พอเขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง สองเท้าของเธอตั้งมั่น มือสองข้างยกปืนขึ้นเล็งหมายจะเหนี่ยวไกให้ได้สักครั้ง ชั่วพริบตา โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์รวมทั้งบานประตูกระเด็นหลุดออกไปคล้ายพวกมันมีชีวิต เมื่อประตูเปิดออก เบนพุ่งตัวออกไปทันทีพร้อมกับอเล็กซิส (ที่ขัดคำสั่งของเบน) เรมีพยักหน้า เธอสาวเท้าเร็ว ๆ ตามออกไป ไม่ทันไรเสียงคำรามดั่งฝูงผึ้งโรมรันแล่นเข้าหูเตือนให้รู้ว่าซอมบี้อีกฝูงใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา จากนั้น ครืน! ฝูงผึ้งแตกรังกระจายออกไปเพราะ
อเล็กซ์ ตามมาด้วยเสียงของเธอเทสซ่าที่ทำให้เธอต้องอุดหู เบ็กกี้กับเรมีไม่ได้อยู่รั้งท้ายจึงเห็นว่าทางข้างหน้าเปิดโล่งพร้อมกับหลังอเล็กซ์และโนเอลที่วิ่งห่างออกไปเธอไม่วายอดชำเลืองมองหลังไม่ได้ กำแพงเฟอร์นิเจอร์กั้นเป็นทางตายไม่ให้ศัตรูแหวกเข้ามา และมันกำลังเคลื่อนดันออกไปด้วย เขาไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ยังมีเพื่อนร่วมทางอีกสองสามคนคอยยิงศัตรูที่เหลืออยู่ให้
“พวกนายไปซะ เธอด้วย ฉันไม่เสียสละตัวเองหรอกน่า ไม่ต้องห่วง” เบนตะโกนไล่ ดูเหมือนเขาจะกอบกู้สติตัวเองแล้วมั่นใจมากขึ้น
“อย่ายืนอยู่แบบนี้ ไปได้แล้วเ
“เบ็กกี้ เข้ามาข้างในเร็วเข้าสิ!” เสียงของโนเอลปลุกให้เธอหลุดจากภวังค์ เขายังคงยิงปืนระรัวคุ้มกันไม่ให้พวกมันย่างกรายเข้ามา เธอวิ่งไปหาเขาโดยไม่ได้หันกลับไปมองพวกอเล็กซิสกับเบนอีก พอเข้าไปในห้อง เรมีพุ่งตัวเข้ามา“จะบ้าตาย นึกว่าเธออยู่ข้างฉันเสียอีก!” เหงื่อบนใบหน้าของเขาผุดเต็มไปหมด“ฉันล้ม แล้วก็...” เธอมองหาอเล็กซิส จึงเห็นว่าเด็กสาวคนดังกล่าวเพิ่งเข้ามาข้างในพร้อมกับเบน มือยังคงกุมปืนแน่นแม้จะสั่น ท่าทางที่เบ็กกี้ไม่อาจเลียนแบบได้ ความรู้สึกผิดกลืนกินไปทั้งร่าง มันเป็นความรู้สึกที่แย่ยิ่งกว่าเห็นพวกนั้นรุมทึ้งร่างเหยื่อ ทำไมเธอสงสารเจ้าพวกนั้น“พวกเราเหลือเท่าไร” เธอได้ยินพวกเขาคุยกันเหลือเพียงสามสิบกว่าคนจากห้าสิบกว่า พอเธอเหลือบเห็นนาฬิกาในมือตัวเอง ปากก็ขยับออกไปทันที “พวกมันคือพวกเรา!”ทุกคนจ้องมาที่เธอ เบ็กกี้อธิบาย “ฉันเห็นพวกมันใส่นาฬิกาเหมือนที่พวกเราสวมอยู่ พวกมันเคยเป็นมนุษย์แบบพวกเรา”“ใช่ เธอพูดถูก ฉันสังเกตเห็นเหมือนกัน” เวดเสริม มือข้างหนึ
เสียงวิ้งประหนึ่งมีแมลงบินอยู่ดังก้องในหัวอยู่หลายนาที หูของเธออื้อเมื่อเสียงห่าปืนถล่มเข้ามาในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว พอสติสัมปชัญญะกลับคืนมา เธอเห็นห้องพังทลายไม่มีชิ้นดี พร้อมกับอีกหลายชีวิตที่นอนตายเกลื่อนดั่งกลุ่มมดตัวเล็ก บ้างถูกหุ่นยนต์พิฆาตสังหารตายทันทีก่อนที่จะรู้ตัว บ้างบาดเจ็บสาหัสแต่ยังมึนงง อเล็กซิสรู้สึกเหมือนประสาทสัมผัสหยุดทำงานไปชั่วขณะ แม้แต่รับรู้การเคลื่อนไหวตรงหน้านั้นช้าลงราวกับเทปยืดก่อนที่ภาพจะตัดเข้ามาเป็นปกติ ตรงหน้าเธอ ร่างโอ.เจ. ดิ้นเร่า ๆ ประหนึ่งเริงระบำอยู่บนกองไฟที่ลุกโหม จังหวะเดียวกับที่กระสุนหลายสิบนัดทะลุทะลวงเข้าร่าง ไม่นานร่างไร้วิญญาณของเขาล้มลง ห่างออกไปจากจุดที่เธอหมอบอยู่ไม่กี่นิ้ว เขามีสภาพไม่ต่างจากฟองน้ำที่มีรูพรุนไปทั่ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังมีชีวิต พูดคุย และเสนอไอเดียอยู่เลยโอ. เจ. ซิมมอนส์ เด็กเสิร์ฟวัยยี่สิบสามปี เสียชีวิตมันคงเป็นนิสัยติดตัวของเธอไปซะแล้วที่ชอบตั้งคำถาม การทดลองนี้มีไว้เพื่ออะไรกันแน่ หาสาเหตุหรือทดสอบพลัง? แล้วมนุษย์ธรรมดาอย่างเธอล่ะจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร ในเมื่อมนุษย์นั้นเปราะบางและอ่อนแอเกินกว่า
หุ่นยนต์อีกสองตัวที่เบนสกัดไว้กำลังจะปล่อยลำแสงเลเซอร์สีแดงอีกรอบ พอเบนหลบ พวกมันจึงเป็นอิสระอีกครั้ง พายุกระสุนเริ่มบรรเลงเพลงทำลายล้างอีกรอบแล้วหยุดชะงักเมื่อถูกคุม เทสซ่านอนกุมรอยไหม้ที่แขน แต่ละคนสบถ ก่นด่าทั้งรัฐบาล หุ่นยนต์ ซอมบี้ ศพที่ขวางทาง แม้แต่เศษปูนที่ทำให้สะดุดล้ม ไม่มีใครหยุดอยู่กับที่ อเล็กซิสมองซ้ายขวา พยายามนึกหาวิธีกำจัดพวกซอมบี้ในคราวเดียวกันให้หมด รวมทั้งเจ้าหุ่นยนต์อีกสามตัว แค่ยิงให้ล้มคงไม่พอ และถึงแม้โนเอลจะมีระเบิด แต่จะจัดการพวกหุ่นยนต์ได้หรือเปล่า สีหน้าของเบนนั้นอ่อนล้า เขาดูท่าใช้พลังไปมากที่สุดและถ้าหากเขาไม่ไหว จบเห่อเล็กซิสผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบ หลบแรงเหวี่ยงของอเล็กซ์ที หลบกระสุนคนอื่นที แวบหนึ่งที่เธอเห็นหุ่นตัวที่สู้กับอเล็กซ์กำลังจะปล่อยลำแสง ดูดี ๆ สิ ที่ตาของมันปรากฏแสงไฟกะพริบสีแดงก่อนจะ...เธอล้มตัวหมอบแนบพื้น“โว้ย ไอ้หุ่นระยำ” นั่นคือเสียงของอเล็กซ์ จากนั้นตามมาด้วยเสียงระเบิด อเล็กซ์พิชิตมันได้ในที่สุด เหลืออีกสอง และซอมบี้อีกฝูงที่กำลังรุมกินโต๊ะเพื่อนร่วมทางอีกหลายคน เธอเตะเจ้าตัวที่เข้ามาจะกินเธอเป็น
จากการต่อสู้เมื่อครู่ พวกเขาเดินมาถึงจุดเซฟโซนแรกโดยปราศจากศัตรูคอยสกัดแต่ต่างอยู่ในสภาพอิดโรย ได้ยินเสียงตูมตามแว่วมาบ้าง คงเป็นกลุ่มอื่นที่ยังเผชิญกับเจ้าพวกนี้อยู่ กลุ่มของเธอเหลือรอดทุกคน แต่เมื่อเห็นจำนวนคนลดลงจนบางตา เธออดใจหายไม่ได้ แม้แต่เด็กหนุ่มที่ชอบเถียงเธอ ตอนนี้กลุ่มของเขาเหลืออยู่แค่สองจากห้า และทั้งคู่เดินกอดกันแน่น ทั้งหมดเหลือกันไม่ถึงยี่สิบคนจุดเซฟโซนจะมีจุดเด่นคือประตูกระจกอัตโนมัติเผยให้เห็นของกิน อาวุธ เครื่องมือปฐมพยาบาล และพื้นที่ว่างสำหรับนอนพัก มันกระตุ้นให้พวกเขาวิ่งกรูกันเข้าไป แต่ละคนหามุมของตัวเอง