เบนยืนมองร่างอเล็กซ์บนเตียงโรงพยาบาล ห้อมล้อมไปด้วยสมาชิกในครอบครัว เขารอจนกระทั่งพวกโวลคอฟทำท่าจะกลับ แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไป วลาด ผู้มีหน้าตาและรูปร่างคล้ายคลึงกับน้องชายเดินเข้ามาจับไหล่เบน ปลอบโยน
“เบน มันเป็นอุบัติเหตุ”
ไม่ใช่ มันเป็นฝีมือของผม
เด็กหนุ่มกลั้นน้ำตา เขารู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายของเพื่อนกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุแท้จริงมาจากใคร และเขากำลังพูดอยู่กับฆาตกร
“ผมขอโทษ ผมไม่ระวังเอง ผมผิด ความผิดของผมคนเดียว”
“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า นายช่วยชีวิตน้องชายของฉันเอาไว้นะ เข้มแข็งไว้สิ ขอบคุณที่ดูแลน้องของฉันระหว่างรอพวกเรา เบน ตอนนี้นายพักได้แล้วล่ะ เดี๋ยวฉันกับนิคสลับมาเฝ้าเจ้านี่เอง นิคมาพรุ่งนี้ ฉันจองคืนนี้”
“ผมเฝ้าเขาเอง พี่ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”
“บ้าน่า นี่น้องชายฉันนะ นายไม่ต้องห่วงหรอก แต่ถ้านายอยากจะนั่งเล่นก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งพวกเขาก่อน แล้วเดี๋ยวจะกลับมา”
เขากอดเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน ทำไมวลาดต้องเป็นคนดีแล้วยังแสนเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ด้วย ระหว่างนั้นฟีโอดอร์ลูบศีรษะเพื่อนลูกชายเบา ๆ เบนมองพวกเขาจนแน่ใจว่ากลับไปจนหมด ถ้าทั้งหมดรู้ความจริงคงไม่ให้อภัยเขาแน่ พวกเขาคงสาปแช่งแทนอเล็กซ์ไม่ได้นอนหลับอย่างที่คิด เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองตามประตู เมื่อดวงตาสีนิลคู่นั้นมองมาที่เบน ดูเหมือนมันกลายเป็นสีแดง
“เอาชีวิตเธอคืนมา”
เบนไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้ตอบ
“เอาชีวิตเธอคืนมา” เขาไอค่อกแค่ก เบนรีบรินน้ำให้เพื่อนดื่ม แต่อเล็กซ์ผลักมือเขาออก แก้วน้ำตกลงบนพื้นแตกกระจาย “ฉันบอกให้นายขับช้าลง ฉันขอให้นายขับช้าลงแล้ว”
ฉันควรฟังนาย
“ฉันรู้ ๆ ฉันขอโทษ ขอโทษ...มันเป็นความผิดของฉัน” เบนยอมรับโดยดุษฎี น้ำตาคลอเบ้า “ให้อภัยฉันได้ไหม”
“ฉันอยากเจอเธอ พวกเขาเก็บร่างเธอไว้ที่ไหน” อเล็กซ์ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง เขาพยายามลุกออกจากเตียง เบนกดตัวเพื่อนไว้ “อย่าเพิ่งขยับ”
“หลีกไป”
“อยู่นี่แหละ เธอไม่อยู่ที่นี่...”
“แล้วเธออยู่ไหน อย่าบอกนะว่าจัดงานศพไปแล้ว”
“ในทะเล”
....อะไรนะ”
เบนกลืนน้ำลายในปากไปจนหมด มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ “มันลึกเกินไป พวกเขาบอกว่าปล่อยให้เธอนอนอยู่ในนั้นดีกว่า ถ้าเรากู้ซากรถขึ้นมา ร่างของเธออาจไม่สมประกอบ และมันก็ต้องใช้เวลา พ่อนายคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป ตอนนี้ศพอยู่ในทะเล ถ้าพวกเราพยายามจะช่วยเธอขึ้นมา เราอาจจะได้แค่ชิ้นส่วน พ่อนายไม่อยากทำลายร่างเธอ”
เมื่อนั้นอเล็กซ์ร้องโหยหวนราวกับหมาป่าที่กำลังใกล้ตาย เขารัวกำปั้นทุบเตียงไม่ยั้ง จากนั้นก้มหน้าแนบกับหมอน นอนนิ่งไม่พูดไม่จา เบนเห็นรอยน้ำตาที่ไหลออกมาจากแก้มสีซีด
“พวกเขาให้อภัยนายง่าย ๆ เพราะไม่รู้ความจริงใช่ไหม ใช่ไหม”
เบนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเพื่อน เขาเลือกที่จะนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง ก้มหน้าสารภาพ “พ่อบอกให้ฉันโกหกไปแบบนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นคนขับ แต่คิดว่าแนทเป็นคนขับ”
“เธอนั่งอยู่เบาะหลัง ไม่มีใครดำลงไปดูเลยเหรอวะ ไม่มีเลยเหรอ”
“...ฉันเสียใจ...คือ...พ่อของฉันซื้อพวกทีมกู้ภัยไปหมดแล้ว พวกเขาเลย...คือ...”
