“จากงานประกาศรางวัลที่จบลงไปเมื่อวันก่อน ผู้ที่ได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดนิยมแห่งปี จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ หวังอวี้เฟิง นักแสดงชายยอดนิยมที่ยังคงครองตำแหน่งอันดับสูงสุดบนยอดพีระมิดมาห้าปีซ้อน…”
เสียงบนจอ LCD ยักษ์ฉายภาพผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับงานประกาศรางวัลครั้งใหญ่แห่งปี บนจอใหญ่ยักษ์ฉายภาพช่วงหนึ่งที่หวังอวี้เฟิงเดินไปรับรางวัลบนเวที ใบหน้าหล่อจัดเมื่อต้องแสงไฟนับพันดวงยิ่งเสริมทำให้เขาดูเปล่งประกายเหมือนดาวจรัสแสงที่อยู่บนฟ้าสมรางวัลที่ได้
หวังอวี้เฟิงยิ้มมุมปากเล็กน้อยโค้งตัวขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเขาก่อนเดินลงเวทีอย่างสง่างาม เพียงแค่ยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปากก็ทำให้แฟนคลับกรี๊ดดังลั่นได้ยินถึงดาวอังคาร นอกจากหล่อดั่งเทพบุตรที่แฟน ๆ ตั้งให้ ฉายาเสือยิ้มยากก็เป็นอีกฉายาที่ได้รับมาเช่นกันรอยยิ้มของอวี้เฟิง จึงเป็นดั่งขุมทรัพย์ที่แฟน ๆ ทั้งประเทศต่างก็โหยหา
หลี่เหลียนฟางยืนมองดูจอยักษ์และยิ้มดีใจไปพร้อม ๆ กับผู้คนที่ยืนแออัดสายตาจับจ้องไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ นับร้อยดังขึ้นพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย เหลียนฟางเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ส่งเสียงยินดีในใจ เขาอยากจะตะโกนเรียกชื่อหวังอวี้เฟิงดัง ๆ สักครั้ง แต่ทำได้แค่เก็บเสียงนั้นไว้ตรงอกข้างซ้าย
หลี่เหลียนฟางก้มมองนาฬิกาสีน้ำตาลเรือนเก่าบนข้อมือที่บิดาซื้อให้พลางถอนหายใจสลับเงยหน้ามองใบหน้าของ หวังอวี้เฟิงบนจออีกครั้ง ยิ้มให้เขาทั้งที่เขาไม่รับรู้ก่อนเดินออกมาจากฝูงชนคลาคล่ำเหล่านั้นเพื่อไปทำงานแลกกับเงินเลี้ยงชีพ
คล้อยหลังจอยักษ์เหลียนฟางอมยิ้มกับตัวเองเพียงลำพังที่ยังคงเห็นหวังอวี้เฟิงประสบความสำเร็จพาตัวเองไปอยู่จุดสูงสุด กลายเป็นดาวจรัสฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่
เหมือนที่เขาเคยฝันไว้ในครั้งนั้น
❅
