เบนยืนมองร่างอเล็กซ์บนเตียงโรงพยาบาล ห้อมล้อมไปด้วยสมาชิกในครอบครัว เขารอจนกระทั่งพวกโวลคอฟทำท่าจะกลับ แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไป วลาด ผู้มีหน้าตาและรูปร่างคล้ายคลึงกับน้องชายเดินเข้ามาจับไหล่เบน ปลอบโยน
“เบน มันเป็นอุบัติเหตุ”
ไม่ใช่ มันเป็นฝีมือของผม
เด็กหนุ่มกลั้นน้ำตา เขารู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายของเพื่อนกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุแท้จริงมาจากใคร และเขากำลังพูดอยู่กับฆาตกร
“ผมขอโทษ ผมไม่ระวังเอง ผมผิด ความผิดของผมคนเดียว”
“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า นายช่วยชีวิตน้องชายของฉันเอาไว้นะ เข้มแข็งไว้สิ ขอบคุณที่ดูแลน้องของฉันระหว่างรอพวกเรา เบน ตอนนี้นายพักได้แล้วล่ะ เดี๋ยวฉันกับนิคสลับมาเฝ้าเจ้านี่เอง นิคมาพรุ่งนี้ ฉันจองคืนนี้”
“ผมเฝ้าเขาเอง พี่ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”
“บ้าน่า นี่น้องชายฉันนะ นายไม่ต้องห่วงหรอก แต่ถ้านายอยากจะนั่งเล่นก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งพวกเขาก่อน แล้วเดี๋ยวจะกลับมา”
เขากอดเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน ทำไมวลาดต้องเป็นคนดีแล้วยังแสนเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ด้วย ระหว่างนั้นฟีโอดอร์ลูบศีรษะเพื่อนลูกชายเบา ๆ เบนมองพวกเขาจนแน่ใจว่ากลับไปจนหมด ถ้าทั้งหมดรู้ความจริงคงไม่ให้อภัยเขาแน่ พวกเขาคงสาปแช่งแทนอเล็กซ์ไม่ได้นอนหลับอย่างที่คิด เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองตามประตู เมื่อดวงตาสีนิลคู่นั้นมองมาที่เบน ดูเหมือนมันกลายเป็นสีแดง
“เอาชีวิตเธอคืนมา”
เบนไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้ตอบ
“เอาชีวิตเธอคืนมา” เขาไอค่อกแค่ก เบนรีบรินน้ำให้เพื่อนดื่ม แต่อเล็กซ์ผลักมือเขาออก แก้วน้ำตกลงบนพื้นแตกกระจาย “ฉันบอกให้นายขับช้าลง ฉันขอให้นายขับช้าลงแล้ว”
ฉันควรฟังนาย
“ฉันรู้ ๆ ฉันขอโทษ ขอโทษ...มันเป็นความผิดของฉัน” เบนยอมรับโดยดุษฎี น้ำตาคลอเบ้า “ให้อภัยฉันได้ไหม”
“ฉันอยากเจอเธอ พวกเขาเก็บร่างเธอไว้ที่ไหน” อเล็กซ์ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง เขาพยายามลุกออกจากเตียง เบนกดตัวเพื่อนไว้ “อย่าเพิ่งขยับ”
“หลีกไป”
“อยู่นี่แหละ เธอไม่อยู่ที่นี่...”
“แล้วเธออยู่ไหน อย่าบอกนะว่าจัดงานศพไปแล้ว”
“ในทะเล”
....อะไรนะ”
เบนกลืนน้ำลายในปากไปจนหมด มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ “มันลึกเกินไป พวกเขาบอกว่าปล่อยให้เธอนอนอยู่ในนั้นดีกว่า ถ้าเรากู้ซากรถขึ้นมา ร่างของเธออาจไม่สมประกอบ และมันก็ต้องใช้เวลา พ่อนายคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป ตอนนี้ศพอยู่ในทะเล ถ้าพวกเราพยายามจะช่วยเธอขึ้นมา เราอาจจะได้แค่ชิ้นส่วน พ่อนายไม่อยากทำลายร่างเธอ”
เมื่อนั้นอเล็กซ์ร้องโหยหวนราวกับหมาป่าที่กำลังใกล้ตาย เขารัวกำปั้นทุบเตียงไม่ยั้ง จากนั้นก้มหน้าแนบกับหมอน นอนนิ่งไม่พูดไม่จา เบนเห็นรอยน้ำตาที่ไหลออกมาจากแก้มสีซีด
“พวกเขาให้อภัยนายง่าย ๆ เพราะไม่รู้ความจริงใช่ไหม ใช่ไหม”
เบนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเพื่อน เขาเลือกที่จะนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง ก้มหน้าสารภาพ “พ่อบอกให้ฉันโกหกไปแบบนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นคนขับ แต่คิดว่าแนทเป็นคนขับ”
“เธอนั่งอยู่เบาะหลัง ไม่มีใครดำลงไปดูเลยเหรอวะ ไม่มีเลยเหรอ”
“...ฉันเสียใจ...คือ...พ่อของฉันซื้อพวกทีมกู้ภัยไปหมดแล้ว พวกเขาเลย...คือ...”
อเล็กซ์เหมือนไม่อยากฟังข้อแก้ตัวอีกแล้ว เขาหันหลังให้เพื่อน
“อเล็กซ์...ฉันขอโทษ ฉันต้องพูดไปแบบนั้น พ่อบังคับให้ฉันพูดแบบนั้น”
“พอแล้ว ฉันได้ยินมามากพอแล้ว”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่าเธอ ฉันรักเธอเหมือนที่นายรักเธอ”
“แต่นายก็ฆ่าเธอนี่ นายฆ่าเธอ” ทันใดนั้น อเล็กซ์ไออีกรอบ แต่ครั้งนี้เสียงไอดูน่ากลัวกว่าเดิม
“เฮ้...นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“แก...แค่ก ๆ...ฆ่า...แค่ก ๆ”
เบนเข้าไปใกล้ ๆ “เฮ้ยเพื่อน...” เขาวางมือลงบนหลังอเล็กซ์ แต่เพื่อนรักมีปฏิกิริยาตอบโต้ทันควัน เขาสะบัดมือออก เพียงแต่มันไม่ใช่แค่ไล่เบนออกไป ร่างของเบนลอยไปกระแทกกับฝาผนัง ข้าวของรอบข้างปลิวกระจัดกระจาย ทั้งสองมองหน้ากัน ประหลาดใจ เหมือนมีแผ่นดินไหวชั่วครู่ แล้วมันก็หายไป
“นี่นาย”
“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” เขามองหน้าเบนอย่างขวัญเสีย ราวกับตัวเจ้าปัญหาเป็นคนทำให้เกิดเรื่องประหลาดนี้ขึ้น ราวกับเบนเปลี่ยนเขา “นายทำอะไร นายทำอะไรวะ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ไอ้แผ่นดินไหวเมื่อกี้ ก็ไม่ใช่ฝีมือฉันและ...” เบนรีบจัดการให้ข้าวของทุกอย่างกลับมาอยู่ที่เดิมก่อนที่พยาบาล หรือวลาดจะเข้ามาแล้วจะสงสัยเอาได้ เด็กหนุ่มรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง เขาวิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อมองผู้คนเบื้องล่าง ไม่มีใครตกใจ เพียงวูบหนึ่ง เหมือนไฟในหัวจุดติด เขาหันกลับไปมองคนป่วยบนเตียงที่ยังคงอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อครู่ “นายเหมือนกับฉัน นายเป็นเหมือนฉัน”
