LOGINเอ็มมองดูการแต่งตัวของเอส บวกกับเขาเองก็รู้ว่าเอาไม่มีปัญญาผ่อนรถราคาถูกที่สุดของร้านนี้ เขาจึงมั่นใจว่าจะทำให้เอาเดือดร้อน และ ให้น้องพนักงานสุดสวยมารับใช้คนเพื่อแลกกับการได้ทำงานต่อ ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง
“พาผมไปดูรถหน่อยครับ" “เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวที่พวกนั้นเรียกมาเดินนำทางไปทางด้านใน เป็นที่จอดรถราคาถูกที่สุดในร้าน เพราะลูกค้าส่วนให้ชอบมากัน “ไปก่อนนะไอ้กระจอก ดูจากหน้าแกแล้วคงไม่มีปัญญาใช่ไหม" “ไปกันเถอะพี่เอ็ม อย่าเสียเวลากับคนแบบนี้เลย" ทั้งสองคนเดินควงแขนกันเข้าไป ตอนนี้คนที่เหลือคือเอสกับ มินนี่ เธอดูไม่จืดเลย สีหน้ากังวลสุดขีด ดูเหมือนจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดีแล้วสิ ทั้งที่อยากมาอุดหนุนแบบปกติ ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ “ขอโทษนะ เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงของเอสทำให้เธอคืนจากความคิดตัวเอง ก่อนจะหันมามองเอสด้วยสีหน้างุนงงสงสัย “พี่เอส...ออกไปจากร้านก่อนนะ เดี๋ยวฉันจัดการที่นี่เอง อย่าทำให้อนาคตของพี่ต้องหยุดที่นี่เลย” เธอกลัวว่าถ้าเกิดเรื่อง เอสจะไม่มีงานทำตลอดชีวิต เพราะสังคมยุคนี้มันยากมาก เธอยังมีครอบครัวช่วยเหลือ แต่เอสไม่มีใคร “มินนี่...เชื่อใจพี่นะ วันนี้พี่มาซื้อรถจริง ๆ ดูนี้สิ” เขายกมือถือขึ้นมาให้เธอดู แสดงความคิดเห็นก่อนหน้าให้เธอเห็น ทำเอามินนี่ยืนมองอย่างสงสัย “เป็นพี่เองเหรอ...แต่ว่ารถที่นี่แพงนะพี่จะซื้อไหวหรอ” “ไหว...นำทางพี่ไปสิ” มินนี่แม้จะไม่ค่อยมั่นใจเต็มร้อย แต่ก็ยังพาเอสเดินเข้าไป จนมาถึงข้างในก็เห็นพวกสองคนนั่งยิ้มบนเก้าอี้รับรอง โดยมีผู้จัดการมาให้บริการด้วยตนเอง “นี้เหรอคนที่พวกคุณพูดถึง ดูแล้วไม่น่ามีเงิน เธอพาเข้ามาได้ไง” ผู้จัดการวัยห้าสิบพอเห็นหน้าเอสก็ตำหนิมินนี่ทันที ก่อนจะหยิบกระดาษสัญญาขึ้นมาให้เธอ “ถ้ามันมีปัญญาซื้อก็ทำสัญญาตอนนี้เลย เพราะลูกค้าท่านนั้นทำเสร็จไปแล้ว ตอนนี้ทั้งสองตกลงผ่อนรถของร้านเราเป็นที่เรียบร้อย แถมยังผ่อนแค่ 20 ปี” พอเห็นสัญญาอีกฉบับที่ทั้งสองคนถือไว้ในมือ มินนี่ก็รู้สึกว่าตัวเธอแพ้ไปแล้ว แต่เอสดันหยิบสัญญาในมือของเธอไป เขาเห็นใบหน้าหวานของเธอกำลังหม่นหมองแล้วรู้สึกไม่ดี “ผมอยากได้รถราคา 300 ล้าน พอจะมีหรือเปล่า?” เอาถามผู้จัดการต่อหน้า ก่อนที่พวกเขาจะหัวเราะเยาะเขา แม้แต่มินนี่ยังไม่เชื่อว่าเขาจะมีเงินถึงขนาดนั้น ถ้าผ่อนก็ต้องหลายปี โดยเฉพาะคนที่เงินเดือนไม่พอก็ผ่อนไม่ได้ “พี่เอสทำอะไร หรือมาก่อกวนหนูจริง ๆ เหรอ” เอสมองดูสีหน้าสิ้นหวังของเธอยามที่มองเขา ดวงตาทั้งสองแวววับด้วยน้ำใส ๆ เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ “ก็บอกแล้วว่าเธอโดนหลอก คราวนี้เชื่อหรือยังว่าฉันพูดถูก” วิภาดาเห็นเรื่องราวเป็นแบบนี้จึงพูดด้วยความมั่นใจ แถมยังดูถูกเอสด้วยสีหน้าของเธอ ตอนนี้เขาเหมือนเป็นผู้ร้ายที่ทำให้เธอเสียใจ เพราะงานนี้กว่าจะได้มาไม่ง่ายเลยจริง ๆ “ฉันไม่ได้จ่ายผ่อนนะ ฉันจ่ายเงินสด” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนเงียบ มีแค่เสียงสะอื้นของมินนี่ที่ดังข้าง ตอนนี้เธอตาแดงก่ำ ยิ่งแก้มนวลขาวยิ่งเห็นใบหน้าสีเชอรี่ของเธอชัดเจน เธอใช้มือเรียวปาดน้ำตาที่เกาะติดแพขนตางอนให้หลุดออก แล้วรวบรวมสติกลับมา มือเรียวสวยยืนไปตรงหน้าของเอส ใบหน้าตอนนี้เหมือนเด็กน้อยที่ถูกเบี้ยวนัด “เอาบัตรมาก่อนค่ะ ไม่งั้นหนูไม่เชื่ออีกแล้ว” “ได้สิ...เอานี้ไป” เอสเอาให้เธออย่างว่าง่าย เพราะเคยเห็นสีหน้าแบบนี้ตอนที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเขาเบี้ยวนัดไปดูหนังกับเธอ เพราะเรื่องของวิภาดา ทำให้เธอโกรธมาก แม้ตอนนั้นจะไม่คิดอะไรก็เถอะ แต่ยังรู้สึกผิดถึงตอนนี้เลย “นี่...เธอยังคิดว่าบัตรกระจอกจะมีเงินถึง 300 ล้าน เหรอ เธอนี่โง่จริง ๆ" เมื่อเห็นบัตรสีดำ กับตัวหนังสือสีทอง เขาไม่คุ้นเท่าไหร่ และคิดว่าคงเป็นบัตรของคนจนทำกัน “ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวเราจะตรวจสอบและ จัดการพวกนี้ให้เด็ดขาด ส่วนพนักงานคนนี้ก็แล้วแต่คุณลูกค้าจะเห็นสมควรเลยครับ” “ดีมาก...รียตรวจสอบเลย” เอ็มยิ้มกรุ่มกริ่มพร้อมกับมองมินนี่ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม จนเธอต้องเอาตัวมาบังคับเอวเอาไว้ก่อน เขารู้สึกแล้วว่าคนพวกนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องโดนสั่งสอนให้รู้จักสำนึกเสียบ้างแล้ว “เอาบัตรไปตรวจสิ” ผู้จัดการหยิบบัตรนั้นมา ก่อนจะให้พนักงานอีกคนตรวจสอบ สีหน้าดูไม่ตื่นเต้นบงบอกว่าเขารู้วมันไม่ใช่บัตร ธนาคารที่วิเศษอะไร แม้แต่รายละเอียดในบัตรเขายังไม่ดู ระหว่างนั้นเอสจับมือนุ่มนิ่มของมินนี่เอาไว้ เธอหน้าแดงเล็กน้อยคงเพราะอากาศร้อนแน่ ๆ เขาทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้เธอกังวลมากเกินไป “เชื่อพี่สิ พี่ไม่เคยโกหกใช่ไหม" “เหรอค่ะ...