อรดี พิชิตชัย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เป็นดารากับเขาหรอก แต่สวรรค์ก็ส่งหญิงสาวเข้าสู่วงการมายาได้สำเร็จเมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง จากตัวประกอบเล็กจ้อยสู่การเป็นนางเอกหน้าใหม่ที่ควรค่าแก่การจับตามองในฐานะนางเอกเจ้าน้ำตา เธอกำลังไต่ระดับความดังชนิดที่กราฟขยับขึ้นเรื่อยๆ …ไม่ตก…แต่ยังไม่พุ่งกระฉูดเท่านั้นเอง
มาถึงวันนี้ อรดียังไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าจะสามารถมาไกลจากจุดกำเนิดได้มากขนาดนี้ อย่าคิดว่าจะเป็นนางเอกเลย แค่นางฟ้าประจำซอยเธอยังไม่กล้าฝัน เพราะเธอเป็นแค่เด็กตัวสกปรกมอมแมมท้ายซอยที่หาอนาคตไม่เจอเท่านั้น เรียนศึกษาผู้ใหญ่มาตลอด จบมัธยมด้วยเกรดยอดแย่แล้วก็เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเปิดย่านหัวหมาก หกปีที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะจบ เพราะต้องทำงานไปด้วยอย่างตรากตรำ
“พยายามเข้าอรดี สักวันเธอจะรวย”
รวยคำเดียวคือแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของเธอ
“หนูจะซื้อบ้าน เราจะได้อยู่ด้วยกันนะพ่อ พ่อจะได้กินแต่ของอร่อย”
เธอมีพ่อเป็นญาติเพียงคนเดียวในชีวิต พ่อที่มักจะปล่อยเธอไว้กับเพื่อนบ้านตัวแสบ อย่างสาวๆ ในอ่าง กลุ่มคนทำงานกลางคืน แก๊งค์สาวประเภทสองหรือไม่ก็แม่ค้าตลาดสด มันจึงไม่แปลกเลยสักนิด หากอรดีจะติดนิสัยของคนพวกนี้มาบ้าง
เธอน่ะ…แสบไปทั้งตัวเลยเชียวล่ะ แต่เธอรู้ดีว่าวงการมายาในขณะนี้กระหายสาวสวยใสสไตล์คุณหนูที่มาพร้อมกับความมั่นใจไร้เดียงสามากกว่าสินค้าจากห้องเช่าที่สู้ชีวิตชนิดปากกัดตีนถีบอย่างเธอ เธอจึงสาบานว่าจะดำรงอยู่เช่นนั้น จะอดทนเป็นคุณหนูจอมปลอม เพื่อแฟนๆ อันเป็นที่รักต่อไป เพื่อความเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาที่ผู้คนพากันสงสารและเห็นใจทั่วบ้านทั่วเมือง
ท้องฟ้าที่เคยขมุกขมัวคล้ายน้ำคลำในคลอง บัดนี้มันแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดที่สุกใสกระจ่างสวย ดวงตาของเธอมองเห็นเช่นนั้น เธอขอบคุณสวรรค์ที่ไม่ลงโทษชีวิตน้อยๆ ของเธอนานจนเกินท้อใจ อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้เธอได้ใช้พรสวรรค์ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวตน ได้ถ่ายทอดต่อการมองเห็นของสาธารณะ เธอไม่ต้องเรียนการแสดงจากสถาบันไหน เพราะความอยากมีข้าวกินสอนให้เธอแสดงได้เฉียบขาดมาตั้งแต่ยังเด็ก หลายครั้งที่อิ่มเพราะความช่างจ้อ
