‘ทำไมหม่าม้าถึงชอบหวังอวี้เฟิงเหรอคะ?’
‘…..’ หม่าม้าไม่เคยตอบคำถามนี้เลย แต่กลับยิ้มสวยให้กับลูกสาว
‘เป็นเพราะเขาเก่งแล้วก็หล่อใช่ไหมคะ? นั่นสิขนาดคุณครูที่โรงเรียนหนูยังชอบเขาเลย’
อี้ถิงเคยถามมารดาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเลยเธอจึงคิดว่าที่มารดาชอบอวี้เฟิงมากก็คงเพราะหล่อและเก่งมาก ๆ เหตุผลคล้ายกับแฟน ๆ คนอื่นที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มารดาของเธอชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้ครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งเงินไปสนับสนุนซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ และสิ่งเดียวที่แสดงออกถึงความรักของมารดาที่มีต่ออวี้เฟิงได้ก็คือตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ นั่น
เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเค้าท์เตอร์ชำระเงินที่มีพี่พนักงานกำลังเล่นมือถือด้วยท่าทางเพลิดเพลินจนลืมสังเกตว่ามีลูกค้าตัวน้อยยืนรอนานแล้ว
“อูย ขอโทษจะพอดีป้ายโฆษณามันบังพี่เลยมองไม่เห็น” เธอโบ้ยไปเรื่อย อี้ถิงยิ้มอ่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า?” เธอถามลูกค้าตัวน้อย เด็กสาวพยักหน้าก่อนหันมองไปยังโปสเตอร์สีดำแผ่นใหญ่ที่แปะอยู่ตรงทางเข้า
“จะซื้ออันนั้นค่ะ”
“หมายถึงโปสเตอร์เหรอ? ไม่ได้ขายนะ”
“แล้วต้องทำยังไงคะ?”
“หึหึ” พนักงานสาวหัวเราะ
“รู้จักคนที่อยู่ในโปสเตอร์นั้นหรือเปล่า?”
“รู้ค่ะ หวังอวี้เฟิง”
“โอเค ถามเผื่อว่าจะไม่รู้ ซื้อผิดไปร้านเราไม่รับเปลี่ยนหรือคืนเงินนะ”
“ค่ะ”
“ถ้าเธออยากได้โปสเตอร์อันนั้น ก็ต้องซื้ออัลบั้มราคาหนึ่งร้อยหยวนก่อน”
“ค่ะ” แม้จะเป็นยอดเงินที่มากสำหรับเด็กอายุเจ็ดขวบเช่นเธอ แต่เงินทั้งหมดที่ตั้งใจเก็บมาก็เพื่อวันนี้
“หนึ่งร้อยหยวนได้ซีดีอัลบั้มกับโปสเตอร์รูปหวังอวี้เฟิงหนึ่งใบ ล็อตนี้ไม่มีลุ้นแฟนไซน์นะบอกไว้ก่อน”
“ค่ะ” อี้ถิงยิ้มแก้มปริ แม้บ้านเราจะไม่มีเครื่องเล่นซีดีอะไรนั่น หรือแม้แต่แฟนไซน์ที่พี่เขาพูดอี้ถิงก็ยังไม่เข้าใจความหมาย แต่อี้ถิงอยากจะซื้อของสักอย่างเกี่ยวกับอวี้เฟิงให้มารดาเป็นของขวัญ
“อวี้เฟิงนี่เป็นไอดอลของทุกวัยจริง ๆ เลยนะ ขนาดเด็กประถมก็ยังชอบ” พี่สาวพูดไปตามที่คิด
“หนูซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้หม่าม้าค่ะ พรุ่งนี้วันเกิดหม่าม้า”
“อ่า...งั้นเหรอ หนูนี่เป็นลูกที่น่ารักจังเลยน้า”
“เงินหนึ่งร้อยหยวนค่ะ” ในตอนที่ยื่นถุงบรรจุเหรียญแซมแบงก์ พี่สาวหน้าเค้าท์เตอร์ถึงกับหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“อย่าบอกนะว่าแคะเงินในกระปุกมาซื้อให้แม่น่ะ”
