น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและปรารถนาในเวลาเดียวกันทำให้เทวัญรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกแล่นผ่านสันหลัง เขาพยายามหันหน้ามามองไครินแต่แรงกดที่ต้นคอไม่ยอมให้เขาขยับ
“มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” เทวัญพูดด้วยเสียงที่พยายามจะแข็งกร้าว แม้ร่างกายจะสั่นเทา “ถึงจะลูกนักการเมืองดัง ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องสนใจมึง!” คำพูดนั้นทำให้มือที่กดอยู่ที่ต้นคอของเทวัญกดแรงขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก เทวัญรู้สึกถึงบางสิ่งที่แข็งและร้อนผ่าวดุนดันที่ช่องทางด้านหลังของเขา จังหวะหายใจของไครินเร่งเร็วขึ้น ความเกลียดชังและความปรารถนาผสมปนเปกลายเป็นพลังงานอันน่ากลัว “มึงจะรู้เดี๋ยวนี้แหละว่ากูเป็นใคร...” ไครินกระซิบ ก่อนจะดันตัวเองเข้าไปในร่างของเทวัญโดยไม่มีการเตรียมพร้อมใด ๆ “อ๊าาา!” เทวัญร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ร่างกายกระตุกและพยายามดิ้นหนี แต่นั่นกลับทำให้ไครินยิ่งดันตัวเข้ามาลึกขึ้น “หยุด! กูเจ็บ! ไอ้เหี้ย!” แต่ไครินไม่สนใจคำขอร้อง เขายิ่งดันสะโพกตัวเองเข้าไปลึกขึ้นและลึกขึ้น จนกระทั่งเข้าไปสุด เทวัญรู้สึกถึงความเต็มล้นและความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดทำให้สติที่เคยมึนเมาจากแอลกอฮอล์กลับมาชัดเจนขึ้น “แน่นชิบหาย...” ไครินคำรามเสียงแผ่ว หยุดนิ่งสักพักเพื่อให้ทั้งคู่ปรับตัว “มึงเป็นของกู!” เทวัญกัดฟันแน่น ความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาเกลียดตัวเองที่ร่างกายเริ่มตอบสนองต่อการรุกรานนี้ แต่เขาจะไม่ยอมให้ไครินมีชัยไปง่าย ๆ “กูไม่ได้เป็นของใคร!” เทวัญพยายามหันหน้ามามองไครินด้วยสายตาท้าทาย “โดยเฉพาะไอ้ปีศาจแบบมึง!” แววตาท้าทายนั้นกลับยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของไครินให้ลุกโชน เขาถอนตัวออกช้า ๆ ก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปอย่างแรง จนทำให้เทวัญร้องครางด้วยความเจ็บปวดระคนเสียวซ่าน ไครินทำซ้ำอีกครั้ง และอีกครั้ง เร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เต็มไปด้วยความโกรธและความต้องการครอบครอง “อ๊ะ! อื้อ!” เทวัญครางเสียงดังระงมออกมาไม่หยุด พยายามกัดฟันไม่ให้เสียงหลุดออกมา แต่ไม่อาจต้านทานความรู้สึกที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย ทุกครั้งที่ไครินกระแทกเข้ามา เทวัญรู้สึกเหมือนมีประกายไฟแล่นผ่านร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อมันกระทบเข้ากับจุดอ่อนไหวภายใน “อ๊ะ! หยุด... อื้อ!” ไครินสังเกตเห็นปฏิกิริยานั้น รอยยิ้มเหี้ยมเกิดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม เขาจงใจกระแทกเข้าไปที่จุดนั้นซ้ำ ๆ ทำให้เทวัญสั่นสะท้านและครางเสียงดังขึ้น ร่างกายที่เคยต่อต้านกลับเริ่มตอบรับโดยไม่รู้ตัว สะโพกของเทวัญเริ่มขยับรับจังหวะการกระแทกของไครินโดยสัญชาตญาณ “ดูตัวเองสิ” ไครินกระซิบเสียงเย้ยหยัน ขณะที่มือหนึ่งเลื่อนไปจับที่ความแข็งขืนของเทวัญที่ถูกปลุกให้ตื่นตัวเต็มที่ “นี่คือคนที่บอกว่าไม่ต้องการเหรอ? ร่างกายมึงซ่านหาชัด ๆ” “มึงมันเหี้ย!” เทวัญสบถเสียงสั่น