Home / มาเฟีย / กรงปรารถนา / บทที่ 4 ในอุ้งมืออุ่น - 70%

Share

บทที่ 4 ในอุ้งมืออุ่น - 70%

last update Last Updated: 2025-07-16 13:00:02

ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณของคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง ต้องรักเผลอตัวเงยหน้าขึ้นมองความหรูหราของอาคารเบื้องหน้าผ่านทางกระจกรถ คอนโดฯ แบบนี้เธอเคยเห็นโฆษณาตามหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์อยู่บ่อยๆ ในราคาที่แพงแสนแพง ยังอดคิดไม่ได้เลยว่าคนที่ตัดสินใจซื้อได้นี่คงจะเงินเหลือกินเหลือใช้น่าดู เพราะถ้าเป็นเธอคงชอบบ้านที่เป็นหลังมากกว่า แถมราคาขนาดนั้นน่าจะซื้อบ้านได้สองหลังเลยกระมัง

ชัชวาลนำรถเข้าจอดในช่องส่วนตัว พอดีกับที่มือของหญิงสาวรับรู้ได้ถึงแรงบีบกระชับเบาๆ จากอุ้งมืออุ่นของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวหันมามองเขา เป็นเวลาเดียวกับที่เขาปล่อยมือ ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในรถกระทบเข้ากับมืออีกข้างของเธอพอดิบพอดีจนรู้สึกเย็นสะท้าน แต่มือข้างที่เพิ่งเป็นอิสระกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น อาจเพราะก่อนหน้านี้มีมือของเขาเกาะกุมไว้ตลอดทาง

ชนาธิปเปิดประตูแล้วก้าวขาออกจากรถ ส่วนประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ถูกเปิดออกโดยมีชัชวาลยืนยิ้มบางๆ ส่งให้ ต้องรักจึงก้าวขาลงไปแล้วยืนเก้ๆ กังๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี

“พวกนายไปพักผ่อนเถอะ”

น้ำเสียงราบเรียบของคนที่เดินมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาว เอกรัฐกับชัชวาลค้อมศีรษะให้เจ้านายเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินห่างออกไป ทิ้งไว้แต่สองหนุ่มสาวที่ยังคงยืนนิ่งกันอยู่ข้างรถ

“ว้าย!” จู่ๆ ร่างเล็กของหญิงสาวก็ถูกตวัดลอยหวือขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา จนต้องรักเผลอตัววาดแขนไปคล้องคอของเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก ก่อนจะละล่ำละลักบอกเขาอย่างเกรงใจ

“ระ...รักเดินเองก็ได้ค่ะ” ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังสิ่งที่เธอร้องบอกเท่าไร เพราะร่างสูงใหญ่ของเขายังคงก้าวเดินดุ่มๆ ไปยังลิฟต์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า

“เธอไม่ได้ใส่รองเท้า และเธอก็คงวิ่งเท้าเปล่าอย่างนั้นมาตั้งแต่ที่บ้านเลยใช่ไหม”

เห็นสายตาของเขาที่มองมาต้องรักก็เผลอตัวยิ้มให้เขาพลางพยักหน้าช้าๆ เขาคงกลัวว่าจะเธอจะเจ็บเท้าจึงอุ้มเอาไว้อย่างนี้

“กดลิฟต์ให้หน่อยสิ”

ใบหน้าคมก้มลงมาบอกคนในอ้อมแขนที่ยังหน้าแดงก่ำด้วยความประหม่าและเขินอาย หญิงสาวรับคำเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือข้างหนึ่งไปกดปุ่มเรียกลิฟต์ตามที่เขาสั่ง ทันทีที่กด ประตูลิฟต์ก็เปิดอ้าออกทันที

ชนาธิปเดินเข้าไปด้านใน ต้องรักแปลกใจเมื่อพบว่าในลิฟต์นั้นมีปุ่มอยู่แค่สองปุ่มเท่านั้นคือเปิดกับปิด และสายตาที่เป็นคำถามของเธอก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของเขากระมัง เสียงทุ้มนั้นจึงชิงอธิบายก่อน

“ลิฟต์นี้เป็นลิฟต์ส่วนตัว จะไปแค่ห้องพักของฉันกับที่จอดรถเท่านั้น”

ลิฟต์พาทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง ชายหนุ่มก็ปล่อยให้ต้องรักได้ยืนกับพื้น ส่วนเขาหยิบกระเป๋าสตางค์จากกางเกงออกมาทาบลงไปบนแผงที่ติดอยู่ที่หน้าประตูจนได้ยินเสียงปลดล็อกดังขึ้นเบาๆ เขาเปิดประตูพร้อมกับรุนหลังของเธอให้เดินเข้าไปก่อนแล้วจึงเดินตามเข้ามาและปิดประตูลงตามเดิม

ต้องรักยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดหรูหรา นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปรอบห้องอย่างตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้สัมผัสอะไรอย่างนี้มาก่อน จนกระทั่งเขาสัมผัสแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาแบบเดิม

“ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน”

เขาพูดพลางโอบไหล่พาเธอเดินไปยังห้องๆ หนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์เด่นหราอยู่กลางห้อง ส่งผลให้ร่างของต้องรักเกร็งค้างขึ้นมาชั่วขณะ

“ห้องน้ำอยู่มุมนั้น คืนนี้เธอนอนห้องนี้แหละ มีปัญหาอะไรก็เรียกฉันได้ ห้องฉันอยู่อีกฝั่ง”

เขาบอกราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร และมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกของเธอ

“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณชนาธิป รักคงขอรบกวนคุณแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นแหละค่ะ”

หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ และพอเงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาดำล้ำลึกของเขา เธอก็พานหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ

“พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ตอนนี้เธอพักผ่อนก่อนเถอะ”

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ จนแทบมองไม่ออกว่ากำลังยิ้มอยู่ ทว่าเพียงแค่นั้นก็ทำเอาคนมองหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แม้ว่าตอนนี้เขาจะปิดประตูห้องให้แล้วก็ตาม

ต้องรักเดินสำรวจห้องซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนของเธอประมาณสามเท่า เห็นตู้เสื้อผ้าแบบบิลต์อินตั้งใกล้กับห้องน้ำแต่ก็ไม่กล้าถือวิสาสะเปิดมันออกดู สุดท้ายจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวตามที่เขาบอก

หญิงสาวตัดสินใจอาบน้ำทันทีเมื่อนึกถึงสัมผัสจาบจ้วงของดิลกเมื่อตอนอยู่ที่บ้าน แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงเกินทน ผิดกับสัมผัสอ่อนโยนของใครบางคนอย่างสิ้นเชิง เสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็หยิบชุดเดิมมาสวมใส่แล้วออกจากห้องน้ำไป

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ใจของหญิงสาวเต้นกระหน่ำขึ้นมาอีกรอบจนต้องยกมือขึ้นกดที่อกด้านซ้าย กระทั่งได้ยินเสียงเคาะอีกครั้งเธอจึงรีบสาวเท้าไปเปิดประตู จึงทันได้เห็นแผ่นหลังของคนเคาะที่กำลังทำท่าจะผละออกจากตรงนั้นพอดี

“คุณชนาธิปมีอะไรรึเปล่าคะ”

ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้เป็นปกติที่สุดแต่มือทั้งสองข้างนั้นเกาะประตูเอาไว้แน่น เขาหันหลังกลับมาแล้วเดินเข้ามาหาช้าๆ อย่างใจเย็น

“นึกว่าหลับไปแล้ว ฉันแค่จะมาบอกว่าเสื้อผ้าในตู้เอาไปใส่ก่อนได้”

ชายหนุ่มหยุดพูดไปชั่วครู่ เห็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นสูงจึงรู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่

“เป็นเสื้อผ้าของฉันเองแหละ มันอาจจะตัวใหญ่ไปหน่อยถ้าเธอใส่ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้นะ”

“ขอบคุณนะคะ ถ้าคุณไม่บังเอิญผ่านไปแถวนั้น ป่านนี้รักก็คงนอนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้นแน่ๆ” คิดแล้วก็รู้สึกใจหาย ถ้าหากคนที่มาเจอเธอเป็นพวกมิจฉาชีพหรือพวกขี้เมาหื่นกาม เธอจะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างก็สุดรู้

“อยู่กับฉันที่นี่เธอจะปลอดภัย ไปนอนเถอะ”

พูดพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาแตะเบาๆ ที่พวงแก้มข้างหนึ่งของคนตรงหน้า ต้องรักเผลอตัวจับจ้องเข้าไปในนัยน์ตาดำสนิทของเขานิ่งนาน รู้สึกว่านัยน์ตาคู่นั้นเริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มที่แตะแผ่วลงมาบนริมฝีปากราวกับขนนกปัดผ่าน ส่งผลให้ร่างกายก่อเกิดกระแสความอบอุ่นวิ่งพล่านตั้งแต่บริเวณที่เขาสัมผัสระเรื่อยไปจนทั่วสรรพางค์กาย