“ค่ะ” อี้ถิงพยักหน้าหนักแน่น พี่สาวก้มมองเหรียญในถุงก่อนเทมันออกมานับแม้จะใช้เวลานานเกือบยี่สิบห้านาทีก็เถอะ อี้ถิงเกาะขอบเค้าท์เตอร์ลุ้นไปพร้อมกัน จนกระทั่งพี่สาวคนสวยนับเสร็จและมันครบถ้วนพอดีไม่ขาดไม่เกิน ทั้งกระปุกออมสินกระปุกน้อยของเธอมีเงินเท่านี้จริง ๆ หนึ่งร้อยหยวนสุดท้ายเธอจะขอมอบความสุขให้มารดาสักครั้ง
“ครบพอดีไม่ขาดไม่เกิน”
“ค่ะ” อี้ถิงอมยิ้ม พี่สาวมองหน้าเด็กน้อย มองเศษเหรียญบนเค้าท์เตอร์ที่กองพะเนินก็ถอนหายใจด้วยความเอ็นดู
“อ่า...เห็นแก่หนูที่เป็นเด็กดี เอาแบบนี้ก็แล้วกันพี่แถมโปสเตอร์ให้อีกหนึ่งใบคนละเซตไม่ซ้ำกัน สุขสันต์วันเกิดแม่ด้วยนะ”
หลี่อี้ถิงเดินออกจากร้านพร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนหน้า เป็นจังหวะเดียวกันเกล็ดหิมะสีขาวก็ค่อย ๆ โปรยลงมา เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเกล็ดหิมะสีขาวที่กำลังโปรยปรายลงมา สีขาวของมันที่ตัดกับท้องฟ้าสีดำ ลอยปลิวลงผ่านตัวเธอช้า ๆ หิมะแรกของปี...ว่ากันว่าหากอธิฐานแล้วจะสมหวังและโชคดี ดังนั้นเด็กน้อยจึงไม่รอช้ายืนหลับตาพนมมืออธิฐานขอพรในใจ
ขอให้หม่าม้าได้เจอหวังอวี้เฟิงตัวจริงสักครั้ง
❅
“เหลียนฟาง...”
“เหลียนฟาง…”
“……..”
“หลี่เหลียนฟางได้ยินที่ฉันเรียกไหม?!” หัวหน้าตะโกนเสียงดังทำให้เหลียนฟางที่ยืนนิ่งมือค้ำโต๊ะถึงกับได้สติสะดุ้งเฮือก
“คะ-ครับ” เขาหอบหายใจแรงเหมือนกับวิ่งมาเหนื่อย แต่ก็เหนื่อยจริง ๆ วันนี้ทั้งวันเหลียนฟางยังเดินเสิร์ฟอาหารลูกค้าไม่หยุดเลย ขาช่วงล่างของเขาอ่อนล้าไปหมดจนต้องขอออกมายืนพักเงียบ ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะฟุบหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“ตั้งใจทำงานหน่อย ไม่ใช่มาแอบยืนหลับ คนอื่นมาเห็นเข้าจะเอาไปว่าได้”
“ขอโทษครับ”
“อือ...รู้แล้วก็ออกไปทำงานต่อได้แล้ว”
“ครับ” เหลียนฟางสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ รวบรวมกำลังทั้งหมดเดินออกไปทำงาน ทั้งที่ศีรษะเริ่มเอนเอียง มันหนักไปหมดเหมือนมีอะไรมากดทับไว้ แม้ปากจะเริ่มซีดแต่ก็ฝืนทำงานต่อเพื่อไม่ให้หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานว่าเอาได้
เหลียนฟางเป็นคนแบบนี้
เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ
‘ทำไมหม่าม้าถึงชอบหวังอวี้เฟิงเหรอคะ?’ ‘…..’ หม่าม้าไม่เคยตอบคำถามนี้เลย แต่กลับยิ้มสวยให้กับลูกสาว ‘เป็นเพราะเขาเก่งแล้วก็หล่อใช่ไหมคะ? นั่นสิขนาดคุณครูที่โรงเรียนหนูยังชอบเขาเลย’ อี้ถิงเคยถามมารดาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเลยเธอจึงคิดว่าที่มารดาชอบอวี้เฟิงมากก็คงเพราะหล่อและเก่งมาก ๆ เหตุผลคล้ายกับแฟน ๆ คนอื่นที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มารดาของเธอชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้ครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งเงินไปสนับสนุนซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ และสิ่งเดียวที่แสดงออกถึงความรักของมารดาที่มีต่ออวี้เฟิงได้ก็คือตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ นั่น เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเค้าท์เตอร์ชำระเงินที่มีพี่พนักงานกำลังเล่นมือถือด้วยท่าทางเพลิดเพลินจนลืมสังเกตว่ามีลูกค้าตัวน้อยยืนรอนานแล้ว “อูย ขอโทษจะพอดีป้ายโฆษณามันบังพี่เลยมองไม่เห็น” เธอโบ้ยไปเรื่อย อี้ถิงยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไรค่ะ” “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า?” เธอถามลูกค้าตัวน้อย เด็กสาวพยักห
“ดี ดี ดี ดีมาก แบบนั้น…หล่อมาก” ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวไม่หยุด ในเมื่อนายแบบเอเนอร์จี้ยังเต็มร้อยขนาดนี้แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตามแต่ก็ยังดูเหมือนว่า หวังอวี้เฟิง ยังไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าหล่อจัดของเขายังคงดูสดใสราวกับคนนอนเต็มอิ่มทั้งที่ลุยงานกันมาตั้งแต่เช้า “เซตสุดท้ายแล้วครับ พักก่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรครับ ถ่ายต่อได้เลยครับ” เป็นคำตอบที่ช่างภาพต้องการมากที่สุดก็คือคำนี้แหละ ในเมื่อฟีลกำลังได้หากหยุดกลางคันก็อาจทำให้พลังงานขาดช่วงและยืดเวลาทำงานออกไปอีก ดังนั้นหากนายแบบโอเคสิ่งที่ช่างภาพอย่างเขาต้องทำคือรีบกดปุ่มชัตเตอร์รัว ๆ ด้วยความว่องไวและมืออาชีพ อย่างน้อยก็มีสตาฟอีกหลายคนที่เริ่มจะง่วงเต็มที เขาคนหนึ่งแหละที่เริ่มจะคิดถึงหมอนนุ่ม ๆ แล้ว “หล่อมากเลยเนอะ” “ใช่ เมื่อกี้ตอนพักกอง ฉันขอถ่ายรูปเขาก็ให้ถ่ายนะ ใครว่าเขาหยิ่ง ฉันว่าเขาแค่นิ่งเท่านั้นแหละ” “หยิ่งอะไรกันแม่จะตีปากให้ หากหวังอวี้เฟิงหยิ่งล่ะก็ โลกนี้ก็ไม่มีใครดีแล้ว” “ใช่” แล้วสองสาวก็แปะมือกัน แน่นอนพวกเธอคือห
‘ผู้..ที่...ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น…’ เสียงเจื้อยแจ้วยานคางของเด็ก ๆ ในชั้นกำลังพากันท่องสุภาษิตจีนซึ่งหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่เด็ก ๆ ต้องทำก่อนเลิกเรียนเพื่อย้ำเตือน และให้เด็กเหล่านั้นได้ซึมซับแง่คิดที่บรรพบุรุษเคยเขียนเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ประพฤติปฏิบัติตาม อี้ถิงที่นั่งหน้าชั้นเรียนท่องมันอย่างตั้งใจ เมื่อท่องจบประโยคเสียงกริ๊งเลิกเรียนก็ดังขึ้นพอดี เด็ก ๆ ดีใจรีบเก็บกระเป๋าร่ำลาครูประจำชั้นวิ่งตึงตังออกจากห้องเรียนราวกับดีใจที่ได้เป็นอิสระหลังจากที่ต้องอดทนนั่งเรียนมาหลายชั่วโมง หลี่อี้ถิงเองก็เป็นหนึ่งในเด็ก ๆ เหล่านั้น แม้ในคาบเรียนเธอจะตั้งใจเรียนมากเพื่อไม่ให้เงินที่มารดาส่งเสียทุกหยวนเสียเปล่า แต่เมื่อได้เวลาเลิกเรียนเธอก็ไม่รีรอที่จะเก็บของใส่กระเป๋าร่ำลาคุณครูประจำชั้นแล้วก็วิ่งตึกตักออกไปจากห้องเรียนทันที ตอนเช้ามารดาจะเดินมาส่งเธอที่โรงเรียนทุกเช้า แต่เมื่อเลิกเรียนเธอต้องเดินกลับบ้านเองเพราะมารดาของเธอต้องทำงานจึงไ
เอี๊ยด ประตูเหล็กบานเก่าปิดลงช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวว่าเสียงประตูเหล็กจะเสียดสีดังกันจนทำให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนฟูกสีครีมตัวเก่านั้นจะตื่นขึ้นมา “หม่าม้า” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เหลียนฟางรีบวางข้าวของในมือก่อนถลาตัวล้มลงนอนข้าง ๆ ลูกสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังสะลึมสะลือคล้ายกับจะตื่น แขนเล็ก ๆ ของลูกสาวกอดเอวคอดบางของผู้เป็นมารดาไว้แน่น เหลียนฟางนอนลูบผมเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะหลับสนิทลงอีกครั้งอย่างวางใจที่เห็นมารดากลับบ้านอย่างปลอดภัย เหลียนฟางจัดของที่ได้มาเข้าตู้เย็น อาหารที่ลูกค้ากินเหลือเถ้าแก่เองเสียดายไม่อยากทิ้งจึงอนุญาตให้พนักงานในร้านเอากลับบ้านไปกินต่อได้ แน่นอนว่าคนที่หาเช้ากินค่ำใช้แรงงานแลกเงินอันน้อยนิดอย่างพวกเขาอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด พวกเขาไม่เคยรังเกียจมัน กลับกันก็คิดบวกว่าดีเสียอีกประหยัดข้าวได้ตั้งหนึ่งมื้อเงินที่จะต้องไปซื้อข้าวมื้อนั้นเหลียนฟางก็หยอดเก็บเป็นค่าเทอมให้อี้ถิงได้แม้จะไม่มาก ก็ดีกว่าเก็บไม่ได้เลย ร่างบางจัดการอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดใส่ชุดนอนสีเทาเก่า ๆ ล้มตัวนอนข้างลูกสาวที่แสนน่า
“จากงานประกาศรางวัลที่จบลงไปเมื่อวันก่อน ผู้ที่ได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดนิยมแห่งปี จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ หวังอวี้เฟิง นักแสดงชายยอดนิยมที่ยังคงครองตำแหน่งอันดับสูงสุดบนยอดพีระมิดมาห้าปีซ้อน…” เสียงบนจอ LCD ยักษ์ฉายภาพผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับงานประกาศรางวัลครั้งใหญ่แห่งปี บนจอใหญ่ยักษ์ฉายภาพช่วงหนึ่งที่หวังอวี้เฟิงเดินไปรับรางวัลบนเวที ใบหน้าหล่อจัดเมื่อต้องแสงไฟนับพันดวงยิ่งเสริมทำให้เขาดูเปล่งประกายเหมือนดาวจรัสแสงที่อยู่บนฟ้าสมรางวัลที่ได้หวังอวี้เฟิงยิ้มมุมปากเล็กน้อยโค้งตัวขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเขาก่อนเดินลงเวทีอย่างสง่างาม เพียงแค่ยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปากก็ทำให้แฟนคลับกรี๊ดดังลั่นได้ยินถึงดาวอังคาร นอกจากหล่อดั่งเทพบุตรที่แฟน ๆ ตั้งให้ ฉายาเสือยิ้มยากก็เป็นอีกฉายาที่ได้รับมาเช่นกันรอยยิ้มของอวี้เฟิง จึงเป็นดั่งขุมทรัพย์ที่แฟน ๆ ทั้งประเทศต่างก็โหยหา หลี่เหลียนฟางยืนมองดูจอยักษ์และยิ้มดีใจไปพร้อม ๆ กับผู้คนที่ยืนแออัดสายตาจับจ้องไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ นับร้อยดังขึ้นพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย เหลียนฟางเอง