลาสามสัปดาห์เต็มในระหว่างวันหยุดฤดูร้อน ลูกสาวคนนี้จึงช่วยพวกเขาดูแลน้องชายคนเล็กเวลาที่คาเลบและเบียนน่าต้องออกไปทำงาน ปกติแล้วหากไม่มีไบรซ์ พวกเขาจะฝากชาร์ลีไว้กับคุณนายเพื่อนบ้านสูงอายุที่คบหากันมานานหลายปี โชคร้ายที่เด็กชายไม่ชอบไปบ้านของเธอ เพราะว่าหญิงชราไม่อนุญาตให้เขาดูรายการทีวีที่ชอบ เพราะตัวเธอติดละครน้ำเน่าอยู่เหมือนกัน แถมยังพลาดไม่ได้สักตอนเลยด้วย หากไบรซ์ไม่อยู่ ก็ยังมีอเล็กซิสที่จะทำหน้าที่นี้แทน แต่ตอนนี้เด็กสาวต้องจากบ้านไปเกือบอาทิตย์ เพราะต้องออกไปรับงานถ่ายแบบที่ขัดใจคาเลบอยู่เนือง ๆ

“ไง วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่า” เมื่อเจ้าชาร์ลีวิ่งเอาหน้าผากมาชนกับขาของเขา คาเลบจึงอุ้มลูกชายขึ้น

“แน่นอนคับ ผมเป็นเด็กดีอยู่แล้ว” คาเลบหัวเราะผสานกับเสียงสดใสของเจ้าชาร์ลี

“มีเคสหนักเหรอคะ” เด็กสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีส้มเก่าๆ พร้อมกับกางเกงแถบข้างสีขาวถามขึ้น เธอมีผิวสีแทนออกทอง แต่จุดที่ดึงดูดสายตาย่อมเป็นผมสีดำเหมือนขนกายาวสลวยเป็นเส้นตรง เธอมีโหนกแก้มสูงและคางสี่เหลี่ยม ไบรซ์กำลังเรียนหมออยู่ในมหาวิทยาลัยเดลฟีที่เดียวกับที่อเล็กซิสสอบติด ถ้าหากอเล็กซิสพลาดทุน เธอจะเรียนที่นี่เหมือนกับพี่สาว

“ใช่แล้วลูก” เขาตอบ มือทั้งสองข้างวางลูกชายลงกับพื้น เบียนน่ารีบตรงไปยังห้องครัวไม่พูดทักทายกับใคร เขาขำเมื่อเห็นท่าทางหิวโหยของเธอ “พ่อทำสตูไก่แช่เก็บไว้ในตู้เย็น ลูกเห็นหรือเปล่า”

“โอ๊ย พวกเรากินกันจนหมดหม้อแล้วค่ะ” เด็กสาวตอบแล้วหัวเราะ เสียงเธอไพเราะเหมือนระฆัง ทุกคนรู้ดีว่าคาเลบทำอาหารเก่งมาก และเมนูสตูนี้เป็นเมนูที่อร่อยที่สุดในเมืองเลยเชียว แต่เพราะหน้าที่การงานในฐานะคุณหมอ เขาจึงไม่ค่อยมีเวลาแสดงฝีมือนัก

“อเล็กซิสกลับมาบ้านแล้วนะคะ หนูบอกเพื่อแจ้งให้ทราบ”

คาเลบคิ้วขมวด “อ้าว ทำไมกลับเร็วล่ะ พ่อจำได้ว่าต้องใช้เวลาประมาณอาทิตย์นึงเลยนะ”

“ใช่ค่ะ เธอบอกแบบนั้น แต่ตัวดาราที่จะถ่ายกลับหายตัวไป หนูจำชื่อเขาไม่ได้ เอาเป็นว่าพ่อถามน้องเอาก็แล้วกัน หนูต้องทำงานส่ง ขอตัวก่อนนะคะ” ไบรซ์กอดพ่อแป๊บนึงแล้วเดินกลับเข้าห้องที่เธอใช้ร่วมกับน้องสาว

เมื่อเข้าชั้นปีที่สาม การเรียนหมอหนักหนาสาหัสกว่าที่ผ่านมา ไบรซ์ไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเวลาไปกับการพูดคุยแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย แม้แต่ในช่วงวันหยุดยาวเธอก็ยังเก็บตัว นี่คือสาเหตุที่ชาร์ลีเอาแต่ติดโทรทัศน์เวลาที่อเล็กซิสไม่อยู่บ้าน เพราะพี่สาวคนนี้จะออกจากห้องเพื่อทำอาหารให้เขารับประทานเท่านั้น ไบรซ์สนิทกับอเล็กซิสก็จริง แต่เด็กสาวทั้งสองไม่มีนิสัยคล้ายกันเลย ลูกสาวคนนี้ไม่ใช่คนพูดเก่ง ไบรซ์เข้มงวดกับตัวเองและยึดติดกับตารางชีวิตที่วางไว้มาก ถ้าเธอบอกว่าไม่มีเวลา เธอก็หมายความว่าแบบนั้น

“อย่ากดดันตัวเองมากนะสาวน้อย” เขาตะโกนไล่ตาม พลางสั่นหัวเมื่อเด็กสาวไม่แม้แต่จะขานรับ เอาแต่จดจ่อกับโต๊ะทำงานในห้องตัวเอง

“ที่รักคะ ลูก ๆ ยังเหลือสตูไว้ให้พวกเรานะ” เบียนน่าวางหม้อลงบนโต๊ะ ทั้งสองยิ้มให้กัน ไบรซ์เพิ่งบอกว่าพวกเธอกินจนหมดไปแล้ว แต่เธอแกล้งโกหกซะนี่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Undisclosure    หยุดยั้ง

    “แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน

  • Undisclosure    จุดจบของผู้อยู่มานาน

    “พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้

  • Undisclosure    ไม่มีการต่อรอง

    “เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง

  • Undisclosure    ทำลาย

    แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป

  • Undisclosure    ละเลงเลือด

    ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ

  • Undisclosure    แหกคุก

    มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status