로그인"คุณคิมครับ แน่ใจเหรอว่าเขาน่าเชื่อถือได้ ดูแล้วน่าจะไร้ความสามารถมากกว่า"ผู้จัดการมูลนิธิอายุราวห้าสิบแต่งตัวเป็นระเบียบ ได้แสดงสีหน้าสงสัยเมื่อเห็นการกระทำของเอส"ไม่รู้สิ...แต่ฉันมองคนไม่เคยพลาดหรอกนะ เขาต้องกลายเป็นผู้บริจาคอันดับหนึ่งของคืนนี้แน่ ๆ"คิมยืนยันความคิดเดิม แม้ตอนนี้ไม่มีใครเชื่อว่าเอสจะพลิกกลับมาได้อีก"รอดูไปก่อนดีกว่า บางทีเขาอาจจะมีไพ่เด็ดก็ได้"เธอหันมายิ้มให้ผู้จัดการที่ยังลังเล เขาไม่อยากเชื่อว่าจะมีอะไรทำให้เขากลับขึ้นมาได้ นอกจากหุ้นตัวนั้นจะพุ่งทะลุเพดานเหมือนอีเดน"จะว่ายังไงดี ผมยังไม่เคยเห็นใครโง่เท่าเขาเลย คิดอะไรของเขากันแน่" ประธานเดวิด จากกลุ่มพลังงานพูดขึ้น เขาดูมีความสุขจนยิ้มออกมา"ไม่ได้โง่อย่างเดียว ยังอวดฉลาดกล้าท้าทายคุณอีเดน ตอนแรกเขารอดมาได้เพราะคุณอีเดน แต่ก็เลือกเดินโง่ลงเหว" เอกชัย ประธานกลุ่มโทรคมนาคมอันดับหนึ่งของประเทศกล่าวเสริมในวงสนทนาของโต๊ะวีไอพีต่างกล่าวโทษว่าเอส โง่จนไม่ควรจะมาเล่นหุ้น หรือทำธุรกิจอะไรอีกเลย"นี่คือวิสัยทัศน์ของเขายังไงละ พวกคุณยังคิดว่าเขาจะทำให้บริษัทมุ่งไปในทางไหน ผมว่าคงไม่ต่างจากหุ้นที่เขาซื้อหรอกครับ""คุ
"คนเรามีปากก็พูดได้ แต่จะทำตามที่พูดได้ไหมก็อีกเรื่องสินะ ถ้าเก่งจริงก็ทำให้พวกเราเห็นสิ""อย่าไปสนใจเขาเลยครับคุณอีเดน ก็แค่พวกปลายแถวที่ยากก่อกวน หาแสงให้ตัวเองมากกว่า"ประธานสองคนพูดขึ้น คำพูดที่ดูถูกเขา เอาใจเจ้านายที่จะให้ข้าวให้น้ำแบบนั้น เอสเจอมาเยอะแล้ว คนพวกนี้คบไม่ได้สักคน"ผมไม่สนใจคำพูดหรอกนะ ถ้าเก่งจริงก็ทำให้ดูสิ ไม่ใช่โอ้อวดเกินจริง"เอสหันมามองพวกเขาก่อนจะยิ้มเยาะ เขาไม่รู้สึกโกรธ หรือไม่พอใจ แต่รู้สึกดีใจมากกว่าที่พวกเขาเอาแต่เห่าหอน เพื่อระบายความโกรธคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อ่านออกง่ายจะตาย"ผมเองก็ไม่ชอบพูดมากด้วยสิ คงต้องแสดงให้เห็นแล้วล่ะว่าอะไรคือความสามารถ"เขาเปิดบัญชีด้วยเงินล้านบาท ก่อนจะมองดูรายการหุ้น และข้อมูลบนหน้าจอ เอสไม่รีบร้อนว่าต้องซื้อหุ้นตัวไหน เพราะทุกอย่างมีจังหวะของมันเมื่อพวกนั้นเห็นเขายืนนิ่งกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ก็พากันคิดว่าเอส คงไม่สามารถทำอะไรได้ จึงพูดขึ้น"กลัวจนไม่กล้าจะกดซื้อเลยเหรอ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ยอมแพ้และขอโทษคุณอีเดนซะสิ""ยอมรับความพ่ายแพ้เถอะ อย่าเสียเวลาเลย"คนอื่นในงานต่างก็จับตามอง เพราะคำพูดของเอสท้าทายความสามารถไปม