ในขณะที่ร่างกายสั่นเทาด้วยความเสียวซ่าน มือของไครินรูดรั้งส่วนนั้นของเขาไปพร้อมกับการกระแทกด้านหลัง สร้างความรู้สึกสองเท่าที่แทบทนไม่ไหว “อ๊ะ! อ่า!” ไครินยังไม่พอใจเท่านี้ เขาดึงร่างของเทวัญให้ลุกขึ้นคุกเข่า พลิกร่างให้หันมาเผชิญหน้ากัน สายตาของทั้งคู่ประสานกันท่ามกลางความเร่าร้อน แววตาของเทวัญเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความโกรธ แต่ก็มีประกายบางอย่างที่แสดงถึงความปรารถนาซ่อนอยู่ ไครินจับคางของเทวัญเชิดขึ้น บังคับให้มองตาเขา “ยังกล้าท้าทายกูอีกไหม?” ไครินถาม ขณะที่ดันตัวเองเข้าไปในร่างของเทวัญอีกครั้งในท่านี้ “อ่า... แน่นจริง ๆ ...” เทวัญไม่ตอบ เขาเพียงจ้องตากลับอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ใบหน้าจะบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่านก็ตาม ความท้าทายนั้นทำให้ไครินยิ่งเดือดดาล เขาบดเบียดริมฝีปากลงบนปากของเทวัญอย่างดุดัน ลิ้นร้อนผ่าวแทรกเข้าไปในโพรงปากอย่างไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต “อื้อ...” เทวัญครางในลำคอ เขาไม่จูบตอบ แต่ก็ไม่ผลักไส ปล่อยให้ไครินครอบครองริมฝีปากของเขาขณะที่ร่างกายยังคงถูกกระแทกไม่หยุด จนเขาเสียวซ่านแทบขาดใจ ไครินผละจากจูบ เขาไล่ริมฝีปากลงมาที่ลำคอของเทวัญ ขบกัดแรง ๆ จนเกือบเลือดออก แต่นั่นกลับทำให้เทวัญรู้สึกเสียวซ่านมากขึ้น ร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่เหงื่อชุ่มโชก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไม่หยุด ผสมกับเสียงครางของทั้งคู่ “ไอ้ไคริน... ทำไมมึงแรงเยอะขนาดนี้...” เทวัญครางเสียงสั่น แขนของเขาโอบรอบคอของไครินเองโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ! อ่า! แรงกว่านี้อีก!” คำพูดนั้นเหมือนเป็นการท้าทายให้ไครินเดือดดาลยิ่งขึ้น เขาผลักเทวัญให้นอนลงบนเตียงอีกครั้ง ขยับตัวให้เข้าที่ ก่อนจะกระแทกเข้ามาในร่างของเทวัญเร็วและแรงขึ้นไปอีก ไม่ได้สนใจว่าร่างเล็กกว่าจะรับไหวหรือไม่ มือใหญ่ของเขาเลื่อนขึ้นมาบีบคอของเทวัญเบา ๆ ไม่ถึงกับรัดแน่น แต่มากพอที่จะแสดงการควบคุม “ปากดีนักใช่ไหม?” ไครินกระซิบเสียงเย็นชา ขณะที่บีบคอเทวัญแน่นขึ้น ร่างกายยังคงกระแทกกระทั้นเข้าไปในร่างของเทวัญอย่างรุนแรงไม่หยุด “กูจะทำให้ปากมึงไม่ได้พูดอะไรอีกเลย” เทวัญไม่อาจหายใจได้ดี สายตาเริ่มพร่าเลือน แต่ปากยังคงยิ้มท้าทาย แม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส เขายังคงพยายามเอ่ยคำหยาบออกมา ยั่วโทสะไครินให้มากขึ้น “แรง...กว่านี้...ไอ้เชี้ย...” เทวัญพยายามเค้นเสียงออกมาแผ่วเบา “มึงยัง...อ่อน...เกินไป...” คำพูดนั้นเป็นชนวนให้ไครินเดือดดาล เขาบีบคอของเทวัญแน่นขึ้นอีก พร้อมกับกระแทกร่างกายเข้าไปในร่างของเทวัญอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจว่าจะทำร้ายอีกฝ่ายมากแค่ไหน ทุกการกระแทกเต็มไปด้วยความโกรธ ความต้องการครอบครอง และความปรารถนาที่บิดเบี้ยว “อ่า!” ไครินครางเสียงต่ำ เขาถึงจุดสุดยอดอย่างรุนแรง ปล่อยความร้อนผ่าวทั้งหมดเข้าไปในร่างของเทวัญ ในขณะที่มือยังคงบีบคอของอีกฝ่ายไม่ผ่อนคลาย เทวัญรู้สึกถึงความร้อนที่ไหลเข้ามาในร่าง แต่เขาแทบไม่มีแรงตอบสนอง ออกซิเจนเริ่มขาดสมอง