LOGINรอบที่สิบแล้วละ เอสดูเงินในบัญชีเกือบสามพันล้าน เขากลัวว่าพอไปถึงแล้วเงินจหายไป กลัวว่าเขาจะดูผิด เมื่อวันก่อนเขายังเป็น คนเก็บตัวเล่นเกมหาเงินประทังชีวิตไปวัน ๆ แต่ตอนนี้เขาเรียกตัวเองว่าเศรษฐีได้เลย
วันนี้ระบบอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นใหม่คงใช้เวลานาน นอกจากดูรถแล้ววันนี้กะว่าจะไปหาซื้อบ้านอยู่สักหลัง ยุคนี้คนนิยมบ้านไฮเทค มีระบบความปลอดภัยสูง ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนคอนโด แต่มีความพิเศษคือสามารถป้องกันนิวเคลียร์ได้ ใช่แล้วเป็นเชฟเฮาส์ดี ๆ นี้เอง ผ่านไปเกือบสิบนาทีรถแท็กซี่ก็มาจอดที่หน้าร้าน RC SPORT ที่นี้ตกแต่งหรูหรา ร้านขนาดใหญ่ ผนังเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นรถสวย ๆ ด้านใน กับสาวสวยที่ให้บริการเป็นพิเศษ บอกตามตรงรถกับสาวมันดึงดูดจริง ๆ เมื่อก่อนก็คงได้แต่ฝันเท่านั้น เห็นคนอื่นมีรถมีสาว มีเงินก็ได้แต่ตัดพ้อ และพยายามหนีจากตรงนั้น และบอกตัวเองว่า เราอยู่คนเดียวใช้ชีวิตแบบนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ RC SPORT” พนักงานสาวเดินมาทักทายตามมารยาท ด้วยรอยยิ้มสุดสวย “คุณลูกค้าต้องการให้ช่วยอะไรไหมคะ?” เอสมองพนักงานจะลืมคำพูดตัวเอง เพราะเธอสวยจริง ๆ คนที่จะทำงานที่นี้ได้ต้องสวยเท่านั้น เคยได้ยินอยู่บ้ง “....เอ่อ...โทษที่ผม” “พี่เอสหรอ...?” ทันใดนั้นเสียงใสของอีกคนก็ดังมาจากด้านข้าง เสียงนี้คุ้นหูมากจนต้องหันไปมอง ใบหน้าหวาน ๆ ปากเล็กอมชมพู ปัดแก้มอ่อน ๆ ดวงตากลมโตคิ้วโค้งสวยเข้ากับหุ่นเพรียวสูง สัดส่วนแบบนี้ทำเอาผู้ชายหลายคนถูกสะกดในทันที หนึ่งในนั้นคือเอส เพราะเธอสวยมาก มากกว่าตอนถ่ายทอดสดอีก ตอนเรียนยังไม่สวย แถมเป็นสาวเฉิ่มอีกด้วย “มินนี่หรอ...แทบจำไม่ได้เลย เธอสวยขึ้นมากเลยนะ” มินนี่ยิ้มร่าก่อนจะตอบ “ก็เหมือนเดิม ว่าแต่พี่เอสทำอะไรอยู่ทำไมหน้าตาเป็นแบบนี้ กินข้าวบ้างไหมเนี่ย” เธอสำรวจร่างกายของเขา เธอมักจะเป็นห่วงเวลาที่เจอกันตอนเรียนก็ชอบเป็นหวง แต่ตอนนั้นคบกับคนอื่นเลยไม่คิดอะไร แถมยังถูกห้ามให้เข้าใกล้มินนี่อีก เอสจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรนอกจากพี่น้อง แม้จะรู้ว่าเธอชอบตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดนอกใจ ทว่าตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ ช่างเถอะตอนนี้เธอคงมีแฟนไปแล้ว “ไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงนี้ทำงานหนักไปหน่อย” “ทำไมมาคนเดียว แล้วแฟนพี่ไปไหนหรอ” เธอมองหาแฟนของเขา เพราะปกติตัวติดกันตลอด “เลิกไปแล้ว” เอสพูดเสียงเบา เพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน ตั้งแต่เธอเข้ามาพนันคนแรกที่เห็นก็หันหน้าหนีไปรับลูกค้าคนอื่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ “จริงเหรอ...ก็ดีแล้ว” เธอยิ้มเหมือนเป็นเรื่องดีสำหรับเธอเลย “พี่เอสตอนนี้หนูไม่ว่างด้วยสิ เพราะรอลูกค้ามาซื้อรถ” เธอดูนาฬิกาข้อมือเพราะเลยเวลาพักเที่ยงมาแล้วแต่คนที่จะมาก็ยังไม่มา แต่เธอต้องรอต่อไป “ ถ้างั้นคืนนี้ไปดืมกันไหมค่ะ อยากคุยเรื่องต่าง ๆ กับพี่ดวย” “เออ...ลูกค้าคนที่จะมาซื้อรถคือ...” “อ้าว...นึกว่าใครที่แท้ก็นายเองเหรอเนี่ย มาทำอะไรที่นี่เหรอ” มีสิงคนเดินเข้าประตูมา ทั้งสองตัวติดกันเป็นตังเมเลย จรมินนี่แอบมากระซิบว่า “เหมือนเห็นตอนที่พี่คบกับเธอเย ตัวติดกันแบบนี้ แฮ่ ๆ” ก็คงใช่แหละ ตอนนั้นอะไรก็ดีเพราะยังเป็นวัยรุ่น มีเงินกินมาม่าก็มีความสุข แต่ตอนนี้ทุกอย่างต้องเอาหน้าตาในสังคมมาก่อน สองคือการงาน ไม่งั้นคงไม่มีใครอยากคบหา “เอะ นี่เธอคือยัยเฉิ่มคนนั้นเหรอ ไปทำศัลยกรรมมาเหรอหน้าเปลี่ยนไปเยอะ ก็เนอะไม่สวยต้องพยายามให้มาก” “หรือว่ารู้ข่าวฉันทิ้งเอสเลยอยากได้เขา เธอคงไม่ตาต่ำแบบนั้นใช่ไหม หึ ๆ" เธอพูดพลางถูไถต้นแขนของแฟนหนุ่ม ไม่อายคนอื่นบ้างเลย “เธอไม่ควรพูดแบบนี้นะ มีสิทธิ์อะไรมาว่าคนอื่น” เอสสวนกลับเพราะทนไม่ได้ อีกอย่างมินนี่เป็นพนักงานที่นี่ ก็ต้องทนรับอย่างเดียวไม่กล้าทำให้ลูกค้าไม่พอใจแน่ เพราะถ้าถูกร้องเรียนก็ต้องออกจากงานอีก “ทำไม! มีปัญหาเหรอ พวกเราเป็นลูกค้านะ” เอ็มแฟนหนุ่มของวิภาดา เขาพูดด้วยสายตาจับจ้องไปทางมินนี่ สายตาหยาดเยิ้มจนวิภาดาต้องกระตุกแขนแรง ๆ เพื่อดึงสติเขา “ลูกค้าก็ไม่ควรพูดจาแบบนี้ ทำไมคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นเหรอ” “พี่เอสพอก่อน เดี๋ยวเป็นเรื่อง” หลังจากฟังทั้งสองปล่อยคำพูดใส่กันดูเหมือนเรื่องจะวุ่นวาย เธอจึงห้ามเอาไว้ ก็ไม่คิดด้วยว่ารุ่นพี่ที่ยอมคนอื่นมาตลอดจะสู้กลับแบบนี้ “ฟังที่เธอพูดดี ๆ ไม่งั้นทั้งสองคนอย่าหวังว่าจะมีงานทำตลอดชีวิต โดยเฉพาะเธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” “ขอโทษจริง ๆ ค่ะ คุณลูกค้าคงไม่ถือสา...” “ไม่เป็นไรครับ สำหรับน้องพี่ไม่ถือสา แค่มาดื่มกับพวกพี่คืนนี้เรื่องวันนี้ก็จบ” ท่าทีของมินนี่ทำให้เอ็มได้ใจ อยากจะได้มากกว่านี้ สำหรับพนักงานแล้วสิ่งที่กลัวที่สุดคือตกงาน โดยเฉพาะงานที่ได้เงินเดือนห้าหมื่นต่อเดือนแบบนี้ “พี่เอ็มอย่าแม้แต่จะคิด...” “ดาอย่าเรื่องมากสิ” คำพูดของวิภาดาไม่มีผลอะไร เธอเป็นแค่ของเล่นสำหรับเอ็มเท่านั้น “ว่าไงคิดดี ๆ นะ น้องคงไม่อยากตกงานใช่ไหม” มินนี่กำหมัดแน่น จะทำอะไรได้เพราะเธอแก้ต่างอะไรไม่ได้ ถ้าผู้จัดการรู้เรื่องต้องโทษเธอแน่ แต่ถ้าทำตามเธอคงไม่รอดแน่ ทั้งที่ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดแท้ ๆ “คือว่า...” “ อย่าไปสนใจเลย” เอสจับมือเธอไว้ ตอนนี้เธอคงกลัวมาแน่ ๆ แม้จะทำหน้าไร้กังวลออกมา มินนี่ได้สติเธอใจเต้นแรงเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกจับมือ แต่ต่อจากนี้งานของเธอจะเป็นยังไง “พี่เอสไม่ต้องห่วง หนูไม่เป็นไรค่ะ” เธอฝืนยิ้มอย่างมืออาชีพ งานแบบนี้จะให้คนรู้ความรู้สึกไม่ได้สินะ “คำพูดของพวกเธอ อย่าไปฟัง ฉันเองก็เป็นลูกค้า จะเป็นพยานให้เอง” “ว่าไงนะ ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า” “ไม่คิดว่านายจะอยากช่วยเธอจนต้องพูดแบบนี้ ฉันผิดหวังจริง ๆ ที่เคยคบกับนาย” “แกคิดว่าตัวเองจะเป็นลูกค้าของที่นี่เหรอ ฝันอยู่หรือเปล่า หัดส่องกระจกดูตัวเองหน่อย" เอ็มเดินมายืนต่อหน้าเอส ก่อนจะจับปกเสื้อสูทของเขาดูตั้งแต่หัวจรดศีรษะ ก่อนจะพูดต่อ “ดูตัวเองสิ ว่าคู่ควรกับที่นี่หรือเปล่า ไอ้กระจอก” เอสได้แต่ยิ้มในใจ ถ้าเป็นเมื่อสองวันก่อนคงจะแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว “ทำไม เป็นฉันไม่ได้เลยเหรอ อย่าตัดสินคนอื่นจากเมื่อวันก่อนสิ บางทีนายอาจจะหน้าแตกก็ได้นะ” เอสไม่คิดจะยอมอ่อนให้ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นอีกแล้ว “กล้าดีนะ ถ้างั้นฉันอยากจะรู้ว่าแกจะมีปัญญาซื้อล้อรถของที่นี่หรือเปล่า" “จัดการเลยพี่เอ็ม อวดดีแบบนี้ก็สมแล้วที่เป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้" วิภาดาเข้ามาแนบชิดแฟนหนุ่มอีกครั้ง เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป ก่อนจะหันไปเรียกพนักงานคนแรกที่ทักทายเอส “รบกวน ทางนี้หน่อยค่ะ” เมื่อเรื่องยุ่งขนาดนี้มินนี่จึงไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ถ้าเกิดว่าพวกเขาทำให้เอสถูกชาวเน็ตทัวร์ลงคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แน่ สังคมตอนนี้มันโหดร้ายแค่ไหนใครไม่รู้บ้าง “พี่เอส...พอเถอะเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้หนูจัดการเองพี่กลับไปก่อนนะ” “มินนี่ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวจัดการให้เอง” “พี่...พวกเขาเป็นใครพี่ก็รู้ เชื่อหนูนะ” สีหน้าร้อนรนของมินนี่ทำให้พวกนั้นได้ใจ คิดว่าเรื่องนี้พวกเขาจะต้องได้รับคำขอโทษที่สมน้ำสมเนื้อแน่ ๆ “อย่าหนีสิ แค่นี้ก็ไม่เหลือหน้าให้อายแล้วนะ” “เห็นแกวันเก่า ๆ ถ้าแกอยากให้เราปล่อยไปก็คุกเข่าขอโทษสิ เดี๋ยวจะถ่ายเก็บไว้เตือนคนอื่นด้วย” เอสยังคงนิ่ง ทำให้ทั้งสองไม่พอใจจึงเรียกพนักงานอีกคนมาจัดการ ทันทีที่เห็นเรื่องราว และ ได้ฟังจากปากของเอ็มกับวิภาดา พนักงานสาวคนนั้นยิ่งเกลียดคนจนเป็นทุนเดิม และรู้ว่าเอ็มคือใครก็เต็มใจช่วยทันที “ก็คิดอยู่แล้วว่าคนแบบนี้เหรอจะมาที่นี่เพื่อซื้อรถ ที่แท้ก็คนรู้จักของเธอเหรอมินนี่" แอน พนักงานที่ชอบชิงดีชิงเด่นกับมินนี่พูดเสียงดัง จนพนักงานทุกคน และลูกค้าที่กำลังขอคำปรึกษาที่ล๊อบบี้ต่างมองมาที่พวกเธออยู่ “เธอก็รู้ว่าพาคนรู้จักมาเดินเล่นแบบนี้ไม่ได้ เธอคงอยากโดนไล่ออกสินะ” เมื่อได้ยินแบบนั้น คนที่ให้ความสนใจต่างพากันมุงดู แถมยังถ่ายวิดีโออัพลงแอปฟ้า แอปดำเพื่อให้คนอื่นดู “ก่อนอื่น ผมเป็นลูกค้าเหมือนกัน และขอความเป็นส่วนตัวด้วยครับ พวกคุณกำลังล้ำความเป็นส่วนตัวผมอยู่ ถ้าไม่อยากโดนฟ้องก็เก็บมือถือไว้ด้วย" “เป็นแค่ขอทานยังคิดว่าจะเป็นลูกค้าที่นี่เหรอ” “พนักงานทำอะไรอยู่จับมันออกไปสิ" พนักงานสาวคนนั้นก็รู้เรื่องดีจึงได้แต่ยิ้ม และขอให้ทุกคนอย่าถ่ายวิดีโอให้ติดหน้าเขา เพราะเธอจะให้เฉลยตอนที่ไล่เอสออกไปตอนสุดท้าย “ถ้างั้นเรามาดูกันว่านายจะเป็นลูกค้าจริงหรือเปล่า” “ได้สิ...กลัวซะทีไหน"เอสนั่งดื่มไวน์กับสาว ๆ ไม่สนใจพวกเขา เพราะไม่อยากเสียเวลาที่มีค่าไปกับเรื่องไม่สำคัญแต่ก็แอบขัดหูอยู่บ้าง เพราะอีเดนพูดอย่างกับกูรูสอนหุ้น เหมือนเป็นผู้ยังรู้อนาคตจนเขารู้สึกเลี่ยนขึ้นมาส่วนคนอื่น ๆ ก็เห็นตามโดยไร้ข้อกังขา จะต่างอะไรกับเผด็จการที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งความคิดของผู้นำ แต่อีเดนน่าจะเป็นเซียนหุ้นสายมู ใช้ความเชื่อของคนอื่น ทำให้ตัวเองดูมีความสามารถ ไร้เทียมทาน"ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่า การมองตลาดหุ้นต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่มองแค่ผิวเผิน ต้องรู้ข้อมูลสำคัญ จนสามารถคาดเดาอนาคตได้อย่างแม่นยำ"อีเดนพูดพลางกดเปิดบัญชีหุ้นทันที แล้วหันมามองเหล่าแฟนคลับที่ยืนให้กำลังใจ โดยเฉพาะพวกสิบบริษัทชั้นนำที่เป็นแฟนตัวยงของเขา"ผมจะใช้แค่สิบล้าน ทำให้เพิ่มขึ้นจนถึงพันล้าน ที่ผมจะบอกคือเงินทุนไม่ใช่ปัญหาถ้าคุณมีความสามารถมากพอ"เมื่อพูดจบก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทำให้อีเดนรู้สึกเหมือนถูกเพิ่มพลัง จนไม่มีใครหยุดยั้งความเทพของตัวเองได้"สมแล้วที่เป็นเทพของวงการหุ้น พวกเราไม่มีใครกล้าเทียบกับคุณเลยครับ""พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด แม้จะรู้ว่าต้องแพ้ก็ตาม"คนที่เข้าไปแข่งข
"ผ่านแล้วใช่ไหมคะ คงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรอีกนะ"แคทหันมาพูดกับผู้จัดการ แต่แอบพุ่งเป้าไปที่อีเดนที่ยืนมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แม้จะได้สร้อยไป แต่เขาก็จ่ายในราคาที่สูงเกินไป เพราะอยากเอาใจผู้หญิงแต่ในสายตาของยาหยีเธอไม่คาดคิดว่าอีเดนจะหลงกลตื้น ๆ แบบนี้ ถูกยั่วยุให้ซื้อของแพง ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการเอาชนะ ขอแค่เป็นของขวัญที่จริงใจก็พอ"เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างเป็นไปตามการประมูลก่อนหน้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ"ผู้จัดการเดินมาหาอีเดนที่โต๊ะ หลังจากคืนบัตรธนาคารของเอสไปแล้วเขาไม่รีรอ รีบเอาบัตรธนาคารออกมาให้พนักงาน บัตรสีทองของเขามีได้เฉพาะผู้ที่มีทรัพย์สินเกินแสนล้าน แสดงให้คนอื่นเห็นว่า เงินแค่นั้นเขาจ่ายได้สบาย"รูดบัตรของฉัน แล้วเอาสร้อยมาให้ ตอนนี้ควรจะเป็นของฉันแล้ว"พนักงานทำการรูดบัตรแล้วนำสร้อยคอทับทิมมาให้อีเดนที่โต๊ะเขาหยิบมันขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ แต่ถ้าหากอนาคตได้ตัวของยาหยี เขาจะได้มามากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน"เดี๋ยวพี่สวมสร้อยให้นะ" เขาหันไปยิ้มให้ยาหยี"อย่าดีกว่า ราคามันแพงไปฉันไม่กล้ารับค่ะ แค่รับไว้ด้วยใจก็พอแล้ว"ยาหยียิ้มตอบ
สาวชุดแดงเดินถือกล่องเครื่องประดับออกมาจากม่านเวที ก่อนจะเปิดออกให้เห็นข้างใน แสงสว่างของทับทิมส่องกระทบกับแสงไฟ ดูวิบวับสวยงามสร้อยทับทิมน้ำชมพูสีสวย เป็นที่หมายตาของสาว ๆ ในงาน ทว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอหรอก ราคาสร้อยเริ่มต้นก็สูงจน สามารถเปิดบริษัทขนาดเล็กได้แล้ว"นี่คือสร้อยคอทับทิมน้ำชมพูสวยงาม ขอเปิดที่ราคาสองร้อยล้านค่ะ บิดเริ่มต้นที่ 20 ล้าน"ในเวลานั้นทุกคนเงียบกริบ เพราะเกรงใจอีเดนที่ประกาศว่าจะซื้อ"ไม่มีคนประมูลเลยเหรอ หรือว่าจะกลัว...""เปล่าหรอก พวกเขาแค่ดูชั้นเชิงกันก่อน เดี๋ยวก็เปิดประตูมูลเอง"อีเดนตัดบทยาหยี กลัวว่าเธอจะไม่รับถ้ารู้ว่าเขาจงใจกดราคาให้ต่ำ ๆเขาส่งสัญญาณให้ประธานกลุ่มพลังงานให้เริ่มเปิดประตูก่อน แล้วค่อยตามทีหลัง"สองร้อยยี่สิบล้าน" เขายกป้ายขึ้น"สองร้อยสี่สิบ"ราคาดำเนินมาถึงสองรอยแปดสิบล้าน และเป็นราคาที่อีเดนพอใจจะซื้อ เขาจึงยกป้ายขึ้น"สามร้อยล้าน"คนอื่น ๆ ต่างไปกล้ายกมือประมูลต่อ และแสร้งพูดว่าไม่อยากได้เท่าไหร่ หรือ บอกว่าราคาสูงไป ทำให้อีเดนยิ้มอย่างพอใจสาวชุดแดงกวาดสายตามองแขกคนอื่นเพื่อรอให้ยกมือประมูล เพราะจากที่ประเมินสร้อยเส้นนี้มีมูลค่า
ในห้องน้ำหญิงมีเพียงมินนี่ กับพนิดาที่กำลังเติมปากเติมหน้า หลังจากที่เห็นเอสไปคุยกับผู้หญิงอื่น ทั้งสองจึงไม่อยากแพ้ ต้องสวยกว่าผู้หญิงคนนั้น"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ ทำไมพี่เอสถึงเข้าหาแบบนั้น พี่ดารู้จักไหม" มินนี่ถามพนิดาพลางมองดูตัวเองในกระจก"รู้จักสิ เธอเป็นลูกของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ เป็นคนมีความสามารถในด้านธุรกิจอีกด้วย"มินนี่รู้สึกว่าเธออาจจะแพ้ได้ ถ้าหากสู้กับผู้หญิงคนนั้น เพราะตัสเธอไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากความสวย แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ แม้จะรู้สึกต่ำต้อยถ้าเทียบกับคนอื่น"ไม่ยอมแพ้หรอก พี่เอสต้องเป็นของเรา" เธอหันมาพูดกับพนิดา"แน่นอนสิ เราตกลงกันแล้ว ว่าแต่ถ้าเธอยอมเข้าฮาเร็มของเอาล่ะ""นั่นสิ ต้องคิดเผื่อไว้ด้วย ยังไงมาที่หลังก็ต้องเป็นน้องเล็กอยู่แล้ว"สองสาวคุยกันถูกคอ โดยไม่รู้ว่ามีชายสองคนเข้ามาในห้องน้ำหญิง พร้อมกับเอาป้าย ปิดทำความสะอาดมาแปะเอาไว้พวกนั้นเดินเข้ามาข้างในก็เห็นพวกเธอยืนอยู่หน้ากระจก จึงไม่รีรอรีบใช้ยาสลบที่ใส่ไว้ในผ้าผืนเล็ก แค่ปิดปากพวกเธอเอาไว้ก็พอแล้ว จากนั้นก็พาพวกเธอขึ้นไปรอที่ห้องพวกนั้นค่อยเดินเข้าไปช้า ๆ ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว นะยะห่างกันเพียงสองเ
