Share

บทที่ 1.2

last update Last Updated: 2025-09-05 17:14:39

เอี๊ยด

        ประตูเหล็กบานเก่าปิดลงช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวว่าเสียงประตูเหล็กจะเสียดสีดังกันจนทำให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนฟูกสีครีมตัวเก่านั้นจะตื่นขึ้นมา

        “หม่าม้า”

        แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เหลียนฟางรีบวางข้าวของในมือก่อนถลาตัวล้มลงนอนข้าง ๆ ลูกสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังสะลึมสะลือคล้ายกับจะตื่น แขนเล็ก ๆ ของลูกสาวกอดเอวคอดบางของผู้เป็นมารดาไว้แน่น เหลียนฟางนอนลูบผมเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะหลับสนิทลงอีกครั้งอย่างวางใจที่เห็นมารดากลับบ้านอย่างปลอดภัย

        เหลียนฟางจัดของที่ได้มาเข้าตู้เย็น อาหารที่ลูกค้ากินเหลือเถ้าแก่เองเสียดายไม่อยากทิ้งจึงอนุญาตให้พนักงานในร้านเอากลับบ้านไปกินต่อได้ แน่นอนว่าคนที่หาเช้ากินค่ำใช้แรงงานแลกเงินอันน้อยนิดอย่างพวกเขาอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด พวกเขาไม่เคยรังเกียจมัน กลับกันก็คิดบวกว่าดีเสียอีกประหยัดข้าวได้ตั้งหนึ่งมื้อเงินที่จะต้องไปซื้อข้าวมื้อนั้นเหลียนฟางก็หยอดเก็บเป็นค่าเทอมให้อี้ถิงได้แม้จะไม่มาก ก็ดีกว่าเก็บไม่ได้เลย

        ร่างบางจัดการอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดใส่ชุดนอนสีเทาเก่า ๆ ล้มตัวนอนข้างลูกสาวที่แสนน่ารัก บ้านของเขาเป็นแค่ห้องเช่าสี่เหลี่ยมที่อยู่บนอาคารเก่าสีน้ำตาล ห้องเช่าแคบเท่ารูหนูแต่ยังดีที่มีห้องน้ำในตัว แม้จะแคบแต่ว่าบ้านของเราก็อบอุ่น เหลียนฟางที่เลี้ยงอี้ถิงมาตัวคนเดียว มีเงินซื้อนมให้เจ้าตัวเล็กกิน เลี้ยงเจ้าตัวเล็กจนตัวโตแก้มยุ้ยแถมยังเป็นเด็กที่น่ารักได้ขนาดนี้ เหลียนฟางก็คิดว่าตัวเองนั้นเก่งมากแล้ว เจ็ดปีที่ผ่านมากับสองมือนี้ไม่ต้องบอกก็คงรู้มันว่าลำบากยากเย็นเพียงใดทั้งทำงานหาเงินคลอดลูก คลอดมาแล้วก็ต้องหาเงิน ซื้อข้าว ซื้อนม ซื้อผ้าอ้อม เลี้ยงอี้ถิงจนเติบใหญ่มาได้ทุกวันนี้ เสียน้ำตาไปกี่ครั้งมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้

        อี้ถิงไม่มีพ่อ...เจ้าตัวเล็กเคยถามถึงบิดาแต่เหลียนฟางก็ตอบไปเพียงแค่ว่าต่างคนต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเอง แม้อี้ถิงจะยังเด็กไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั้น แต่พอได้ฟังก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเธอเข้าใจตามแบบที่เธอเข้าใจแค่ว่าบิดาคงไปทำงานที่ไหนอยู่สักที่ และเธอก็ได้แต่หวังลึก ๆ ว่าชั่วชีวิตนี้ของเธอจะได้เจอหน้าพ่อสักครั้ง

        อุณหภูมิตอนเช้าตรู่หนาวเย็นจนเหลียนฟางที่เป็นคนขี้หนาวอยู่แล้วเป็นทุนเดิมจำต้องคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมทับอีกชั้น เขาล้างหน้าล้างตาแปรงฟันก่อนเปิดประตูออกไปข้างนอกฝ่าความหนาวเดินตรงดิ่งไปยังร้านขายโจ๊กตรงหัวมุมถนนเพื่อซื้อข้าวเช้าให้ลูกสาวได้กินก่อนไปโรงเรียน แม้อาหารเหลือจากลูกค้าที่ห่อมาจากร้านมันมีมากพอจะทำให้อี้ถิงอิ่มจนพุงกางแต่ว่าสำหรับคนเป็นมารดาแล้วก็ยังอยากให้ลูกได้กินของสด ๆ ปรุงใหม่ ๆ จากเตามากกว่า

        “โจ๊กหนึ่งถุงปาท่องโก๋ทอดสองชิ้นครับ” เสียงหวานเอ่ยบอก ลุงเจ้าของร้านโจ๊กที่ยืนอยู่หลังรถเข็นยิ้มตาปิดเมื่อเห็นลูกค้าประจำ

        “ตื่นเช้าเหมือนเดิมนะอาเหลียน”

        “ครับ”  เหลียนฟางยิ้มอ่อน

        “อรุณสวัสดิ์อาเหลียน มานั่งก่อน ๆ” ป้าอันภรรยาลุงเจ้าของรถเข็นรีบกวักมือให้เหลียนฟางเข้ามานั่งในผ้าใบที่กางอยู่เพื่อหลบลมหนาว เหลียนฟางเชื่อฟังเดินตามป้าแกไปนั่งในร้าน ก่อนรับบางสิ่งที่ป้าอันยัดใส่ลงในมือ เหลียนฟางยิ้ม

        “ขอบคุณครับ” หนังสือพิมพ์สี่สีฉบับเมื่อวานที่ไม่ใช้แล้ว มีหน้าของอวี้เฟิงอยู่บนหน้าหนึ่งป้าอันเก็บไว้ให้เขาโดยเฉพาะ เพราะรู้ว่าเขาชอบอวี้เฟิงมากและคงไม่มีเงินมากพอจะเจียดไปซื้อหนังสือพิมพ์ของเขาทุกฉบับ เหลียนฟางยิ้มเหมือนได้ของขวัญ ป้าอันนั่งลงข้าง ๆ เห็นเหลียนฟางยิ้ม แกก็ยิ้มตาม

        “หล่อเนอะ ปีนี้เห็นว่าได้รางวัลอีกแล้ว ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ นิสัยก็ดีสมควรแล้วแหละที่ดังไม่หยุด” ป้าอันยิ้มเล็กยิ้มน้อย เหลียนฟางก้มศีรษะขอบคุณน้ำใจที่ป้าอันมอบให้

        “ขอบคุณป้าอันนะครับที่เก็บไว้ให้”

        “ไม่เป็นไร ๆ เรื่องเล็กน้อย ว่าแต่อี้ถิงเป็นยังไงบ้างได้ข่าวว่าวาดรูปประกวดได้ที่หนึ่งไม่ใช่หรือ?”

        เพราะหลานของป้าอันเรียนที่เดียวกับอี้ถิงจึงได้รู้ข่าวนี้ เหลียนฟางพับหนังสือพิมพ์เก็บเข้าเสื้อเป็นอย่างดีก่อนพยักหน้ารับ

        “ครับ ได้รางวัลเป็นสีไม้กล่องใหญ่กับสมุดวาดเขียนมาดีใจใหญ่” ตอนเล่าก็ยิ้มอย่างภูมิใจ

        “อี้ถิงเก่งจริง ๆ ป้าก็อยากให้หมิงอันหัดวาดรูป เขียนเรียงความเก่ง ๆ แบบเด็กคนอื่นบ้าง” ป้าอันเปรียบเทียบหลานตัวเองกับลูกคนอื่น เธอก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายคล้ายกับว่าหลานสาวไม่เอาไหน

        “อย่าว่าหมิงอันแบบนั้นเลยครับ อันที่จริงอี้ถิงคงอยากได้สีไม้กล่องนั้นมาก แกคงไม่อยากรบกวนเงินผมแกถึงพยายามเอามาจนได้” พูดแล้วก็เสียงเศร้าลง แม้แต่สีไม้ก็ยังไม่มีปัญญาซื้อให้ลูก คิดแล้วก็น้ำตารื้น ป้าอันเห็นท่าไม่ดี