พี่คงลืมไปแล้วว่าผิดนัดหนูกี่ครั้ง” เอสพูดต่อไม่ได้เลย เพราะตอนนั้นเขาเป็นอย่างที่เธอพูด ดูเหมือนมินนี่จะเข้าสู่โหมดดื้อแล้วสิ ‘ไม่น่าพูดเลย’ แต่ไม่รู้ส่าคิดไปเองหรือเปล่าดูเหมือนเธอจะกุมมือเอสเอาไว้แน่น แถมยังแอบยิ้มด้วย ถ้าคนอื่นเห็นคงคิดว่าเธอคิดอะไรแน่ ๆ โดยเฉพาะแฟนเธอ “เรื่องที่แล้วมาก็ให้ผ่านไปเถอะ...ถ้าย้อนเวลาไปได้พี่จะไม่ผิดนัดเราแน่นอน" “ให้จริงเถอะ...ตอนนี้ยังไม่สายนะคะ” “หมายถึงอะไรเหรอ...ไม่สายเนี่ย” เธอพูดไปยิ้มไป จะแจกความน่ารักไปถึงไหนเนี่ย คนยิ่งอ่อนไหวอยู่ด้วย “หวานกันไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้ว่าชีวิตมันขม” ทั้งสองคนทำให้วิภาดาไม่พอใจ เธอคงจะหวงก้าง ไม่อยากให้ใครทำแบบนี้ต่อหน้า โดยเฉพาะแฟนเก่า “จะขมหรือหวาน ดิฉันก็จะกลืนลงไปเองค่ะ" เอสรีบหันมามองหน้าเธอทันที ไม่คิดว่าเธอจะร้ายขนาดนี้ กล้าต่อปากต่อคำกับวิภาดาตั้งแต่เมื่อไหร่ สมัยเรียนเธอไม่เป็นแบบนี้นะ ไหนจะท่าทางเหมือนผู้ชนะอีก เธอคิดอะไรอยู่ไม่เข้าใจ “แก...นังนี่...กล้ามากนะ" คนถูกยั่วจะเข้ามากระชากตบใบหน้าสวย ๆ ของเธอให้ได้ แต่ถูกเอ็มห้ามไว้ “เป็นอะไร หรือยังหวงก้างอยู่อีกเหรอ คนแบบนั้นยังหวงได้...เธอนี่มัน...” วิภาดารีบเข้ามาโอบแขนใหญ่ของเอ็ม พร้อมกับใช้เต้าถูไปมาจนเขาใจอ่อน “ดาไม่หวงหรอกค่ะ คนแบบนั้นมีคนเดียวในโลกดาก็ไม่สนค่ะ” “ให้มันจริงเถอะ...เดี๋ยวพี่จะทำใึมันตกต่ำที่สุด" “ดาก็อยากเห็นเหมืแนกัน" คำพูดพวกนั้นเหมือนส่งผ่านมาถึงเอส เพราะแรงบีบมือของมินนี่ที่แรงมาก ๆ แม้เธอจะทำหน้านิ่งก็ตาม “คุยกันมากพอแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องจัดการแล้ว...แต่เอ๊ะนั้นมันผู้จัดการสาขาไม่ใช่เหรอ คราวนี้แกจบแล้ว" มินนี่หันไปมองก็เห็นผู้จัดการสาขาเดินเข้ามา ท่าทางร้อนรนมากทำให้เธอใจคอไม่ดี ก่อนจะหันไปมองหน้าเอวอีกครั้ง เขาไม่ตกใจ หรือหวาดกลัวอะไรเลย ทำให้เธออยากเชื่อเขาสักครั้ง แม้จะแย่ก็ตาม อย่างน้อยขอแค่ได้อยู่ข้างเขา เธอรีบตรงไปหาผู้จัดการสาขาผู้เป็นลุงของเธออย่างรีบร้อน ก่อนจะก้มหัวขอโทษ “คุณลุงค่ะ เรื่องนี้ฉันผิดเองค่ะ” “เขาเป็นลูกค้าของเธอเหรอมินนี่?” “ใช่ค่ะ” เธอคิดว่าอย่างน้อยลุงน่าจะไม่เอาเรื่องให้ใหญ่โต แต่อาจจะลงโทษเล็กน้อย แม้เธอจะถูกตำหนิก็คงไม่เป็นไร “ผูจัดการใหญ่ครับ หมอนี้คือลูกค้าที่พนักงานคนนี้พาเข้ามา