LOGINทั้งกลิ่นและรสชาติ แตกต่างจากสุราที่ขายในโรงสุรายิ่งนัก กลิ่นของสาโทที่ท่านลุงเหวินจงหมักเอง จะมีกลิ่นหอมของข้าว แต่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักดองเช่นกัน
“รสชาติดีกว่าสุราที่ข้าดื่มนัก”
“แท้จริงแล้วสุราที่คุณชายดื่มก็ทำเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เขาจะเอาไปเข้าเครื่องกลั่น เพื่อจะได้เก็บไว้นาน ซึ่งรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย”
“จริงสิ ท่านลุงพาข้าไปดูผลไม้ที่ส่งขายไม่ได้ทีเถิด” หลี่น่าอยากลองผสมน้ำผลไม้กับสาโทเต็มที อยากรู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นดังที่นางคาดไว้หรือไม่
“ทางนี้เลยขอรับ” เดินแยกออกไปไม่นาน ก็พบกับกองผลไม้ที่ไม่สามารถส่งขายได้ บ้างก็เน่าเสีย บ้างก็ลูกเล็กเกินไป
หลี่น่าเดินเข้าไปคัดเลือกผลที่ยังพอจะนำมาคั้นน้ำได้ นางเลือกผลส้มมาเกือบยี่สิบลูก ใช้มีดหั่นครึ่งส้มแต่ละผล แล้วจึงบีบคั้นน้ำออกมา
“ข้าขอสาโทสักจอกเถิด” มือขาวรับเอาสาโทมาผสมกับน้ำส้มที่ตนเองคั้นสดเอาไว้ ก่อนจะใช้ตะเกียบแตะเพื่อชิม
ทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของเหิงเยว่ เอินเอิน และเหวินจงทั้งหมด
“เจ้าเชี่ยวชาญนัก” หลี่น่าเพียงยกยิ้มให้พี่ชาย แล้วเลือกผลส้มมาคั้นเพื่อผสมกับสาโทให้ครบทุกคน กว่าจะทำได้ในปริมาณที่มากพอจะให้ทุกคนได้ชิม ก็ล่วงเลยมาเกือบสองเค่อ (30 นาที)
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ สุราหวาน พี่เหิงลองชิมดู ท่านลุงกับเอินเอินก็ด้วย” ทั้งสามยกสุราหวานที่หลี่น่าทำ ขึ้นมาดื่ม เพียงสัมผัสแรกก็ทำให้ทั้งสามตื่นตะลึงกับรสชาติที่แปลกใหม่ ทว่ากลับมีความกลมกล่อม
“รสดียิ่งเจ้าค่ะคุณหนู ไม่ขมเฝื่อนคอเลยสักนิด บ่าวชอบยิ่งนักเจ้าค่ะ” เอินเอินที่เคยได้ยินว่าสุรามีรสขม พอมาชิมสุราหวานที่คุณหนูของนางทำกลับต้องเปลี่ยนความคิด
“พี่เห็นด้วย เมื่อครู่ที่ชิมสาโทเปล่าๆ ยังรู้สึกถึงรสเฝื่อนอยู่บ้าง แต่ที่เจ้าทำ แทบจะสัมผัสไม่ได้เลย”
“แท้จริงแล้วหากว่าใส่น้ำเชื่อมลงไปอีกนิด จะทำให้มีรสหวานขึ้นมา แต่ที่ข้าทำจะออกไปทางเปรี้ยวเล็กน้อย” หากว่ามีน้ำเชื่อมคงจะทำให้รสหวานละมุนกว่านี้
“หากว่าเหล่าสตรีในห้องหอได้ลองดื่ม คงจะชมชอบไม่น้อยขอรับ แต่สุราหวานที่คุณหนูทำ อาจจะไม่เหมาะกับชายหนุ่มสักเท่าใด เพราะดูเหมือนว่าฤทธิ์ของสุราจะอ่อนลงมาก”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ หากว่าใช้สาโทมากขึ้น จะทำให้มีฤทธิ์แรงขึ้นด้วย ไม่แน่ว่าบุรุษอาจจะชื่นชอบ”
“เป็นความคิดที่ดียิ่งนักขอรับ” หลี่น่าฉีกยิ้มกว้าง เห็นทีลู่ทางสู่ความรวยของนางจะอยู่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น
“เช่นนั้น ทุกวันจากนี้ ข้า เอินเอิน และพี่เหิงจะมาจัดการเรื่องคั้นน้ำผลไม้นะเจ้าคะ”
“ได้ขอรับ แล้วคุณหนูจะให้ข้าน้อยทำสิ่งใดหรือไม่”
“ท่านเพียงหมักสาโทไว้ให้ข้าก็พอ ข้าจะนำไปวางตลาดในอีกสิบห้าวันข้างหน้า”
“ห้องนี้หรือ”“มิใช่เจ้าค่ะ ห้องนี้เป็นห้องตำราของท่านพ่อ” หลี่น่าเดินไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ทักขึ้นมาอีก“หรือว่าจะเป็นห้องนี้”“นั่นเป็นห้องเก็บป้ายวิญญาณของบรรพชนเจ้าค่ะ”“อีกไกลหรือไม่”“เดินเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะถึงแล้ว อยู่ติดกับห้องนอนของพี่เหิงพอดี ท่านทนมิไหวแล้วหรือเจ้าคะ คิกๆ” หญิงสาวปิดปากขำ จนดวงตาที่กลมโตหยีลงอย่างน่ารัก“อะฮึ่ม!” สตรีตรงหน้ายามยิ้มขบขำเช่นนี้ ช่างน่าเอ็นดูนัก ทั้งที่นางมิได้งามล่มเมือง รูปร่างก็มิได้เอวบางร่างน้อยอย่างสตรีงามผู้อื่น ทว่าส่วนเว้นส่วนโค้งกลับดึงดูดสายตาให้จับจ้อง มิรู้เบื่อ“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”“อืม เจ้าออกไปรอด้านนอกก็ได้ ข้าจำทางได้แล้ว”“ท่านปวดหนักหรือ คึๆ” ท่าทีป้องปากกระซิบ พร้อมกับสายตาที่หยอกล้อ ทำเอาหวังหย่งถึงกับหน้าตึง แต่ยังมิทันได้เอ่ยเตือน อีกฝ่ายก็หนีหายไปเสียก่อนหวังหย่งเข้าไปในห้องสุขาเพียงชั่วครู่ ก็เดินย่องออกมา ดวงหน้าคมหันซ้ายหันขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่ามิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ ร่างสูงรีบเดินไปยังห้องตำราของเรือนหากว่าจะหาเอกสารสำคัญ ย่อมต้องหาในห้องตำราเป็นที่แรก“ท่านแม่ทัพทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ยังไม่ทันที่หวังหย่งจะเปิดเข้าไปใน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เหิง ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หลี่น่ายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างของรถม้าคันหรู ทั้งยังโบกไม้โบกมือให้ครอบครัว ที่กำลังกวาดลานหน้าเรือนอยู่เกวียนขนของและรถม้าคันหรู เคลื่อนเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าเรือนสกุลเหอ เข่อซิงเองก็นึกแปลกใจที่บุตรสาวนั่งรถม้าเข้ามา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เจ้าของรถม้าก็ปรากฏกายขึ้น“มะ แม่ทัพใหญ่! บุตรสาวข้าไปสร้างเรื่องเดือดร้อนหรือ”“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาต่างก้มคำนับต่อแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอย่างหวาดกลัว หลี่น่าได้แต่ยืนงงกับท่าทางของบิดาและมารดานางมิได้ทำสิ่งใดผิดเสียหน่อย“ท่านพ่อท่านแม่ ข้ามิได้สร้างเรื่องนะเจ้าคะ”“เจ้าเงียบเสีย ท่านแม่ทัพโปรดเห็นใจนางเถิดขอรับ น้องสาวข้าผู้นี้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามาก รอดตายมาได้ก็จดจำสิ่งใดมิได้ แม้แต่นามของตน ไหนจะพูดจากพิลึกพิลั่นนี่อีก เห็นแก่ว่านางวิปลาสเถิดขอรับ”“โอ้ยยยย พี่เหิงคิดว่าข้าบ้าหรือ แม่ทัพจ้าว! ท่านพูดสิ่งใดบ้างเถิด”“ท่านเหอ ฮูหยิน คุณชาย ข้าเพียงนำไหและจอกสุราที่คุณหนูเหอต้องการมาให้เท่านั้น” เสียงนิ่งทรงพลัง ทำให้คนสกุลเหอทั้งสาม หยุดโวยวายลงได้ แต่มิวายหันมาหาหลี่
