Home / มาเฟีย / กรงปรารถนา / บทที่ 4 ในอุ้งมืออุ่น - 70%

Share

บทที่ 4 ในอุ้งมืออุ่น - 70%

last update Last Updated: 2025-07-16 13:00:02

ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณของคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง ต้องรักเผลอตัวเงยหน้าขึ้นมองความหรูหราของอาคารเบื้องหน้าผ่านทางกระจกรถ คอนโดฯ แบบนี้เธอเคยเห็นโฆษณาตามหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์อยู่บ่อยๆ ในราคาที่แพงแสนแพง ยังอดคิดไม่ได้เลยว่าคนที่ตัดสินใจซื้อได้นี่คงจะเงินเหลือกินเหลือใช้น่าดู เพราะถ้าเป็นเธอคงชอบบ้านที่เป็นหลังมากกว่า แถมราคาขนาดนั้นน่าจะซื้อบ้านได้สองหลังเลยกระมัง

ชัชวาลนำรถเข้าจอดในช่องส่วนตัว พอดีกับที่มือของหญิงสาวรับรู้ได้ถึงแรงบีบกระชับเบาๆ จากอุ้งมืออุ่นของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวหันมามองเขา เป็นเวลาเดียวกับที่เขาปล่อยมือ ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในรถกระทบเข้ากับมืออีกข้างของเธอพอดิบพอดีจนรู้สึกเย็นสะท้าน แต่มือข้างที่เพิ่งเป็นอิสระกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น อาจเพราะก่อนหน้านี้มีมือของเขาเกาะกุมไว้ตลอดทาง

ชนาธิปเปิดประตูแล้วก้าวขาออกจากรถ ส่วนประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ถูกเปิดออกโดยมีชัชวาลยืนยิ้มบางๆ ส่งให้ ต้องรักจึงก้าวขาลงไปแล้วยืนเก้ๆ กังๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี

“พวกนายไปพักผ่อนเถอะ”

น้ำเสียงราบเรียบของคนที่เดินมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาว เอกรัฐกับชัชวาลค้อมศีรษะให้เจ้านายเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินห่างออกไป ทิ้งไว้แต่สองหนุ่มสาวที่ยังคงยืนนิ่งกันอยู่ข้างรถ

“ว้าย!” จู่ๆ ร่างเล็กของหญิงสาวก็ถูกตวัดลอยหวือขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา จนต้องรักเผลอตัววาดแขนไปคล้องคอของเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก ก่อนจะละล่ำละลักบอกเขาอย่างเกรงใจ

“ระ...รักเดินเองก็ได้ค่ะ” ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังสิ่งที่เธอร้องบอกเท่าไร เพราะร่างสูงใหญ่ของเขายังคงก้าวเดินดุ่มๆ ไปยังลิฟต์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า

“เธอไม่ได้ใส่รองเท้า และเธอก็คงวิ่งเท้าเปล่าอย่างนั้นมาตั้งแต่ที่บ้านเลยใช่ไหม”

เห็นสายตาของเขาที่มองมาต้องรักก็เผลอตัวยิ้มให้เขาพลางพยักหน้าช้าๆ เขาคงกลัวว่าจะเธอจะเจ็บเท้าจึงอุ้มเอาไว้อย่างนี้

“กดลิฟต์ให้หน่อยสิ”

ใบหน้าคมก้มลงมาบอกคนในอ้อมแขนที่ยังหน้าแดงก่ำด้วยความประหม่าและเขินอาย หญิงสาวรับคำเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือข้างหนึ่งไปกดปุ่มเรียกลิฟต์ตามที่เขาสั่ง ทันทีที่กด ประตูลิฟต์ก็เปิดอ้าออกทันที

ชนาธิปเดินเข้าไปด้านใน ต้องรักแปลกใจเมื่อพบว่าในลิฟต์นั้นมีปุ่มอยู่แค่สองปุ่มเท่านั้นคือเปิดกับปิด และสายตาที่เป็นคำถามของเธอก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของเขากระมัง เสียงทุ้มนั้นจึงชิงอธิบายก่อน

“ลิฟต์นี้เป็นลิฟต์ส่วนตัว จะไปแค่ห้องพักของฉันกับที่จอดรถเท่านั้น”

