Home / มาเฟีย / กรงปรารถนา / บทที่ 2 ฮีโรของต้องรัก - 75%

Share

บทที่ 2 ฮีโรของต้องรัก - 75%

last update Last Updated: 2025-07-12 13:00:40

ชนาธิปรีบย่อตัวลงช้อนร่างของหญิงสาวให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนได้ทันควันจนร่างเล็กนั้นลอยหวือขึ้นจากพื้นเมื่อเขายืนขึ้นเต็มความสูง ด้วยความตกใจ ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที ส่งผลให้ใบหน้าของเธอกับเขาห่างกันเพียงแค่คืบ หนำซ้ำท่อนแขนของเธอยังโอบรอบคอเขาโดยอัตโนมัติอีกต่างหาก

ตาสองคู่ประสานกันนิ่งงันท่ามกลางหัวใจหญิงสาวที่สั่นระรัว จนเจ้าของกลัวว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะรู้ อยากถอนสายตาจากเขาแต่กลับรู้สึกเหมือนถูกนัยน์ตาสีนิลตรงหน้าดึงดูด เธอคิดว่าสายตาตนคงกำลังพร่าเบลอเพราะเหมือนจะเห็นร่องรอยความพึงพอใจฉายชัดออกมาจากนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น แม้ว่ามันจะแค่ชั่ววินาทีก็ตาม

“ค่อยๆ วางเท้าลงแล้วยืนช้าๆ นะ” เขาพูดโดยไม่ละสายตาไปจากวงหน้าสวยหวาน

ในขณะที่ต้องรักนั้นคล้ายถูกมนตร์สะกดบางอย่างให้ไม่รับรู้ถ้อยประโยคที่เขาเอ่ย เสียงของเขา และกลิ่นน้ำหอมที่เธอจารึกเอาไว้ในใจกำลังทำให้ห้วงความคิดล่องลอยไป ตอนที่เธอใกล้หมดสติ เธอยังคงจดจำความอบอุ่นอ่อนหวานนั้นได้ดี แม้ว่าสติสัมปชัญญะใกล้ดับวูบลงเต็มทีก็ตาม

“พร้อมรึยังต้องรัก”

ได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อเธอ สติของต้องรักจึงเพิ่งกลับมาอยู่กับตัว หญิงสาวรีบแก้เก้อด้วยการเสมองไปทางอื่นก่อนจะอ้อมแอ้มตอบรับเขา

เมื่อเห็นต้องรักพร้อมแล้วเขาจึงค่อยๆ ผ่อนร่างหญิงสาวลงกับพื้นโดยที่แขนข้างหนึ่งยังคงยึดต้นแขนของเธอเอาไว้แน่น ต้องรักเองก็เผลอเกาะกุมบ่าของเขาเป็นหลักยึดขณะพยายามยืนเต็มฝ่าเท้า

พอเห็นหญิงสาวยืนได้มั่นคงแล้ว เขาจึงปล่อยมือจากต้นแขนของเธอแล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้น

“เกาะแขนฉันไปก็แล้วกัน จะได้ไม่ล้มลงไปอีก”

ต้องรักมองแขนของเขาอย่างชั่งใจ ทั้งเกรงใจเขาในฐานะเจ้านาย และไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอกำลังให้ท่า แต่ถ้าเธอปฏิเสธความหวังดีจากเขาก็คงดูไม่ดีเท่าไร สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะวางมือของตัวเองลงบนท่อนแขนของเขา

“ขอบคุณมากค่ะ คุณชนาธิป”

ชนาธิปปล่อยให้หญิงสาวจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ส่วนตนก็ออกไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายและยาของต้องรักที่จะต้องนำกลับไปกินต่อที่บ้าน เมื่อเขาเดินกลับมาก็เห็นหญิงสาวนั่งอยู่เพียงลำพังบนโซฟาในห้องพัก

“ไปเถอะ” เขาเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าให้เล็กน้อย มือยื่นไปหาเพื่อให้เธอเกาะยึดเอาไว้ระหว่างลุกขึ้นยืน ต้องรักวางมือของตัวเองลงบนอุ้งมืออุ่นร้อนก่อนจะลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง

ความอุ่นจากอุ้งมือเขาแผ่ซ่านมาตามผิวเนื้อจนลามไล้เข้าไปโอบล้อมไว้ทั้งหัวใจ ก่อนจะพุ่งขึ้นไปสุดทางอยู่ตรงผิวหน้า ส่งผลให้แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ยิ่งมือนั้นกุมกระชับขึ้น ระดับความร้อนก็ดูเหมือนจะพุ่งสูงตามไปด้วย

นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองไปยังท่อนแขนของเขา อยากเปลี่ยนเป็นเกาะกุมแขนแทนที่การสอดมืออยู่ในอุ้งมืออุ่น แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะชักมือกลับ ใช่ว่ารังเกียจสัมผัสของเขา ตรงกันข้าม กลัวเขาจับได้ว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหนที่ได้ชิดใกล้กับเขาราวกับเป็นคนสำคัญอย่างนี้ต่างหาก

พอออกมาจากห้องที่นอนพัก ต้องรักเห็นชายหนุ่มสองคนมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เธอจำได้ว่าทั้งคู่เป็นลูกน้องที่คอยเดินตามชนาธิปไม่ห่าง สายตาของทั้งสองคนมองมาที่จุดๆ เดียว จุดที่มือของเขากำลังเกาะกุมมือของเธออยู่...

หญิงสาวหลุบสายตาลงมองพื้นทันทีเมื่อเห็นประกายตาล้อเลียนกับมุมปากที่หยักยกขึ้นจากสองคนนั้น จึงไม่ทันได้เห็นว่าทั้งเอกรัฐและชัชวาลแทบปรับสีหน้ากับแววตาไม่ทันเมื่อถูกนัยน์ตาคมกริบของผู้เป็นนายมองอย่างปรามๆ กลับไป

“นั่งรถเข็นไหม”

เขาก้มหน้าลงมาถาม ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับส่ายหน้าและตอบปฏิเสธ เธอเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าพอได้มายืนใกล้กันแบบนี้แล้ว ศีรษะเธอแทบไม่เลยหัวไหล่ของเขาด้วยซ้ำ

ชนาธิปพยักหน้าก่อนจะกระตุกมือเล็กที่เกาะกุมอยู่เบาๆ ให้ออกเดินไปพร้อมกับเขา ระหว่างที่พาเดินไปยังอาคารจอดรถของโรงพยาบาล ชายหนุ่มเห็นว่าเธอยังเดินได้ไม่ค่อยสะดวกนักจึงพยายามผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงจนแทบกลายเป็นเดินแล้วหยุด เดินแล้วหยุดอยู่หลายครั้ง และด้วยความเกรงใจ ต้องรักจึงฝืนทนเดินให้เร็วขึ้น

“ไม่ต้องรีบ ฉันรอได้”

เขาเอ่ยเบาๆ เหนือศีรษะเธอ ต้องรักลอบยิ้ม มองมือตนที่อยู่ในอุ้งมือเขาแล้วรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานไปทั้งใจ ราวกับว่าตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้ๆ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการการปกป้อง แม้จะรู้ดีว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพียงความรับผิดชอบอันพึงมีแก่พนักงานคนหนึ่งเท่านั้น

ตอนนี้เธอชักอยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะใจดีอย่างนี้กับพนักงานทุกคนหรือเปล่า และถ้าเป็นคนอื่น เขาจะจูงมือเดินเหมือนกับที่จูงมือเธอหรือไม่

ชนาธิปเปิดประตูรถด้านหลังแล้วดันให้เธอเข้าไปก่อน ก่อนจะแทรกตัวสูงใหญ่ของเขาตามเข้ามา หญิงสาวนั่งตัวลีบเกร็งเพราะไม่เคยนั่งรถหรูหราอย่างนี้มาก่อน อีกทั้งคนนั่งข้างๆ ยังเป็นถึงเจ้านายของเธออีกด้วย

“บ้านอยู่ที่ไหนครับ”

เอกรัฐที่นั่งอยู่เบาะหน้าหันมาถาม ต้องรักจึงบอกทางไปบ้านของตัวเองให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถได้ทราบ จากนั้นก็นั่งเงียบๆ ตามเดิมโดยไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย เพราะเห็นเขานั่งนิ่งไม่พูดไม่จา จึงทำได้แค่เพียงแอบมองจากทางหางตาเท่านั้น

ต้องรักนั่งเอามือกุมหัวเข่าของตัวเอง บีบแล้วคลายอยู่หลายครั้ง ซึ่งอาการทั้งหมดนั้นแม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอยู่ ทว่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของชนาธิปได้

อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆ มือใหญ่ของเขาก็วางลงบนมือเล็กของเธอพลางบีบเบาๆ ราวกับปลุกปลอบให้คลายความตื่นเต้น ต้องรักหันไปมองสบตากับเขา รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่กระจายจากฝ่ามือพุ่งขึ้นสู่ผิวหน้า นึกขอบคุณความมืดในเวลาย่ำรุ่งอย่างนี้เหลือเกินที่ไม่ทำให้เขาได้เห็นสีระเรื่อบนแก้ม ซึ่งป่านนี้มันคงแดงประจานเจ้าของไปเรียบร้อยแล้ว

ไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างกัน มีเพียงความอบอุ่นที่ต่างคนต่างถ่ายทอดให้กันผ่านทางฝ่ามือเท่านั้น

รถเริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปสู่ละแวกบ้านที่ต้องรักพักอาศัย หญิงสาวจึงเริ่มตื่นตัวมากขึ้น ก้มมองมือของตัวเองที่อยู่ในอุ้งมือเขาแล้วก็อยากยืดเวลานี้ออกไปอีกสักหน่อย ไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ไปแล้วเมื่อเจอกันอีกครั้ง เขาจะยังใจดีอย่างนี้อยู่อีกหรือไม่ จะทักทายเธอบ้างหรือเปล่า หรือความรู้สึกพิเศษที่ก่อเกิดขึ้นมาต่างๆ เหล่านี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่คิดไปเองฝ่ายเดียว

“เอ่อ...จอดตรงหลังรถแท็กซี่สีฟ้าคันนั้นก็ได้นะคะ เดี๋ยวรักเดินเข้าไปเองค่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กรงปรารถนา   บทที่ 4 ในอุ้งมืออุ่น - 35%

    ต้องรักพยายามจะยันกายลุกขึ้นนั่ง ทว่ามือของดิลกก็เลื่อนขึ้นมาตรึงข้อมือไว้ทั้งสองข้าง หญิงสาวจึงก่นด่าพร้อมทั้งข่มขู่ด้วยความแค้นเคือง“ไอ้หลก แกฆ่าแม่ฉัน ฉันจะเอาแกเข้าคุกให้ได้ ไอ้เลว!”“กูไม่ได้ฆ่าแม่มึง นังจงมันตกบันไดลงมาเอง”ดิลกรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ก่อนจะพูดบางอย่างที่ต้องรักได้ฟังก็ยิ่งโกรธแค้นเป็นร้อยเท่าพันทวี“กะอีแค่ทองเส้นเท่าหนวดกุ้ง แม่มึงจะหวงไว้ทำไมนักหนา กูแค่ขอยืมไปหมุนหน่อยเดียวแต่มันไม่ยอมให้ กูก็ต้องขโมยเอาสิ แม่มึงวิ่งตามกูจะเอาคืนแล้วพลาดตกบันไดมาเองไม่เกี่ยวกับกูสักหน่อย”“ไอ้ชาติชั่ว! ปล่อยนะ ไอ้ทุเรศ! ปล่อยฉัน” ต้องรักดิ้นรนสุดแรงเท่าที่ตัวเองจะมี ปากก็ร้องด่าทอดิลก พ่อเลี้ยงไปด้วย“ปล่อยก็โง่แล้ว กูเล็งมึงมาตั้งนาน ตอนแม่มึงอยู่กูทำอะไรไม่ได้เพราะติดคำสาบานที่ให้ไว้กับแม่มึง แต่ตอนนี้แม่มึงมันก็ตายไปแล้ว ยอมๆ กูไปเถอะน่ากูรู้ว่ามึงเองก็ไม่ได้สดซิงอะไรนักหรอกทำงานกลางคืนอย่างนั้นน่ะ”ถ้อยคำต่ำทรามที่พ่นออกมาจากปากของดิลกทำเอาหญิงสาวแ

  • กรงปรารถนา   บทที่ 3 สูญเสีย - 100%

    “ไปคุยกันที่บ้านเอ็งดีกว่า” พูดจบก็เดินนำหน้าหญิงสาวไปอย่างเชื่องช้า ต้องรักจึงเดินไปข้างๆ พร้อมกับชะลอฝีเท้าให้ช้าลงตามไปด้วยยายสาเป็นคนแก่คนหนึ่งที่คนในซอยมักไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไรนัก อาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านเช่าใกล้วัด นานๆ จึงจะมีลูกหลานมาเยี่ยมมาหาสักครั้ง ซึ่งเธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจลูกหลานของยายสานักว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่ ถึงได้ปล่อยปละละเลยให้คนชราที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่เพียงลำพังได้“ยายมีของมาคืนให้เอ็งน่ะ”เมื่อเข้ามาในบ้าน หญิงชราก็นั่งลงที่เก้าอี้แล้วรูดซิปล้วงหยิบเอาถุงกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อคอกระเช้าพลางยื่นให้หญิงสาวตรงหน้าต้องรักเอื้อมมือไปรับมา คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างงุนงงสงสัย เห็นยายสาพยักพเยิดให้เธอเปิดถุงออกดูจึงได้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ด้านในคือแหวนทองประดับด้วยทับทิมสีแดงเม็ดเดี่ยวๆ ไม่ใหญ่มากนัก แต่มันกลับทำให้หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมาทันที เพราะจำได้ดีว่าแหวนวงนี้มีความสำคัญกับมารดามากเพียงใด“นังจง แม่เอ็งน่ะเอามาฝากยายไว้ตั้งนานแล้ว เพราะขืนเอาเก็บไว้ที่บ้านไอ้หลกมันคงขโมยไปขายเอาเงิ

  • กรงปรารถนา   บทที่ 3 สูญเสีย - 75%

    ร่างผอมบางของจงรักถูกลุงเพิ่มอุ้มพาไปยังเบาะรถสามล้ออย่างทุลักทุเล โดยมีต้องรักและนวลตามขึ้นไปนั่งอยู่บนพื้นด้วย จากนั้นรถก็มุ่งไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเวลาผ่านไปนานเท่าไรก็สุดรู้เพราะต้องรักไม่ได้สนใจ ตอนนี้สายตาของหญิงสาวจ้องเขม็งไปยังประตูห้องฉุกเฉินที่มารดาเข้าไปอยู่ในนั้นได้พักใหญ่แล้ว การรอคอยช่างแสนทรมาน ยิ่งยาวนานก็ยิ่งรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบอัดให้เล็กลงเรื่อยๆ จนเหมือนจะหายใจไม่ออก“รักเอ๊ย...แม่เอ็งถึงมือหมอแล้ว เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”นวลที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามาบีบหัวไหล่เบาๆ อย่างปลุกปลอบ ต้องรักหันมามองครู่หนึ่งก่อนน้ำตาที่สู้อุตส่าห์กักเก็บไว้จะไหลทะลักออกมาจากหน่วยตาอีกครั้ง“รักไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น รักกลับมาจากทำงานก็เห็นแม่นอนอยู่หน้าบันไดแล้ว” ต้องรักพูดปนสะอื้น ในขณะที่นวลนั้นทำท่านึกอะไรบางอย่าง“รู้สึกป้าจะได้ยินไอ้หลกมันทะเลาะกับแม่เอ็งนะ เหมือนมันจะเอาอะไรสักอย่างแล้วแม่เอ็งไม่ยอมให้น่ะ ป้าเองก็ไม่ได้สนใจเพราะเห็นทะเลาะกันเกือบทุกวันอยู่แล้ว”ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต

  • กรงปรารถนา   บทที่ 3 สูญเสีย - 50%

    ต้องรักเดินเกาะกลุ่มกับเพื่อนพนักงานออกมาจากอาคารเพื่อกลับบ้านดังเช่นทุกวัน นัยน์ตาคู่สวยชะเง้อมองไปยังที่จอดรถทางฝั่งของผู้บริหารอย่างลืมตัว รถยุโรปคันหรูที่เธอเคยนั่งยังคงจอดนิ่งอยู่ที่เดิม อันเป็นการบอกว่าเขาคนนั้นยังไม่ได้ออกจากที่นี่ อยากหยุดยืนเพื่อรอส่งตอนที่รถของเขาแล่นผ่าน แต่ก็เกรงว่าหากทำอย่างนั้นเขาจะมองว่าเธอกำลังทอดสะพานให้เขา คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินตามกลุ่มเพื่อนออกไปทว่ายังไม่ทันเดินพ้นเขตลานจอดรถดี รถคันที่ต้องรักมองดูอยู่เมื่อครู่ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวแล่นผ่านหน้าของทุกคนไป ต้องรักมองไปยังกระจกของที่นั่งตอนหลังพร้อมกับคลี่ยิ้มให้ มองผิวเผินอาจจะดูเหมือนว่าเธอกำลังยิ้มให้เงาของตัวเองที่สะท้อนกลับมา แต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอกำลังยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะหลังนั้นต่างหาก“รัก!”ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งเรียกมาจากด้านหลัง แต่เจ้าของชื่อไม่ได้หันกลับไปเพราะมัวแต่มองส่งรถคนนั้นจนกระทั่งลับสายตา พร้อมกับที่ผู้ตะโกนเรียกมาหยุดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างๆ“รักขึ้นรถเราเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง”อน