เอสนั่งดื่มไวน์กับสาว ๆ ไม่สนใจพวกเขา เพราะไม่อยากเสียเวลาที่มีค่าไปกับเรื่องไม่สำคัญแต่ก็แอบขัดหูอยู่บ้าง เพราะอีเดนพูดอย่างกับกูรูสอนหุ้น เหมือนเป็นผู้ยังรู้อนาคตจนเขารู้สึกเลี่ยนขึ้นมาส่วนคนอื่น ๆ ก็เห็นตามโดยไร้ข้อกังขา จะต่างอะไรกับเผด็จการที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งความคิดของผู้นำ แต่อีเดนน่าจะเป็นเซียนหุ้นสายมู ใช้ความเชื่อของคนอื่น ทำให้ตัวเองดูมีความสามารถ ไร้เทียมทาน"ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่า การมองตลาดหุ้นต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่มองแค่ผิวเผิน ต้องรู้ข้อมูลสำคัญ จนสามารถคาดเดาอนาคตได้อย่างแม่นยำ"อีเดนพูดพลางกดเปิดบัญชีหุ้นทันที แล้วหันมามองเหล่าแฟนคลับที่ยืนให้กำลังใจ โดยเฉพาะพวกสิบบริษัทชั้นนำที่เป็นแฟนตัวยงของเขา"ผมจะใช้แค่สิบล้าน ทำให้เพิ่มขึ้นจนถึงพันล้าน ที่ผมจะบอกคือเงินทุนไม่ใช่ปัญหาถ้าคุณมีความสามารถมากพอ"เมื่อพูดจบก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทำให้อีเดนรู้สึกเหมือนถูกเพิ่มพลัง จนไม่มีใครหยุดยั้งความเทพของตัวเองได้"สมแล้วที่เป็นเทพของวงการหุ้น พวกเราไม่มีใครกล้าเทียบกับคุณเลยครับ""พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด แม้จะรู้ว่าต้องแพ้ก็ตาม"คนที่เข้าไปแข่งข
"ผ่านแล้วใช่ไหมคะ คงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรอีกนะ"แคทหันมาพูดกับผู้จัดการ แต่แอบพุ่งเป้าไปที่อีเดนที่ยืนมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แม้จะได้สร้อยไป แต่เขาก็จ่ายในราคาที่สูงเกินไป เพราะอยากเอาใจผู้หญิงแต่ในสายตาของยาหยีเธอไม่คาดคิดว่าอีเดนจะหลงกลตื้น ๆ แบบนี้ ถูกยั่วยุให้ซื้อของแพง ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการเอาชนะ ขอแค่เป็นของขวัญที่จริงใจก็พอ"เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างเป็นไปตามการประมูลก่อนหน้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ"ผู้จัดการเดินมาหาอีเดนที่โต๊ะ หลังจากคืนบัตรธนาคารของเอสไปแล้วเขาไม่รีรอ รีบเอาบัตรธนาคารออกมาให้พนักงาน บัตรสีทองของเขามีได้เฉพาะผู้ที่มีทรัพย์สินเกินแสนล้าน แสดงให้คนอื่นเห็นว่า เงินแค่นั้นเขาจ่ายได้สบาย"รูดบัตรของฉัน แล้วเอาสร้อยมาให้ ตอนนี้ควรจะเป็นของฉันแล้ว"พนักงานทำการรูดบัตรแล้วนำสร้อยคอทับทิมมาให้อีเดนที่โต๊ะเขาหยิบมันขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ แต่ถ้าหากอนาคตได้ตัวของยาหยี เขาจะได้มามากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน"เดี๋ยวพี่สวมสร้อยให้นะ" เขาหันไปยิ้มให้ยาหยี"อย่าดีกว่า ราคามันแพงไปฉันไม่กล้ารับค่ะ แค่รับไว้ด้วยใจก็พอแล้ว"ยาหยียิ้มตอบ