อเล็กซ์สั่นหัว “ทำไมฉันถึง...” เขายกมือขึ้น ทันใดนั้น เหยือกน้ำข้าง ๆ ขยับและตกลงบนพื้น เด็กหนุ่มผงะ เบนมองข้าวของบนโต๊ะสั่นไหวอยู่ชั่วครู่ ความรู้สึกผิดเมื่อกี้หายไป เขาทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตื้นตันใจ
“นายเหมือนพวกฉัน อย่างงี้นี่เอง เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงมองนายเหมือนน้องชายแท้ ๆ” เบนสวมกอดเพื่อนสนิทอย่างเต็มรัก “ขอบคุณพระเจ้า นายก็เป็นเหมือนกัน พวกเราเป็นเพื่อนรักและมีพลังพิเศษ นี่สินะ สาเหตุที่นายฟื้นตัวเร็ว”
“นายลืมแนทของนายไปแล้วเหรอ”
เบนปล่อยมือออกจากอเล็กซ์แทบจะในทันที “ไม่มีทาง ไม่มีวันลืม แต่นายจะผลักฉันออกไปไม่ได้ นายต้องการฉัน ให้ฉันช่วยนาย หรือนายอยากให้คนอื่นรู้ว่านายมีพรสวรรค์”
“พรสวรรค์เหรอ” อเล็กซ์หัวเราะผ่านลำคอ “เอามันคืนไป ฉันขอแลกกับทุกสิ่งหากทำให้เธอฟื้นขึ้นมา ฉันต้องการแม่ฉันคืน ไม่ใช่ไอ้พรสวรรค์บ้า ๆ นี่”
สัมผัสริมฝีปากแห้ง ๆ ของเธอยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา เบนถอนหายใจ อเล็กซ์ผลักเพื่อนออกไปให้พ้นทาง เขาจะออกจากห้อง “อย่าไปไหน เราต้องคุยกันก่อน”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว ไม่อยากเห็นหน้านายอีก”
ทันทีที่อเล็กซ์หันกลับไป ท่อนแขนสีซีดล็อกเข้าที่คอ ท่อนแขนนั้นแข็งแรงจนเขาแก้ไม่ออก และมันลากเขาออกไปเรื่อย ๆ “อเล็กซ์!” แต่อเล็กซ์ไม่ได้ยิน ไม่ใช่สิ เขาไม่ได้ยินเบนคนนี้ต่างหาก เบนในวัยสิบห้าวิ่งตามเพื่อนออกไปแล้ว จากนั้นมวลน้ำมหาศาลโอบล้อมรอบกาย เบนที่ยังอยู่ เขากำลังถูกลากลงไปในน้ำ ใช่ เขารู้จักมือที่ลากเขาลงไป ทั้งยังจำกลิ่นของเธอได้แม้เป็นกลิ่นศพ เพราะเธอมักมาหาเขาในลักษณะนี้เสมอ
“แนท”
เขามองไม่เห็นอเล็กซ์และเบนในวัยสิบห้าอีกแล้ว นอกจากน้ำ
“ในนี้เย็นเหลือเกิน เบน มันเย็นมาก”
เขาไม่สามารถร้องไห้ หรือแม้แต่ตะโกนออกมาได้ เขาปล่อยให้เธอดึงเขาลงไป “หนาวเหลือเกิน”
นาตาเลีย โวลคอฟ
เขานั่งอยู่ในซากรถของตัวเอง แต่ครั้งนี้นั่งบนเบาะหลังข้างกับผู้หญิงที่เขารัก แต่แนทไม่ใช่แนทที่สวยอ่อนหวานคนเดิม แต่เป็นเพียงซากศพที่กำลังเน่าเปื่อย กลัวหรือไม่ ไม่หรอก ไม่มีทาง มันเป็นความยินดีต่างหาก เขาดีใจที่ได้เห็นเธอ แม้นัยน์ตาของเธอจะปราศจากแสงแห่งชีวิต มือทั้งสองข้างประคองใบหน้านั้นไว้ แนทเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา ดูเหมือนเธออยากจะแก้แค้น แต่สิ่งที่เธอทำได้ทั้งหมดคือลากเขาลงน้ำและปรากฏโฉมเพียงร่างศพ