จากสวมชุดมอซอในวัยเด็ก สู่การสวมเสื้อผ้าราคาถูกที่พร้อมจะขาดแค่มันเกี่ยวกับตะปูริมฝาบ้าน กระโจนเข้าสวมผ้าแถบปิดเต้า ห่อโจงกระเบนผ้าเก่าสีหม่นในกองถ่ายทำละครพีเรียดเรื่องเมียทาส อีแดง หญิงสาวที่เกิดมาเพื่อจะถูกรังแกจากคนเพศเดียวกันที่อยู่เหนือกว่าด้วยคำว่าคุณหญิง อรดีคาดเดาได้เลยว่า สุดท้ายอีแดงจะต้องถูกยัดเยียดคดีอุกฉกรรจ์ว่ามีชู้กับญาติของตัวเอง และต้องถูกโบยจนหลังลายเหมือนตุ๊กแก
“นี่แหละตัวอย่างของผู้หญิงอ่อนแอที่ควรจะสูญพันธุ์ไปจากโลกซะ ทำไมไม่ลุกขึ้นมาสู้เขาบ้างละ ถ้าง่อยก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มีมือมีตีนครบ”
ถ้าเป็นอรดี เรื่องมันจะไม่จบแบบนี้ เธอไม่มีวันถูกลงโทษโดยไม่มีความผิด
“ก็มีชู้จริงๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซี่”
ดีนะ ที่มันเป็นแค่ละครพีเรียดที่อรดีแค่สวมบทบาทนางเมียทาสเท่านั้น เธอจึงต้องแสดงบทโศกน้ำตาไหลพรากไปตามปากกาของเจ้าของบทละคร ตีบทแตกกระจาย กลายเป็นละครน้ำเน่าเรื่องที่สองในชีวิตที่ทำให้อรดีได้รับการกล่าวขวัญในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นและน่าจับตามอง ดาราสาวผู้อ่อนโยนและน่ารักตามแบบฉบับสาวไทยที่พ่อแม่หวงยิ่งกว่าไข่ในหิน
ข่าวเขาลือกันแบบนั้น!
“ทุเรศ” ปารดาพูดคำนี้บ่อยเวลาได้ยินข่าวของอรดี แม่นี่แสดงบทร้ายในละครที่ชังน้ำหน้านางเอกยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน ราวกับเป็นชีวิตจริง นางร้ายแสดงโจ่งแจ้งว่ารังเกียจอรดีเข้าไส้ เกลียดมาตั้งแต่เด็ก และสาบานว่าจะเกลียดจนกว่าจะตายจากกัน “ยายสลัม” และเธอปรารถนาที่จะคุ้ยประวัติของอรดีที่ฝังหลุมเอาไว้มาประจานทุกครั้งที่สบโอกาส
“เก่งมากจ้าอร ไปพักก่อนนะ แล้วเดี๋ยวมาเข้าฉากสุดท้ายของวันนี้กัน”
จบไปหนึ่งฉาก นางเมียทาสปาดเหงื่อที่ริมแก้ม แล้วโปรยยิ้มหวานจนหนุ่มทั้งกองใจละลาย เมื่อเธอได้รับอิสระจากผู้กำกับ ก็เดินไปพักใต้ร่มไม้ สมทบกับกลุ่มของช่างแต่งหน้าที่ยังคงไม่หยุดสนทนาเรื่องของชาวบ้าน นี่ล่ะ อาหารเลิศรสที่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม
“อ้าวน้องอรมาแล้ว มาเร็วค่ะ เดี๋ยวพี่หนูดีเติมหน้าให้”