อเล็กซิสทำแผลรอยถากกระสุนของออสโล่เสร็จก็จัดการแผลฟกช้ำและรอยแผลเล็ก ๆ ของตัวเอง นอกจากนี้เธอมีอาการเคล็ดที่กล้ามเนื้อรุนแรงจึงต้องทายาคลายแทบทั้งแขน เธอภาวนาขอให้ยาในนี้ยังคงประสิทธิภาพเหมือนที่ทำให้แผลบนตัวหายไปครั้งก่อน อเล็กซิสไม่เคยได้แผลเยอะขนาดนี้มาก่อนหากไม่นับเหตุการณ์ที่เจอกับพวกบรูซและคาเมรอน“เป็นไรมากไหม” เธอเงยหน้าถามเมื่อเทสซ่าเดินมาหยิบน้ำเปล่า เพื่อนสาวชูผ้าพันแผลที่แขนแล้วยิ้ม บอกว่าไม่เป็นอะไรอยู่ ๆ ออสโล่ถ
อเล็กซิสทำหน้ามุ่ย “ในนี้ไม่น่าจะมีเครื่องดักจับควันแล้วมั้ง”เขาพ่นควันออกมา “อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกมันต้องการทดสอบขีดจำกัดของพวกฉันด้วย พลังน่ะ มันพัฒนากันได้นะ”ซาร่าห์ทำท่าเหมือนจะนอนซบตักเวดก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ เบนหลิ่วตาให้เธอ “เธอก็รู้นี่ สำหรับคนที่ค้นพบพลังมาตั้งแต่เด็กอย่างฉันจะเห็นความแตกต่างชัดมาก ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ฉันเพียงแค่ขยับของได้นิดหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ก็อย่างที่พวกนายเห็น อเล็กซ์ก็เหมือนกัน ตอนแรกยังบังคับทิศทางคลื่นพลังตัวเองไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้เขาประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างแล้ว ฉันไม่ได้ค้านเธอหรอกนะแบมบี้ เห็นด้วยกับที่เธอว่ามาทั้งหมด แต่แค่เสริมให้อีกหน่อย”อเล็กซิสพยักหน้า“แต่ว่า ด่านที่เราผ่านมาโคตรหินเลยนะ กว่าจะมีพลังแฝง กว่าจะรู้ว่าตัวเองมี” ซาร่าห์สั่นหน้า “ขนาดฉันยังจะไม่ไหวเลย ตายก่อนแน่”เบนส่ายหน้า “ถ้ารอดไปได้ เธออาจจะเบิร์นคนหรือสิ่งของได้พร้อมกัน ไม่ใช่ทีละตัวเหมือนวันนี้”“มันคือการสุ่ม” เวดออกความเห็น “ถ้ารอดตายและแ
ปืนหลากหลายรุ่นวางเรียงกันไม่เป็นระเบียบ ดวงตาสีน้ำตาลออกเหลืองไล่ดูจากซ้ายไปขวา มือข้างหนึ่งหยิบขึ้นพิจารณาแล้ววาง ทำแบบนี้จนเลือกได้ เขาเลือกขนาดกระบอกที่ใหญ่กว่าและสะดวกกว่าอันเก่า มืออีกข้างถือก้อนขนมปังรสชาติจืดชืดยัดเข้าปากไปพลาง พอเคี้ยวเสร็จหันมองเพื่อนที่ยังนอนไม่ยอมลุก เอาแต่จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น“ถ้าใช้พลังพร่ำเพรื่ออย่างเมื่อวาน เห็นทีได้นอนเป็นวันแน่” เขาโยนปืนกระบอกใหม่ให้อเล็กซ์ หนุ่มผมดำคว้าหมับ “ถ้าโผล่มานิดหน่อยก็ใช้ปืนเอา”อเล็กซ์ลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา “ทำไมฝั่งนั้นคุยกันเครียดจังวะ” เขาบุ้ยใบ้ไปทางพวกอเล็กซิสที่กำลังถกประเด็นอะไรสักอย่างกับสาวน้อยช่างฝันเบ็กกี้ แต่ละคนดูจริงจังจนน่าตลก“ถามเขาดิวะ” เพื่อนร่างสูงค่อย ๆ คลานออกจากที่นอน มันสร้างจากกองเสื้อผ้าหลายสิบตัว เขาบิดขี้เกียจ “แล้วเมื่อวานคุยอะไรกันกับพวกนั้น”“อ้าว นึกว่าหลับไปแล้ว”“ง่วง ขี้เกียจคุยยาว กลัวว่าจะไม่ได้นอน”เบนยัดซองกระสุนลงไปในกระเป๋ามากกว่าครั้งแรก แม้หลับไปตื่นหนึ่งจะช่วยฟื้นฟูกำลังได้เยอะ แต่เขาต้องเผื่อสำหรับโอกาสที่อาจจะไม่ได้แวะจุดเซฟโซนด้วย เขาไม่อยากมีสภาพจนตรอกเหมือนพวกที่ไม่มีพลังพ