“คุณมาเข้าฝันผมอีกแล้ว”
ใช่ มันคือความฝัน ความฝันที่แสนหวาน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ปากไม่ขยับ ถ้าเขาทำให้เธอมีชีวิตได้อีกครั้ง ถ้าเขาทำให้เธอพูดกับเขาได้อีกและพูดกับเขาด้วยปากของเธอเอง ไม่ใช่เสียงที่สื่อสารผ่านจิต เขาอาจจะปลุกให้ตัวเองศรัทธาต่อพระเจ้าที่ไม่เคยมีขึ้นมาในใจก็ได้
เขาจูบแนท
แต่เธอหาใช่เจ้าหญิงนิทราไม่
พระเจ้าไม่อยู่จริง หรืออาจจะละทิ้งมนุษย์ไปแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุด เขาไม่เคยเป็นลูกรักของพระเจ้า
พูดกับผมอีกครั้งเถอะ หลอกหลอนผมเท่าที่คุณจะทำได้ ลากผมให้มาเจอคุณอีก ทำให้ผมกลัว ทำให้ผมขวัญผวา มาหาผมในฝันแบบนี้ ปล่อยให้ผมได้อยู่ข้างคุณ ถึงแม้พวกเขาฝังร่างคุณไว้ในทะเล แต่ผมจะฝังคุณไว้กับผม
ไมเคิลไม่ตอบสนองคำขอร้องของเร็กกี้หากแต่พยายามรวบรวมสมาธิภายในเวลาอันจำกัด เขาเคยช่วยอเล็กซิสจากระเบิดมาแล้ว ทำไมครั้งนี้เขาจะช่วยตัวเองและเร็กกี้จากความร้อนไม่ได้ เด็กหนุ่มพยายามนึกถึงตอนที่ตัวเองสู้กับไซบอร์กตัวแรก ยามนั้นเขาอยู่กับอเล็กซิส และเมื่ออยู่กับแฝดสาว ดูเหมือนพลังและความคิดอ่านจะเพิ่มทวีคูณภาพของร่างของพ่อหายวับไปกลับเปลวเพลิงผุดขึ้นมาในหัว เขาจะปล่อยให้ตัวเองและแฝดอีกคนตายแบบพ่องั้นหรือ ชะตากรรมของแฝดทั้งสองจะเหมือนลูก้าใช่หรือไม่ใช้ประสบการณ์ในตอนนั้น ไมเคิล คิด! เขาต้องออกไปให้ได้ และต้องช่วยให้เร็กกี้มีชีวิตอยู่ต่อ ทักษะของชายคนนี้จำเป็นต่อการอพยพ พ่อแม่ ปาสคาล ได้โปรดเถอะ ชี้ทางสว่างที เขาไม่รู้จักพระเจ้า ไม่เคยเชื่อว่าใครอยู่เบื้องบนหรือจะมีจริงหรือไม่ หรือตอนนี้เขาเป็นเพียงฝุ่นในจักรวาล แต่ในเมื่อฝุ่นตัวนี้มีชีวิตจิตใจและมีคนที่ต้องปกป้อง เขาอยากจะเชื่อว่าสิ่งลี้ลับบางอย่างจะประทานทางออกมาให้“ฆ่าฉัน!” เร็กกี้ตะโกนอีกครั้ง แก้มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกดูเหมือนเลือดฝาดหน่อย ๆ แต่เมื่อผ่านไปสักพักผิวกลับแดง
เขาคิดว่าตัวเองจะโดนกระแทกตาย แต่หลังกับกระแทกกับโครงอ่อนหนุ่ม...ไม่ถึงกับนุ่มมากนักแต่ไม่ได้ทำให้หลังเขาหัก อย่างน้อยมันก็ยืดหยุ่น ไมเคิลคลำมือลงบนสิ่งที่ว่า มันเหมือนกิ่งไม้สานต่อกันเป็นรัง เขาหันไปรอบ ๆ เจอเร็กกี้ติดแหงกอยู่ด้านบน ถ้าไม่ใช่เพราะมีไอ้นี่กันไว้ ลำตัวเขาคงกระแทกกับกำแพงหรือไม่ก็เพดาน ทว่าดูจากสภาพแล้วก็ยังมีบางส่วนบาดเจ็บแรงดูดยังคงอยู่ พวกเขาได้แต่นอนนิ่ง ๆ เหมือนหนูติดอยู่ในกับดักกาวเพียงแต่กาวเป็นรากไม้ เนื้อแก้ม ใบหู เส้นผมเหมือนถูกดึงอยู่ตลอดเวลา จนผ่านไปสักพัก ประตูทางเข้าปิดลง ร่างคนทั้งสองตกลงบนพื้น“นายเป็นไง” เขาถาม ขณะยืนขึ้น เร็กกี้ครวญออกมาคำนึงแล้วตอบมา“แขนหัก” สีหน้าชายหนุ่มเหยเก แขนข้างขวาห้อยกับลำตัว ใบหน้าและริมฝีปากซีด “ขอบใจฉันทีหลังได้”ไมเคิลมองไปข้างหน้า ประตูปิดสนิท เขาเห็นเงาเคลื่อนไหวอยู่ราง ๆ เมื่อแรงดูดหายไป ข้างนอกเริ่มสู้ใหม่ ไมเคิลวิ่งไปจับประตู มันปิดสนิท พยายามผลักและเขย่าเท่าไรก็ไม่เป็นผล“กับดักอะไรของมัน นี่ใช่ไหม กับดักที่มันว่า เขาถามชายหนุ่ม