        “ไอ๊หยาทำไมจู่ ๆ กลายเป็นเรื่องเศร้าไปได้ล่ะ ไม่เอา ๆ ป้าไม่ชอบเรื่องเศร้าตอนเช้า” ป้าอันรีบปลอบทันที

        “ขอโทษด้วยครับ”

        “เราเลี้ยงอี้ถิงให้เติบโตมาได้ดีขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมาก ๆ แล้ว”

        “ขอบคุณครับ”

        “โจ๊กได้แล้ว ป้าบอกลุงแถมให้อีกหนึ่งถุง…เอาไว้กินกับลูก” ความเมตตาของป้าอันกับลุง เหลียนฟางยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนรับมันมาไว้อย่างดี ขอบคุณความใจดีของคนทั้งสองก่อนเดินกลับบ้านหลังเล็กที่มีลูกสาวรออยู่

        เสียงกรรไกรตัดกระดาษฉับ ๆ ดังขึ้นจากฝีมือเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังพยายามตัดภาพของหวังอวี้เฟิงออกจากหนังสือพิมพ์ ในขณะที่มีมารดากำลังยืนถักเปียให้อยู่ข้างหลัง

        “เขาใส่สูทแดงหล่อจังเลยนะคะ” อี้ถิงตัดกระดาษไปก็ยิ้มไป

        “อืม”

        “หนูเห็นเขาในทีวีเมื่อวาน ตอนขึ้นเวทีไปรับรางวัลเขายิ้มด้วย...แม้จะแค่เสี้ยววินาทีก็เถอะ ก็ยังหล่อมาก ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหม่าม้าถึงชอบเขา”

        ใช่แล้ว..เหลียนฟางชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้แต่ลูกสาวยังรู้

        “ถ้าหม่าม้าได้เขาเป็นแฟนก็ดี” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาว เหลียนฟางฟังแล้วก็หัวเราะเบา ๆ

        “กับคนที่อยู่บนฟ้าแบบนั้น แค่มองจากตรงนี้ก็พอแล้วล่ะ”

        “แต่ใคร ๆ ก็อยากเป็นแฟนกับดาราที่เราชอบกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอคะ?”

        “หม่าม้าถักเปียให้เสร็จแล้ว ได้เวลากินข้าวเช้าแล้ว” เหลียนฟางมองดูเปียทั้งสองข้างที่ถักให้ลูกสาว แม้จะไม่สวยมากเป็นเปียธรรมดา แต่ก็นับว่าดูไม่แย่นัก

        อี้ถิงตัดภาพหวังอวี้เฟิงออกจากกระดาษหนังสือพิมพ์เสร็จพอดี เธอยื่นให้มารดาก่อนหมุนตัวไปกินโจ๊กร้อน ๆ กับปาท่องโก๋ที่มารดาฝ่าลมหนาวออกไปซื้อให้ทุกเช้าอย่างตั้งใจ

        เหลียนฟางมองกระดาษแผ่นเล็กที่ถืออยู่ในมือ มองใบหน้าหล่อที่สวรรค์จงใจปั้นก็อมยิ้มลำพัง ก่อนนำมันไปเก็บไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ ที่มีรูปอวี้เฟิงนับพันอยู่ในนั้น เก็บมันไว้หลังตู้เสื้อผ้าราวกับคือของล้ำค่า

        ☽

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 3.1

    ‘ทำไมหม่าม้าถึงชอบหวังอวี้เฟิงเหรอคะ?’ ‘…..’ หม่าม้าไม่เคยตอบคำถามนี้เลย แต่กลับยิ้มสวยให้กับลูกสาว ‘เป็นเพราะเขาเก่งแล้วก็หล่อใช่ไหมคะ? นั่นสิขนาดคุณครูที่โรงเรียนหนูยังชอบเขาเลย’ อี้ถิงเคยถามมารดาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเลยเธอจึงคิดว่าที่มารดาชอบอวี้เฟิงมากก็คงเพราะหล่อและเก่งมาก ๆ เหตุผลคล้ายกับแฟน ๆ คนอื่นที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มารดาของเธอชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้ครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งเงินไปสนับสนุนซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ และสิ่งเดียวที่แสดงออกถึงความรักของมารดาที่มีต่ออวี้เฟิงได้ก็คือตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ นั่น เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเค้าท์เตอร์ชำระเงินที่มีพี่พนักงานกำลังเล่นมือถือด้วยท่าทางเพลิดเพลินจนลืมสังเกตว่ามีลูกค้าตัวน้อยยืนรอนานแล้ว “อูย ขอโทษจะพอดีป้ายโฆษณามันบังพี่เลยมองไม่เห็น” เธอโบ้ยไปเรื่อย อี้ถิงยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไรค่ะ” “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า?” เธอถามลูกค้าตัวน้อย เด็กสาวพยักห

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 2.2

    “ดี ดี ดี ดีมาก แบบนั้น…หล่อมาก” ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวไม่หยุด ในเมื่อนายแบบเอเนอร์จี้ยังเต็มร้อยขนาดนี้แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตามแต่ก็ยังดูเหมือนว่า หวังอวี้เฟิง ยังไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าหล่อจัดของเขายังคงดูสดใสราวกับคนนอนเต็มอิ่มทั้งที่ลุยงานกันมาตั้งแต่เช้า “เซตสุดท้ายแล้วครับ พักก่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรครับ ถ่ายต่อได้เลยครับ” เป็นคำตอบที่ช่างภาพต้องการมากที่สุดก็คือคำนี้แหละ ในเมื่อฟีลกำลังได้หากหยุดกลางคันก็อาจทำให้พลังงานขาดช่วงและยืดเวลาทำงานออกไปอีก ดังนั้นหากนายแบบโอเคสิ่งที่ช่างภาพอย่างเขาต้องทำคือรีบกดปุ่มชัตเตอร์รัว ๆ ด้วยความว่องไวและมืออาชีพ อย่างน้อยก็มีสตาฟอีกหลายคนที่เริ่มจะง่วงเต็มที เขาคนหนึ่งแหละที่เริ่มจะคิดถึงหมอนนุ่ม ๆ แล้ว “หล่อมากเลยเนอะ” “ใช่ เมื่อกี้ตอนพักกอง ฉันขอถ่ายรูปเขาก็ให้ถ่ายนะ ใครว่าเขาหยิ่ง ฉันว่าเขาแค่นิ่งเท่านั้นแหละ” “หยิ่งอะไรกันแม่จะตีปากให้ หากหวังอวี้เฟิงหยิ่งล่ะก็ โลกนี้ก็ไม่มีใครดีแล้ว” “ใช่” แล้วสองสาวก็แปะมือกัน แน่นอนพวกเธอคือห

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 2.1

    ‘ผู้..ที่...ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น…’ เสียงเจื้อยแจ้วยานคางของเด็ก ๆ ในชั้นกำลังพากันท่องสุภาษิตจีนซึ่งหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่เด็ก ๆ ต้องทำก่อนเลิกเรียนเพื่อย้ำเตือน และให้เด็กเหล่านั้นได้ซึมซับแง่คิดที่บรรพบุรุษเคยเขียนเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ประพฤติปฏิบัติตาม อี้ถิงที่นั่งหน้าชั้นเรียนท่องมันอย่างตั้งใจ เมื่อท่องจบประโยคเสียงกริ๊งเลิกเรียนก็ดังขึ้นพอดี เด็ก ๆ ดีใจรีบเก็บกระเป๋าร่ำลาครูประจำชั้นวิ่งตึงตังออกจากห้องเรียนราวกับดีใจที่ได้เป็นอิสระหลังจากที่ต้องอดทนนั่งเรียนมาหลายชั่วโมง หลี่อี้ถิงเองก็เป็นหนึ่งในเด็ก ๆ เหล่านั้น แม้ในคาบเรียนเธอจะตั้งใจเรียนมากเพื่อไม่ให้เงินที่มารดาส่งเสียทุกหยวนเสียเปล่า แต่เมื่อได้เวลาเลิกเรียนเธอก็ไม่รีรอที่จะเก็บของใส่กระเป๋าร่ำลาคุณครูประจำชั้นแล้วก็วิ่งตึกตักออกไปจากห้องเรียนทันที ตอนเช้ามารดาจะเดินมาส่งเธอที่โรงเรียนทุกเช้า แต่เมื่อเลิกเรียนเธอต้องเดินกลับบ้านเองเพราะมารดาของเธอต้องทำงานจึงไ

