“พ่อ” น้ำเสียงชายหนุ่มต่ำลง “ผมไม่เชื่อ มันอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่ผมไม่เชื่อว่านั่นเป็นภาพจริง มันเป็นไปได้ เรายังไม่รู้ว่าสถานที่อยู่ไหน ขนาดประกาศข่าวไฟไหม้โครม ๆ ก็ยังไม่รู้ที่อยู่ ผมไม่เชื่อเด็ดขาด มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ พวกเขาจึงตัดสินใจพับโครงการ แต่ไม่ใช่เพราะไฟไหม้และมีคนตาย”“แล้วก็ประกาศให้กลุ่มเสี่ยงเป็นภัยที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุด ถ้าพบเจอจะถูกกำจัดทิ้งทันที” คาเลบพูดต่อเขาจำได้ ข่าวรายงานว่ากลุ่มเสี่ยงเป็นผู้ก่อไฟ“พ่อ เป็นไปได้ไหมว่าน้องหนีออกไปได้ น้องอาจอยู่ในกลุ่มที่คิดหนีก็เลยดึงรูปพวกเราออกไป แถมเครื่องเล่นซีดีก็หายไป” เขาเปิดกล่องซีดี “นี่ไง บางอัลบั้มแผ่นหายไป แน่สิ ยัยตัวเล็กต้องเอาคาร์เมนไป นั่น (เปิดดู) ไม่ได้หายไปแผ่นเดียว ของวงนี้ก็ด้วย” เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มของคาเลบกลับมองอย่างเศร้าสร้อย“ก่อไฟแล้วเผาทุกคนวอด นั่นใช่น้องหรือ”แน่นอนว่าไม่ใช่“มันอาจมีอะไรผิดพลาด...พวกเขาจะหนี แต่ดันกลายเป็นอุบ
เจสซี่กลอกตา พวกเขาทะเลาะกันไปครั้งหนึ่ง ไบรซ์เห็นข่าวเขาคบกับจูน อดีตเพื่อนสนิทของอเล็กซิส เธอโกรธมากทีเดียว ไบรซ์ไม่ใช่คนโกรธใครง่าย ๆ แต่เวลาโกรธทีน่ากลัวที่สุด เธอหาว่าเขาทรยศอเล็กซิสแล้วความเป็นตัวเอง น่าขำ ขนาดน้องสาวทั้งสองยังคิดว่าเขาชอบผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์คนเราต้องจำกัดรสนิยมแค่เพศเดียวหรือไง แต่ประเด็นคือ เขาไม่ได้ชอบจูน“เราคุยกันแล้วนะ”ไบรซ์เงียบไป จากนั้นสายตัดงอนอีกแล้ว เขาส่ายหัวแล้ววางโทรศัพท์ ข้อเสียของไบรซ์คือ เวลาเธอโมโหจะใช้ความเงียบหรือตัดบทไม่พูดไม่จา ต้องรอให้เจ้าตัวเย็นก่อนถึงจะเข้าไปคุยได้ ความโกรธของไบรซ์ไม่ต่างจากน้ำแข็งเย็นยะเยือก ในขณะที่เจสซี่เป็นไฟเผาผลาญ พอหมดเชื้อก็หมดฤทธิ์ แต่กว่าไบรซ์จะละลายโทสะได้ก็ใช้เวลานานทีเธอมีแฟนยังงุบงิบจนฉันรู้เอง แล้วจะมาบังคับไม่ให้ฉันคบคนนู้นคนนี้ไม่ได้นะ นี่มันงานโว้ย เขาทำปากขมุบขมิบใส่เครื่องโทรศัพท์ประหนึ่งว่าเห็นน้องสาวอยู่ตรงนั้น ขณะนั้นชาร์ลีเดินผ่าน เด็กน้อยหยุดมองภาพครอบครัวแล้วโบกมือกับรูป จากนั้นวิ่งไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