  • กรงปรารถนา   บทที่ 8 เด็กเสี่ย - 100%

    “ไม่เป็นไรหรอกบอย รักกลับเองดีกว่า อีกอย่างนะ ทางไปบ้านบอยกับบ้านรักมันคนละทางกันเลยนะ บอยไม่ต้องไปส่งเราหรอก”ต้องรักรีบปฏิเสธออกมาทันทีพร้อมกับยกแขนของยุวรรณดาขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเพื่อน“จะสี่โมงแล้วเดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะ บาย”เมื่อเห็นว่าอีกสิบนาทีจะบ่ายสี่โมง ต้องรักจึงรีบตัดบทแล้วหาทางเลี่ยงออกมาทันที เพราะกลัวว่าอนุวัฒน์จะดึงดันขอไปส่งบ้านให้ได้ เพื่อนชายคนนี้คิดกับตนอย่างไรใช่ว่าเธอจะไม่รู้ แม้ว่าเขาจะดีและมีน้ำใจกับเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถคิดกับเขาเกินเพื่อนได้จริงๆเดินห่างเพื่อนออกมาได้ไม่เท่าไร โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นเตือนขึ้นมาว่ามีคนโทร.เข้า ต้องรักเอามือควานหาโดยไม่หยุดเดิน เมื่อเจอแล้วก็กดรับสายทันที โดยไม่ต้องดูชื่อเพราะรู้ว่าใครโทร.มา“ค่ะ รักกำลังจะถึงหน้ามอแล้วค่ะคุณธิป...ได้ค่ะ”หลังจากวางสาย ร่างเล็กก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางหน้ามหาวิทยาลัย ยิ่งเขาบอกว่ากำลังจอดรถรออยู่ หญิงสาวก็ยิ่งลนลานรีบไปให้ถึงโดยเร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้เขารอนาน จึง

  • กรงปรารถนา   บทที่ 3 สูญเสีย - 25%

    ต้องรักตื่นนอนประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง รู้สึกว่าอาการปวดตึงที่ข้อเท้าเริ่มดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเมื่อตอนเช้ามืดที่ผ่านมาเธอได้เล่าให้มารดาฟังว่าเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนเล็กน้อยจนข้อเท้าแพลง ท่านจึงนวดจับเส้นให้จนสามารถเดินลงน้ำหนักได้เต็มเท้ามากขึ้นหญิงสาวจัดการทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เสร็จเรียบร้อยก็เดินลงไปชั้นล่าง ได้ยินเสียงตำน้ำพริกอยู่ในครัวจึงเดินเข้าไปดูเผื่อมีอะไรที่พอช่วยได้บ้าง“มีอะไรให้ช่วยไหมแม่”ร่างเล็กเดินเข้าไปยืนเมียงมองที่โต๊ะเล็กข้างเตาแก๊สปิกนิก เห็นมีไข่ไก่วางไว้ในชามใบเล็กสองฟอง มีต้นหอมที่ยังไม่ได้ซอยวางอยู่บนเขียง เธอจึงเดินเข้าไปจัดการต่อให้ทันที“งั้นรักเจียวไข่เองนะ” พูดพลางลงมือหั่นต้นหอมสำหรับใส่ไข่เจียว พอดีกับที่มารดาตำน้ำพริกเสร็จจึงหันมาถามบุตรสาวอย่างเอาใจใส่ เพราะเห็นเวลาเพิ่งจะเที่ยงเท่านั้น เท่ากับว่าต้องรักเพิ่งนอนไปได้แค่ห้าชั่วโมง“นอนอิ่มแล้วเหรอลูก น่าจะนอนอีกสักหน่อยไหนๆ ก็หยุดเรียนแล้ว”“ไม่ไหวละจ้ะแม่ ท้องร้องโครกครากเลยต้องลงมาหาอะไรกินนี่แหละ อีกอย่างนะ วันนี้รักจะไปแถวที่ทำงานเร็วกว่าเดิมสักหน่อย ว่าจะลองไปเดินดูห้องเช่าหรืออพาร์ตเมนต์แถว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status