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 1.2

    เอี๊ยด ประตูเหล็กบานเก่าปิดลงช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวว่าเสียงประตูเหล็กจะเสียดสีดังกันจนทำให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนฟูกสีครีมตัวเก่านั้นจะตื่นขึ้นมา “หม่าม้า” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เหลียนฟางรีบวางข้าวของในมือก่อนถลาตัวล้มลงนอนข้าง ๆ ลูกสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังสะลึมสะลือคล้ายกับจะตื่น แขนเล็ก ๆ ของลูกสาวกอดเอวคอดบางของผู้เป็นมารดาไว้แน่น เหลียนฟางนอนลูบผมเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะหลับสนิทลงอีกครั้งอย่างวางใจที่เห็นมารดากลับบ้านอย่างปลอดภัย เหลียนฟางจัดของที่ได้มาเข้าตู้เย็น อาหารที่ลูกค้ากินเหลือเถ้าแก่เองเสียดายไม่อยากทิ้งจึงอนุญาตให้พนักงานในร้านเอากลับบ้านไปกินต่อได้ แน่นอนว่าคนที่หาเช้ากินค่ำใช้แรงงานแลกเงินอันน้อยนิดอย่างพวกเขาอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด พวกเขาไม่เคยรังเกียจมัน กลับกันก็คิดบวกว่าดีเสียอีกประหยัดข้าวได้ตั้งหนึ่งมื้อเงินที่จะต้องไปซื้อข้าวมื้อนั้นเหลียนฟางก็หยอดเก็บเป็นค่าเทอมให้อี้ถิงได้แม้จะไม่มาก ก็ดีกว่าเก็บไม่ได้เลย ร่างบางจัดการอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดใส่ชุดนอนสีเทาเก่า ๆ ล้มตัวนอนข้างลูกสาวที่แสนน่า

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 1.1

    “จากงานประกาศรางวัลที่จบลงไปเมื่อวันก่อน ผู้ที่ได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดนิยมแห่งปี จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ หวังอวี้เฟิง นักแสดงชายยอดนิยมที่ยังคงครองตำแหน่งอันดับสูงสุดบนยอดพีระมิดมาห้าปีซ้อน…” เสียงบนจอ LCD ยักษ์ฉายภาพผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับงานประกาศรางวัลครั้งใหญ่แห่งปี บนจอใหญ่ยักษ์ฉายภาพช่วงหนึ่งที่หวังอวี้เฟิงเดินไปรับรางวัลบนเวที ใบหน้าหล่อจัดเมื่อต้องแสงไฟนับพันดวงยิ่งเสริมทำให้เขาดูเปล่งประกายเหมือนดาวจรัสแสงที่อยู่บนฟ้าสมรางวัลที่ได้หวังอวี้เฟิงยิ้มมุมปากเล็กน้อยโค้งตัวขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเขาก่อนเดินลงเวทีอย่างสง่างาม เพียงแค่ยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปากก็ทำให้แฟนคลับกรี๊ดดังลั่นได้ยินถึงดาวอังคาร นอกจากหล่อดั่งเทพบุตรที่แฟน ๆ ตั้งให้ ฉายาเสือยิ้มยากก็เป็นอีกฉายาที่ได้รับมาเช่นกันรอยยิ้มของอวี้เฟิง จึงเป็นดั่งขุมทรัพย์ที่แฟน ๆ ทั้งประเทศต่างก็โหยหา หลี่เหลียนฟางยืนมองดูจอยักษ์และยิ้มดีใจไปพร้อม ๆ กับผู้คนที่ยืนแออัดสายตาจับจ้องไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ นับร้อยดังขึ้นพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย เหลียนฟางเอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status