ลิฟต์พาทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง ชายหนุ่มก็ปล่อยให้ต้องรักได้ยืนกับพื้น ส่วนเขาหยิบกระเป๋าสตางค์จากกางเกงออกมาทาบลงไปบนแผงที่ติดอยู่ที่หน้าประตูจนได้ยินเสียงปลดล็อกดังขึ้นเบาๆ เขาเปิดประตูพร้อมกับรุนหลังของเธอให้เดินเข้าไปก่อนแล้วจึงเดินตามเข้ามาและปิดประตูลงตามเดิม

ต้องรักยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดหรูหรา นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปรอบห้องอย่างตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้สัมผัสอะไรอย่างนี้มาก่อน จนกระทั่งเขาสัมผัสแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาแบบเดิม

“ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน”

เขาพูดพลางโอบไหล่พาเธอเดินไปยังห้องๆ หนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์เด่นหราอยู่กลางห้อง ส่งผลให้ร่างของต้องรักเกร็งค้างขึ้นมาชั่วขณะ

“ห้องน้ำอยู่มุมนั้น คืนนี้เธอนอนห้องนี้แหละ มีปัญหาอะไรก็เรียกฉันได้ ห้องฉันอยู่อีกฝั่ง”

เขาบอกราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร และมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกของเธอ

“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณชนาธิป รักคงขอรบกวนคุณแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นแหละค่ะ”

หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ และพอเงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาดำล้ำลึกของเขา เธอก็พานหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ

“พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ตอนนี้เธอพักผ่อนก่อนเถอะ”

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ จนแทบมองไม่ออกว่ากำลังยิ้มอยู่ ทว่าเพียงแค่นั้นก็ทำเอาคนมองหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แม้ว่าตอนนี้เขาจะปิดประตูห้องให้แล้วก็ตาม

ต้องรักเดินสำรวจห้องซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนของเธอประมาณสามเท่า เห็นตู้เสื้อผ้าแบบบิลต์อินตั้งใกล้กับห้องน้ำแต่ก็ไม่กล้าถือวิสาสะเปิดมันออกดู สุดท้ายจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวตามที่เขาบอก

หญิงสาวตัดสินใจอาบน้ำทันทีเมื่อนึกถึงสัมผัสจาบจ้วงของดิลกเมื่อตอนอยู่ที่บ้าน แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงเกินทน ผิดกับสัมผัสอ่อนโยนของใครบางคนอย่างสิ้นเชิง เสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็หยิบชุดเดิมมาสวมใส่แล้วออกจากห้องน้ำไป

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ใจของหญิงสาวเต้นกระหน่ำขึ้นมาอีกรอบจนต้องยกมือขึ้นกดที่อกด้านซ้าย กระทั่งได้ยินเสียงเคาะอีกครั้งเธอจึงรีบสาวเท้าไปเปิดประตู จึงทันได้เห็นแผ่นหลังของคนเคาะที่กำลังทำท่าจะผละออกจากตรงนั้นพอดี

“คุณชนาธิปมีอะไรรึเปล่าคะ”

ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้เป็นปกติที่สุดแต่มือทั้งสองข้างนั้นเกาะประตูเอาไว้แน่น เขาหันหลังกลับมาแล้วเดินเข้ามาหาช้าๆ อย่างใจเย็น

“นึกว่าหลับไปแล้ว ฉันแค่จะมาบอกว่าเสื้อผ้าในตู้เอาไปใส่ก่อนได้”

ชายหนุ่มหยุดพูดไปชั่วครู่ เห็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นสูงจึงรู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่

“เป็นเสื้อผ้าของฉันเองแหละ มันอาจจะตัวใหญ่ไปหน่อยถ้าเธอใส่ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้นะ”

“ขอบคุณนะคะ ถ้าคุณไม่บังเอิญผ่านไปแถวนั้น ป่านนี้รักก็คงนอนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้นแน่ๆ” คิดแล้วก็รู้สึกใจหาย ถ้าหากคนที่มาเจอเธอเป็นพวกมิจฉาชีพหรือพวกขี้เมาหื่นกาม เธอจะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างก็สุดรู้

“อยู่กับฉันที่นี่เธอจะปลอดภัย ไปนอนเถอะ”

พูดพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาแตะเบาๆ ที่พวงแก้มข้างหนึ่งของคนตรงหน้า ต้องรักเผลอตัวจับจ้องเข้าไปในนัยน์ตาดำสนิทของเขานิ่งนาน รู้สึกว่านัยน์ตาคู่นั้นเริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มที่แตะแผ่วลงมาบนริมฝีปากราวกับขนนกปัดผ่าน ส่งผลให้ร่างกายก่อเกิดกระแสความอบอุ่นวิ่งพล่านตั้งแต่บริเวณที่เขาสัมผัสระเรื่อยไปจนทั่วสรรพางค์กาย

“ฝันดีนะ” เสียงแผ่วพร่าพูดชิดริมฝีปากก่อนที่คนพูดจะผละจากไปพร้อมกับปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย แต่หญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูราวกับสติที่กระเจิดกระเจิงเมื่อครู่นั้นยังไม่กลับเข้าร่าง

หญิงสาวเผลอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตอนนี้ใบหน้าของตนกำลังยิ้มบางๆ อยู่

เมื่อกี้เขาจูบเราใช่ไหม...

จากแค่ยิ้มก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มกว้าง น่าแปลกที่เวลาเขาทำอย่างนี้เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจเขาเลยสักนิด รู้สึกเพียงอย่างเดียวว่ามันอบอุ่นในหัวใจ และวูบวาบหวามไหวได้ทุกครั้งที่เขาแตะเนื้อต้องตัว

“มาบอกให้เราฝันดี แต่ทำกันอย่างนี้แล้วจะนอนหลับไหมล่ะ”

ต้องรักตัดพ้อกับประตูเบาๆ ก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง พยายามสลัดภาพความใกล้ชิดเมื่อครู่แต่ดูเหมือนจะทำได้ไม่ดีนัก และกว่าหญิงสาวจะผล็อยหลับไปได้ก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางของวันใหม่เข้าไปแล้ว

ต้องรักลืมตาตื่นมาอีกครั้งตอนใกล้เที่ยง หญิงสาวเหลือบดูนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วก็เด้งตัวพรวดขึ้นจากที่นอนราวกับติดสปริง ร่างเล็กลนลานลงจากเตียงแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ แต่เข้าไปได้ไม่นานก็วิ่งกลับออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้พับผ้าห่ม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กรงปรารถนา   บทที่ 14 เพื่อนชาย - 50%

    ไม่ใช่กลัวว่าสองคนนี้แอบนัดพบกันลับหลัง เพราะมั่นใจว่าต้องรักไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่าย แต่ที่เธอกังวลก็เพราะเห็นสายตาของชายหนุ่มคนนั้นเวลามองต้องรัก ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่แอบหลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่คล้ายมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะลงมือทำอะไรสักอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่กล้าฟันธงลงไปเรื่องนี้แม้แต่ยุวรรณดาเองก็ยังพลอยรู้สึกไปด้วย“รัก...ฉันว่าแกระวังไอ้บอยไว้ก็ดีนะ ฉันว่ามันมองแกแปลกๆ ว่ะ”เมื่อได้อยู่กันตามลำพังในห้องพัก จึงอดพูดเตือนเพื่อนสนิทไม่ได้ ในขณะที่ต้องรักนั้นได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย“ทำไมล่ะ แปลกยังไงหรือ ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเสียด้วยสิ”ตั้งแต่นั่งรถมาด้วยกันจนกระทั่งแวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารก่อนถึงที่พัก เธอกับอนุวัฒน์แทบไม่ได้ปริปากพูดคุยกันเลย เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้ในระดับหนึ่ง“ฉันก็บอกไม่ถูกว่ะ รู้แต่ว่ามันแปลกๆ ไปนะ เมื่อก่อนก็รู้ว่ามันชอบแก แต่มันก็ไม่เคยมองแกอย่างนี้”“อย่างนี้ที่ว่าหมายถึงยังไงล่ะ พูดมาให้ชัดๆ สิ ฉันจะได้ลองสังเกตดูบ้าง” ต

  • กรงปรารถนา   บทที่ 14 เพื่อนชาย - 25%

    รถแท็กซี่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่ป้ายรถประจำทางหน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งตอนเช้าตรู่ หญิงสาวสองคนก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าเป้คนละใบ จากนั้นก็หันมองซ้ายขวาเพื่อหาบุคคลที่นัดไว้“ไหนเพื่อนเราล่ะรัก” ชนิดาถามคนยืนข้างๆ เพราะไม่เห็นมีคนอื่นยืนอยู่ตรงป้ายรถประจำทางต้องรักกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. ออก แต่เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นเสียก่อน“อยู่ตรงไหนกันน่ะยุ้ย” เธอถามคนที่โทร. มาทันทีเมื่อมาถึงแล้วไม่เจอเพื่อนอยู่เลยสักคน“เดินเข้ามาในซอยสิบสองนะแก รถตู้พวกเราจอดอยู่ตรงนั้นแหละ จอดหน้าป้ายรถเมล์ไม่ได้ ตำรวจไล่น่ะ”“โอเคจ้ะ กำลังเดินไป” กดวางสายแล้วจึงหันมาบอกกับคนที่มาด้วยกัน“รถตู้จอดรออยู่ในซอยข้างหน้าค่ะพี่โอ๋ ไปกันเถอะ” ต้องรักเดินนำไปได้ก้าวหนึ่งก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอหยุดเดินแล้วหันไปพูดกับหญิงสาวที่พามาด้วย“พี่โอ๋คะ คือว่า...” เห็นต้องรักมีสีหน้าลังเลเหมือนเกรงใจและชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่ ชนิดาจึงเลิกคิ้วขึ้นเพื่อให้เธอพูดต่อแล้วยืนรอฟัง&ldqu

  • กรงปรารถนา   บทที่ 13 คนสำคัญ - 100%

    ชนาธิปไม่ใช่ผู้ชายปากหวาน ไม่ใช่คนที่ใช้คำพูดพร่ำเพรื่อมาเอาใจผู้หญิง เวลาเขาคิดหรือรู้สึกอย่างไรจึงมักแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะด้วยคำพูด หรือการกระทำ“คุณธิปคะ” เรียกเขาแล้วแต่กลับไม่กล้าเอ่ยต่อ เธอมีคำพูดมากมายที่อยากบอกกับเขา โดยเฉพาะคำว่า ‘รัก’ แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะพูดมันออกไป สุดท้ายจึงได้แต่นิ่งเงียบจนปลายสายต้องทวงถามด้วยตัวเอง“ว่าไง เรียกฉันมีอะไรรึเปล่า”“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่อยากถามคุณธิปว่า...เอ่อ...กลับเร็วกว่านั้นไม่ได้หรือคะ” เป็นครั้งที่สองที่เธอขอร้องให้เขากลับมาเร็วขึ้น แม้จะกังวลอยู่ลึกๆ ว่าเขาจะมองเธอเป็นคนงี่เง่าหรือเปล่า แต่เธอก็คิดถึงเขามากจริงๆ“ถ้าทำได้ ฉันอยากกลับไปวันนี้ เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ”“ถ้าคุณธิปกลับมาแล้วเราไปเที่ยวทะเลกันนะคะ รักจำได้ที่คุณธิปสัญญาเอาไว้ว่าจะพารักไป”ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เธอกลายเป็นคนขี้อ้อน เดี๋ยวนี้เธอกล้าเรียกร้องกับเขามากขึ้นทั้งที่เมื่อก่อนจะเอ่ยปากขออะไรแต่ละทียังคิดแล้วคิดอีก“ได้สิ แต่เธอ

  • กรงปรารถนา   บทที่ 13 คนสำคัญ - 75%

    ร่างสูงสง่าของชนาธิปเดินเคียงคู่มากับเคธี่ ทั้งสองเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมภายใต้สายตาหลายสิบคู่ที่มองมาอย่างสนใจ หลายคนหันไปพูดคุยซุบซิบกันเกี่ยวกับข่าวลือหนาหูเรื่องงานแต่งงานของคนทั้งคู่ที่กำลังจะจัดขึ้นในไม่ช้า ในขณะที่หลายคนไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เพราะมีคนไม่น้อยอยากเกี่ยวดองกับนิโคลัสเพื่ออาศัยอิทธิพลของเขา“นายฟังสิทิม ใครเขาก็รู้กันทั้งนั้นเรื่องงานแต่งงานของเรา นายปฏิเสธมันไม่ได้หรอก ยอมรับเถอะ” เคธี่กระซิบกระซาบกับเขาเบาๆ ขณะที่คลี่ยิ้มทักทายบรรดาคู่ค้าอีกกลุ่มหนึ่ง“ผมตัดสินใจแล้ว และผมก็ไม่เปลี่ยนใจ” มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่ค้อมศีรษะทักทายผู้ร่วมธุรกิจเหล่านั้น“นายก็น่าจะรู้ว่าฉันปล่อยให้นายตายไม่ได้” หญิงสาวหยุดยืนอยู่กับที่พลางหันหน้ามาเผชิญกับเขาตรงๆ“เพราะนายเป็นเหมือนพี่น้องเพียงคนเดียวที่ฉันมี” แม้ริมฝีปากยังคงยิ้มพราย แต่แววตากลับแฝงความจริงจังในทุกประโยคที่พูดออกไปเมื่อครู่“คุณหนู” ชนาธิปเรียกเธอเสียงแผ่ว รู้ซึ้งถึงความหมา

  • กรงปรารถนา   บทที่ 13 คนสำคัญ - 50%

    ชายหนุ่มหันหลังกลับเพื่อจะเข้าไปยังห้องโถงอีกครั้ง วันนี้ช่วงสายๆ เขาต้องไปคุยกับคู่ค้าทางธุรกิจรายใหม่พร้อมเคธี่ ดูเหมือนมาคราวนี้ นิโคลัสเริ่มให้บุตรสาวเข้ามามีบทบาทเกี่ยวกับธุรกิจในเครือมากยิ่งขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อนพยายามกันเคธี่ให้ห่างจากงานเหล่านี้โดยสิ้นเชิง ซึ่งเขาเองก็คาดเดาความคิดของนิโคลัสไม่ได้ว่าฝ่ายนั้นกำลังคิดจะทำอะไร ตอนนี้จึงทำได้เพียงเฝ้ามองดูและวิเคราะห์อยู่เงียบๆ ในใจเท่านั้นระหว่างที่เขากำลังเดินเข้าไปด้านใน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วรีบกดรับสายทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนโทร.เข้ามา“ว่าไง!” เขาถามเสียงห้วนอย่างเก็บอาการอยากรู้ไว้แทบไม่อยู่ ซึ่งปลายสายก็ตอบออกมาทันทีโดยเช่นกัน“คนทำคือคุณแพรวา ลูกสาวเจ้าสัวบดินทร์ครับ”คิดไว้แล้วไม่ผิด!ชนาธิปข่มอารมณ์เดือดดาลไว้ในอก สมองคิดถึงบทลงโทษสำหรับคนที่ทำให้คนของเขาต้องบาดเจ็บทันที โชคดีที่แพรวาไม่ใช่ผู้ชาย เขาจึงไม่คิดทำอะไรเธอเพราะไม่ชอบรังแกผู้หญิงชัชวาลเห็นเจ้านายเงียบไปจึงได้แต่รอรับคำสั่งจากอีกฟากโลกอยู่เงียบๆ เ

  • กรงปรารถนา   บทที่ 13 คนสำคัญ - 25%

    ชนาธิปเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าที่ปกปิดความอ่อนเพลียไว้ไม่มิด เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับทั้งที่ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า เขาคิดว่าคงเกิดจากอาการเจ็ตแล็กกระมัง เพราะเวลาที่นี่กับประเทศไทยห่างกันถึงสิบชั่วโมงทันทีที่เขามาถึงห้องโถงใหญ่ เอกรัฐที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วก็ลุกขึ้นยืนทันที มองสีหน้าอีกฝ่ายก็พอรู้แล้วว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องการรายงานให้เขาทราบ“มีอะไร” เขาถามเข้าประเด็นทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเกริ่น“ต้องรักถูกคนผลักตกบันไดเลื่อนที่ห้างฯ ครับ โชคดีที่อาการไม่เป็นอะไรมาก มีแค่รอยถลอกและฟกช้ำเพราะมีคนช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา”เอกรัฐรายงานรวดเดียวจบพร้อมกับสังเกตสีหน้าของเจ้านายไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่นัยน์ตากลับแฝงความมุ่งร้ายทำลายนั้นทำเอาลูกน้องอย่างเขาซึ่งติดตามรับใช้มานานหลายปียังอดกลืนน้ำลายลงคอด้วยความพรั่นพรึงไม่ได้ เพราะแววตาอย่างนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก“ชัชจัดการแล้วใช่ไหม”สายตาคนถามจ้องไปยังลูกน้องตาแทบไม่กะพริบ แม้น้ำเสียงจะไม่แสดงออกถึงความโกรธกรุ่น หรือใส่อารมณ์ แต่ในฐานะที่เป็นมือขวาคนสนิท มีหรือที่จะไม่รู้ว่าพายุลูกนี้กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ และรอเวลาถล่มราบเป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status