ร่างของเขาหล่นกระแทกบนพื้น แขนสะเทือนไปถึงหัวไหล่ แม้จะอยู่ภายใต้ชุดเกราะแต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิง เรี่ยวแรงที่สะท้อนกลับมานั้นยิ่งกว่าหุ่นยนต์พิฆาตทั้งสองรุ่นเลยทีเดียว ขณะที่เขาพยายามจะลุกขึ้นมาใหม่ก็ได้ยินเสียงปะทะ คนที่เหลือคงซ้ำต่อ แต่เมื่อเขาเงยหน้าได้ก็เห็นว่าชายหนุ่มทั้งหมดนอนกระจายร้องโอยกันหมดมิน่ามันถึงเฝ้าประตูแค่ตัวเดียว เวลานี้ไมเคิลนึกกลับคำในใจ หรือว่ากับดักนั้นง่ายกว่า หรือว่านี่คือกับดัก และแล้วเขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้าของเร็กกี้ ไซบอร์กจะถูกปล่อยออกมาตามรอบเวลา แล้วพวกข้างล่างเล่า มันพอดีกับที่เจ้าตัวนี้โผล่มาหรือไม่เสียงหัวเราะของเด็กสาวดังขึ้นอีกครั้ง มันเดินมองไปทีละร่างเหมือนกำลังเล่นสนุก ยังไม่คิดจะเอาชีวิตใครสักคนในตอนนี้ ดวงตาบนหน้านั้นเหลือบไปมา ลักษณะท่าทางมีชีวิตแต่ก็ไม่มีชีวิต ดูซุกซนแต่ก็เย็นชา เขาไม่แน่ใจว่าเธออายุเท่าไร แต่น่าจะเด็กกว่าไมเคิล ทางการทำอะไรกับเหล่าไซบอร์ก เขารู้ว่าคนพวกนี้เคยเป็นมนุษย์ปกติ แต่ดูตรงหน้าสิ...เธอยังเด็กแต่กลับสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้วหรือ“เธอพูดได้ไหม” เขาเอ่ยถามออกไปมันหยุดชะงักแ
ยิ่งได้กอด เขายิ่งรู้สึกว่าอเล็กซิสผอมลงมากจนน่ากลัว ยังดีที่ไออุ่นของเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง มันอบอุ่นเหมือนแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อนบ่มผิว เหมือนมีสายลมเย็นสบายพัดผ่านและทำให้เขาหวนนึกถึงแม่ตลอด การกอดครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อฟื้นฟูพลังงานในกาย แต่เพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตัวเอง มันอาจเป็นการจากกันครั้งสุดท้ายหรือเริ่มต้นชีวิตใหม่อเล็กซิสไม่ห้ามให้เขาขึ้นไป เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าพวกเขาทำไม่สำเร็จ เธอก็จะตามไปหาเขาด้วย นาฬิกาชีวิตของทุกคนเหลือไม่ถึงสองชั่วโมงและมันก็ลดลงเรื่อย ๆ ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ ทุกคนก็ตาย เหตุและผลง่าย ๆ แต่พวกเขาจะยึดความหวังไว้จนกว่าจะวินาทีสุดท้าย“จำไว้นะ หากฉันขึ้นไปได้ นายก็ต้องอยู่” ดวงตาสีน้ำเงินดูดุดันขึ้นยามเธอจริงจัง“อื้อ” เขาพยักหน้า “เราจะไม่จากกันอีก”“ไม่” เธอส่ายหน้า มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นน้อย ๆ “รักษาตัวนะ...น้องชาย”เขายิ้ม เธอพยายามจะเป็นพี่จนเขายอม เด็กหนุ่มหันไปสบตากับชายหนุ่มผมสีดำ ดวงตาสีเข้มคล้ายเม็ดนิลสบกลับมาเหมือนต้องการจะให้ความมั่นใจผ่านเพียงสายตา ไมเค
มือและเท้าเย็นเยียบขึ้นมา แต่บลูพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ ยิ่งเห็นทุกคนในห้องนี้ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดแต่ยังไม่ถึงขั้นตื่นตระหนกก็ยิ่งสะกดกลั้นไว้ข้างใน แม้ภายในใจไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกไหนก่อนระหว่างกลัวตายกับสูญเสีย“พวกนั้นว่าไง แล้วเจ้าคนที่คุมหุ่นยนต์ได้ล่ะ”เมลิสซ่าส่ายหน้า “เด็กคนนั้นใช้พลังไม่ได้ แต่พวกเขาดูจะจัดการกับของพวกนี้ได้บ้าง” เธอหลิ่วตาไปทางอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รายล้อม “โคดี้พยายามจะปลดล็อกระเบิด ส่วนเรมีกำลังรวบรวมข้อมูลกับดักในตึกนี้ทั้งหมด แล้วก็เร็กกี้...” หญิงสาวถอนหายใจโล่งอก “เขาเคยทำงานในศูนย์วิศกรรมการบินและอวกาศของฟิวเจอร์ริสติกเลยพอจับจุดอะไรได้บ้าง ที่ฉันทำได้คือหาอะไรก็ได้ที่จะพอให้พวกมีมันสมองคิดออก เพราะคนอย่างฉัน แค่เปิดเครื่องยังงง”“ยาน?” ริงโก้ไม่แน่ใจนัก “เราจะหนีด้วยยานเหรอ”“อื้อ” เมลิสซ่าพยักหน้า “มันเป็นวิธีเดียวนี่”“แล้วคนอื่นล่ะ” เดสซิเรถามขึ้น “ยังมีคนกระจายอยู่ทุกเขต ซ่อนตัว หาท
เทสซ่านิ่งงันไปพักหนึ่งก่อนสมองจะทำงานใหม่ เธอกลืนน้ำลายแล้วถามอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น พวกนั้นจะระเบิดตึกนี้...หรือทอยซิตี้?”แม้เป็นคนพูดเอง แต่เมื่อมันออกจากปากไปแล้ว เลือดในกายกลับเย็นวาบลงจนขนลุกไปหมด อเล็กซิสหน้าซีดลง สีหน้าแสดงออกว่ากำลังใช้สมองวิเคราะห์หนัก“เราต้องบอกลู” เทสซ่าสรุป ถ้าจะนับคนที่มีมันสมองดีเลิศ นอกจากเรมี อเล็กซิส และโคดี้แล้ว เธอนึกถึงลู หญิงสาวค่อนข้างเจ้าแผนการและมีประสบการณ์มากกว่า น่าจะเข้าใจตัวเลขนี้ได้ดีกว่า“บางที...” เรมีรุดเข้าไปที่โต๊ะแสตนเนอร์ อเล็กซิสเบี่ยงตัวเดินออกมาให้เขาจัดการ หน้าจอปรากฏข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย เทสซ่าสบตากับรีเวอร์ แววตาของเขาเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่ถึงกับยอมแพ้3:24:34เทสซ่าจ้องมันราวกับว่าเธอจะมีพลังจิตสะกดให้หยุดได้...พลังจิต “โคดี้!” นึกได้แล้วก็หุนหันวิ่งออกไปแม้จะหลับสนิทไปไม่กี่ชั่วโมง แต่โคดี้ใช้พลังหนักหน่วงมากระหว่างอยู่นอร์ธ เลือดกำเดาออกถึงสองครั้ง และเมื่อครู่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้อยู่ในห้อง มีเพียง