“ข้าทำเรื่องดีเจ้าค่ะ เอ่อ…ข้าจะเปิดร้านสุราหวานเจ้าค่ะ” มือขาวยกขึ้นมาป้องปาก กระซิบกระซาบเสียงเบา มิให้ผู้อื่นได้ยิน“เช่นนั้นหรือ เอาไว้ข้าจะส่งไปให้ที่เรือนเจ้า”“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้าขอไปเลือกเองได้หรือไม่ นะ นะ ข้าจะได้เลือกเอาแค่ที่จำเป็นอย่างไรเจ้าคะ” เพราะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับบิดาและพี่ชาย หลี่น่าจึงเผลอเกาะแขนแกร่งเสียแน่น ทั้งยังส่งสายตาออดอ้อน จนคนมองเสียอาการ“อะแฮ่ม! เช่นนั้นก็กลับเรือน ฮุ่ยหวง…” เพียงแค่สายตาที่ส่งมา ก็ทำให้รองแม่ทัพเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงได้แยกตัวออกไปอีกทางหวังหย่งพาหลี่น่าและเอินเอินมาที่เรือนของตน ก่อนจะพาไปเลือกไหสุราและจอกสุราตามที่หญิงสาวต้องการ ยังดีที่วันนี้ท่านย่าของเขาไม่อยู่เรือน หากไม่แล้ว คงต้องเอ่ยอธิบายเสียยาวเหยียดเป็นแน่“เจ้าเลือกเอา อยากได้อันใดก็บอกบ่าวไพร่” หวังหย่งให้บ่าวไพร่เปิดหีบไม้ที่ใช้เก็บจอกสุรา ให้หญิงสาวดู“นี่…เหมือนของใหม่เลยนะเจ้าคะ” ทั้งลวดลายและรูปลักษณ์ของจอกสุรา ไม่แตกหักหรือมีรอยร้าวสักนิด“เอาไปเถิด เรือนข้ามีมาก มิได้ใช้งาน จนต้องนำมาเก็บที่ห้องเก็บของนี่อย่างไรเล่า”“อ่า~ มิใช่ว่าพึ่งให้คนไปซื้อมาใหม่ เพื่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่น่าลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามปกติ ก่อนจะมาท่านมื้อเช้าและไปจัดการเรื่องการขนน้ำผลไม้ไปไว้ในห้องใต้ดิน ด้วยมิอยากจ้างคนงานมาจัดการ หลี่น่ากับเอินเอิน จึงจัดการขนไหน้ำผลไม้ยังไม่เน่าเสียมาไว้ในห้องใต้ดินด้วยตนเอง“เห้อ! กว่าจะเสร็จ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่”“จริงเจ้าค่ะ แหะๆ”“ทนเอาหน่อยนะเอินเอิน หากว่าเราขายสุราหวานได้ดีตามที่คาดไว้ ครอบครัวเราก็จะมีกินมีใช้ มีเงินไว้จ่ายหนี้สินที่ติดค้างอยู่” หลี่น่าลูบศีรษะเล็กของคนสนิท“บ่าวทนไหวเจ้าค่ะ สงสารก็แต่พวกท่าน ที่ต้องมาลำบากเช่นนี้”“อย่าคิดอันใดให้มากความเลย ข้าว่าเราไปทำมื้อเที่ยงไว้รอทุกคนเถิด ช่วงบ่ายเราจะต้องออกไปหาภาชนะใส่สุราหวานของเราเสียที” ว่าแล้วสองนายบ่าวก็พากันเข้าครัว แม้ว่าหลี่น่าจะทำสิ่งใดไม่เป็น แต่ก็พอช่วยหยิบจับนู่นนี่ได้..“เราจะเริ่มจากที่ใดก่อนดีเจ้าคะ” หลังจากทานมื้อเที่ยง หลี่น่าก็ขออนุญาตบิดามารดาออกมาหาไหและจอกสุราเก่า“ข้าจะลองไปถามโรงน้ำชาดูก่อน” หากว่าไปถามร้านขายสุรา แล้วเรานำไหเหล่านั้นมาขายสุราแข่งกับเขา มันดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย“เถ้าแก่เจ้าคะ ที่ร้านพอจะมีไหหรือจอกชาเก่าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่
