กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 20
(วังวน)
"เดี๋ยวนะ!" ฟาตินทักท้วงเมื่อสถานที่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมกับที่เธอเคยอยู่ในอดีต
"อะไร!?" อานัสที่คอยประคองร่างกายบางย้อนถามเสียงแข็งคิ้วขมวด เมื่อฟาตินนั้นพูดขึ้นเสียงแข็ว
"นี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันเคยอยู่" เธอทักท้วงเพราะห้องหับที่แปลกตา ทางเดินเข้ามาที่สังเกตเห็นทุกอย่างที่เป็นตอนนี้ไม่เหมือนเดิมดั่งแต่เก่า
"แล้วไง!?" อานัสทำทีไม่สนใจประคอง คนที่ป่วยร่างกายยังไม่เต็มร้อยให้ขึ้นนอนบนเตียง เขาต้องการดูแลแม้หล่อนจะเย็นชาใส่ก็ตามที
"กลับไปที่ของฉัน..." ฟาตินที่ไร้แรงขัดขืนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก หากเป็นคนอื่นที่ได้ฟังของขนลุกชันไปทั้งตัว แต่นี่เป็นอานัสจึงไม่คิดเกรงกลัวแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบหล่อน
"ไม่จำเป็น...ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ" อานัสยังคงตีมึนกดไหล่ของฟาตินให้นั่งลงพื้นที่นอนนุ่มขนาดใหญ่พิเศษ ใช้หมอนหนุนหลังเธอพิงกับหัวเตียง และดึงผ้าห่มคลุมกายให้เธอ อีกฟากก็มีซาดียะห์คอยช่วยเหลือ
"ไม่เหมือน!" ฟาตินตะเบ็งเสียงแข็งกร้าว แววตาดุดัน
"ดื้อ!" อานัสยืนเต็มความสูงมือกอดอกจ้องมองคนที่นอนกับเตียงด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึมเรียบตึง
"ด้าน!...อ๊ะ!" ฟาตินที่ไม่ยอมเช่นกันด่ากลับเสียงหนัก การตะเบ็งเสียงที่สะเทือนไปถึงช่องท้องที่บาดแผลยังไม่หายดี ทำให้เธอมีอาการเจ็บแปล๊บจนต้องนิ่วหน้างอมือกุมท้อง
"นี่!! รู้ว่ายังไม่หายดียังจะเถียงเสียงกร้าว ดื้อแบบนี้ไงถึงเจ็บตัว...ไหนขอดูแผลหน่อย" อานัสถลึงตาตกใจเมื่อเห็นอาการของฟาติน เขารีบถลานั่งเคียงแล้วดึงผ้าห่มออกหวังเปิดดูแผล
"อย่ามายุ่ง!" แต่ฟาตินกลับปัดมือเขาออกอย่างนึกรังเกียจ
"ดื้อนักห๊ะ!! อย่าดิ้น!" อานัสจับสองข้อมือเล็กไว้มั่นในอุ้งมือเดียวแล้วกดไขว้หลังไว้ ออกคำสั่งเสียงกร้าวจ้องหน้าฟาตินราวกับจะกินเลือดเนื้อ เมื่อเธอนั้นขัดขืนไม่ยอมให้เขาจับต้องกาย
"รังเกียจ!" ฟาตินพูดเสียงดังด้วยคำที่อานัสนัเนไม่ชอบใจจนเขาต้องหันหน้ามามองด้วยแววตาดุดัน กัดฟันแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ "ขยะแขยง เกลียดไม่อยากเห็นหน้า! ได้ไหมว่าเกลียด! เกลียด กะ..."
เพี๊ยะ!!!
เสียงด่าทอหายลับไป เมื่อฝ่ามือมือใหญ่ กระทบกับใบหน้าสวยจนหันไปตามแรง เอนฟุบลงกับหมอนใบใหญ่จนจม
...ดวงตาคมเข้มขลับลับใบหน้าเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเผลอไผลใช้กำลัง ควบคุมยับยั้งอารมณ์ร้อนไว้ไม่ไหว แต่เมื่อได้สติตั้งมั่นจึงค่อย ๆ ประคองเธอให้นั่งหลังพิงกับหัวเตียง สีหน้าที่เคยตกใจปรับเปลี่ยนเป็นเรียบตึง คำว่าเกลียดที่ฟังแล้วบีบรัดหัวใจให้เจ็บช้ำ จนเผลอกระทำรุนแรงใส่เธอ
"ท่านคะ" ซาดียะห์ที่เห็นเหตุการณ์ สงสารฟาตินจับใจ เพราะแรงตบทำให้เลือดตรงมุมปากของเธอไหล
"ออกไปแล้วห้ามใครเข้ามา จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเรา...ให้อัมกาสไปรับหมอมาที่นี่ด้วย" อานัสพูดเสียงเย็น สายตาจ้องมองฟาตินที่น้ำตารินไหล เธอนั่งเงียบไร้แม้เสียงสะอื้น ไม่ขัดขืนแม้เขาจะจับจ้องร่างกายเธอ
"แม้ห้องหับจะเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ยังไงก็ยังเป็นวังวนเดิม" ฟาตินทอดสายตามองไกลออกไปอย่างเลื่อนลอย พื้นหญ้าสีเขียวกับแมกไม้หลากสี ไม่ได้ทำให้คนที่ใจช้ำรู้สึกดีได้เลย เธอพูดขึ้นลอย ๆ อย่างเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่ได้พบเจอ
...บาดแผลจากการตบฟกช้ำก็ไม่ได้ทำให้เธอนั้นรู้สึกเจ็บปวดสักนิด เพราะร่างกายที่เคยถูกทำร้ายคงชินชาต่อฝ่ามือหนาของเขา
"อย่าได้พูดคำนี้อีก" อานัสเชยคางของฟาตินให้เชิดเงย เอื้อยเอ่ยคำสั่งที่ทำให้ฟาตินนั้นปิดเปลือกตาลง น้ำสีใสไหลรินอาบพวงแก้มสวยช้า ๆ
".........."
ใบหน้าของ เชคฮ อานัส เคลื่อนคล้อยมาใกล้ ลมหายใจอุ่นสัมผัสลงผิวแก้มเนียนใส และตามด้วยกลีบปากอุ่นสัมผัสแตะชิดริมฝีปากอวบที่เม้มแน่นเป็นเส้นตรง
"คำว่าเกลียดชังหากมันหลุดจากปากของเธอ มันจะทำให้เราควบคุมความร้ายที่มีไม่ได้ แล้วเราก็จะเผลอทำร้ายเธอแบบนี้" เชคฮ อานัส เอื้อนเอ่ยเสียงเรียบ ถอดถอนกลีบปากอุ่นในระประชิด สายตาก็จ้องมองใบหน้าเนียนใสในระยะใกล้สายตา ไล้นิ้วมือหนาเช็ดน้ำตาให้แก่เธอแผ่วเบา
"..........." คนที่เจ็บปวดนิ่งเงียบอีกครา ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้แต่กลับไร้เสียงสะอื้นแม้เพียงรำไร เจ็บปวดร่างกายแทบตายแต่ต้องทำเหมือนไม่เจ็บอะไรใด ๆ
"แล้วก็ห้ามดื้อกับเรา...สั่งอะไรก็ต้องทำ" มือหนาเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก กลีบปากก็ขยับพูดคุย แม้ฟาตินจะเงียบเสียงและทำเย็นชาใส่เขาก็ยังคงพูดพร่ำเพียงลำพัง
"............"
"และจำไว้ว่าเธอจะไม่มีวันหนีจากเราไปได้ แม้กระทั่งความตายก็ไม่อาจพรากจาก" เชคฮ อานัส ยังคงพูดต่อและไม่สนใจว่าเธอจะตั้งใจฟังหรือไม่ ดึงผ้าห่มคลุมกายจับประคองร่างกายเธอตามแต่ในต้องการ ดูแลเธอให้นอนราบอย่างอ่อนโยน
"..........." คนที่เงียบปากไม่ยอมพูดนิ่งเฉยและเย็นชา เปิดเปลือกตาเหม่อมองเพดานสีสวยอย่างคนไร้จิตวิญญาณ ไม่ทัดทานขัดขืนการกระทำแต่อย่างใด ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจอยู่ร่ำไป เพราะยังไงก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ระดมนี้ได้ นอกจากทำใจยอมรับและอยู่กับมันให้ได้
"เราไม่ได้อยากทำร้ายร่างกายของเธอในแบบอดีต" อานัสนั่งเคียงข้างเอื้อมมือลูบหัวฟาตินแผ่วเบา แววตาที่จ้องมองเธอสื่อความหมายที่เก็บซ่อนไว้
"แต่ท่านก็ทำอยู่ร่ำไป โดยไร้ซึ่งความปรานี เหมือนดั่งเช่นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา" ฟาตินย้อนเสียงเรียบเย็น
"เราไม่ได้มีเจตนาจะตบหน้า แค่วาจาที่เธอใช้มันเสียดแทงใจของเราให้เจ็บร้าว เราก็แค่พลั้งมือด้วยอารมณ์ที่มี" เชคฮ อานัส อธิบายในความรู้สึกที่เป็น
"ท่านก็เป็นเช่นนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เชคฮ อานัส ยังไงก็คือ เชคฮ อานัส" ฟาตินพูดต่อในแบบที่เธอนั้นรู้สึก การถูกกระทำต่าง ๆ นานา จนเธอนั้นเริ่มที่จะชินชา หัวใจที่เคยดีกลับมีความเศร้าหมอง ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ ทั้งที่มีหญิงมากมายต้องการเข้ามา แต่กลับฟาตินนั้นแทบอยากหนีทุกเวลานาที
"พักเถอะฟาติน" เจ็บใจที่ฟาตินพูดย้ำในตัวตนจนต้องพูดตัดบทสนทนา แล้วโน้มตัวจูบลงกลางหน้าผากนูน
เขาหยัดตัวลุกยืนแล้วล้วงเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา กดต่อสายหาคนสนิททันทีอย่างไม่รีรอ พร้อมก้าวขาเดินตรงไปยังประตู
"อัมกาสบอกคนจัดการห้องแดงให้เราที คืนนี้เราจะพักที่นั่น"
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา