“ฉันหิวเธอ” พูดจบเขาก็ก้มลงมาดูดดุนดอกบัวงามสะพรั่งที่ชูช่อล่อตาให้เขาต้องเก็บเกี่ยวตักตวงอย่างไม่รู้จักพอ ร่างเล็กหยัดกายเสนอให้เขาอย่างเผลอไผลตามอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้น ปล่อยกายปล่อยใจให้เขาจับจูงไปด้วยกันอีกครั้ง
ต้องรักเหลือบตามองคนที่นั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ฝั่งตรงข้าม แม้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นจะปราศจากรอยยิ้มใดๆ แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าเขากำลังอารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด
คิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเกือบสองชั่วโมงก่อนแล้วก็ให้รู้สึกขายหน้าเหลือเกิน ทำไมเธอถึงเร่าร้อนได้ขนาดนั้น ทำไมถึงได้ยอมทำตามทุกอย่างที่เขากระซิบพร่ำสอนอยู่ข้างหู เวลานั้นไม่รู้ว่าความอายหายไปไหนหมด รู้แต่เพียงว่าเธออยากให้เขาพึงพอใจ และแค่เห็นสายตาสีนิลลึกล้ำที่มองเธออย่างหลงใหล เธอก็ยินยอมพร้อมใจอยู่แทบเท้าของเขาแล้ว
แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นเรื่องที่น่าอายยิ่งกว่า เพราะเธอถูกเขาอุ้มลงอ่างแล้วอาบน้ำถูสบู่ให้ทุกซอกทุกมุมราวกับคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และเธอก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าภายใต้ท่าทีเงียบขรึมเย็นชา แท้ที่จริงแล้วเขากลับซ่อนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเอาไว้มากมายอย
ภายใต้แสงไฟสลัวรางของผับหรูแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างของบุรุษหนุ่มสองคนที่ต่างเชื้อชาตินั่งประจันหน้ากันอยู่ที่โต๊ะด้านในสุด ทั้งคู่กวาดตามองบรรยากาศโดยรอบด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ราวกับว่าเสียงเพลงจังหวะเร้าใจและหญิงสาวสวยมากหน้าหลายตาที่กำลังวาดลีลาเร่าร้อนตามจังหวะเพลงเหล่านั้นหาได้มีความหมายใดๆ กับพวกเขาเลยแม้แต่น้อยกระทั่งในที่สุด ชายร่างใหญ่ผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาก็ผินหน้ามาที่ผู้ร่วมโต๊ะและเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อน“นายจะปฏิเสธจริงหรือทิม” แม้น้ำเสียงจะฟังดูเรียบเรื่อย แต่หัวคิ้วของผู้พูดกลับขมวดเป็นปมเมื่อมองหน้าอีกฝ่าย“ใช่ ฉันแต่งงานกับเคธี่ไม่ได้”ชนาธิปตอบโดยไม่แสดงอาการลังเลออกมาให้เห็น ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจดริมฝีปาก เขารู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่เขาก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว“เคธี่รักนายมากนะ ฉันรู้ดี” วิลพูดพลางหลุบสายตาลงต่ำเพื่อปิดบังไม่ให้คนที่ฉลาดเป็นกรดอย่างชนาธิปจับสีหน้ากับแววตาของตนได้ ในขณะที่อีกฝ่ายหันมามองแล้วลอบยกยิ้มที่มุมปาก“จริงอยู่ว่าเคธี่รักฉัน แต่เธอไม่ได้รักในแบบคนรัก นายก็รู้ว่าเคธี่กับฉันเติบโตมาด้วยกันจนแทบจะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันอยู
ชนาธิปเดินลงมาจากชั้นสองก่อนเวลาดินเนอร์ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาชะงักเท้าทันทีเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่พอกันกับเขาแต่อีกฝ่ายลำตัวหนากว่ายืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงคอยท่าอยู่ตรงเชิงบันได“ยินดีต้อนรับกลับมา พี่ชาย” คนยืนรอเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายขึ้นก่อน ชนาธิปยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดร่างหนาหลวมๆ แทนคำทักทาย“ผมทรงใหม่ของนายเข้าท่าดีนะวิล”ชนาธิปมองทรงผมทรงใหม่ของบอดีการ์ดหนุ่มด้วยแววตากึ่งทึ่งกึ่งขำ เพราะมันเป็นทรงเดียวกับนักฟุตบอลคนหนึ่งของทีมเรอัลมาดริดคนถูกทักเรื่องทรงผมทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ กระแอมออกมาครั้งหนึ่งก่อนอ้อมแอ้มบอกเสียงค่อย“คุณหนูลากไปตัดเมื่อวานนี้”ได้ฟังอย่างนั้นชนาธิปเกือบหลุดหัวเราะแต่ก็อดเห็นใจอีกฝ่ายไม่ได้ เคธี่นั้นคลั่งไคล้นักฟุตบอลทีมนี้มาก จึงมักพร่ำเพ้ออยู่บ่อยๆ และคนที่ต้องตกเป็นตุ๊กตาให้เธอก็เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวิล บอดีการ์ดหนุ่มที่คอยตามติดไม่ห่างนั่นเองมื้อค่ำวันนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนนั่นคือชนาธิป เพราะตามปกติแล้วจะมีเพียงแค่นิโคลัส เคธี่ และวิลเ
รถทั้งหมดมาหยุดลงตรงเทอร์เรซหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ บุรุษต่างชาติที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับรีบลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูให้ชนาธิป ในขณะที่เอกรัฐเปิดประตูรถด้วยตัวเองเพราะรู้สถานะของตนดีว่าอยู่ในฐานะอะไรร่างสูงก้าวขาลงจากรถ เขาหันไปขอบคุณชายที่เปิดประตูให้เบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหินอ่อนเข้าสู่ตัวคฤหาสน์โดยมีเอกรัฐตามมาด้านหลัง ฝีเท้ามั่นคงหนักแน่นชะงักเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่หน้าประตูไม้โอ๊กขัดเงาบานใหญ่ เพราะทันทีที่เขาย่างเท้าเข้าไปด้านใน โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นก็จะปรากฏขึ้นมาพันธนาการเท้าทั้งสองข้างของเขาไว้ทันทีซึ่งมันจะถอดออกได้ก็ต่อเมื่อเขากลับไปเมืองไทยเท่านั้น!“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ไอ้ลูกชาย”เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขึ้นทันทีที่ชนาธิปเหยียบย่างเข้าสู่คฤหาสน์ ชายหนุ่มหันมองไปตามเสียง เห็นร่างสูงใหญ่อย่างชาวอเมริกันของนิโคลัส รูคส์ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกากำลังยืนดูดซิการ์อยู่หน้าเตาผิงในห้องรับแขก มุมปากที่คาบซิการ์อยู่นั้นโค้งขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาคมกริบสีเทาเด็ดเดี่ยวมีประกายยินดีเมื่อเห็นเขา“สวัสดีครับนายท่าน”
“กูเกิ้ลไงน้อง จะบอกให้ว่ากว่าจะได้คนนี้มา พี่นี่ต้องนั่งเสิร์ชนั่งหาข้อมูลตั้งสามวัน ก็คุณธิปน่ะบอกแค่ว่าให้หาครูสอนภาษาที่ดีที่สุด และต้องเป็นผู้หญิงมาสอน แต่ก่อนจะมาสอนก็ต้องสืบประวัติก่อนด้วยนะว่านิสัยใจคอเป็นยังไง เคยมีปัญหากับนักเรียนหรือไม่อะไรพวกนั้นน่ะ” ชนิดาตอบยืดยาวพลางทำท่าทางประกอบคำพูด“แต่ครูสอนภาษาที่เป็นผู้หญิงก็หายากมากเลยนะ ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชาย โชคดีที่ได้คุณแอนนาเบลมา” เจ้าตัวพูดพลางตักเค้กเข้าปากคำโต ในขณะที่คนฟังเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย“งั้นหรือคะ แล้วทำไมต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นด้วยล่ะ จริงๆ แล้วรักเรียนกับใครก็ได้” ต้องรักถามพลางใช้มือหยิบหลอดขึ้นมาจ้วงน้ำแข็งในแก้วเพื่อให้โกโก้เย็นขึ้นมาท่วมน้ำแข็ง“แหม...เข้าใจถามนะเธอ นี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรือสาวน้อยว่าเจ้านายพี่น่ะทั้งรักทั้งหลงตัวเองแค่ไหน หวงอย่างกับไข่ในหินขนาดนั้น ฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าจะได้ครูผู้ชายมาสอนให้น่ะ” ชนิดาทำตาวิบวับอย่างล้อเลียนคนหน้าแดงที่กำลังทำทีเป็นก้มลงดูดน้ำในแก้วอย่างขวยเขิน ก่อนจะพูดเลี่ยงไปอีกเรื่องหนึ่ง&ldquo
อ้อมแขนอบอุ่นที่สวมกอดจากทางด้านหลังตามมาด้วยจุมพิตหนักๆ บริเวณขมับไล่ลงมาจนถึงข้างแก้ม ส่งผลให้คนที่กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้อดยิ้มขวยเขินขึ้นมาไม่ได้ ตั้งแต่ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน เขามักเข้ามานัวเนียกับเธอทุกครั้งที่สบโอกาสชนาธิปเดินถอยหลังแล้วหย่อนตัวลงนั่งที่ขอบเตียง มือโอบไหล่ของต้องรัก จากนั้นจึงรั้งตัวเธอให้นั่งลงบนตักของตัวเอง หญิงสาวยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเขาโดยอัตโนมัติ เรือนกายช่วงบนแทบแนบสนิทไปด้วยกันเมื่อศีรษะเล็กโผเข้าซุกซบอยู่ที่ซอกคอเขาเพื่อหลบเลี่ยงการสบตา ในขณะที่มือของชายหนุ่มกอดรัดนวดคลึงอยู่แถวสะโพกกลมกลึงอย่างแผ่วเบา“ฉันให้โอ๋เขาจัดการเรื่องครูสอนภาษาแล้ว คิดว่าวันสองวันนี้คงเริ่มเรียนได้ทันที เธออยากเรียนอะไรเพิ่มเติมรึเปล่า”เสียงทุ้มถามอย่างเอาใจใส่ มืออีกข้างของเขายกขึ้นเก็บปอยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าสีระเรื่อไปเหน็บไว้ที่ข้างหูให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะยื่นจมูกกดลงไปที่แก้มนวลอย่างอดใจไม่อยู่นี่กระมังที่เขาเรียกกันว่าข้าวใหม่ปลามัน มันหอมหวานน่าหลงใหลเช่นนี้เองหรอกหรือต้องรักผงกศีรษะขึ้นมาจากบ่าขอ
“คุณธิปคะ” สีหน้าจืดเจื่อนของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เขารอฟังว่าเธอกำลังจะพูดอะไร แต่การสั่นเตือนของโทรศัพท์มือถือก็ส่งสัญญาณขัดขึ้นมาเสียก่อนชนาธิปล้วงหยิบมันขึ้นมาดูชื่อของคนที่โทร.เข้าก่อนจะกดรับ“มีอะไร” เขากรอกเสียงลงไปห้วนๆ จากนั้นก็นั่งนิ่งฟังปลายสายพูด ต้องรักหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมโดยที่สายตาคอยมองแต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาตลอดเวลา เห็นแววไม่สบอารมณ์พาดผ่านในสีหน้าและแววตาของเขาก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาเรียบนิ่งประดุจน้ำแข็งตามเดิมตั้งแต่มาอยู่กับเขา ต้องรักไม่เคยก้าวก่ายงานของชนาธิปแม้แต่อย่างเดียว ห้องทำงานของเขาเต็มที่ก็แค่เข้าไปปัดกวาดเช็ดถูให้ แต่เอกสารทุกแผ่น แฟ้มทุกแฟ้ม เธอไม่เคยยุ่มย่ามเปิดดูเลยสักครั้ง แม้เขาเคยบอกเอาไว้ว่าเธอสามารถเข้าไปใช้โต๊ะทำงานที่ห้องนั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่กล้าพอ ยิ่งเป็นเรื่องการถามไถ่เกี่ยวกับงานของเขาก็ยิ่งไม่กล้า และเพราะเหตุนี้กระมัง เขาจึงไม่เคยลุกออกไปพูดโทรศัพท์ที่อื่นเลย เธอได้ยินเขาพูดกับอีกฝ่ายแทบทุกประโยคต้องรั