หลังจากที่ขอให้ท่านลุงเหวินจงหมักสุราไว้ให้ หลี่น่าก็กลับมาพักที่เรือนอย่างสบายใจกับผีน่ะสิ!นับจากที่ตัดสินใจว่าจะนำสุราหวานไปวางขาย หลี่น่าก็ไม่ได้หยุดพักหายใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้ ทั้งเรื่องวิธีการทำ ก็มีปัญหาเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน“จะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู” หลี่น่ากำลังตักชิมน้ำผลไม้ที่นางคั้นเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ก็พบว่าน้ำเหล่านั้นทำท่าคล้ายจะเน่าเสีย รสชาติและกลิ่นต่างแปลกไป“เพราะไม่มีตู้เย็น เลยเป็นเช่นนี้”“เอ่อ อันใดคือตะ ตู้เย็นเจ้าคะ”“เป็นที่ที่เย็นมากๆ ใช้เก็บของมิให้เน่าเสียน่ะ” หลี่น่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียดายน้ำผลไม้ที่คั้นไว้ เห็นทีจะต้องทิ้งแล้วทำใหม่“…”“นำไหที่เสียไปทิ้งเถิด แล้วคั้นใหม่ ข้าจะลองไปถามท่านพ่อดูว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร” ครอบครัวของนางเป็นสกุลพ่อค้า คงจะมีวิธีการเก็บสินค้าให้สดใหม่อยู่เสมอ“ได้เจ้าค่ะ” แม้เอินเอินจะเสียดายมากเท่าใด แต่ก็จำใจต้องเทน้ำผลไม้พวกนั้นทิ้ง..หลังจากครอบครัวสกุลเหอทานมื้อเย็นเสร็จ ก็พากันมานั่งเล่นพูดคุยกันที่ศาลาหลังเรือน เป็นโอกาสให้หลี่น่าได้ถามไถ่วิธีแก้ปัญหากับบิดา“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าติดปัญหาเจ
ทั้งกลิ่นและรสชาติ แตกต่างจากสุราที่ขายในโรงสุรายิ่งนัก กลิ่นของสาโทที่ท่านลุงเหวินจงหมักเอง จะมีกลิ่นหอมของข้าว แต่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักดองเช่นกัน“รสชาติดีกว่าสุราที่ข้าดื่มนัก”“แท้จริงแล้วสุราที่คุณชายดื่มก็ทำเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เขาจะเอาไปเข้าเครื่องกลั่น เพื่อจะได้เก็บไว้นาน ซึ่งรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย”“จริงสิ ท่านลุงพาข้าไปดูผลไม้ที่ส่งขายไม่ได้ทีเถิด” หลี่น่าอยากลองผสมน้ำผลไม้กับสาโทเต็มที อยากรู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นดังที่นางคาดไว้หรือไม่“ทางนี้เลยขอรับ” เดินแยกออกไปไม่นาน ก็พบกับกองผลไม้ที่ไม่สามารถส่งขายได้ บ้างก็เน่าเสีย บ้างก็ลูกเล็กเกินไปหลี่น่าเดินเข้าไปคัดเลือกผลที่ยังพอจะนำมาคั้นน้ำได้ นางเลือกผลส้มมาเกือบยี่สิบลูก ใช้มีดหั่นครึ่งส้มแต่ละผล แล้วจึงบีบคั้นน้ำออกมา“ข้าขอสาโทสักจอกเถิด” มือขาวรับเอาสาโทมาผสมกับน้ำส้มที่ตนเองคั้นสดเอาไว้ ก่อนจะใช้ตะเกียบแตะเพื่อชิมทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของเหิงเยว่ เอินเอิน และเหวินจงทั้งหมด“เจ้าเชี่ยวชาญนัก” หลี่น่าเพียงยกยิ้มให้พี่ชาย แล้วเลือกผลส้มมาคั้นเพื่อผสมกับสาโทให้ครบทุกคน กว่าจะทำได้ในปริมาณที่ม