“ไง ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย พวกเราสูญเสียตัวอย่างการทดลองไปแล้วเกือบครึ่ง (“ตัวอย่างการทดลองงั้นเหรอ” เบนงึมงำในลำคอ) อย่าเพิ่งเสียกำลังใจไปเลย ทางออกอาจจะไกลแต่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ถ้าพวกเธอเร่งฝีเท้ากันสักนิด ระมัดระวังตัวอีกสักหน่อย ไม่แน่ ทุกคนที่ยังเหลือรอดอาจไปถึงครบทุกคนก็ได้ เพื่อให้มีกำลังใจต่อ เราได้ติดตั้งพอร์ตพิเศษขึ้นเพื่อพาออกจากสนามทดลองก่อนถึงจุดทางออกทั้งสาม พอร์ตที่ว่าจะตั้งอยู่สิบจุด จุดละหนึ่งเครื่อง นี่คือข้อเสนอพิเศษที่สุดแล้ว อ้อ อย่าลืมว่าแต่ละพอร์ตใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อผู้โดยสายหนึ่งท่าน ใครโชคดี ค้นพบก่อนเพื่อนก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้ทันที ดังนั้นอย่ามัวพิรี้พิไร พวกเราหวังว่าจะได้เจอพวกเธออีกในเร็ว ๆ นี้ ขอให้โชคดี”เสียงลำโพงดังซ่าก่อนจะดับลงไป ข่าวใหม่ทำให้หลายคนฟื้นจากอาการหมดอาลัยตายอยาก“ไอ้หัวฟูลมูน” เบนพึมพำ จำเสียงได้“เร่งฝีเท้ากันเถอะ พวกเราต้องรีบหาเครื่องนั้นก่อนใครใช้ไป”เบนแค่นยิ้ม ดูแคลนเด็กชายที่พูดความคิดนี้ออกมา“มันเป็นกับดัก” โนเอลท้
เมื่อนั้นดวงตาของมันส่องประกายสีแดงอีกรอบ อเล็กซ์ลุกขึ้น ยื่นมือออกไปทันที หุ่นยนต์ที่อยู่บนพื้นถูกคลื่นพลังกระแทกอัดเข้ากับกำแพงจนตาที่กะพริบนั้นดับลง อีกครั้งที่เขาเห็นไมเคิลจู่โจมศัตรูด้วยแรงมหาศาลและความไวที่เร็วจัด เขาตรงเข้าล็อกคอแล้วดึงส่วนหัวออกด้วยมือเปล่า ปาเศษเหล็กลงบนพื้นแล้วเตะซากลำตัวออกไปเสียไกลแต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาทึ่งหรือยินดี ไมเคิลหันไปทางที่เขาโผล่มา หุ่นยนต์เหล็กอีกสองตัววิ่งเข้ามาปะทะ เสียงปืนพร้อมใจกันดังขึ้นสกัด ตัวหนึ่งกระโดดสูงแต่ถูกยิงจนร่วงหล่นสิ้นฤทธิ์ พวกมันจัดการง่ายกว่าหุ่นยนต์ชั้นล่าง แต่...อีกสิบกว่าตัววิ่งตามมาเสริมทัพพริบตานั้น หางตาของเขาเหลือบเห็นไอ้หน้าหล่อกระชับกระเป๋าเป้บนหลังแล้วเตรียมจะวิ่งหนี “ไอ้สัตว์”ปืนของเขาหันไปทางเด็กหนุ่มคนนั้นทันที “อย่าแม้แต่ขยับ” กรามของเขาสั่นระริก เพราะไอ้หน้าโง่นี่ พวกหุ่นยนต์ถึงโผล่มาเป็นฝูง “นายพาพวกมันมา อย่าคิดจะให้พวกเราจัดการให้แล้วชิ่งหนีไป”ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาของไมเคิลชำเลืองมองเบนด้วยหางตาแวบเดียว เขาไม่สนใจคำ
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้