อเล็กซ์เหมือนไม่อยากฟังข้อแก้ตัวอีกแล้ว เขาหันหลังให้เพื่อน
“อเล็กซ์...ฉันขอโทษ ฉันต้องพูดไปแบบนั้น พ่อบังคับให้ฉันพูดแบบนั้น”
“พอแล้ว ฉันได้ยินมามากพอแล้ว”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่าเธอ ฉันรักเธอเหมือนที่นายรักเธอ”
“แต่นายก็ฆ่าเธอนี่ นายฆ่าเธอ” ทันใดนั้น อเล็กซ์ไออีกรอบ แต่ครั้งนี้เสียงไอดูน่ากลัวกว่าเดิม
“เฮ้...นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“แก...แค่ก ๆ...ฆ่า...แค่ก ๆ”
เบนเข้าไปใกล้ ๆ “เฮ้ยเพื่อน...” เขาวางมือลงบนหลังอเล็กซ์ แต่เพื่อนรักมีปฏิกิริยาตอบโต้ทันควัน เขาสะบัดมือออก เพียงแต่มันไม่ใช่แค่ไล่เบนออกไป ร่างของเบนลอยไปกระแทกกับฝาผนัง ข้าวของรอบข้างปลิวกระจัดกระจาย ทั้งสองมองหน้ากัน ประหลาดใจ เหมือนมีแผ่นดินไหวชั่วครู่ แล้วมันก็หายไป
“นี่นาย”
“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” เขามองหน้าเบนอย่างขวัญเสีย ราวกับตัวเจ้าปัญหาเป็นคนทำให้เกิดเรื่องประหลาดนี้ขึ้น ราวกับเบนเปลี่ยนเขา “นายทำอะไร นายทำอะไรวะ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ไอ้แผ่นดินไหวเมื่อกี้ ก็ไม่ใช่ฝีมือฉันและ...” เบนรีบจัดการให้ข้าวของทุกอย่างกลับมาอยู่ที่เดิมก่อนที่พยาบาล หรือวลาดจะเข้ามาแล้วจะสงสัยเอาได้ เด็กหนุ่มรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง เขาวิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อมองผู้คนเบื้องล่าง ไม่มีใครตกใจ เพียงวูบหนึ่ง เหมือนไฟในหัวจุดติด เขาหันกลับไปมองคนป่วยบนเตียงที่ยังคงอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อครู่ “นายเหมือนกับฉัน นายเป็นเหมือนฉัน”
อเล็กซ์สั่นหัว “ทำไมฉันถึง...” เขายกมือขึ้น ทันใดนั้น เหยือกน้ำข้าง ๆ ขยับและตกลงบนพื้น เด็กหนุ่มผงะ เบนมองข้าวของบนโต๊ะสั่นไหวอยู่ชั่วครู่ ความรู้สึกผิดเมื่อกี้หายไป เขาทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตื้นตันใจ
“นายเหมือนพวกฉัน อย่างงี้นี่เอง เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงมองนายเหมือนน้องชายแท้ ๆ” เบนสวมกอดเพื่อนสนิทอย่างเต็มรัก “ขอบคุณพระเจ้า นายก็เป็นเหมือนกัน พวกเราเป็นเพื่อนรักและมีพลังพิเศษ นี่สินะ สาเหตุที่นายฟื้นตัวเร็ว”
“นายลืมแนทของนายไปแล้วเหรอ”
เบนปล่อยมือออกจากอเล็กซ์แทบจะในทันที “ไม่มีทาง ไม่มีวันลืม แต่นายจะผลักฉันออกไปไม่ได้ นายต้องการฉัน ให้ฉันช่วยนาย หรือนายอยากให้คนอื่นรู้ว่านายมีพรสวรรค์”
“พรสวรรค์เหรอ” อเล็กซ์หัวเราะผ่านลำคอ “เอามันคืนไป ฉันขอแลกกับทุกสิ่งหากทำให้เธอฟื้นขึ้นมา ฉันต้องการแม่ฉันคืน ไม่ใช่ไอ้พรสวรรค์บ้า ๆ นี่”
สัมผัสริมฝีปากแห้ง ๆ ของเธอยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา เบนถอนหายใจ อเล็กซ์ผลักเพื่อนออกไปให้พ้นทาง เขาจะออกจากห้อง “อย่าไปไหน เราต้องคุยกันก่อน”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว ไม่อยากเห็นหน้านายอีก”
ทันทีที่อเล็กซ์หันกลับไป ท่อนแขนสีซีดล็อกเข้าที่คอ ท่อนแขนนั้นแข็งแรงจนเขาแก้ไม่ออก และมันลากเขาออกไปเรื่อย ๆ “อเล็กซ์!” แต่อเล็กซ์ไม่ได้ยิน ไม่ใช่สิ เขาไม่ได้ยินเบนคนนี้ต่างหาก เบนในวัยสิบห้าวิ่งตามเพื่อนออกไปแล้ว จากนั้นมวลน้ำมหาศาลโอบล้อมรอบกาย เบนที่ยังอยู่ เขากำลังถูกลากลงไปในน้ำ ใช่ เขารู้จักมือที่ลากเขาลงไป ทั้งยังจำกลิ่นของเธอได้แม้เป็นกลิ่นศพ เพราะเธอมักมาหาเขาในลักษณะนี้เสมอ
“แนท”
เขามองไม่เห็นอเล็กซ์และเบนในวัยสิบห้าอีกแล้ว นอกจากน้ำ
“ในนี้เย็นเหลือเกิน เบน มันเย็นมาก”
เขาไม่สามารถร้องไห้ หรือแม้แต่ตะโกนออกมาได้ เขาปล่อยให้เธอดึงเขาลงไป “หนาวเหลือเกิน”
นาตาเลีย โวลคอฟ
เขานั่งอยู่ในซากรถของตัวเอง แต่ครั้งนี้นั่งบนเบาะหลังข้างกับผู้หญิงที่เขารัก แต่แนทไม่ใช่แนทที่สวยอ่อนหวานคนเดิม แต่เป็นเพียงซากศพที่กำลังเน่าเปื่อย กลัวหรือไม่ ไม่หรอก ไม่มีทาง มันเป็นความยินดีต่างหาก เขาดีใจที่ได้เห็นเธอ แม้นัยน์ตาของเธอจะปราศจากแสงแห่งชีวิต มือทั้งสองข้างประคองใบหน้านั้นไว้ แนทเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา ดูเหมือนเธออยากจะแก้แค้น แต่สิ่งที่เธอทำได้ทั้งหมดคือลากเขาลงน้ำและปรากฏโฉมเพียงร่างศพ
“คุณมาเข้าฝันผมอีกแล้ว”
ใช่ มันคือความฝัน ความฝันที่แสนหวาน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ปากไม่ขยับ ถ้าเขาทำให้เธอมีชีวิตได้อีกครั้ง ถ้าเขาทำให้เธอพูดกับเขาได้อีกและพูดกับเขาด้วยปากของเธอเอง ไม่ใช่เสียงที่สื่อสารผ่านจิต เขาอาจจะปลุกให้ตัวเองศรัทธาต่อพระเจ้าที่ไม่เคยมีขึ้นมาในใจก็ได้
เขาจูบแนท
แต่เธอหาใช่เจ้าหญิงนิทราไม่
พระเจ้าไม่อยู่จริง หรืออาจจะละทิ้งมนุษย์ไปแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุด เขาไม่เคยเป็นลูกรักของพระเจ้า
พูดกับผมอีกครั้งเถอะ หลอกหลอนผมเท่าที่คุณจะทำได้ ลากผมให้มาเจอคุณอีก ทำให้ผมกลัว ทำให้ผมขวัญผวา มาหาผมในฝันแบบนี้ ปล่อยให้ผมได้อยู่ข้างคุณ ถึงแม้พวกเขาฝังร่างคุณไว้ในทะเล แต่ผมจะฝังคุณไว้กับผม
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ
เช้าวันต่อมา บอร์ญ่ายังคงเป็นคนมาเสิร์ฟอาหาร และบราวน์ไม่เข้ามาอีกเลย เขานั่งนับวันตั้งแต่โดนจับจึงนึกได้ว่านี่คือวันศุกร์ เจ้าของบ้านคงออกไปทำงาน ดังนั้นทั้งวัน เขาเอาแต่ทบทวนสิ่งที่ชายคนนั้นบอก“ตัวตนที่ยังหลงเหลือ” เจสซี่ไม่มีความรู้เรื่องสมองของมนุษย์ คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาโทรหาไบรซ์หรือคาเลบได้ ความทรงจำของมนุษย์ถูกลบได้หรือเปล่า สมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร“ไลบราเรียน...เอไลโต” เขาท่อง “ฟุตบอล ออสโล่”เมื่อถึงมื้ออาหารเย็น แคดมันเดินเข้ามา อาหารเย็นวันนี้มีเพียงแซนด์วิชกับน้ำเปล่า และช็อกโกแลตบาร์สองแท่ง เมื่ออีกฝ่ายวางถาด เขาเอื้อมไปจับข้อมือ“เวด”แคดมันสะบัดออกจนน้ำหกกระจาย ดวงตาที่มีสีฮาเซลอ่อนกว่าจ้องกลับมา แววตาคู่นี้ขึงขังดุดันและพร้อมจะเอาเรื่องได้ตลอดเวลา“นายจำอเล็กซิสได้ไหม”“หุบปาก”“ออสโล่ เด็กหนุ่มผมสีแดงใบหน้าตกกระ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”“หุบปาก!”“ซานโบซ่า!”มือข้างขว