งานเลี้ยงถูกจัดในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในห้องโถงจัดงาน มีโต๊ะกลมตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สวยงาม บนเวทีมีนักดนตรีเล่นเพลงแจ๊ซเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันของบรรดาแขกที่เข้าร่วมห้องถูกตกแต่งในโทนสว่าง ส่วนแขกที่มาเข้างานแต่งตัวด้วยชุดสูท และ ชุดราตรีเรียบหรูทันใดนั้นเองทุกสายตาหันไปตรงหน้าทางเข้า เมื่อรถหรูสีดำขับมาจอดตรงนั้น เหล่าผู้บริหาร และ ประธานบริษัทต่างพากันออกไปต้อนรับ แม้แต่ประธานของ FP ยังให้เกียรติมาด้วยตนเองนอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทระดับประเทศอีกหลายบริษัท ทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกันบริษัทอื่น ๆ มาเพื่อแลกเปลี่ยนนามบัตร และพบปะคนอื่น ๆ บางทีก็มีโอกาสเล็กน้อยในนั้นคืนนี้"คนที่ลงจากรถคือใครเหรอ ทำไมประธานของ FP ถึงไปต้อนรับด้วยตนเอง""ไม่รู้จักเหรอ นั่นคือคุณอีเดน นักธุรกิจจากแผ่นดินใหญ่ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศเรา บริษัทของเขามูลค่ามากกว่า ห้าสิบล้านล้านบาทเลยนะ""แล้วผู้หญิงสวยข้าง ๆ เขาคือใคร ทำไมคุ้นหน้าจัง""ลูกสาวของคุณณัทพงศ์ไง ได้ข่าวว่าทำงานด้วยกัน แต่น่าจะมากกว่านั้น""เหมาะสมกันจริง มีแต่ระดับคนใหญ่คนโตของประเทศเลยนะ"แขกในงานต่างหันไปสนใจพวกเขา เมื่อเข้ามาข้า
"พูดมันง่ายนะแต่ทำยาก ผมคิดว่าเราควรเจรจากับบริษัท FP เราถึงจะมีทางรอด""ผมเห็นด้วย"คนอื่น ๆ เห็นด้วยกับการเจรจา แต่พวกเขาไม่รู้ว่า FP ไม่ใจดีอย่างที่คิด พวกเขาพร้อมจะควบคุมบริษัททั้งหมด ให้กลายเป็นบริษัทลูกของพวกเขาเอสนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นคาดเดาสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง"เรื่องนี้ผมจัดการเอง รออีกสัปดาห์ทุกอย่างจะสามารถดำเนินการตามกำหนด ให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมให้ดี"พวกเขามองหน้ากันเพราะไม่มั่นใจคำพูดของเอส แม้เขาจะพูดออกมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า บริษัทจะสามารถดำเนินการผลิตได้จริงเมื่อเห็นความสงสัยบนใบหน้าของพวกเขา ตอนนี้คงต้องทำอะไรสักอย่าง"คุณพนิดา ช่วยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทซัปพลายเออร์ให้ผมหน่อยนะ และ ฝ่ายบุคคลให้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มตามแผนของคุณพนิดา รับเต็มโควตาเลยนะครับ ไม่ต้องกลัวงบประมาณไม่พอ""ได้ค่ะ""ไม่ได้นะครับ ถ้าเรารับพนักงาน แต่ถ้าบริษัทไม่สามารถผลิตได้ แบบนี้จะยิ่งเสียหายหนัก""ในเมื่อเราไม่สามารถรับประกันว่าบริษัทจะทำสัญญากับซัปพลายเออร์ได้ เราควรรอก่อนนะครับ นี้เป็นวิธีพื้นฐานของการทำธุรกิจ"พวกเขามองเอสด้วยสายต