สาวชุดแดงเดินถือกล่องเครื่องประดับออกมาจากม่านเวที ก่อนจะเปิดออกให้เห็นข้างใน แสงสว่างของทับทิมส่องกระทบกับแสงไฟ ดูวิบวับสวยงามสร้อยทับทิมน้ำชมพูสีสวย เป็นที่หมายตาของสาว ๆ ในงาน ทว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอหรอก ราคาสร้อยเริ่มต้นก็สูงจน สามารถเปิดบริษัทขนาดเล็กได้แล้ว"นี่คือสร้อยคอทับทิมน้ำชมพูสวยงาม ขอเปิดที่ราคาสองร้อยล้านค่ะ บิดเริ่มต้นที่ 20 ล้าน"ในเวลานั้นทุกคนเงียบกริบ เพราะเกรงใจอีเดนที่ประกาศว่าจะซื้อ"ไม่มีคนประมูลเลยเหรอ หรือว่าจะกลัว...""เปล่าหรอก พวกเขาแค่ดูชั้นเชิงกันก่อน เดี๋ยวก็เปิดประตูมูลเอง"อีเดนตัดบทยาหยี กลัวว่าเธอจะไม่รับถ้ารู้ว่าเขาจงใจกดราคาให้ต่ำ ๆเขาส่งสัญญาณให้ประธานกลุ่มพลังงานให้เริ่มเปิดประตูก่อน แล้วค่อยตามทีหลัง"สองร้อยยี่สิบล้าน" เขายกป้ายขึ้น"สองร้อยสี่สิบ"ราคาดำเนินมาถึงสองรอยแปดสิบล้าน และเป็นราคาที่อีเดนพอใจจะซื้อ เขาจึงยกป้ายขึ้น"สามร้อยล้าน"คนอื่น ๆ ต่างไปกล้ายกมือประมูลต่อ และแสร้งพูดว่าไม่อยากได้เท่าไหร่ หรือ บอกว่าราคาสูงไป ทำให้อีเดนยิ้มอย่างพอใจสาวชุดแดงกวาดสายตามองแขกคนอื่นเพื่อรอให้ยกมือประมูล เพราะจากที่ประเมินสร้อยเส้นนี้มีมูลค่า
ในห้องน้ำหญิงมีเพียงมินนี่ กับพนิดาที่กำลังเติมปากเติมหน้า หลังจากที่เห็นเอสไปคุยกับผู้หญิงอื่น ทั้งสองจึงไม่อยากแพ้ ต้องสวยกว่าผู้หญิงคนนั้น"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ ทำไมพี่เอสถึงเข้าหาแบบนั้น พี่ดารู้จักไหม" มินนี่ถามพนิดาพลางมองดูตัวเองในกระจก"รู้จักสิ เธอเป็นลูกของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ เป็นคนมีความสามารถในด้านธุรกิจอีกด้วย"มินนี่รู้สึกว่าเธออาจจะแพ้ได้ ถ้าหากสู้กับผู้หญิงคนนั้น เพราะตัสเธอไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากความสวย แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ แม้จะรู้สึกต่ำต้อยถ้าเทียบกับคนอื่น"ไม่ยอมแพ้หรอก พี่เอสต้องเป็นของเรา" เธอหันมาพูดกับพนิดา"แน่นอนสิ เราตกลงกันแล้ว ว่าแต่ถ้าเธอยอมเข้าฮาเร็มของเอาล่ะ""นั่นสิ ต้องคิดเผื่อไว้ด้วย ยังไงมาที่หลังก็ต้องเป็นน้องเล็กอยู่แล้ว"สองสาวคุยกันถูกคอ โดยไม่รู้ว่ามีชายสองคนเข้ามาในห้องน้ำหญิง พร้อมกับเอาป้าย ปิดทำความสะอาดมาแปะเอาไว้พวกนั้นเดินเข้ามาข้างในก็เห็นพวกเธอยืนอยู่หน้ากระจก จึงไม่รีรอรีบใช้ยาสลบที่ใส่ไว้ในผ้าผืนเล็ก แค่ปิดปากพวกเธอเอาไว้ก็พอแล้ว จากนั้นก็พาพวกเธอขึ้นไปรอที่ห้องพวกนั้นค่อยเดินเข้าไปช้า ๆ ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว นะยะห่างกันเพียงสองเ