ทุกอย่างรอบตัวเริ่มมืดลง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าของไครินที่บิดเบี้ยวด้วยความสุขสม ก่อนที่เขาจะหมดสติไปในที่สุด ไครินปล่อยมือจากคอของเทวัญเมื่อรู้สึกว่าร่างนั้นไม่ขยับอีกต่อไป เขามองร่างที่ไร้สติด้วยความพึงพอใจ รอยแดงช้ำกระจายทั่วร่างกายเทวัญ โดยเฉพาะที่ลำคอซึ่งมีรอยนิ้วของเขาชัดเจน “มึงเป็นของกู” ไครินพูดเสียงเย็นชา มองร่างไร้สติของเทวัญด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของ “และกูจะไม่ยอมให้มึงเป็นของใคร”คนนึงก็ร้าย อีกคนก็ไม่ยอมใคร มันจะเป็นความรักได้จริง ๆ หรอ? หรือสุดท้ายมันก็แค่ความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยว?⚠️ คำเตือน : ⚠️ ✅ อาการผิดปกติทางจิตใจ✅ ทำร้ายร่างกาย✅ ความรุนแรง✅ เสพติดความเจ็บปวด🖤 พระเอกธงดำปี๋ - ไคริน💛 นายเอกธงเหลือง - เทวัญนิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘ส่วนหนึ่งในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546’ โดยระบุว่า ความรักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีต่อคนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อคนที่ตนรัก…⚠️⚠️⚠️⚠️⚠️⚠️ถึงนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน,ขอเกริ่นก่อนว่านิยายเรื่องคลื่นรัก (Waves of Desire) คือการเดินทางของหัวใจที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดว่าความรักไม่ใช่แค่ความสุข แต่เป็นความเจ็บปวด เป็นคลื่นที่ซัดกระหน่ำ และเป็นทะเลที่เราจมลงไปด้วยความเต็มใจนิยายเรื่องนี้อาจไม่สวยงามในทุกช่วงเวลาและอาจมีบาดแผล แต่หากคุณอ่านมันด้วยหัวใจ คุณจะได้พบความจริงข้อหนึ่ง: ในโลกที่โหดร้าย ความรักคือสิ่งที่เรายังคงเลือกจะโหยหา แม้มันจะเจ็บปวดก็ตามขอบค
เสียงดนตรีดังกระหึ่มไปทั่วห้องจัดเลี้ยงของชั้น 8 หอประชุมกลางของมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักของเหล่านักศึกษาและสตาฟรุ่นพี่ที่ร่วมฉลองพิธีจบรับน้องอันยาวนานกว่าสองเดือน ไฟหลากสีกระพริบไปมา เสียงเพลงเร้าใจดังก้องกังวาน แก้วช็อตถูกยกขึ้นดื่มกันอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกันแทบกลืนเสียงเพลงในบางช่วงที่มุมหนึ่งของห้อง ไคริน นั่งเงียบ ๆ บนโซฟายาวสีแดง แก้วเหล้าในมือถูกถือไว้อย่างเฉยเมย เขาไม่ได้ร่วมวงเต้นรำเหมือนคนอื่น ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างไร้ความรู้สึก หน้าหล่อเหลาได้รูปคมเข้มดูเย็นชาภายใต้แสงไฟวูบวาบ คนที่พอจะรู้จักเขาไม่กล้าเข้ามาทัก รู้ดีว่าหนุ่มลูกนักการเมืองคนนี้ไม่ชอบการเข้าสังคมเสียงหัวเราะดังลั่นดึงความสนใจของไครินให้หันไปมอง กลางวงเต้นรำ เทวัญ กำลังเต้นอย่างสนุกสนาน ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ปลดกระดุมลงมาสามเม็ด เผยให้เห็นเรือนร่างที่เพรียวบาง ผิวสีน้ำผึ้งเปล่งประกายใต้แสงไฟ เขาเต้นราวกับไม่มีใครมองอยู่ ยิ้มกว้างอย่างมีเสน่ห์ ดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้องมาที่เขา รวมถึงสายตาของไครินด้วย“ไอ้เท! นี่เตรียมเกมพิเศษมาแล้ว
หลังจากผ่านไปอีกหลายรอบ เทวัญที่เมาหนักเริ่มเอนเอียงไปมา เพื่อน ๆ ของเขาหัวเราะและแซวว่า “ไอ้เท! มึงเมาแล้ว กลับห้องเถอะ! เดี๋ยวกูไปส่ง” เทวัญส่ายหน้า แต่ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก“ไม่เป็นไร กูกลับเองได้...” เทวัญตอบเสียงเนือย ๆ “ห้องกูอยู่แค่ชั้น 5 หอในนี่เอง...”เทวัญเดินโซเซออกจากงาน เพื่อน ๆ เสนอจะไปส่งอีกครั้ง แต่เขายังคงปฏิเสธ บอกว่าอยากเดินคนเดียวให้สร่างเมา แต่เขาคงไม่ทันสังเกตว่ามีเงาร่างหนึ่งลุกตามออกมาไม่ไกลลิฟต์ในอาคารหอพักเปิดออก เทวัญก้าวเข้าไปอย่างเชื่องช้า กดปุ่มชั้น 5 ซ้ำ ๆ เพราะตาพร่าเลือนมองแทบไม่เห็น ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด มีมือข้างหนึ่งยื่นมาขวางไว้ ประตูเปิดออกอีกครั้ง ไครินก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย“โอ้! ลูกแม่ ส.ส. คนดัง...” เทวัญเอ่ยเสียงเนือย ๆ “กลับห้องเหมือนกันเหรอ? เมาแล้วหรือยัง? หรือว่าเหล้าไม่กล้าเข้าปากคุณชายอย่างนาย?”ไครินไม่ตอบ เพียงกดปุ่มชั้น 5 ซ้ำกับที่เทวัญกดไว้ ดวงตาคมยังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเทวัญ เป็นการจ้องที่ทำให้คนถูกจ้องรู้สึกอึดอัด แต่เทวัญที่เมาหนักกลับไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา“จูบกับไอ้นั้นสนุกไหม?” ในที่สุดไคริน
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและปรารถนาในเวลาเดียวกันทำให้เทวัญรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกแล่นผ่านสันหลัง เขาพยายามหันหน้ามามองไครินแต่แรงกดที่ต้นคอไม่ยอมให้เขาขยับ“มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” เทวัญพูดด้วยเสียงที่พยายามจะแข็งกร้าว แม้ร่างกายจะสั่นเทา “ถึงจะลูกนักการเมืองดัง ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องสนใจมึง!”คำพูดนั้นทำให้มือที่กดอยู่ที่ต้นคอของเทวัญกดแรงขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก เทวัญรู้สึกถึงบางสิ่งที่แข็งและร้อนผ่าวดุนดันที่ช่องทางด้านหลังของเขา จังหวะหายใจของไครินเร่งเร็วขึ้น ความเกลียดชังและความปรารถนาผสมปนเปกลายเป็นพลังงานอันน่ากลัว“มึงจะรู้เดี๋ยวนี้แหละว่ากูเป็นใคร...” ไครินกระซิบ ก่อนจะดันตัวเองเข้าไปในร่างของเทวัญโดยไม่มีการเตรียมพร้อมใด ๆ“อ๊าาา!” เทวัญร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ร่างกายกระตุกและพยายามดิ้นหนี แต่นั่นกลับทำให้ไครินยิ่งดันตัวเข้ามาลึกขึ้น “หยุด! กูเจ็บ! ไอ้เหี้ย!”แต่ไครินไม่สนใจคำขอร้อง เขายิ่งดันสะโพกตัวเองเข้าไปลึกขึ้นและลึกขึ้น จนกระทั่งเข้าไปสุด เทวัญรู้สึกถึงความเต็มล้นและความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดทำให้ส
หลังจากผ่านไปอีกหลายรอบ เทวัญที่เมาหนักเริ่มเอนเอียงไปมา เพื่อน ๆ ของเขาหัวเราะและแซวว่า “ไอ้เท! มึงเมาแล้ว กลับห้องเถอะ! เดี๋ยวกูไปส่ง” เทวัญส่ายหน้า แต่ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก“ไม่เป็นไร กูกลับเองได้...” เทวัญตอบเสียงเนือย ๆ “ห้องกูอยู่แค่ชั้น 5 หอในนี่เอง...”เทวัญเดินโซเซออกจากงาน เพื่อน ๆ เสนอจะไปส่งอีกครั้ง แต่เขายังคงปฏิเสธ บอกว่าอยากเดินคนเดียวให้สร่างเมา แต่เขาคงไม่ทันสังเกตว่ามีเงาร่างหนึ่งลุกตามออกมาไม่ไกลลิฟต์ในอาคารหอพักเปิดออก เทวัญก้าวเข้าไปอย่างเชื่องช้า กดปุ่มชั้น 5 ซ้ำ ๆ เพราะตาพร่าเลือนมองแทบไม่เห็น ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด มีมือข้างหนึ่งยื่นมาขวางไว้ ประตูเปิดออกอีกครั้ง ไครินก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย“โอ้! ลูกแม่ ส.