“ฝันดีนะ” เสียงแผ่วพร่าพูดชิดริมฝีปากก่อนที่คนพูดจะผละจากไปพร้อมกับปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย แต่หญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูราวกับสติที่กระเจิดกระเจิงเมื่อครู่นั้นยังไม่กลับเข้าร่าง

หญิงสาวเผลอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตอนนี้ใบหน้าของตนกำลังยิ้มบางๆ อยู่

เมื่อกี้เขาจูบเราใช่ไหม...

จากแค่ยิ้มก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มกว้าง น่าแปลกที่เวลาเขาทำอย่างนี้เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจเขาเลยสักนิด รู้สึกเพียงอย่างเดียวว่ามันอบอุ่นในหัวใจ และวูบวาบหวามไหวได้ทุกครั้งที่เขาแตะเนื้อต้องตัว

“มาบอกให้เราฝันดี แต่ทำกันอย่างนี้แล้วจะนอนหลับไหมล่ะ”

ต้องรักตัดพ้อกับประตูเบาๆ ก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง พยายามสลัดภาพความใกล้ชิดเมื่อครู่แต่ดูเหมือนจะทำได้ไม่ดีนัก และกว่าหญิงสาวจะผล็อยหลับไปได้ก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางของวันใหม่เข้าไปแล้ว

ต้องรักลืมตาตื่นมาอีกครั้งตอนใกล้เที่ยง หญิงสาวเหลือบดูนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วก็เด้งตัวพรวดขึ้นจากที่นอนราวกับติดสปริง ร่างเล็กลนลานลงจากเตียงแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ แต่เข้าไปได้ไม่นานก็วิ่งกลับออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้พับผ้าห่ม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กรงปรารถนา   ตอนพิเศษ - 100%

    พอได้ยินคำว่าสยาม ชนกนันท์ก็ตาวาวขึ้นทันที เพราะทุกครั้งที่ได้ไปย่านนั้นกับบิดามารดา ตนมักได้เสื้อผ้า หรือของที่อยากได้ติดมือกลับบ้านเสมอ และครั้งนี้จึงไม่พลาดเช่นกัน“ไปค่ะคุณพ่อ ถ้างั้นให้อเล็กซ์กับอลัน...”“ให้อยู่บ้านไป อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ไงลูก” ชนาธิปชิงพูดก่อนบุตรสาว จากนั้นก็หันไปถามสองแฝดด้วยภาษาอังกฤษ“พวกนายจะเอาอะไรไหม”“เบียร์!” สองหนุ่มตอบมาพร้อมกัน ชนาธิปยิ้มเย็นพลางพูดว่า“No!” เขามองหน้าฝาแฝดทั้งสองคนแล้วลอบถอนหายใจแผ่ว สองหนุ่มนี่ยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งหล่อเหลา อีกทั้งรูปร่างยังสูงใหญ่จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบแปด“ถ้าพวกนายอยากดื่มก็ดื่มได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ เอารถที่บ้านออกไปหาร้านนั่งดื่มกันข้างนอกก็ได้ ตามสบาย”ชนาธิปบอกอย่างใจกว้าง เพราะอย่างไรเสียสองคนนี้เขาก็ถือว่าเป็นหลาน หรือญาติที่ใกล้ชิดที่สุด แต่เขาจะไม่วุ่นวายกับสองคนนี้เลยถ้าหากว่าทั้งคู่จะไม่มาวอแวชนกนันท์ สายตาหวานเชื่อมนั่นเขาดูออกว่าทั้งสองคนนั้นถูกใจบุตรสาวของเขา และกำลัง

  • กรงปรารถนา   ตอนพิเศษ - 75%

    “อ้าว คุณธิปพาภรรยามาด้วยหรือคะไม่น่าเชื่อ ปกติเห็นไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด” อีฟหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด“ลูกผมสองคนยังเล็กมากครับ ผมเลยไม่อยากให้ลูกไปงานเลี้ยงกับผม ภรรยาผมเขาก็เลยต้องอยู่ดูแลลูกที่บ้าน ผมก็ตามใจเธอ”เขาดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “ผมขอตัวก่อนดีกว่า ป่านนี้อาหารน่าจะมาเสิร์ฟแล้ว ฝากความระลึกถึงคุณเบิร์ดด้วยนะครับ”ชนาธิปยิ้มบาง ๆ ให้อีกครั้งแล้วเดินจากไป ทิ้งสายตาผิดหวังของหญิงสาวไว้ที่เดิมโดยไม่คิดหันกลับไปมองอีกเมื่อชนาธิปกลับเข้าไปในร้านอาหาร ชายหนุ่มก็เห็นภรรยาคนสวยนั่งจ้องตนเขม็งแทบไม่กะพริบตา เขาเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ เพราะเธอมองเขาแบบนี้ก็หมายความว่าเธอเห็นที่เขาหยุดคุยกับผู้หญิงคนนั้น“เลขาฯ ของคุณเบิร์ดเจ้าของโครงการบ้านในสวนน่ะ เขามาเดินซื้อของ เจอพี่พอดีเขาก็เลยทัก” ชายหนุ่มอธิบายให้ภรรยารู้โดยไม่รอให้เธอเปิดปากถาม“รักยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย เห็นรักเป็นคนขี้หึงไปได้” เธออมยิ้ม สีหน้าพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัดที่เขาบอกเธอไปตามตรง“หรือไม่ใช่ เห็นสายตาก

  • กรงปรารถนา   ตอนพิเศษ - 50%

    “อุ้ยเล่าให้ฟังว่าพี่ชายเขาทำงานหลายอย่างมาก พักผ่อนน้อย ความเครียดก็เยอะ แต่เพราะเขาไม่เคยป่วยก็เลยไม่เคยไปตรวจสุขภาพสักที จึงไม่รู้ว่าความจริงแล้วตัวเองเป็นโรคความดันสูง พออาการกำเริบ บทจะไปเขาก็ไปแบบกะทันหันจนคนในครอบครัวไม่ทันได้เตรียมใจเลยค่ะ”ชนาธิปยิ้มอ่อนพลางจูบหน้าผากภรรยาอย่างรักใคร่ เธอเคยบอกว่าเขาเปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเธอกับลูก เพราะฉะนั้นต้องรักจึงขอร้องเขาว่าอย่าทำอะไรที่เป็นการสุ่มเสี่ยงหรืออันตรายต่อชีวิตอย่างเด็ดขาด และเขาก็เคยรับปากเธอไว้แล้ว“เราก็เลยกลัวว่าพี่จะเป็นเหมือนพี่ชายของเพื่อนหรือ”ต้องรักพยักหน้าอยู่กับอกเขา “รักกับลูกไม่ต้องการอะไรค่ะ ขออย่างเดียวคือขอให้พี่อยู่กับเราแม่ลูกไปนาน ๆ รักอยากให้พี่อยู่ดูความสำเร็จของลูกด้วยกันกับรัก อยู่เป็นปู่ย่าให้หลานของเราแค่นี้ก็พอค่ะ”ชายหนุ่มยิ้มกว้างกับประโยคน่ารักน่าใคร่ของภรรยา เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เป็นคุณปู่อย่างเดียวเองหรือ พี่อยากเป็นคุณตาด้วยนะ เป็นทั้งปู่ทั้งตาเลยได้ไหมต้องรัก เธอจะได้เป็นทั้งคุณย่าและคุณยายไง”ต้องรักหัวเ

  • กรงปรารถนา   ตอนพิเศษ - 25%

    ต้องรักเหลือบมองสามีที่นั่งจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าด้วยแววตาหลงใหล เธอชอบแอบมองเวลาเขามีสมาธิอยู่กับอะไรบางอย่างเพราะความมุ่งมั่นเคร่งขรึมของเขานานวันก็ยิ่งมีเสน่ห์เสียจนไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าภรรยาคนนี้หลงรักเขามากขึ้นทุกวันหญิงสาวเห็นมุมปากเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก็รู้ทันทีว่าเขารู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกจับจ้องจึงทำทีเป็นเบนสายตาไปมองบุตรชายที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเบาะตรงหน้าแทน“ไม่แอบมองต่อแล้วหรือ” เสียงทุ้มถามขึ้นลอย ๆ“ไม่มองแล้วค่ะ คนถูกมองรู้ตัวแล้วอย่างงี้จะเรียกว่าแอบมองได้ยังไง” เธอตอบยิ้ม ๆ พลางรีบเอื้อมมือตบก้นบุตรชายที่เริ่มทำปากเบะเหมือนจะร้องไห้ และทำท่าจะตื่นชนาธิปวางมือจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแล้วเดินมานั่งใกล้ภรรยา เขามองต้องรักกล่อมลูกให้หลับด้วยแววตาแสนรักนี่คือลูกกับเมียของเขา คือครอบครัวที่เขาเคยวาดฝันหลายต่อหลายครั้งว่าอยากมีตั้งแต่ยังไม่ได้เจอกับต้องรักก่อนหน้านั้นเขาทำงานให้นิโคลัส ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับมอบชีวิตทั้งชีวิตให้อีกฝ่

  • กรงปรารถนา   บทที่ 25 บทส่งท้าย - 100%

    “อยากสิคะ แต่รักจำได้ว่าคุณธิปบอกให้ชะลอไปก่อน”ชนาธิปยื่นหน้าไปหอมแก้มเธออีกครั้ง ก่อนพูดให้เธอเข้าใจ“ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นฉันติดปัญหาเรื่องรับช่วงต่อจากรูคส์ ฉันเลยไม่อยากมีลูกให้เป็นภาระของเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ฉันไม่เกี่ยวข้องกับรูคส์แล้ว ฉันพร้อมเต็มที่สำหรับการเป็นพ่อคน”ต้องรักเบี่ยงหน้าไปมองเขาเต็มตา วันนี้เขาทำให้เธอซาบซึ้งจนเกือบร้องไห้ไปกี่ครั้งแล้วนะ แต่ที่แน่ๆ ก็คือเธอรักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน“รักก็พร้อมค่ะ”เสียงอ้อแอ้ที่ดังอยู่ข้างหูตามมาด้วยน้ำเปียกๆ ที่แตะลงบนแก้ม ส่งผลให้ชนาธิปต้องลืมตาตื่นขึ้นทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจของบุตรชายวัยเจ็ดเดือนตอนที่เขาลืมตาขึ้น“ว่าไงลูกพ่อ” เขาช้อนแขนเจ้าตัวจ้อยให้ขึ้นมายืนบนท้อง เจ้าตัวเล็กเห็นพ่อจับให้ยืนก็กระโดดผลุงๆ ไปมาบนท้องพร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดีจังหวะนั้น ต้องรักเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นสองพ่อลูกกำลังนอนเล่นกันอยู่บนเตียงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้&l

  • กรงปรารถนา   บทที่ 25 บทส่งท้าย - 70%

    ให้ต้องรักไปปรากฏตัวสักทีก็ดีเหมือนกัน สาวๆ เหล่านั้นจะได้เลิกตอแยเขาเสียที แต่ทางออกที่ดีที่สุดก็คงไม่พ้น...การแต่งงาน“แต่งงานกันไหมต้องรัก”เคธี่เคยบอกกับเขาว่าผู้หญิงทุกคนล้วนมีความฝันอยากใส่ชุดแต่งงานสวยๆ ด้วยกันทั้งนั้น เพราะมันเป็นงานที่จัดครั้งเดียวในชีวิต แม้ต้องรักเคยบอกเขาว่าไม่ต้องการจัดงานใหญ่โตอะไร แต่เขาก็อยากให้เกียรติเธอ และจัดงานแต่งงานให้เธออยู่ดี“ก็เราแต่งกันไปแล้วไม่ใช่หรือคะ ที่วัดไง” เธอหลับตาพริ้มอยู่กับอกของเขา รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นเมื่อคิดถึงเช้าวันนั้น“หมายถึงจัดงานที่เป็นเรื่องเป็นราวน่ะ คนทั่วไปจะได้รับรู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว และเธอคือภรรยาของฉัน ฉันไม่ชอบเวลาที่มีคนมองว่าเธอเป็นของเล่นบนเตียงของฉัน แล้วก็เอาเธอไปพูดเสียๆ หายๆ” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง มือใหญ่เลื่อนมาวางที่หน้าท้องแบนราบของเธอแล้วลูบไล้แผ่วเบา“เวลามีลูก เราจะได้เอารูปแต่งงานให้ลูกดูได้ด้วยไง ไม่ดีหรือ”“ตามใจคุณธิปเลยค่ะ”ต้องรักคลี่ยิ้มอยู่กับอกกว้างของเขา เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งขึ้นอีก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status