Share

บทที่ 3.1

last update Last Updated: 2025-09-05 17:19:21

       ‘ทำไมหม่าม้าถึงชอบหวังอวี้เฟิงเหรอคะ?’

        ‘…..’ หม่าม้าไม่เคยตอบคำถามนี้เลย แต่กลับยิ้มสวยให้กับลูกสาว

        ‘เป็นเพราะเขาเก่งแล้วก็หล่อใช่ไหมคะ? นั่นสิขนาดคุณครูที่โรงเรียนหนูยังชอบเขาเลย’

       

        อี้ถิงเคยถามมารดาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเลยเธอจึงคิดว่าที่มารดาชอบอวี้เฟิงมากก็คงเพราะหล่อและเก่งมาก ๆ เหตุผลคล้ายกับแฟน ๆ คนอื่นที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มารดาของเธอชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้ครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งเงินไปสนับสนุนซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ และสิ่งเดียวที่แสดงออกถึงความรักของมารดาที่มีต่ออวี้เฟิงได้ก็คือตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ นั่น

        เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเค้าท์เตอร์ชำระเงินที่มีพี่พนักงานกำลังเล่นมือถือด้วยท่าทางเพลิดเพลินจนลืมสังเกตว่ามีลูกค้าตัวน้อยยืนรอนานแล้ว

        “อูย ขอโทษจะพอดีป้ายโฆษณามันบังพี่เลยมองไม่เห็น” เธอโบ้ยไปเรื่อย อี้ถิงยิ้มอ่อน

        “ไม่เป็นไรค่ะ”

        “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า?” เธอถามลูกค้าตัวน้อย  เด็กสาวพยักหน้าก่อนหันมองไปยังโปสเตอร์สีดำแผ่นใหญ่ที่แปะอยู่ตรงทางเข้า

        “จะซื้ออันนั้นค่ะ”

        “หมายถึงโปสเตอร์เหรอ? ไม่ได้ขายนะ”

        “แล้วต้องทำยังไงคะ?”

        “หึหึ” พนักงานสาวหัวเราะ

        “รู้จักคนที่อยู่ในโปสเตอร์นั้นหรือเปล่า?”

        “รู้ค่ะ หวังอวี้เฟิง”

        “โอเค ถามเผื่อว่าจะไม่รู้ ซื้อผิดไปร้านเราไม่รับเปลี่ยนหรือคืนเงินนะ”

        “ค่ะ”

        “ถ้าเธออยากได้โปสเตอร์อันนั้น ก็ต้องซื้ออัลบั้มราคาหนึ่งร้อยหยวนก่อน”

        “ค่ะ” แม้จะเป็นยอดเงินที่มากสำหรับเด็กอายุเจ็ดขวบเช่นเธอ แต่เงินทั้งหมดที่ตั้งใจเก็บมาก็เพื่อวันนี้

        “หนึ่งร้อยหยวนได้ซีดีอัลบั้มกับโปสเตอร์รูปหวังอวี้เฟิงหนึ่งใบ ล็อตนี้ไม่มีลุ้นแฟนไซน์นะบอกไว้ก่อน”

        “ค่ะ” อี้ถิงยิ้มแก้มปริ แม้บ้านเราจะไม่มีเครื่องเล่นซีดีอะไรนั่น หรือแม้แต่แฟนไซน์ที่พี่เขาพูดอี้ถิงก็ยังไม่เข้าใจความหมาย  แต่อี้ถิงอยากจะซื้อของสักอย่างเกี่ยวกับอวี้เฟิงให้มารดาเป็นของขวัญ

        “อวี้เฟิงนี่เป็นไอดอลของทุกวัยจริง ๆ เลยนะ ขนาดเด็กประถมก็ยังชอบ” พี่สาวพูดไปตามที่คิด

        “หนูซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้หม่าม้าค่ะ พรุ่งนี้วันเกิดหม่าม้า”

        “อ่า...งั้นเหรอ หนูนี่เป็นลูกที่น่ารักจังเลยน้า”

        “เงินหนึ่งร้อยหยวนค่ะ” ในตอนที่ยื่นถุงบรรจุเหรียญแซมแบงก์ พี่สาวหน้าเค้าท์เตอร์ถึงกับหัวเราะด้วยความเอ็นดู

        “อย่าบอกนะว่าแคะเงินในกระปุกมาซื้อให้แม่น่ะ”

        “ค่ะ” อี้ถิงพยักหน้าหนักแน่น พี่สาวก้มมองเหรียญในถุงก่อนเทมันออกมานับแม้จะใช้เวลานานเกือบยี่สิบห้านาทีก็เถอะ อี้ถิงเกาะขอบเค้าท์เตอร์ลุ้นไปพร้อมกัน จนกระทั่งพี่สาวคนสวยนับเสร็จและมันครบถ้วนพอดีไม่ขาดไม่เกิน ทั้งกระปุกออมสินกระปุกน้อยของเธอมีเงินเท่านี้จริง ๆ หนึ่งร้อยหยวนสุดท้ายเธอจะขอมอบความสุขให้มารดาสักครั้ง

        “ครบพอดีไม่ขาดไม่เกิน”

        “ค่ะ” อี้ถิงอมยิ้ม พี่สาวมองหน้าเด็กน้อย มองเศษเหรียญบนเค้าท์เตอร์ที่กองพะเนินก็ถอนหายใจด้วยความเอ็นดู

        “อ่า...เห็นแก่หนูที่เป็นเด็กดี เอาแบบนี้ก็แล้วกันพี่แถมโปสเตอร์ให้อีกหนึ่งใบคนละเซตไม่ซ้ำกัน สุขสันต์วันเกิดแม่ด้วยนะ”

        หลี่อี้ถิงเดินออกจากร้านพร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนหน้า เป็นจังหวะเดียวกันเกล็ดหิมะสีขาวก็ค่อย ๆ โปรยลงมา เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเกล็ดหิมะสีขาวที่กำลังโปรยปรายลงมา  สีขาวของมันที่ตัดกับท้องฟ้าสีดำ ลอยปลิวลงผ่านตัวเธอช้า ๆ   หิมะแรกของปี...ว่ากันว่าหากอธิฐานแล้วจะสมหวังและโชคดี  ดังนั้นเด็กน้อยจึงไม่รอช้ายืนหลับตาพนมมืออธิฐานขอพรในใจ

        ขอให้หม่าม้าได้เจอหวังอวี้เฟิงตัวจริงสักครั้ง

        “เหลียนฟาง...”

        “เหลียนฟาง…”

        “……..”

        “หลี่เหลียนฟางได้ยินที่ฉันเรียกไหม?!” หัวหน้าตะโกนเสียงดังทำให้เหลียนฟางที่ยืนนิ่งมือค้ำโต๊ะถึงกับได้สติสะดุ้งเฮือก

        “คะ-ครับ” เขาหอบหายใจแรงเหมือนกับวิ่งมาเหนื่อย แต่ก็เหนื่อยจริง ๆ วันนี้ทั้งวันเหลียนฟางยังเดินเสิร์ฟอาหารลูกค้าไม่หยุดเลย ขาช่วงล่างของเขาอ่อนล้าไปหมดจนต้องขอออกมายืนพักเงียบ ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะฟุบหลับไปโดยไม่รู้ตัว

        “ตั้งใจทำงานหน่อย ไม่ใช่มาแอบยืนหลับ คนอื่นมาเห็นเข้าจะเอาไปว่าได้”

        “ขอโทษครับ”

        “อือ...รู้แล้วก็ออกไปทำงานต่อได้แล้ว”

        “ครับ” เหลียนฟางสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ รวบรวมกำลังทั้งหมดเดินออกไปทำงาน ทั้งที่ศีรษะเริ่มเอนเอียง มันหนักไปหมดเหมือนมีอะไรมากดทับไว้ แม้ปากจะเริ่มซีดแต่ก็ฝืนทำงานต่อเพื่อไม่ให้หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานว่าเอาได้

        เหลียนฟางเป็นคนแบบนี้

        เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 3.1

    ‘ทำไมหม่าม้าถึงชอบหวังอวี้เฟิงเหรอคะ?’ ‘…..’ หม่าม้าไม่เคยตอบคำถามนี้เลย แต่กลับยิ้มสวยให้กับลูกสาว ‘เป็นเพราะเขาเก่งแล้วก็หล่อใช่ไหมคะ? นั่นสิขนาดคุณครูที่โรงเรียนหนูยังชอบเขาเลย’ อี้ถิงเคยถามมารดาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเลยเธอจึงคิดว่าที่มารดาชอบอวี้เฟิงมากก็คงเพราะหล่อและเก่งมาก ๆ เหตุผลคล้ายกับแฟน ๆ คนอื่นที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มารดาของเธอชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้ครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งเงินไปสนับสนุนซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ และสิ่งเดียวที่แสดงออกถึงความรักของมารดาที่มีต่ออวี้เฟิงได้ก็คือตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ นั่น เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเค้าท์เตอร์ชำระเงินที่มีพี่พนักงานกำลังเล่นมือถือด้วยท่าทางเพลิดเพลินจนลืมสังเกตว่ามีลูกค้าตัวน้อยยืนรอนานแล้ว “อูย ขอโทษจะพอดีป้ายโฆษณามันบังพี่เลยมองไม่เห็น” เธอโบ้ยไปเรื่อย อี้ถิงยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไรค่ะ” “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า?” เธอถามลูกค้าตัวน้อย เด็กสาวพยักห

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 2.2

    “ดี ดี ดี ดีมาก แบบนั้น…หล่อมาก” ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวไม่หยุด ในเมื่อนายแบบเอเนอร์จี้ยังเต็มร้อยขนาดนี้แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตามแต่ก็ยังดูเหมือนว่า หวังอวี้เฟิง ยังไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าหล่อจัดของเขายังคงดูสดใสราวกับคนนอนเต็มอิ่มทั้งที่ลุยงานกันมาตั้งแต่เช้า “เซตสุดท้ายแล้วครับ พักก่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรครับ ถ่ายต่อได้เลยครับ” เป็นคำตอบที่ช่างภาพต้องการมากที่สุดก็คือคำนี้แหละ ในเมื่อฟีลกำลังได้หากหยุดกลางคันก็อาจทำให้พลังงานขาดช่วงและยืดเวลาทำงานออกไปอีก ดังนั้นหากนายแบบโอเคสิ่งที่ช่างภาพอย่างเขาต้องทำคือรีบกดปุ่มชัตเตอร์รัว ๆ ด้วยความว่องไวและมืออาชีพ อย่างน้อยก็มีสตาฟอีกหลายคนที่เริ่มจะง่วงเต็มที เขาคนหนึ่งแหละที่เริ่มจะคิดถึงหมอนนุ่ม ๆ แล้ว “หล่อมากเลยเนอะ” “ใช่ เมื่อกี้ตอนพักกอง ฉันขอถ่ายรูปเขาก็ให้ถ่ายนะ ใครว่าเขาหยิ่ง ฉันว่าเขาแค่นิ่งเท่านั้นแหละ” “หยิ่งอะไรกันแม่จะตีปากให้ หากหวังอวี้เฟิงหยิ่งล่ะก็ โลกนี้ก็ไม่มีใครดีแล้ว” “ใช่” แล้วสองสาวก็แปะมือกัน แน่นอนพวกเธอคือห

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 2.1

    ‘ผู้..ที่...ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น…’ เสียงเจื้อยแจ้วยานคางของเด็ก ๆ ในชั้นกำลังพากันท่องสุภาษิตจีนซึ่งหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่เด็ก ๆ ต้องทำก่อนเลิกเรียนเพื่อย้ำเตือน และให้เด็กเหล่านั้นได้ซึมซับแง่คิดที่บรรพบุรุษเคยเขียนเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ประพฤติปฏิบัติตาม อี้ถิงที่นั่งหน้าชั้นเรียนท่องมันอย่างตั้งใจ เมื่อท่องจบประโยคเสียงกริ๊งเลิกเรียนก็ดังขึ้นพอดี เด็ก ๆ ดีใจรีบเก็บกระเป๋าร่ำลาครูประจำชั้นวิ่งตึงตังออกจากห้องเรียนราวกับดีใจที่ได้เป็นอิสระหลังจากที่ต้องอดทนนั่งเรียนมาหลายชั่วโมง หลี่อี้ถิงเองก็เป็นหนึ่งในเด็ก ๆ เหล่านั้น แม้ในคาบเรียนเธอจะตั้งใจเรียนมากเพื่อไม่ให้เงินที่มารดาส่งเสียทุกหยวนเสียเปล่า แต่เมื่อได้เวลาเลิกเรียนเธอก็ไม่รีรอที่จะเก็บของใส่กระเป๋าร่ำลาคุณครูประจำชั้นแล้วก็วิ่งตึกตักออกไปจากห้องเรียนทันที ตอนเช้ามารดาจะเดินมาส่งเธอที่โรงเรียนทุกเช้า แต่เมื่อเลิกเรียนเธอต้องเดินกลับบ้านเองเพราะมารดาของเธอต้องทำงานจึงไ

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 1.2

    เอี๊ยด ประตูเหล็กบานเก่าปิดลงช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวว่าเสียงประตูเหล็กจะเสียดสีดังกันจนทำให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนฟูกสีครีมตัวเก่านั้นจะตื่นขึ้นมา “หม่าม้า” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เหลียนฟางรีบวางข้าวของในมือก่อนถลาตัวล้มลงนอนข้าง ๆ ลูกสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังสะลึมสะลือคล้ายกับจะตื่น แขนเล็ก ๆ ของลูกสาวกอดเอวคอดบางของผู้เป็นมารดาไว้แน่น เหลียนฟางนอนลูบผมเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะหลับสนิทลงอีกครั้งอย่างวางใจที่เห็นมารดากลับบ้านอย่างปลอดภัย เหลียนฟางจัดของที่ได้มาเข้าตู้เย็น อาหารที่ลูกค้ากินเหลือเถ้าแก่เองเสียดายไม่อยากทิ้งจึงอนุญาตให้พนักงานในร้านเอากลับบ้านไปกินต่อได้ แน่นอนว่าคนที่หาเช้ากินค่ำใช้แรงงานแลกเงินอันน้อยนิดอย่างพวกเขาอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด พวกเขาไม่เคยรังเกียจมัน กลับกันก็คิดบวกว่าดีเสียอีกประหยัดข้าวได้ตั้งหนึ่งมื้อเงินที่จะต้องไปซื้อข้าวมื้อนั้นเหลียนฟางก็หยอดเก็บเป็นค่าเทอมให้อี้ถิงได้แม้จะไม่มาก ก็ดีกว่าเก็บไม่ได้เลย ร่างบางจัดการอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดใส่ชุดนอนสีเทาเก่า ๆ ล้มตัวนอนข้างลูกสาวที่แสนน่า

  • กรงแค้นขังรัก [Mpreg]   บทที่ 1.1

    “จากงานประกาศรางวัลที่จบลงไปเมื่อวันก่อน ผู้ที่ได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดนิยมแห่งปี จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ หวังอวี้เฟิง นักแสดงชายยอดนิยมที่ยังคงครองตำแหน่งอันดับสูงสุดบนยอดพีระมิดมาห้าปีซ้อน…” เสียงบนจอ LCD ยักษ์ฉายภาพผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับงานประกาศรางวัลครั้งใหญ่แห่งปี บนจอใหญ่ยักษ์ฉายภาพช่วงหนึ่งที่หวังอวี้เฟิงเดินไปรับรางวัลบนเวที ใบหน้าหล่อจัดเมื่อต้องแสงไฟนับพันดวงยิ่งเสริมทำให้เขาดูเปล่งประกายเหมือนดาวจรัสแสงที่อยู่บนฟ้าสมรางวัลที่ได้หวังอวี้เฟิงยิ้มมุมปากเล็กน้อยโค้งตัวขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเขาก่อนเดินลงเวทีอย่างสง่างาม เพียงแค่ยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปากก็ทำให้แฟนคลับกรี๊ดดังลั่นได้ยินถึงดาวอังคาร นอกจากหล่อดั่งเทพบุตรที่แฟน ๆ ตั้งให้ ฉายาเสือยิ้มยากก็เป็นอีกฉายาที่ได้รับมาเช่นกันรอยยิ้มของอวี้เฟิง จึงเป็นดั่งขุมทรัพย์ที่แฟน ๆ ทั้งประเทศต่างก็โหยหา หลี่เหลียนฟางยืนมองดูจอยักษ์และยิ้มดีใจไปพร้อม ๆ กับผู้คนที่ยืนแออัดสายตาจับจ้องไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ นับร้อยดังขึ้นพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย เหลียนฟางเอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status