กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 11
(ยื้อ)
หมอฝีมือดีที่ใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือฟาติน คนที่เฝ้ารอคอยก็หวาดหวั่นด้วยใจพะวง ยืนประชิดผนังกระจกหนาห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่วูบไหวหวาดหวั่น ห่วงคนที่อยู่ข้างในนั้นเหลือเกิน แม้ภายนอกจะดูร้ายกาจและเย็นชา แต่ใครไหนเล่าจะรู้ว่าท่านเชคฮผู้นี้ก็มีมุมอ่อนแอดั่งเช่นปตุชนทั่วไป
"ท่านครับ" เสียงของอัมกาสเรียกผู้เป็นนาย เมื่อสายตาของเขาเห็นหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เสียงของลูกน้องทำให้เขานั้นหลุดจากภวังค์ความคิดกลัว
"หมอ เธอปลอดภัยดีแล้วใช่ไหม?" อานัสรีบประชิดตัวหมอที่อยู่ในชุดเครื่องแบบประจำกาย สายตาดุร้ายที่กลับกลายเป็นห่วงใย เอ่ยถามหมอออกไปด้วยใจพะวง
"เธอยังคงมีอาการน่าเป็นห่วงครับท่าน" หมอเจ้าของไข้บอกกล่าวด้วยสีหน้าที่กังวล ดูพะวงไม่ต่างไปจากคนที่เฝ้ารอฟังข่าวคราวอยู่ด้านนอก
"อะไร อะไรกัน ทำไมล่ะหมอ เลือดก็เพียงพอแล้วทำไม? ทำไมเธอยังน่าห่วง หมอรักษาเธอยังไงกัน ห๊ะ!!!" คนที่ได้ฟังแทบเข่าทรุดยืนไม่อยู่ เมื่อสิ่งที่ได้ยินได้ฟังนั้นทำให้หัวใจของเชคฮผู้ด้านชาบีบรัดแน่นเจ็บปวด
"การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่ว่าเธอยังมีอาการไม่สู้ดีนัก ยังอยู่ในสภาวะเสี่ยง หมอทำดีที่สุดแล้วครับท่าน ทำได้เพียงยื้อเธอไว้ พยุงอาการไม่ให้ทรุดหนักไปกว่านี้เท่านั้น ด้วยอาการที่เห็นชัดเจน คมมีดที่ยาวแหลมเจาะลึกเกือบถึงสันหลัง โชคดีที่ไม่ถูกไขสันหลัง เพราะหากเป็นเช่นนั้นเธออาจจะเดินไม่ได้กลายเป็นอัมพาต" หมอบอกเล่าอาการของคนป่วย
"เป็นหมอประสาอะไรวะ! ต้องรักษาเธอให้หายสิ! รักษาเธอ! ต้องใช้เงินแค่ไหนเราก็ยอม ได้ยินไหมหมอ! ได้ยินไหม!?...ต้องรักษาเธอให้หายเป็นปกติเหมือนเดิม" อานัสเดือดเลือดขึ้นหน้า กำคอเสื้อของหมอ แล้วตะเบ็งเสียงด่าทอหมอดังลั่น เขย่าร่างของหมอจนสั่นระรัว
"ท่านครับท่าน ใจเย็น ๆ ก่อนครับ" อัมกาสที่เห็นดังนั้นต้องเข้าห้ามปราม ผู้เป็นนายที่เลือดร้อนเหมือนสติหลุดลอยไม่อยู่กับตัว เห็นดังนั้นจึงนึกสงสารจับใจ เพราะอัมกาสเข้าใจดีกับสิ่งที่นายเหนือหัวพานพบเจอมา
สิ่งที่ออกจากปากของหมอ อาการป่วยของฟาตินที่ยังไม่ฟื้นฟูให้ดีขึ้น ทำให้คนที่ยืนตัวตรงถึงกับเซถลายืนแทบไม่อยู่ ดวงตาคมดุสั่นระริก เกิดม่านน้ำตาสีใสแห่งความกลัวเอ่อคลอในดวงตา ค่อย ๆ ลดมือลงจากคอเสื้อของหมอด้วยการจับมั่นของอัมกาส
"จะใจเย็นได้ยังไง! เย็นได้ลงคอหรืออัมกาส ฟาติน ... ฟาตินนอนนิ่งอยู่ในนั้น นายไม่มีตามองหรือไงกัน! โธ่เว้ย!!" คนที่โมโหไม่ได้ดั่งใจ ความร้อนรนกลัดกลุ้ม สิ่งที่ได้ยินทำให้เกิดคุ้มคลั่งดั่งควบคุมอารมณ์ร้อนไม่ไหว
"เธอปลอดภัยแน่ครับ หมอต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ" อัมกาสยังคงให้เหตุผลเพื่อปลอบใจผู้เป็นนาย
"หูไม่ได้ฟังหรือไงว่าเธอโคม่า อาการไม่สู้ดีน่ะห๊ะ!"
ตุบ ผั๊ว ผั๊ว ผั๊ว ตุบ!!
"อ๊ะ อึก!" อัมกาสที่ไม่ทันตั้งตัวเซถลาเกือบล้มเมื่อโดนหมัดเต็มแรง
คนที่เก็บกลั้นอารมณ์ไม่ไหว เศร้าเสียใจกับสิ่งที่ได้ยิน ตะเบ็งเสียงหนักเข้ม และประเคนหมัดใส่หน้าอัมกาสเต็มแรงหลายที สิ่งที่ลูกน้องบอกปลอบใจ ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังกังวลนั้นคลายลงได้ ต้องปลดปล่อยอารมณ์ร้ายออกมาอย่างเหลืออด คนที่รองรับอารมณ์ไม่โต้ตอบแต่อย่างใด ยอมสนองรองรับหมัดของผู้เป็นนายด้วยความยินดี แม้จะเจ็บกายภายนอกก็ไม่นึกหวั่น...เขาเข้าใจดี
"ฟาตินไม่ฟื้น เธอไม่ฟื้น อัมกาส!"
เมื่อพอใจแล้วกับสิ่งที่ระบายออกไป ร่างสูงกำยำนั่งทรุดลงกับพื้นเเข็งหน้าห้องฉุกเฉิน อีกคนที่เป็นที่รองรับอารมณ์ใบหน้าที่เคยดูดีบัดนี้ยับเยิน เต็มไปด้วยรอยช้ำและเลือดสีแดงสดที่ไหลกบปาก
เขาเหมือนกับคนที่หมดเรี่ยวแรง นั่งหน้าแดงเหมือนกำลังจะร้องไห้ เอนหลังพิงกับผนังห้องสีขาวอย่างน่าเวทนา ชันขาข้างเดียวแล้ววางแขนแกร่งลงเข่าที่ตั้งชัน สายตาเหม่อมองดั่งคนเลื่อนลอยไร้จุดหมาย น้ำตาที่ไม่คิดจะรินไหลให้ผู้ใดก็ไหลเป็นทางอย่างไม่ตั้งใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ได้เธอกลับคืนมาและพูดจากับเขาเช่นดังเดิม......
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา