“ดี ดี ดี ดีมาก แบบนั้น…หล่อมาก”
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด
ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวไม่หยุด ในเมื่อนายแบบเอเนอร์จี้ยังเต็มร้อยขนาดนี้แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตามแต่ก็ยังดูเหมือนว่า หวังอวี้เฟิง ยังไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าหล่อจัดของเขายังคงดูสดใสราวกับคนนอนเต็มอิ่มทั้งที่ลุยงานกันมาตั้งแต่เช้า
“เซตสุดท้ายแล้วครับ พักก่อนไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ ถ่ายต่อได้เลยครับ”
เป็นคำตอบที่ช่างภาพต้องการมากที่สุดก็คือคำนี้แหละ ในเมื่อฟีลกำลังได้หากหยุดกลางคันก็อาจทำให้พลังงานขาดช่วงและยืดเวลาทำงานออกไปอีก ดังนั้นหากนายแบบโอเคสิ่งที่ช่างภาพอย่างเขาต้องทำคือรีบกดปุ่มชัตเตอร์รัว ๆ ด้วยความว่องไวและมืออาชีพ อย่างน้อยก็มีสตาฟอีกหลายคนที่เริ่มจะง่วงเต็มที เขาคนหนึ่งแหละที่เริ่มจะคิดถึงหมอนนุ่ม ๆ แล้ว
“หล่อมากเลยเนอะ”
“ใช่ เมื่อกี้ตอนพักกอง ฉันขอถ่ายรูปเขาก็ให้ถ่ายนะ ใครว่าเขาหยิ่ง ฉันว่าเขาแค่นิ่งเท่านั้นแหละ”
“หยิ่งอะไรกันแม่จะตีปากให้ หากหวังอวี้เฟิงหยิ่งล่ะก็ โลกนี้ก็ไม่มีใครดีแล้ว”
“ใช่” แล้วสองสาวก็แปะมือกัน แน่นอนพวกเธอคือหนึ่งในแฟนคลับพิทักษ์หวังอวี้เฟิง แม้ในช่วงเวลางานจะต้องเก็บอาการแต่เชื่อเถอะหากมีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ สองคนนี้จะเป็นหนึ่งในชาวเน็ตที่ช่วยแก้ข่าวให้คนแรก ๆ เลย
“ดูสิไม่ว่าจะใส่ชุดไหนก็หล่อ เท่ ดูดีไปหมด เซตสุดท้ายทั้งที่เป็นชุดสบาย ๆ แท้ ๆ ก็ยังหล่อขนาดนี้ เฮ้อ...ไม่อยากเป็นแม่แล้ว อยากเป็นเมีย”
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังขึ้นข้าง ๆ สองสาวถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้จัดการของอวี้เฟิงถึงกับหัวหดกันทันที
“พูดอะไรก็ระวังหน่อย นี่สถานที่ทำงานไม่ใช่ลานแฟนคลับ”
“ระ...รับทราบแล้วค่ะ ต่อไปจะระวังให้มากค่ะ”
“อีกนิดก็จะถ่ายเสร็จแล้ว มีอะไรต้องทำก็ไปทำซะ” ผู้จัดการสาวมาดเท่หลิวเย่ซินเอ่ยสั่งพวกเธอก็รีบแยกย้ายกันไปทำงานทันที หลิวเย่ซินมองนักแสดงหนุ่มที่เธอดูแลด้วยสายตานิ่ง
‘หวังอวี้เฟิง’ นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งผู้ที่เพิ่งกวาดรางวัลนักแสดงยอดนิยมติดต่อกันห้าปีซ้อนที่จัดขึ้นกลางกรุงปักกิ่งเมื่อหลายวันก่อนมาครอง มีแค่เขาคนเดียวที่สามารถทำเงินให้บริษัทในปีแรกได้ถึงสองร้อยล้านหยวนหลังจากที่เปิดตัวเดบิวต์ในฐานะนักร้องเดี่ยว การเปิดตัวของเขาสร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งประเทศ ทั้งใบหน้าหล่อจัดราวกับเทพเซียน เบื้องหลังฐานะทางบ้านที่รู้แล้วถึงกับต้องอ้าปากค้าง เด็กหนุ่มที่มีฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยเข้าขั้นมหาเศรษฐีแต่กลับเดินตามความฝันด้วยการประกวดร้องและเต้นจนได้อันดับหนึ่ง เขาเดบิวต์ในฐานะนักร้องเพียงแค่ครึ่งปี หลังจากนั้นก็ลงเล่นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ทันที ชายหนุ่มที่คุณคิดว่าใส่ชุดธรรมดายังดูเท่แล้ว เมื่อสวมชุดโบราณทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือเทพเซียนลงมาจุติ และยิ่งทำให้เขาดังเป็นพลุแตกหลังจากที่ละครออนแอร์ได้เพียงห้าตอน หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่ามูลค่าในตัวเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานหวังอวี้เฟิงก็ได้เป็นแอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ดังระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้แบรนด์โกลบอลที่ถืออยู่ในมือก็เกือบสิบแบรนด์ไม่รวมแบรนด์เล็กใหญ่ในประเทศอีกหลายสิบตัว ชื่อเสียงของเขาดังขึ้นจากที่อยู่อันดับหลักร้อยก็ทะยานขึ้นสู่เบอร์หนึ่งใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปีเจ็ดเดือน และยังคงอยู่ตรงนั้นจนถึงทุกวันนี้ชนิดที่ว่าไม่มีใครเทียบได้ นับว่าเป็นดาวรุ่งน้องใหม่มาแรงแซงดาวทุกดวงที่เคยมีมาก่อน
เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง
แต่โลกใบนี้มีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด
แฟนคลับของเขามีมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ แน่นอนว่าแอนตี้แฟนที่ไม่ชอบเขาก็มีมากมายเช่นกัน บ้างก็ว่าเขาใช้อิทธิพลของครอบครัวเข้ามาในวงการ บ้างก็ว่าเขาเป็นมาเฟียใช้อำนาจซื้ออันดับ แย่งโฆษณาของดาราคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ซึ่งเธอบอกเลยว่าไม่จริง
หวังอวี้เฟิงคนนี้มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ทำอะไรต่ำ ๆ แบบนั้น กระแสนิยมของเขาที่ได้มาเป็นของจริง100% เด็กหนุ่มที่มาพร้อมกับความสามารถ หน้าตาอันหล่อเหลาโดยธรรมชาติ พรสวรรค์ในเกือบทุกด้าน
หายากแล้วในโลกนี้
❅
ทันทีที่ประตูรถแวนสีดำปิดลง หวังอวี้เฟิงนั่งไขว่ห้างเท้าศอกลงกับที่พักแขนด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ใช้พลังงานมาทั้งวัน
“พรุ่งนี้มีถ่ายโฆษณาตอนเก้าโมง ฉันจะให้คนขับมารับนายตอนหกโมงครึ่ง บ่ายสามมีฟิตติ้งชุดละครเรื่องใหม่ชุดที่ใช้ฟิตติ้งสี่สิบชุด น่าจะเสร็จตีสามหรือไม่ก็เช้าเลย”
“….”
“ฟังอยู่หรือเปล่าอวี้เฟิง?” เย่ซินกึ่งดุเล็กน้อย
“ไม่ได้หลับ ฟังอยู่” ตอบกลับด้วยเสียงห้วน ๆ
“รายการวาไรตี้ LOL ช่องตงฟางติดต่อมา นายสนใจจะไปไหม?”
“ให้ทำอะไรบ้าง?”
“เล่นเกมกับแขกรับเชิญ ทายคำถามอะไรเทือกนี้”
“อืม…”
“อืมนี่คือ?”
“ขอดูอารมณ์ก่อน”
“ถ้านายไปทางรายการให้ค่าตัวเพิ่มอีกสิบเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงมากกว่าจางเฉิงคู่ปรับนายอีก”
“อืม” เขาตอบคำถามทั้งที่ยังหลับตา
“ทางรายการอยากให้นายไป ขอร้องมาเลยแหละ ช่วงนี้เรตติ้งรายการไม่ค่อยดีเลยอยากได้ตัวนาย”
“สามสิบเปอร์เซ็นต์” เขาตอบลอย ๆ
“หืม?” เย่ซินขมวดคิ้ว
“ผมต้องได้มากกว่าจางเฉิงสามสิบเปอร์เซ็นต์”
“อืม เข้าใจแล้ว” เธอพยักหน้ารับ สำหรับรายการที่เรตติ้งตกแม้จะเป็นจำนวนเงินที่สูงลิบ แต่เพื่อกู้สถานการณ์ในตอนนี้ แพงแค่ไหนก็คงต้องยอม
อีกทั้งได้ค่าตัวมากกว่าจางเฉิงนักแสดงหนุ่มจอมหยิ่งผยองคู่ปรับตลอดกาลของอวี้เฟิง
โลกออนไลน์ต้องร้อนเป็นไฟแน่
❅
เตียงสีดำยวบลงตามน้ำหนักที่เจ้าของร่างสูงทิ้งลงมา หวังอวี้เฟิงนอนหลับตาท่ามกลางความมืด ไฟในห้องไม่ได้เปิดสักดวงแต่แสงไฟจากตึกสูงเหล่านั้นต่างหากที่สาดส่องเข้ามา เขานอนพักตาหลังจากที่ใช้แรงมาทั้งวัน เหนื่อยแล้วก็หมดพลัง ตลอดเวลาห้าปีที่เข้าวงการ เขาตั้งใจทำงานอย่างหนัก เต็มที่กับทุกงานไม่เคยละเลยแม้เพียงนิด แม้เงินในบัญชีที่ไหลเข้ามาจะมากมายจนนับศูนย์แทบไม่ไหวและดูเหมือนว่ามันจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด แต่นั่นไม่ได้ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงเลยแม้แต่นิด
หวังอวี้เฟิงลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดร่างสูงสง่าเดินไปหยุดตรงหน้ากระจกบานใหญ่ที่เห็นตึกรามบ้านช่องข้างล่าง มองไปทางไหนก็เห็นบิลบอร์ดหน้าตัวเองอยู่บนนั้น
อวี้เฟิงมองมันด้วยสายตาว่างเปล่าและเย็นชาเกินคาดเดาความคิดได้
☽
‘ทำไมหม่าม้าถึงชอบหวังอวี้เฟิงเหรอคะ?’ ‘…..’ หม่าม้าไม่เคยตอบคำถามนี้เลย แต่กลับยิ้มสวยให้กับลูกสาว ‘เป็นเพราะเขาเก่งแล้วก็หล่อใช่ไหมคะ? นั่นสิขนาดคุณครูที่โรงเรียนหนูยังชอบเขาเลย’ อี้ถิงเคยถามมารดาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเลยเธอจึงคิดว่าที่มารดาชอบอวี้เฟิงมากก็คงเพราะหล่อและเก่งมาก ๆ เหตุผลคล้ายกับแฟน ๆ คนอื่นที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มารดาของเธอชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้ครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งเงินไปสนับสนุนซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ และสิ่งเดียวที่แสดงออกถึงความรักของมารดาที่มีต่ออวี้เฟิงได้ก็คือตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ นั่น เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเค้าท์เตอร์ชำระเงินที่มีพี่พนักงานกำลังเล่นมือถือด้วยท่าทางเพลิดเพลินจนลืมสังเกตว่ามีลูกค้าตัวน้อยยืนรอนานแล้ว “อูย ขอโทษจะพอดีป้ายโฆษณามันบังพี่เลยมองไม่เห็น” เธอโบ้ยไปเรื่อย อี้ถิงยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไรค่ะ” “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า?” เธอถามลูกค้าตัวน้อย เด็กสาวพยักห
“ดี ดี ดี ดีมาก แบบนั้น…หล่อมาก” ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวไม่หยุด ในเมื่อนายแบบเอเนอร์จี้ยังเต็มร้อยขนาดนี้แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตามแต่ก็ยังดูเหมือนว่า หวังอวี้เฟิง ยังไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าหล่อจัดของเขายังคงดูสดใสราวกับคนนอนเต็มอิ่มทั้งที่ลุยงานกันมาตั้งแต่เช้า “เซตสุดท้ายแล้วครับ พักก่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรครับ ถ่ายต่อได้เลยครับ” เป็นคำตอบที่ช่างภาพต้องการมากที่สุดก็คือคำนี้แหละ ในเมื่อฟีลกำลังได้หากหยุดกลางคันก็อาจทำให้พลังงานขาดช่วงและยืดเวลาทำงานออกไปอีก ดังนั้นหากนายแบบโอเคสิ่งที่ช่างภาพอย่างเขาต้องทำคือรีบกดปุ่มชัตเตอร์รัว ๆ ด้วยความว่องไวและมืออาชีพ อย่างน้อยก็มีสตาฟอีกหลายคนที่เริ่มจะง่วงเต็มที เขาคนหนึ่งแหละที่เริ่มจะคิดถึงหมอนนุ่ม ๆ แล้ว “หล่อมากเลยเนอะ” “ใช่ เมื่อกี้ตอนพักกอง ฉันขอถ่ายรูปเขาก็ให้ถ่ายนะ ใครว่าเขาหยิ่ง ฉันว่าเขาแค่นิ่งเท่านั้นแหละ” “หยิ่งอะไรกันแม่จะตีปากให้ หากหวังอวี้เฟิงหยิ่งล่ะก็ โลกนี้ก็ไม่มีใครดีแล้ว” “ใช่” แล้วสองสาวก็แปะมือกัน แน่นอนพวกเธอคือห
‘ผู้..ที่...ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น…’ เสียงเจื้อยแจ้วยานคางของเด็ก ๆ ในชั้นกำลังพากันท่องสุภาษิตจีนซึ่งหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่เด็ก ๆ ต้องทำก่อนเลิกเรียนเพื่อย้ำเตือน และให้เด็กเหล่านั้นได้ซึมซับแง่คิดที่บรรพบุรุษเคยเขียนเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ประพฤติปฏิบัติตาม อี้ถิงที่นั่งหน้าชั้นเรียนท่องมันอย่างตั้งใจ เมื่อท่องจบประโยคเสียงกริ๊งเลิกเรียนก็ดังขึ้นพอดี เด็ก ๆ ดีใจรีบเก็บกระเป๋าร่ำลาครูประจำชั้นวิ่งตึงตังออกจากห้องเรียนราวกับดีใจที่ได้เป็นอิสระหลังจากที่ต้องอดทนนั่งเรียนมาหลายชั่วโมง หลี่อี้ถิงเองก็เป็นหนึ่งในเด็ก ๆ เหล่านั้น แม้ในคาบเรียนเธอจะตั้งใจเรียนมากเพื่อไม่ให้เงินที่มารดาส่งเสียทุกหยวนเสียเปล่า แต่เมื่อได้เวลาเลิกเรียนเธอก็ไม่รีรอที่จะเก็บของใส่กระเป๋าร่ำลาคุณครูประจำชั้นแล้วก็วิ่งตึกตักออกไปจากห้องเรียนทันที ตอนเช้ามารดาจะเดินมาส่งเธอที่โรงเรียนทุกเช้า แต่เมื่อเลิกเรียนเธอต้องเดินกลับบ้านเองเพราะมารดาของเธอต้องทำงานจึงไ
เอี๊ยด ประตูเหล็กบานเก่าปิดลงช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวว่าเสียงประตูเหล็กจะเสียดสีดังกันจนทำให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนฟูกสีครีมตัวเก่านั้นจะตื่นขึ้นมา “หม่าม้า” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เหลียนฟางรีบวางข้าวของในมือก่อนถลาตัวล้มลงนอนข้าง ๆ ลูกสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังสะลึมสะลือคล้ายกับจะตื่น แขนเล็ก ๆ ของลูกสาวกอดเอวคอดบางของผู้เป็นมารดาไว้แน่น เหลียนฟางนอนลูบผมเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะหลับสนิทลงอีกครั้งอย่างวางใจที่เห็นมารดากลับบ้านอย่างปลอดภัย เหลียนฟางจัดของที่ได้มาเข้าตู้เย็น อาหารที่ลูกค้ากินเหลือเถ้าแก่เองเสียดายไม่อยากทิ้งจึงอนุญาตให้พนักงานในร้านเอากลับบ้านไปกินต่อได้ แน่นอนว่าคนที่หาเช้ากินค่ำใช้แรงงานแลกเงินอันน้อยนิดอย่างพวกเขาอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด พวกเขาไม่เคยรังเกียจมัน กลับกันก็คิดบวกว่าดีเสียอีกประหยัดข้าวได้ตั้งหนึ่งมื้อเงินที่จะต้องไปซื้อข้าวมื้อนั้นเหลียนฟางก็หยอดเก็บเป็นค่าเทอมให้อี้ถิงได้แม้จะไม่มาก ก็ดีกว่าเก็บไม่ได้เลย ร่างบางจัดการอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดใส่ชุดนอนสีเทาเก่า ๆ ล้มตัวนอนข้างลูกสาวที่แสนน่า
“จากงานประกาศรางวัลที่จบลงไปเมื่อวันก่อน ผู้ที่ได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดนิยมแห่งปี จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ หวังอวี้เฟิง นักแสดงชายยอดนิยมที่ยังคงครองตำแหน่งอันดับสูงสุดบนยอดพีระมิดมาห้าปีซ้อน…” เสียงบนจอ LCD ยักษ์ฉายภาพผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับงานประกาศรางวัลครั้งใหญ่แห่งปี บนจอใหญ่ยักษ์ฉายภาพช่วงหนึ่งที่หวังอวี้เฟิงเดินไปรับรางวัลบนเวที ใบหน้าหล่อจัดเมื่อต้องแสงไฟนับพันดวงยิ่งเสริมทำให้เขาดูเปล่งประกายเหมือนดาวจรัสแสงที่อยู่บนฟ้าสมรางวัลที่ได้หวังอวี้เฟิงยิ้มมุมปากเล็กน้อยโค้งตัวขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเขาก่อนเดินลงเวทีอย่างสง่างาม เพียงแค่ยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปากก็ทำให้แฟนคลับกรี๊ดดังลั่นได้ยินถึงดาวอังคาร นอกจากหล่อดั่งเทพบุตรที่แฟน ๆ ตั้งให้ ฉายาเสือยิ้มยากก็เป็นอีกฉายาที่ได้รับมาเช่นกันรอยยิ้มของอวี้เฟิง จึงเป็นดั่งขุมทรัพย์ที่แฟน ๆ ทั้งประเทศต่างก็โหยหา หลี่เหลียนฟางยืนมองดูจอยักษ์และยิ้มดีใจไปพร้อม ๆ กับผู้คนที่ยืนแออัดสายตาจับจ้องไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ นับร้อยดังขึ้นพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย เหลียนฟางเอง