นางเอกนั่งลงต่อหน้ากระเทยร่างยักษ์ หางตาของเธอทำงานทันที เมื่ออีกสาวที่นั่งไขว้ขาอยู่ไม่ห่างนักตั้งท่าจะลุก ปารดาไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับเด็กโสโครกท้ายซอยบ้านเธอสักเท่าไหร่ เธอเปล่าอิจฉานะ ก็แค่อดคิดไม่ได้ทีเดียวว่ายายอรดีเป็นนางเอกได้ คงไม่พ้นแลกมาด้วยวิธีสกปรก
“ดาขอตัวไปรอเข้าฉากที่ด้านโน้นก่อนนะคะพี่ๆ อยู่ตรงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิในการท่องบทสักเท่าไหร่ อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันเหม็นกลิ่นสาบโคลนยังไงก็ไม่รู้”
เธอทำหน้าทนไม่ได้ ก่อนจะยกก้น สะบัดไหล่ ปรายหางตาเยาะหยันไปเชือดเป้าหมาย ลอยหน้าเชิดๆ แล้วก็หมุนตัวจากไป อรดีทำหน้าเหมือนคนขับถ่ายไม่ออก นับตัวเลขในใจเพื่อระงับความคุ้มคลั่ง
“คิดว่าตัวเองเป็นปารีส ฮิลตันรึยังไง” เธอเปรยกับตัวเองเบาๆ ก่อนย้ายใบหน้าไปบรรณาการแด่อุ้งหัตถ์กระเทยผู้ทรงอิทธิพลในกองถ่าย “สงสัยอรต้องเปลี่ยนน้ำหอมแล้วล่ะค่ะ เพราะดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะถูกกับจมูกของผู้ดีสักเท่าไหร่”
“ท่าทางคุณน้องดาจะไม่ค่อยพิศวาสคุณน้องอรดีเลยนะคะ ไม่รู้ว่าไปโกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน หรือว่าต้องทะเลาะกันนอกจอเพื่อให้สมบทบาท”
“ไม่ดีเหรอคะ เรตติ้งละครจะได้พุ่ง ไม่ต้องลงทุนโปรโมตให้เปลืองงบประมาณด้วย”
“ดีจัง น้องอรนี่มองโลกในแง่ดีเนอะ เป็นนางเอกทั้งในจอและก็นอกจอ รักษาความน่ารักในแบบอรดีเอาไว้ให้นานๆ นะคะ อย่าเผลอลุกขึ้นมาตบนางร้ายกลางกองถ่ายเพราะทนหน้าตาบิดเบี้ยวของเจ้าหล่อนไม่ไหว ไม่งั้น สาวกนางเอกเจ้าน้ำตาจะหัวใจวายกันทั้งประเทศ”
ทุกคนพากันหัวเราะครื้นเครงทั้งที่หาความตลกไม่ได้แม้แต่นิด ไม่เว้นแม้แต่สาวแว่นหนาอย่างชิดชนก ผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกสาวเจ้าน้ำตา คนที่รู้จักอรดีดียิ่งกว่าใครในพิภพ
“แหม…พี่หนูดีพูดเป็นละครไปได้ อย่างอรน่ะเหรอคะจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แค่ลุกขึ้นมาว่าใครให้รู้สึกเสียใจนิดๆ อรก็ตัวสั่นไปหมดแล้วล่ะค่ะ”
ใครก็ต้องเชื่อแบบนั้น เพราะเธอปั้นสีหนาระทมใจราวกับสูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง และไม่ว่าเธอจะน่าสงสารสักแค่ไหนในสายตาของคนอื่น สำหรับชิดชนกมันไม่ใช่ ยิ่งดวงตาวาวตวัดมาแล้วขยับคิ้วขึ้นลงอย่างคนมากเล่ห์ ผู้จัดการสาวได้แต่แอบจิกทางสายตาแล้วส่ายหน้าปลดปลง
ร้าย!
อรดีไม่เคยคิดว่าปารดาเป็นคู่แข่ง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งในจอและนอกจอ ต่างกับปารดาที่ปวารณาตัวเองเป็นคู่แค้นกับเธอตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย
เพราะคิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวนายตำรวจใหญ่ มีศักดิ์มีศรีเหนือคนทั่วไปในสังคม ถวายตัวจมปลักอยู่ในความคิดที่ว่าเธอคือผู้ชนะตลอดกาล
‘อย่างเธอคงเป็นอะไรไม่ได้มากไปกว่าแบบเดียวกับพวกท้ายซอย ไม่มีวันเทียบฉันได้หรอก’
แต่แล้วชะตาชีวิตก็พลิกฝัน ส่งให้เธอเป็นมากกว่านั้น มากเกินกว่าที่ปารดาจะทำใจได้
‘อะไรกัน อย่างนังนี่ ได้เป็นถึงนางเอกเชียวหรือ ประสาทกันไปทั้งวงการแล้ว’
ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางกระหม่อมของปารดาเมื่อเห็นอรดีในละครเรื่องก่อนหน้านี้ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้คุณหนูผู้ดีถีบตัวเองเข้าสู่วงการบันเทิงแบบเต็มตัวในวันนี้
ภาคินเดินผ่านโถงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ มาเหยียบยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นสู่ชั้นบน เขาเงยหน้ากวาดมองบ้านที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกซอกหลืบยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย มิใช่หน่ายจากการเดินทางอันแสนสั้น แต่เหนื่อยกับความทรงจำเดิม ๆ ที่มักจะไหลผ่านเข้ามาทุกครั้ง เมื่อต้องมาเยือนในที่ที่เขากับเธอเคยเดินทางมาด้วยกันไม่ทันนานนักที่เขาจมหายในภวังค์อันแสนเศร้า มีบางเสียงดังแว่วมาเข้าหู เสียงประหลาดนั่นดังมาจากด้านบนอย่างแน่นอน เขาเอะใจอะไรบางอย่าง ใจเต้นตูมๆขณะเยื้องย่างขึ้นสู่ด้านบนด้วยความเร็วรี่“ไม่ใช่แน่ สมองเราเบลอไปใช่ไหม”เจ้าหนุ่มมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง เสียงหายใจถี่ยิบดังกังวานสดใส เขาแนบใบหูข้างขวาเข้าประกบที่บานไม้แข็งแรง เงี่ยหูฟังเสียงที่ถูกส่งมาจากด้านใน ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งตื่นเต้นรนราน ใจมันรู้สึกแปลกๆพิกล แต่ยิ่งเสียงนั่นดังจนจวนจะทะลุหูเขาได้ ใจของเขากลับพองตัวขึ้นจนใหญ่กว่าเกาะสราญรมย์แล้วด้วยซ้ำ เขาไม่คิดจะเคาะประตูเลยแม้แต่น้อยภาคินภาวนาระงมว่าเสียงเด็กร้องที่เขาได้ยินเต็มสองรูหู ไม่ได้อยู่ในความฝั
“ยังไม่มีวี่แววเลยครับ เธอใจแข็งจัง”ภาคินยื่นบุหรี่ให้พ่อของอรดี เขารับไปคาบ แล้วรอปลายไฟแช็กจากเจ้าหนุ่ม“พาหลานของพ่อไปอยู่เสียที่ไหน”“เธอน่าจะติดต่อมาหาคุณบ้าง”“ผมรอคอย หวังว่าสักวัน”เขาสังเกตเห็นว่านายนภดลมีหงอกเพิ่มขึ้น นั่นคงเป็นเพราะความเครียดเรื่องลูกสาวจอมดื้อ ภาคิน ปล่อยควันบุหรี่เป็นสาย แสงตะวันสุดท้ายกำลังจะบอกลาเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง“ผมไม่อยากให้คุณไปจากที่นี่”“ถึงที่นี่จะไม่ใช่กาสิโนอีกแล้ว แม้จะเป็นสวนสนุกที่มีแต่พวกเด็กๆ ถ้าคุณยังคิดจะจ้างคนแก่คนนี้ ผมก็ยินดีที่จะอยู่เป็นเพื่อนคุณเพื่อรอคอยลูกสาวกลับมา อย่างน้อยก็จนกว่าคุณจะเลิกตามหาลูกสาวของผม หรือมีภรรยาใหม่”เจ้าหนุ่มสูดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะดีดเถ้าทิ้งลงในถ้วยใบเล็กใกล้มือ เขายิ้มบางๆ“ภรรยาของคุณเป็นคนยังไงครับ”“ถ้าคุณรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงและคุณเชื่อคำโบราณที่ว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ คุณคงไม่กล้าแตะอรดีแน่ ผมรับประกัน”หนึ่งปีผ่านไปช้า ๆ ภาคินรู้สึกถึงความยาวนานที่เขาต้องประสพกับความทรมาน อ้างว้าง เดียวดายราวกับสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาหวาดกลัวเล่นงานเขาจนใจพังพินาศไปหมด ที่เขาฝืนยืนอยู่ได้จนทุกวัน
“ตอนปลายเดือนฉันได้รับใบเสร็จจ่ายเงินค่าเบอร์โทรศัพท์บ้านทุกเดือน แล้วในกระดาษแผ่นนั้นก็ระบุเบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนหลายครั้งซึ่งไม่ใช่ฝีมือการกดของฉันอย่างแน่นอน ฉันจึงได้รู้ว่าคนที่ซื้อคอนโดของอรไปคือพี่โตค่ะ”“พี่โต” เขาพอจะเค้าหน้าหนุ่มใหญ่เจ้าของกล้องที่เขาช่วยทำพังเมื่อครั้งไปทำงานที่เกาะมุกคราวก่อนออก “ผมจะไปหาหมอนั่นเดี๋ยวนี้”ชิดชนกยกสองมือขึ้นห้าม “ใจเย็นสิคะคุณภาคิน เราสองคน คือฉันหมายถึงฉันกับนายเช็คน่ะค่ะ เราไปสอบถามพี่โตมาแล้วเมื่อเช้านี้เอง เป็นเพราะมีเช็คไปด้วยทุกอย่างก็เลยง่ายขึ้น” สาวเจ้าหันไปยิ้มหวาน กระพริบตาปริบๆให้บุรุษยอดดวงใจ ภาคินกระแอมเสียงดังขร่มด้วยความหมั่นไส้“ตกลงว่าไงเช็ค อยากได้เงินขอเมียสักล้านสองล้านไหม”ดวงตาสมุนคู่ใจเกิดประกาย รีบรายงานนายน้อยทันท่วงที“หมอนั่น บอกว่าคุณอรดีไปสิงคโปร์กับช่างภาพที่ชื่อปีเตอร์ครับ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่เอง นี่ครับนายน้อย เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานที่นายปีเตอร์ทำงานอยู่”“สิงคโปร์”แผนที่ประเทศสิงคโปร์ลอยผ่านหน้าเขาไปช้า ๆ รูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำใส่หน้าของเขาจนเปียกปอนไปหมด ภาคินกำลังจินตนาการว่าอรดีกำลังเดินชอปปิ้งอยู่ใ
“แต่ว่าตอนนี้ คุณอรดีไม่รู้ว่าเธอหายไปอยู่ที่ไหนสิครับ”ภาคินหยุดทุกอย่างแม้แต่ลมหายใจ แล้วมองหน้าเช็คนิ่ง ๆ เช็คยกไหล่ แบฝ่ามือที่ว่างเปล่าทั้งสองด้าน เช็คไม่เคยมีท่าทางแบบนี้ ดูเป็นคนละคนกับที่เขาเคยรู้จัก ใครเสี้ยมสอนให้สมุนคู่ใจของเขาทำซุ่มเสียงไม่ยี่หระต่อความทุกข์ของนายแบบนี้ ราวกับสมน้ำหน้าเขาอย่างนั้น“แหล่งข่าวของผม บอกว่าเธอหายตัวไปเกือบสัปดาห์แล้วครับ ไม่มีใครติดต่อเธอได้ และเธอก็ไม่ยอมติดต่อกลับมาหาใครอีกเลย เหมือนกับว่าเธอจงใจจะไปนะครับ อาจเพราะเธอตั้งท้องก็ได้ ท้องไม่มีพ่อสำหรับผู้หญิง เป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าที่สุด และท้องสำหรับคนมีชื่อเสียง คงเป็นอะไรที่คล้ายกับโลกแตก”คนฟังเงียบกริบ เพราะหัวใจเขาต่างหากที่กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ในคอตีบตันไปหมด“ถ้าไม่มีพ่อ แล้วไอ้หนูนั่นจะไปอยู่ในท้องของเธอได้ยังไง คุณคิดว่าจะหนีผมไปอยู่ที่ไหนได้อรดี คอยเดี๋ยว ผมจะไปล่าหัวคุณกลับมาด้วยมือของผมเอง”ท้องฟ้าสว่างสวยทีเดียวถ้าคนที่มองขึ้นไปไม่ได้มีความเครียดห่อหุ้มสมอง ตาพร่า ล้า ช้ำ บวม แดง และไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งปฏิกูลอัดแน่นอยู่ในช่องท้องตลอด
“รับผิดชอบยังไง แม้แต่จูบ ผมก็ไม่เคยคิดจะทำกับคุณเลย แล้วคุณจะเป็นภรรยาของผมได้ยังไง คุณคงไม่เคยเห็นว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนยังไงปารดา ก่อนที่ผมจะยิงคุณไส้แตก กรุณารีบยกก้นของคุณออกไปจากห้องทำงานของผมเดี๋ยวนี้ หรือมากกว่านั้น ออกไปจากเกาะเฮงซวยนี่ซะ”ปารดากลืนน้ำลายเฮือก ถอยล่นไปจนชิดบานประตู“คอยดูเถอะ ฉันจะฟ้องหย่าเรียกค่าเสียหายให้คุณหมดตัวเลย”เขาหัวเราะหึ ๆ ส่ายหน้าราวกับเห็นลาโง่เต้นระบำอยู่ตรงหน้า“เชิญเลย ถ้าคุณคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น คุณคงรวยเละ ถ้าหากว่าใบทะเบียนสมรสที่คุณจดกับผมไม่ได้เป็นของปลอม และเจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่ใช่ลูกน้องที่ผมกุขึ้นมาให้ผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณตื่นเต้นตาโต”“อะไรนะ”“กลับไปหาพ่อซะไป แล้วก็กลับไปหาผู้ชายรวยๆหน้าโง่คนอื่นแต่งงานด้วย คนสวยอย่างคุณคงมีใครสักคนหลงเข้ามาบ้างละ”ปารดากรีดร้องจนสุดเสียง แล้วก็เต้นเร่าดีดดิ้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกบังคับให้ไปโรงเรียนวันแรก แววตาคลอน้ำคลั่งแค้นเขม้นมองบ่อเงินบ่อทองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะดึงประตูเปิดออกแล้วก้าวล่วงไป แรงกระแทกดังสนั่น จนข้าวของตามตู้โชว์บางชิ้นยังสั่นไม่หาย แม้จะผ่านมาหลายวินาทีแล้วก็ตามภาคินวางห
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคนสวยอย่างคุณ”เขายื่นมือมาให้จับ ดวงตาเปล่งรอยแจ่มใส เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจของหนุ่มลูกครึ่ง เธอกับลูกจึงยื่นมือไปจับตอบน้ำใจของเขา“ฉันก็สุดแสนจะยินดีค่ะคุณปีเตอร์”ลูกต้องร่วมมือกับแม่นะ อย่าเพิ่งเกเรจนทำให้ผิวหน้าท้องของแม่ยืดออก อดทนไว้แค่สัปดาห์หน้าเท่านั้น หลังจากแม่เปลือยกายเพื่อถ่ายงานศิลปะจากฝีมือช่างภาพชื่อดังที่ติดอันดับเอเชียแล้ว เราสองคนก็จะไปหาที่อยู่ใหม่ ที่ไหนก็ได้ ที่สงบ ๆ อากาศดี และไม่มีคนรู้จักอรดีไม่ได้กลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอกนะ แต่เธอหวาดกลัวต่อเจ้าพ่อไห่ปิง เพราะตาเฒ่าเคยบอกเอาไว้ว่าจะยึดลูกคนแรกของเธอกับหมอนั่นไปเป็นสมบัติส่วนตัว“มันเรื่องอะไรที่แม่จะต้องทำอย่างนั้น อดทนเอาไว้ลูก เดี๋ยวเราก็เจอทางออกจนได้นั่นแหละ”นอกจากเธอจะตกลงทำงานกับปีเตอร์ในปลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้แล้ว ช่วงกลางสัปดาห์ พี่โตก็เซ็นต์เช็กซื้อคอนโดมิเนียมของเธอด้วยราคางดงาม นับว่าโชคที่ที่พี่โตกำลังมองหาที่อยู่ให้เมียน้อยที่เพิ่งตกลงจะแอบอยู่ด้วยกันอรดีสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ใคร แลกกับที่พี่โตเองก็จะไม่บอกเรื่องที่เธอบินไปเปลื้องผ้าที่สิงคโปร์ให้ใครฟังด้ว