ปลายเดือนตุลาคมอุณหภูมิลดลงเรื่อย ๆ กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัวในไม่ช้า เหลียนฟางซุกมือเข้ากับเสื้อโค้ทตัวใหญ่พาตัวเองวิ่งเข้าด้านหลังภัตตาคารที่ตัวเองทำงานอยู่ที่นั่น
เหลียนฟางทำงานที่นี่มาได้สามปีแล้ว อย่างว่า...คนที่เรียนจบมีวุฒิแค่ชั้นมอต้นจะไปทำงานอะไรดี ๆ ได้นอกจากงานที่ใช้แรงงานแลกเงิน เหลียนฟางรู้ดีเลยจำนนกับชะตาชีวิตทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่โดยไม่รู้สึกท้อแท้ อย่างน้อยงานที่ทำอยู่ก็พอเลี้ยงชีพประทังชีวิต อีกทั้งเงินทิปบางส่วนที่เจียดแบ่งมาถึงเขาก็ยังเป็นค่าขนมให้อี้ถิงติดตัวไปโรงเรียนเมื่อคิดถึงหน้าลูกสาวเหลียนฟางก็ยิ้มออกมา
งานที่เหลียนฟางทำก็ไม่มีอะไรยาก เขาเป็นพนักงานเสิร์ฟในภัตตาคารห้าดาวที่เปิดตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต้องเป็นพวกคนรวย กระเป๋าหนัก มีอันจะกิน เพราะนอกจากที่นี่จะใช้วัตถุดิบชั้นเลิศแล้ว ราคาอาหารก็สูงลิ่วตามเช่นกัน หน้าที่ส่วนใหญ่ของเหลียนฟางคืองานเสิร์ฟอาหารและเก็บจานที่ลูกค้ากินแล้วไปยังหลังครัว เหลียนฟางได้ทำกะบ่ายเข้างานตั้งแต่เที่ยงวันเลิกงานอีกทีสี่ทุ่ม หากอยากได้เงินเพิ่มก็ต้องทำโอทีเพิ่มเอา แต่เหลียนฟางก็ยอมเหนื่อยต่ออีกสองชั่วโมงเพื่อแลกกับเงินที่ได้มาเป็นราคาเหมาจ่ายเพียงแค่สามสิบหยวนเหลียนฟางก็ยินดี
“ขอบคุณเถ้าแก่” เหลียนฟางก้มหัวขอบคุณเถ้าแก่พร้อมกับรับเงินค่าล่วงเวลาสองชั่วโมงแม้จะเป็นเงินแค่สามสิบหยวนซื้ออะไรไม่ได้มาก แต่หากรวมกันหลาย ๆ วันแล้วก็กลายเป็นเงินก้อนเล็ก ๆ ได้เหมือนกัน
“ข้าวผัดกุนเชียงเป๋าฮื้อกับปลากะพงต้มซีอิ๊ว” หยุนปิงเพื่อนร่วมงานยกถุงสีดำที่บรรจุอาหารยื่นให้เหลียนฟาง เขารับมันมาพร้อมรอยยิ้มแน่นอนว่าอาหารที่ยื่นมาให้นั้นเป็นอาหารที่ลูกค้ากินเหลือ
“ลูกค้าสงสัยไดเอทสั่งมาไม่ค่อยกิน เหลือซะเต็มจานเลย อร่อยจะตายแพงก็แพงเสียดายแย่”
หยุนปิงเสียดายเงินแทน พวกคนรวยกินทิ้งกินขว้างไม่รู้จักคุณค่าของเงิน น่าเสียดาย เหลียนฟางอมยิ้ม
“แล้วนายได้อะไรไปกินล่ะ?”
“ผัดถั่วมะม่วงหิมพานต์น่ะ”
“แบบนี้จะอิ่มเหรอเอาของฉันไปไหม?” เหลียนฟางทำท่าจะแบ่งข้าวให้แต่หยุนปิงส่ายหน้าไปมา
“ไม่เป็นไร ฉันท้องเดียวกินแค่นี้ก็อิ่มแล้วแต่นายตั้งสองท้องเอาไปแบ่งอี้ถิงกินเถอะ”
“แน่ใจนะ?”
“อื้อ” หยุนปิงยิ้ม
“ดึกแล้ว ฉันกลับก่อนนะ อี้ถิงคงเป็นห่วงแล้ว”
หยุนปิงมองร่างของเหลียนฟางเดินออกไปท่ามกลางอากาศที่เย็นลงก็พลางถอนหายใจ ทั้งที่ตัวเล็กเพียงแค่นั้น มือเล็ก ๆ ของเหลียนฟางก็บอบบางยิ่งกว่าเขาแต่ทำไมหัวใจถึงได้แกร่งแบบนี้นะ หยุนปิงชื่นชมในใจ
❅
‘ทำไมหม่าม้าถึงชอบหวังอวี้เฟิงเหรอคะ?’ ‘…..’ หม่าม้าไม่เคยตอบคำถามนี้เลย แต่กลับยิ้มสวยให้กับลูกสาว ‘เป็นเพราะเขาเก่งแล้วก็หล่อใช่ไหมคะ? นั่นสิขนาดคุณครูที่โรงเรียนหนูยังชอบเขาเลย’ อี้ถิงเคยถามมารดาอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเลยเธอจึงคิดว่าที่มารดาชอบอวี้เฟิงมากก็คงเพราะหล่อและเก่งมาก ๆ เหตุผลคล้ายกับแฟน ๆ คนอื่นที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มารดาของเธอชอบหวังอวี้เฟิงมาก แม้ครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งเงินไปสนับสนุนซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ได้ และสิ่งเดียวที่แสดงออกถึงความรักของมารดาที่มีต่ออวี้เฟิงได้ก็คือตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ๆ นั่น เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเค้าท์เตอร์ชำระเงินที่มีพี่พนักงานกำลังเล่นมือถือด้วยท่าทางเพลิดเพลินจนลืมสังเกตว่ามีลูกค้าตัวน้อยยืนรอนานแล้ว “อูย ขอโทษจะพอดีป้ายโฆษณามันบังพี่เลยมองไม่เห็น” เธอโบ้ยไปเรื่อย อี้ถิงยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไรค่ะ” “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า?” เธอถามลูกค้าตัวน้อย เด็กสาวพยักห
“ดี ดี ดี ดีมาก แบบนั้น…หล่อมาก” ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวไม่หยุด ในเมื่อนายแบบเอเนอร์จี้ยังเต็มร้อยขนาดนี้แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วก็ตามแต่ก็ยังดูเหมือนว่า หวังอวี้เฟิง ยังไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าหล่อจัดของเขายังคงดูสดใสราวกับคนนอนเต็มอิ่มทั้งที่ลุยงานกันมาตั้งแต่เช้า “เซตสุดท้ายแล้วครับ พักก่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรครับ ถ่ายต่อได้เลยครับ” เป็นคำตอบที่ช่างภาพต้องการมากที่สุดก็คือคำนี้แหละ ในเมื่อฟีลกำลังได้หากหยุดกลางคันก็อาจทำให้พลังงานขาดช่วงและยืดเวลาทำงานออกไปอีก ดังนั้นหากนายแบบโอเคสิ่งที่ช่างภาพอย่างเขาต้องทำคือรีบกดปุ่มชัตเตอร์รัว ๆ ด้วยความว่องไวและมืออาชีพ อย่างน้อยก็มีสตาฟอีกหลายคนที่เริ่มจะง่วงเต็มที เขาคนหนึ่งแหละที่เริ่มจะคิดถึงหมอนนุ่ม ๆ แล้ว “หล่อมากเลยเนอะ” “ใช่ เมื่อกี้ตอนพักกอง ฉันขอถ่ายรูปเขาก็ให้ถ่ายนะ ใครว่าเขาหยิ่ง ฉันว่าเขาแค่นิ่งเท่านั้นแหละ” “หยิ่งอะไรกันแม่จะตีปากให้ หากหวังอวี้เฟิงหยิ่งล่ะก็ โลกนี้ก็ไม่มีใครดีแล้ว” “ใช่” แล้วสองสาวก็แปะมือกัน แน่นอนพวกเธอคือห
‘ผู้..ที่...ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น…’ เสียงเจื้อยแจ้วยานคางของเด็ก ๆ ในชั้นกำลังพากันท่องสุภาษิตจีนซึ่งหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่เด็ก ๆ ต้องทำก่อนเลิกเรียนเพื่อย้ำเตือน และให้เด็กเหล่านั้นได้ซึมซับแง่คิดที่บรรพบุรุษเคยเขียนเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ประพฤติปฏิบัติตาม อี้ถิงที่นั่งหน้าชั้นเรียนท่องมันอย่างตั้งใจ เมื่อท่องจบประโยคเสียงกริ๊งเลิกเรียนก็ดังขึ้นพอดี เด็ก ๆ ดีใจรีบเก็บกระเป๋าร่ำลาครูประจำชั้นวิ่งตึงตังออกจากห้องเรียนราวกับดีใจที่ได้เป็นอิสระหลังจากที่ต้องอดทนนั่งเรียนมาหลายชั่วโมง หลี่อี้ถิงเองก็เป็นหนึ่งในเด็ก ๆ เหล่านั้น แม้ในคาบเรียนเธอจะตั้งใจเรียนมากเพื่อไม่ให้เงินที่มารดาส่งเสียทุกหยวนเสียเปล่า แต่เมื่อได้เวลาเลิกเรียนเธอก็ไม่รีรอที่จะเก็บของใส่กระเป๋าร่ำลาคุณครูประจำชั้นแล้วก็วิ่งตึกตักออกไปจากห้องเรียนทันที ตอนเช้ามารดาจะเดินมาส่งเธอที่โรงเรียนทุกเช้า แต่เมื่อเลิกเรียนเธอต้องเดินกลับบ้านเองเพราะมารดาของเธอต้องทำงานจึงไ
เอี๊ยด ประตูเหล็กบานเก่าปิดลงช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวว่าเสียงประตูเหล็กจะเสียดสีดังกันจนทำให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนฟูกสีครีมตัวเก่านั้นจะตื่นขึ้นมา “หม่าม้า” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เหลียนฟางรีบวางข้าวของในมือก่อนถลาตัวล้มลงนอนข้าง ๆ ลูกสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังสะลึมสะลือคล้ายกับจะตื่น แขนเล็ก ๆ ของลูกสาวกอดเอวคอดบางของผู้เป็นมารดาไว้แน่น เหลียนฟางนอนลูบผมเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งก่อนเธอจะหลับสนิทลงอีกครั้งอย่างวางใจที่เห็นมารดากลับบ้านอย่างปลอดภัย เหลียนฟางจัดของที่ได้มาเข้าตู้เย็น อาหารที่ลูกค้ากินเหลือเถ้าแก่เองเสียดายไม่อยากทิ้งจึงอนุญาตให้พนักงานในร้านเอากลับบ้านไปกินต่อได้ แน่นอนว่าคนที่หาเช้ากินค่ำใช้แรงงานแลกเงินอันน้อยนิดอย่างพวกเขาอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด พวกเขาไม่เคยรังเกียจมัน กลับกันก็คิดบวกว่าดีเสียอีกประหยัดข้าวได้ตั้งหนึ่งมื้อเงินที่จะต้องไปซื้อข้าวมื้อนั้นเหลียนฟางก็หยอดเก็บเป็นค่าเทอมให้อี้ถิงได้แม้จะไม่มาก ก็ดีกว่าเก็บไม่ได้เลย ร่างบางจัดการอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดใส่ชุดนอนสีเทาเก่า ๆ ล้มตัวนอนข้างลูกสาวที่แสนน่า
“จากงานประกาศรางวัลที่จบลงไปเมื่อวันก่อน ผู้ที่ได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดนิยมแห่งปี จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ หวังอวี้เฟิง นักแสดงชายยอดนิยมที่ยังคงครองตำแหน่งอันดับสูงสุดบนยอดพีระมิดมาห้าปีซ้อน…” เสียงบนจอ LCD ยักษ์ฉายภาพผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับงานประกาศรางวัลครั้งใหญ่แห่งปี บนจอใหญ่ยักษ์ฉายภาพช่วงหนึ่งที่หวังอวี้เฟิงเดินไปรับรางวัลบนเวที ใบหน้าหล่อจัดเมื่อต้องแสงไฟนับพันดวงยิ่งเสริมทำให้เขาดูเปล่งประกายเหมือนดาวจรัสแสงที่อยู่บนฟ้าสมรางวัลที่ได้หวังอวี้เฟิงยิ้มมุมปากเล็กน้อยโค้งตัวขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเขาก่อนเดินลงเวทีอย่างสง่างาม เพียงแค่ยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปากก็ทำให้แฟนคลับกรี๊ดดังลั่นได้ยินถึงดาวอังคาร นอกจากหล่อดั่งเทพบุตรที่แฟน ๆ ตั้งให้ ฉายาเสือยิ้มยากก็เป็นอีกฉายาที่ได้รับมาเช่นกันรอยยิ้มของอวี้เฟิง จึงเป็นดั่งขุมทรัพย์ที่แฟน ๆ ทั้งประเทศต่างก็โหยหา หลี่เหลียนฟางยืนมองดูจอยักษ์และยิ้มดีใจไปพร้อม ๆ กับผู้คนที่ยืนแออัดสายตาจับจ้องไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ นับร้อยดังขึ้นพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย เหลียนฟางเอง