มุมโต๊ะรับประทานอาหารก็มีแต่ขนมที่เขาซื้อมา เขาเดินออกไปที่สวนด้านหลังเพื่อข่มความโกรธ คาเลบไม่เคยทิ้งชาร์ลีไว้ในบ้านคนเดียวจนกระทั่งเบียนน่าตาย เขาก็มักไปเยี่ยมหลุมศพเธอเสมอ พูดกับเธอราวกับยังมีชีวิต เจสซี่เงยหน้ามองสภาพสวนที่เคยอุดมไปด้วยพืชพรรณ กลับต้องเจอกับสภาพผักสวนครัวเต็มไปด้วยวัชพืช ชายหนุ่มหันหน้าซบกำแพงทันที มือข้างขวาทุบอยู่สองสามทีเพื่อระบายความอัดอั้นก่อนจะตั้งสติลูบหน้าลูบตา เจสซี่มองหาคราดแล้วถางหญ้าที่บังกระถางออก จากนั้นก็หยิบอุปกรณ์เช่นพวกกรรไกร เสียมแล้วจัดการกำจัดส่วนเกิน เขาพยายามตกแต่งให้มันสวยงามเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่สมัยก่อนเกลียดงานทำสวนที่สุด โดยเฉพาะเวลาแม่เรียกให้ไปช่วยตั้งแต่อเล็กซิสถูกจับไป เบียนน่ามีอาการเซื่องซึมอยู่ตลอด บางครั้งเธอก็จะแสร้งทำตัวปกติแต่ทุกคนสัมผัสได้ว่าในใจของแม่ปวดร้าว ทุกคนต่างเป็นห่วงสุขภาพจิตแต่ลืมไปว่ามันส่งผลต่อสุขภาพกายของเธอด้วย ที่สำคัญ แม่พยายามปิดบังอาการเจ็บป่วยในตัวมาตลอด อาจจะเป็นมานานแล้วก่อนเกิดเรื่องอเล็กซิสด้วยซ้ำ และเพราะพวกเขาตาบอดมัวแต่คิดว่าเธอไม่แข็งแรงเพราะความเครียดอย่างเดียว อีกอย่างเบียนน่ามีความอดท
มันยังคงเป็นเมืองเล็กอันเงียบสงบ แต่บรรยากาศที่สัมผัสได้ตั้งแต่ขับรถเข้ามาแตกต่างจากวันที่รถตู้ตำรวจพาเด็กพวกนั้นไป และหนึ่งในนั้นเป็นน้องสาวของเขา สำหรับเจสซี่ ซานโบซ่าไม่มีวันกลับไปเหมือนวันวาน ทั้งที่ชาวเมืองยังใช้ชีวิตกันปกติ ผู้คนลืมเลือนเหตุการณ์ในวันนั้น ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เขาตระหนักความจริงข้อนี้ดีแต่ไม่อาจเริ่มต้นแล้วก้าวต่อไปได้สักที นับวันเส้นทางข้างหน้าคล้ายตรงดิ่งสู่เหว ความเหงาเปรียบดั่งเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเงียบเชียบและติดต่อกันในสมาชิกครอบครัวไม่ต่างจนเจ็บไข้ได้ป่วยคนรุ่นราวคราวเดียวกันต่างออกไปตามหาความฝัน กลุ่มเพื่อนแยกย้ายกันไปทำงานเมืองอื่น เจสซี่แทบไม่เจอคนคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะแต่ละคนต่างอยู่ในช่วงเริ่มงาน รุ่นเด็กลงไปเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย พอมาเจอเด็กวัยรุ่นในเมือง เขาก็ไม่คุ้นหน้าแล้ว บางคนพอจำได้ก็ส่งยิ้มให้เกือบปีเท่านั้นเอง...แต่กลับเหมือนสิบปีเขาจอดเจ้าโวลคอฟรุ่นเอ็มสามสิบเก้าไว้หน้าบ้าน มันเป็นรุ่นกลาง ได้มาตอนรับตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายกฎหมายของวลาดิเมียร์ โวลคอฟ เนื่องจากโวลคอฟไม่ใช่รุ่นยอดนิยมในซานโบซ่านัก เพราะคนส่วนใหญ่เดินทางใช้รถเก่า ๆ และจักรยาน เมื่
อาคุสะถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ“อะไรอีก” อเล็กซ์ถาม“อเล็กซิสเป็นกลุ่มเสี่ยง” เขาตอบ “นายก็รู้ว่าพลังชีวิตของกลุ่มเสี่ยงมากกว่าคนปกติทั่วไป ยิ่งพวกเขาเป็นแฝด แถมยังเป็นแฝดที่เกิดจากแฝดพิเศษ สิ่งที่พวกเราเห็นอาจเป็นตัวพิสูจน์ อย่างน้อยตาเฒ่าทรอยก็ทำสำเร็จอยู่บ้าง ฉันคิดว่าพวกเขาพิเศษกว่ากลุ่มเสี่ยงอย่างพวกเราอีกนะ”ตอนนี้หัวของเขามึนตึบตามอาคุสะไม่ทัน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านสีหน้าออกจึงอธิบายต่อ “ร่างต้นแบบของลูก้าและเจมม่าเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแรก ฝาแฝดที่มีพลังพิเศษ ร่างโคลนก็มีพลังพิเศษ ลูก ๆ ของพวกเขา...ไมเคิลก็มีพลังพิเศษ ตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่าอเล็กซิสมี เป็นไปได้ไหมว่าถ้าพ่อแม่เป็นกลุ่มเสี่ยง ลูกก็จะเป็นกลุ่มเสี่ยงเหมือนกัน แล้วความที่พวกเขาเป็นแฝด จึงมีพลังเชื่อมเข้าหากัน เกื้อหนุนกัน”อาคุสะวางมือบนไหล่อเล็กซ์แล้วตบเบา ๆ “มันเป็นสัญญาณที่ดี เธอไม่ตายง่าย ๆ หรอก”อเล็กซ์ยืนนิ่งแต่ดวงตากวาดมองรอบ ๆ อเล็กซิสไม่ใช่คนเดียวที่บาดเจ็บ ยังมีคนเจ็บ บ้างมีแผลเล็กน้อย บ้างบาดแผลฉกรรจ์ เมื่อนั้นจึงตบหน้า
ความเงียบเปรียบดั่งมีดคมเสียบแทงเข้าไปในหัวใจ หากเพียงคนที่บาดเจ็บเป็นเขาแทน เขายอมแลกทุกอย่าง อเล็กซ์ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อมองทุกคนตายไปต่อหน้าต่อตา คนเหล่านี้ช่วยชีวิตเขาได้สำเร็จทุกครั้ง ไม่ว่าจะแม่ เบน และอเล็กซิส แต่เหตุใดเขาไม่เคยช่วยชีวิตใครได้เลย ไม่มีแม้แต่โอกาสได้ช่วย“อเล็กซ์!” ไมเคิลกระชากแขน เขาหันไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม“ไม่!” เขาตวาดใส่หน้า หากไมเคิลจะแย่งไปก็ทำได้ แรงของอีกฝ่ายมีมากกว่าและอเล็กซ์ก็ไม่เหลือพลังโต้กลับ แต่เพราะมีอเล็กซิส ไมเคิลจึงทำได้เพียงอ้อนวอน“ปล่อย ฉันจะช่วยเธอ!”“ไม่!” เขาตะโกนใส่หน้าเด็กหนุ่ม “ทุกครั้งที่ฉันปล่อยมือ เธอก็ห่างฉันไปทุกที...” ก้อนสะอื้นจุกในคอ เขาไม่อาจโต้ตอบได้อีกกล้ามเนื้อบนหน้าไมเคิลกระตุก เขาโกรธ โกรธมาก แต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ “นี่พี่สาวฉัน ฝาแฝดของฉัน ปล่อยตัวเธอ ฉันอาจช่วยเธอได้ เมื่อกี้...”“ก็ทำสิ!” เขาดึงแขนเด็กสาวกลับ จ้องดวงตาสีฟ้าที่คล้ายกับของอเล็กซิสหากแต่สีนั้นอ่อนกว่า “ช่วยชีว