แม้จะมีคนบอกว่าเขาเป็นพวกหลอกลวงเธอก็ไม่ฟัง แม้ผมจะเตือนเธอแล้วแต่ก็ยังดื้ออีก หวังว่าผู้จัดการใหญ่จะจัดการให้ถึงที่สุดนะครับ" ผู้จัดการแผนกการขายพูดขึ้น พร้อมโยนทุกอย่างให้มินนี่ เพราะนี้เป็นโอกาสจัดการกับเธอ ทว่าเขารู้สึกเจ็บแปลบที่แก้มขวา ก่อนที่จะหงายหลังไปเพราะหลังแหวนของผู้จัดการใหญ่ “โอ็ย" เขาร้องออกมาก่อนที่จะถูกสองคนนั้นพยุงให้ลุกขึ้น เขาใช้มือลูบตรงมุมปากมีเลือดออกมา ก่อนจะทรุดตัวนั่งคุกเข่า “ผู้จัดการ ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องของพนักงานคนนี้กก็ขอโทษด้วย" เขาก้มหน้ารู้สึกปิด เพราะถ้าล่วงเกินผู้จัดการใหญ่ต่อให้ตัวเขาจะถูก มันก็ผิดอยู่ดี ทุกคนต่างทึ่งกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่คิดว่าผู้จัดการจะปกป้องหลานตัวเองถึงขั้นนี้ “คุณทำเกินไปนะครับ วันนี้ผมมาซื้อรถที่ร้านของคุณ และ ผู้จัดการคนนี้ก็ต้อนรับผมอย่างดี แต่คุณทำแบบนี้เพราะปกป้องหลานตัวเอง ดี...คราวนี้ผมจะรายงานคุณ ดูสิว่ายังจะกล้าอีกไหม” ดูเหมือนความในใจของผู้จัดการแผนกการขายจะถูกเอ็มพูดออกไปหมดแล้ว คราวนี้เขาคิดว่าต้องล้มผู้จัดการใหญ่แล้วขึ้นแทนให้ได้ “เหรอ...อยากรู้ไหมเพราะอะไร" เขาพูดก่อนจะเดินมาหาเอสที่ยืนมองเรื่องสนุกอยู่ตรงหน้าก่อนจะก้มศีรษะลงมาระดับหนึ่ง “ขอโทษที่ไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเองนะครับ” “ไม่ต้อง ๆ ตามสบายเถอะผมแค่ไม่อยากยุ่งยากเท่านั้นเอง” เอสพูดจบผู้จัดการใหญ่ที่สีหน้าเคร่งเครียดก็ผ่อนคลาย เพราะถ้าหากให้คนระดับนี้ตำหนิเกรงว่างานนี้เขาคงไม่ได้ทำอีกแล้ว พอรู้ว่าหลานสาวตัวเองเป็นคนพาเข้ามาก็ยิ่งดีใจขึ้นกว่าเดิม “เป็นบ้ากันไปหมดแล้วใช่ไหมเนี่ย ก้มหัวให้ไอ้กระจอกแบบนั้นเหรอ สงสัยพวกแกจะบ้าไปแล้ว ฮ่า ๆ” “ถ้างั้นจะเปิดตาให้สว่างเอง ดูบัตรนี้ให้ดี รู้ใช่ไหมว่าธนาคาร BKAS ยิ่งใหญ่แค่ไหน” พอทุกคนมองดูชื่อธนาคารเท่านั้นแหละ ตาโตเป็นไข่ห่านกันเลยทีเดียว “แล้วธนาคารนี้มันเกี่ยวอะไรครับ” ผู้จัดการที่นักคุกเข่าถามขึ้น เพราะรู้จักธนาคารนี้กันอยู่แล้ว แต่ใครก็เปิดบัญชีได้ไม่ใช่เหรอ “ถามได้ดี...นี้คือบัตรวีไอพีของธนาคาร ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีเงิน 300ล้านจริง คราวนี้เข้าใจหรือยัง” เหมือนว่าทั้งสี่คนจะเป็นลมจับตอนนั้นเลย ต่างพากันยืนแทบไม่ไหว “ไม่จริง...เขาจะมีเงินเยอะขนาดนี้นได้ไง ฉันไม่เชื่อหรอก” “เกิดเรื่องแลบนี้ได้ไง...คุณเอสใช่ไหมคะ ดิฉันขอโทษที่ไม่รู้จักคุณ ตอนนี้ฉันยินดีให้บริการคุณเองค่ะ” พนักงานคนแรกที่เมินเขาคุกเข่าเข้ามาขอโอกาส แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว ทว่าวิภาดาที่เหมือนจะสิ้นหวังกลับทำหน้าดีใจขึ้นมา “เอสค่ะ...ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้เต็มใจทำแบบนี้เลยนะ" เธอเข้ามาเกาะแขนเขาเอาไว้ แต่ก็ถูกปัดออกทันที คนอย่างเขาไม่ใช่ของตาย และไม่โง่ด้วย “ตอนนี้คุณเอสจะจัดการยังไงบอกผมด้วยครับ” “จัดการตามสมควรเลยครับ” ทันทีที่พูดจบ รปภ ก็ลากตัวทั้งสี่คนออกไปทันที ก่อนที่เอสจะขอให้ มินนี่พาไปดูรถ ทว่าตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกดีใจสักนิดเดียว แม้จะยินดีที่เขามีเงิน แต่ไม่รู้ว่าได้มาด้วยความสุจริตหรือเปล่า เธอกลัวว่าเขาจะเข้าสู่ด้านมืด “มานี้ มาคุยกันก่อน" มินนี่ดึงแขนเขาออกมาคุยกันหลังร้านทันที เธอต้องการคำอธิบาย “นั้นลูกค้าวีวีไอพีนะ อย่าทำให้เขาไม่พอใจสิ" ผู้จัดการใหญ่ได้แต่ร้องตามพลางปาดเหงื่อที่ผุดออกมา เพราะกังวลจนแทบลืมหายใจ ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับตัวเอง แถมหลานสาวยังไม่ให้เกียรติลูกค้าแบบนี้อีก เธอผลักเขาเข้ากำแพงพร้อมกับยืนจ้องหน้า เธอยืนกอดอกมองเอสก่อนจะเอ่ยถาม “พี่เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ...หรือค้า..." เสียงของเธอหายไปทันทีเพราะถูกปิดเอาไว้ เธอตัวแข็งทื่อราวกับก้อนหินเมื่อริมฝีปากถูกบดขยี้ พร้อมหลับตาพริ้มรับความรู้สึกแปลกใหม่ ลมหายใจร้อนพัดผ่านแก้มนวลแดงสวย มันเกิดขึ้นเร็วมาก จนตั้งสติไม่อยู่ และเธอก็เคลิ้มตามเขาไปจนได้"อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยเหลือประเทศ หรือเห็นแค่กำไรเหมือนบางคนพูด เพราะมีแค่ทางนี้ที่พอเป็นไปได้"เอสพูดน้ำเสียงหนักแน่น ตรงไปตรงมาที่สุด พร้อมกับหันมาส่งสายตามองยาหยีเธอกำลังจะตอบกลับ แต่ถูกบิดาห้ามเอาไว้ก่อน คราวนี้เธอยอมเชื่อฟัง แล้วส่งสายตาไม่พอใจใส่เอส'ก็แค่พวกเห็นแก่ตัว จะหวังดีอะไร'เอสนั่งรอคำตอบจากทั้งสองคนที่กำลังปรึกษากัน แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ง่าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เขากู้เงินไปทำการวิจัย แต่เพราะระบบห้ามณัทพงศ์ครุ่นคิดเงียบ ๆ เขาจะสามารถไว้ใจคนอื่นได้เหรอ เพราะแม้แต่ในหน่วยงานรัฐยังมีคนของพวกนั้นแฝงตัวอยู่ ถ้าหากสิ่งที่กำลังจะผลิตหลุดออกไป พวกนั้นคงรู้ตัว และลงมือจัดการเสียก่อน'จะทำไงดี...ไม่มีทางอื่นอีกเหรอ'"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันคงต้องปรึกษากันก่อน แล้วจึงให้คำตอบนะ"เข้าดูลังเลจริง ๆ เพราะยังไม่ไว้ใจเอส จึงอยากขอเวลาคิดอีกหน่อย"ได้ครับ...ผมยินดีช่วย""ขอบคุณมาก มีคนแบบนะเธอประเทศชาติคงพัฒนาไปอีกระดับแน่"เอสยิ้มตอบก่อนจะขอตัวกลับ พร้อมอเล็กซ์ที่เดินออกมา ทว่าก่อนจะออกจากบ้าน ทั้งสองต้องหยุดเท้าที่จะเดินไปข้างหน้า เพราะสาวสวยเดินมาขวา
ทหารติดอาวุธพอเห็นหน้าทั้งสองก็เหมือนจะรู้จักอเล็กซ์ พวกเขาไม่ได้ห้าม พร้อมกับเปิดประตูให้ทั้งสองเข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดประตูไว้เหมือนเดิมเอสมองรอบห้องโถงขนาดใหญ่ ราวกับพระราชวัง ทุกซอกทุกมุมตกแต่งด้วยของเก่า ทำให้ได้กลิ่นบรรยากาศของยุคนั้น เอสสะดุดกับชุดโซฟาตรงกลางชุดโซฟาดูไม่ธรรมดา มีลวดลาย และดีไซน์สวยงาม เข้ากับการตกแต่งห้อง และคนสองคนที่นั่งอยู่ ทำให้เอสประหม่าเล็กน้อย"มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ" ชายวัยหกสิบกว่า รูปร่างกำยำเอ่ยปากเชิญ"สวัสดีครับ"ทั้งสองคนกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงช้า ๆ ด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะเอส ที่เพิ่งเคยเจอคนใหญ่คนโตของประเทศ ทำให้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รนรานมาก"นี่คือ...คนที่พูดถึงเหรอ"ชายคนนั้นถามขึ้น พร้อมกับสายตาที่มองสำรวจเอส เขาดูตกใจไม่น้อย หลังจากสืบข้อมูลของเขา จากคนที่ล้มเหลวที่สุด กลายเป็นคนที่รวยเทียบเท่ามหาเศรษฐี ในเวลาไม่ถึงเดือน ทำให้นายทหารทึ่งในตัวเขามาก'เบื้องหลังของคุณคืออะไรกันนะ คนที่ฉันไม่สามารถตรวจสอบได้เลยเหรอ'ประธานใหญ่ BKAS หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะแนะนำตัวให้ทั้งสองคนรู้จัก คนที่ถามก่อนหน้า คือผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ในระหว่างที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินไป อย่างครื้นเครงแม้ว่าบริษัทซัพพลายเออร์หลายแห่งจะทยอยกลับ แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังอยู่ แต่น้อยจนนับนิ้วได้ทำให้สีหน้าของวิโรจน์ไม่ค่อยพอใจ เพราะแบบนี้บริษัทจะไปรอดยังไง แต่ในสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากเตรียมตัวปรับโครงสร้าง และ ประธานใหญ่ไม่ใช่เขา แต่คือตัวแทนบริษัท BBOSSพนิดาเดินมานั่งพัก หลังจากทักทาย และสานสัมพันธ์กับแขกในงาน เธอดื่มไปเยอะจนแก้มแดงทั้งสองข้าง"หึ...แกคงพอใจสินะ บริษัทกำลังจะจมลงเหวแบบนี้ พวกแกจะทำให้บริษัทพังไม่เป็นท่า"อนันต์นั่งอยู่ข้างวิโรจน์ ที่ยังนั่งอยู่ กับหลานชาย และคนอื่นที่ยอมรับความจริงไม่ได้ พวกเขาไม่อยากกลับไป เพราะไม่สามารถข่มตาหลับลงได้"ทำไมคุณลุงพูดแบบนั้นละคะ การปรับโครงสร้างเป็นวิธีบริหารแบบสากล มีความโปร่งใส และ ทำให้บริษัทก้าวหน้ากว่าเดิม นี่ถึงจะเป็นประโยชน์ของบริษัท"'ทำไมยังไม่เข้าใจ หรือไม่อยากเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ มากกว่าเงินปันผลเหรอ'พนิดาตอบกลับ พร้อมสีหน้าสงสัยในตัวของลุง เธอไม่เคยเห็นเขาคิดเพื่อบริษัทสักครั้ง คิดแต่จะทำยังไงให้ได้เงินเข้ากระเป๋ามากขึ้นพอเธอพูดแบบนั้นยิ่งท
"เรื่องนี้พิสูจน์ง่ายมาก ใช่ไหม" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์"หมายความว่าไง ก็เห็นชัดว่าแกทำธุรกิจสีเทา หรือไม่ก็แกล้งรวยยังไง" มังกรอดไม่ได้รีบตอบเอสยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยิบบัตรธนาคารสีดำด้านขึ้นมา เขาวางไว้บนโต๊ะ และดึงดูดความสนใจไม่น้อย พวกเขาอยู่ในวงการธุรกิจมานาน ย่อมรู้ดีว่าบัตรธนาคารที่ใช้ หมายถึงอำนาจทางการเงินของคนนั้น"เอาบัตรธนาคารกระจอกมาทำไม หรือจะบอกว่าแกรวยเพราะมีมันเหรอ" มังกรพูดเสียงดังในขณะที่คนอื่นเงียบกริบ แม้แต่ภัทรกับวิโรจน์ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร"หุบปากก่อนไอ้ลูกเวร นั่งลง" อนันต์ตวาดด่าลูกชายที่โง่จนมองไม่ออกประธานใหญ่คนอื่น ๆ ต่างจับจ้องที่บัตรธนาคารของเอส แค่เห็นชื่อของธนาคารพวกเขาก็เหงื่อตก รู้โล่งที่ไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้แต่พอมองดูวิโรจน์ที่ปากดีตั้งแต่ต้น ดูถูกเขาทุกอย่าง ก็ทำให้พวกนั้นยิ้มเยาะ คราวนี้บริษัท F&M คงได้เปลี่ยนมือแล้วละ"คุณอเล็กซ์...เกิดอะไรขึ้นทำไมถึง..." ภัทรพูดติดขัด รู้สึกงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น"อ่อ...เขาเป็นลูกค้าวีวีไอพีของเรานะครับ คงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขารวยจริง"ทุกคนอ้าปากค้างกับคำว่าวีวีไอพี ลูกค้าที่มีเงินในบัญชีแสนล้านขึ้นไปวิโรจ
"ได้...เรามาเริ่มกันดีกว่า พวกคุณบอกว่าผมไม่รวยจริง และ ไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัท BBOSS คุณทุกคนก็พิสูจน์ได้เลย" เอสพูดยืดยาว"แน่นอน พวกเรามีเบอร์ติดต่อของบริษัท BBOSS แค่โทรไปก็รู้แล้ว" ภัทรหยิบมือถือขึ้นมา"คราวนี้แกจะแก้ตัวยังไง ก็หนีไม่รอดหรอก" อนันต์กัดฟันพูด พร้อมกำหมัดขว่าแน่น"เตรียมตัวได้เลย รปภ รีบไปคุมตัวเขาไว้ก่อน เดี๋ยวพอถึงเวลาแล้วจะหนีไปได้" มังกรยิ้มมุมปาก แววตาแฝงไปด้วยแผนการพนิดานั่งฟังอย่างใจเย็น แต่ถึงขั้นนี้เธอคิดว่าเกินไป"หยุดนะ...เขายังไม่ผิดพวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไร"รปภ ร่างกำยำสามคนหยุดนิ่ง เพราะไม่กล้าขัดคำสั่ง ตอนนี้จึงรอให้ผู้มีอำนาจตัดสินกันเองค่อยลงมือตาม"เธอกล้าดียังไง คิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ หลังจบเรื่องนี้เธอต้องถูกทำโทษแน่ ใช่ไหมครับคุณภัทร"อนันต์ตะคอกใส่ ไม่ไว้หน้าประธานเลยสักนิด ก่อนจะหันไปส่งรอยยิ้มให้ภัทร เพราะรู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรกับ หลานสาวตน"ฉันจะจัดการเธอทีหลัง ตอนนี้จับตัวมันไว้ได้แล้ว"รปภ รับคำสังจึงเดินเข้าไปหาเอส แต่พวกเขาก็ต้องหยุดทันทีที่ได้ยินเสียงของอเล็กซ์"พวกคุณไม่ให้เกียรติผมเลยนะครับ อยู่ต่อหน้าผมยังทำตัวแบบนี้ได้เหรอ" เขาพู
"คุณอเล็กซ์ครับ ผมขอยืมเงินคุณได้ไหม พอดีอยากเอาไปพนันเล่นนิดหน่อย" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์อเล็กซ์อดขำในใจ คนที่มีเงินเยอะกว่าเขาเนี่ยนะ จะมาขอยืมเงิน แต่ถึงยังไงก็ต้องเล่นไปตามน้ำ เรื่องสนุกต่อจากนี้ต่างหาก"ได้สิ ผมจะรับประกันเอง อยากรู้ว่าเขาจะจัดการยังไง ถ้าความจริงถูกเปิดเผย""ขอบคุณ...ได้ยินแล้วใช่ไหม"ทั้งสามคนยิ้มเยาะก่อนจะกันมาหาอเล็กซ์ พวกเขาไม่คิดว่าเอาจะถูกช่วยไว้ เพราะภัทรอยากให้เอาเดิมพันชีวิต เขาจะได้ทรมานให้สาสมที่กล้ามาขวางทาง"เอ่อ...ผมว่าไม่ต้องถึงมือคุณอเล็กซ์ก็ได้ครับ เอาอย่างนี้เดิมพันชีวิตของนาย" มังกรหันไปพูดกับเอสในตอนท้าย"ใช่แล้ว ถึงแพ้เขาก็ไม่มีปัญญาจ่าย ให้เขาใช้ชีวิตตัวเองแทนดีกว่า""ได้...ใครกลัว"ทุกอย่างเข้าแผนของพวกเขา ตอนนี้มีอเล็กซ์เป็นพยาน ไม่ว่ายังไงพวกเขาคงคิดว่าชนะร้อยเปอร์เซ็นต์เอสนั่งเผชิญหน้ากับทั้งสามคน โดยมีคนอื่น ๆ ที่มีหน้ามีตาในวงการธุรกิจ นั่งเป็นพยานด้วย อย่างเช่น อเล็กซ์ กับประธานใหญ่บริษัทอื่นจากการสังเกตพวกเขา มานานเอาจึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งหมดเป็นเพราะนิสัย และ สันดานเดิมคล้ายกัน ไม่ว่าใครก็เลวพอกัน ต