ส. คนดัง...” เทวัญเอ่ยเสียงเนือย ๆ “กลับห้องเหมือนกันเหรอ? เมาแล้วหรือยัง? หรือว่าเหล้าไม่กล้าเข้าปากคุณชายอย่างนาย?”ไครินไม่ตอบ เพียงกดปุ่มชั้น 5 ซ้ำกับที่เทวัญกดไว้ ดวงตาคมยังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเทวัญ เป็นการจ้องที่ทำให้คนถูกจ้องรู้สึกอึดอัด แต่เทวัญที่เมาหนักกลับไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา“จูบกับไอ้นั้นสนุกไหม?” ในที่สุดไคริน
เสียงดนตรีดังกระหึ่มไปทั่วห้องจัดเลี้ยงของชั้น 8 หอประชุมกลางของมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักของเหล่านักศึกษาและสตาฟรุ่นพี่ที่ร่วมฉลองพิธีจบรับน้องอันยาวนานกว่าสองเดือน ไฟหลากสีกระพริบไปมา เสียงเพลงเร้าใจดังก้องกังวาน แก้วช็อตถูกยกขึ้นดื่มกันอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกันแทบกลืนเสียงเพลงในบางช่วงที่มุมหนึ่งของห้อง ไคริน นั่งเงียบ ๆ บนโซฟายาวสีแดง แก้วเหล้าในมือถูกถือไว้อย่างเฉยเมย เขาไม่ได้ร่วมวงเต้นรำเหมือนคนอื่น ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างไร้ความรู้สึก หน้าหล่อเหลาได้รูปคมเข้มดูเย็นชาภายใต้แสงไฟวูบวาบ คนที่พอจะรู้จักเขาไม่กล้าเข้ามาทัก รู้ดีว่าหนุ่มลูกนักการเมืองคนนี้ไม่ชอบการเข้าสังคมเสียงหัวเราะดังลั่นดึงความสนใจของไครินให้หันไปมอง กลางวงเต้นรำ เทวัญ กำลังเต้นอย่างสนุกสนาน ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ปลดกระดุมลงมาสามเม็ด เผยให้เห็นเรือนร่างที่เพรียวบาง ผิวสีน้ำผึ้งเปล่งประกายใต้แสงไฟ เขาเต้นราวกับไม่มีใครมองอยู่ ยิ้มกว้างอย่างมีเสน่ห์ ดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้องมาที่เขา รวมถึงสายตาของไครินด้วย“ไอ้เท! นี่เตรียมเกมพิเศษมาแล้ว
คนนึงก็ร้าย อีกคนก็ไม่ยอมใคร มันจะเป็นความรักได้จริง ๆ หรอ? หรือสุดท้ายมันก็แค่ความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยว?⚠️ คำเตือน : ⚠️ ✅ อาการผิดปกติทางจิตใจ✅ ทำร้ายร่างกาย✅ ความรุนแรง✅ เสพติดความเจ็บปวด🖤 พระเอกธงดำปี๋ - ไคริน💛 นายเอกธงเหลือง - เทวัญนิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘ส่วนหนึ่งในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546’ โดยระบุว่า ความรักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีต่อคนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อคนที่ตนรัก…⚠️⚠️⚠️⚠️⚠️⚠️ถึงนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน,ขอเกริ่นก่อนว่านิยายเรื่องคลื่นรัก (Waves of Desire) คือการเดินทางของหัวใจที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดว่าความรักไม่ใช่แค่ความสุข แต่เป็นความเจ็บปวด เป็นคลื่นที่ซัดกระหน่ำ และเป็นทะเลที่เราจมลงไปด้วยความเต็มใจนิยายเรื่องนี้อาจไม่สวยงามในทุกช่วงเวลาและอาจมีบาดแผล แต่หากคุณอ่านมันด้วยหัวใจ คุณจะได้พบความจริงข้อหนึ่ง: ในโลกที่โหดร้าย ความรักคือสิ่งที่เรายังคงเลือกจะโหยหา แม้มันจะเจ็บปวดก็ตามขอบค