Mag-log inเปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆ
ฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?" พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้าใจเพราะฝนไม่เคยเล่าอะไรให้เธอฟังเลย
ทิพย์ พี่สาวต่างแม่อีกคนเปิดประตูเข้ามาพอดี เห็นภาพน้องสาวทั้งสองกำลังกอดกันร้องไห้ พลอยใสเห็นดังนั้นจึงรีบลุกขึ้น "เดี๋ยวฉันออกไปรอข้างนอกนะ" เธออยากให้พี่น้องทั้งสามได้อยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัว จึงเดินออกไปจากห้อง ทิพย์เดินเข้าไปใกล้น้องสาวทั้งสอง แล้วลูบผมของฝนอย่างอ่อนโยน เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคยแข็งกระด้างแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย "ยัยเด็กโง่ ทำอะไรคิดบ้างไหมว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะเสียใจ! ทำไมถึงคิดอะไรแบบนี้" ฝนน้ำตาไหลเอ่อออกมา มองหน้าพี่สาวทั้งสอง ฝนกับทิพย์สบตากันและบอกรักน้องโดยไม่ต้องถามรายละเอียดต่างๆ เพราะรู้ว่าฝนคงมีเรื่องทุกข์ใจแสนสาหัสจนคิดจะจบชีวิตตัวเองแบบนี้ ทิพย์พูดขึ้นมาว่า "ความจริงวันนี้พี่ต้องบินกลับไปทำงาน เพื่อจะไปเคลียร์งานให้จบ แล้วจะได้ย้ายกลับมาอยู่ถาวร เพื่อสร้างครอบครัวที่นี่กับพ่อของเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิด"ฝนชะงักและมองหน้าพี่สาว ทิพย์พูดต่อว่า "พี่คุยกับแฟนพี่แล้ว เขาตัดสินใจจะย้ายตามมา ก่อนหน้านี้พี่ใจร้อนน้อยใจเขาเลยหนีกลับมา แต่ตอนนี้พวกเราเข้าใจกันแล้ว ที่มาเยี่ยมฝนก่อนเดี๋ยวพี่ก็ต้องไปแล้วนะ อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีก รู้ไหม ทุกคนเขาเป็นห่วงมาก" ฝนไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้า พอบอกลาเสร็จทิพย์ก็เดินออกไปจากห้อง เหลือแต่่ฟ้ากับฝนที่ยังคงกอดกันร้องไห้
ความจริงที่เปิดเผย
ในตอนนั้นเอง นวลเปิดประตูเข้ามาเจอภาพลูกสาวทั้งสอง เธอกอดลูกทั้งสองไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาไหลพราก "ทำไม...ทำไมถึงทำแบบนี้ รู้ไหมแม่แทบใจจะขาด! หนูอย่าทำแบบนี้อีกนะ" ฝนร้องไห้เสียใจ ดันตัวออกจากฟ้าแล้วไปกอดแม่ "แม่...มันไม่ใช่แบบที่ฝนคิดนะลูก มันไม่ใช่แบบนั้น" นวลพูดปลอบ "ฝนกับเอกรักกันได้" ฝนยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม สะบัดหน้าพร้อมกับส่ายหน้า "มันเป็นไปไม่ได้แม่ มันเป็นไปไม่ได้!" "ได้สิลูก! ฝนกำลังเข้าใจผิด ฝนกับเอกไม่ได้เป็นพี่น้องกัน!" ฝนสะอึก น้ำตาหยุดไหล เธอเงยหน้ามองแม่เพื่อความแน่ใจ "จริงๆ ลูก...เอกคือลูกของลุงทินที่หายไป...นั่นคือ นนท์" ฝนอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น "แต่...ในเอกสารก็ระบุชัดเจนว่าพี่เอกเป็นลูกของพ่อ แล้วจะเป็นลูกของลุงทินได้ยังไง?" นวลจึงอธิบายอย่างใจเย็น "ฝนจำได้ไหมเรื่องความลับระหว่างครอบครัวลุงทินกับคุณย่ากับคุณพ่อของหนู?" ฝนพยักหน้า "จำได้ค่ะ" "จำได้ไหมก่อนที่ลุงทินจะมาเป็นลูกของคุณย่า ลุงทินมาจากไหน?" ฝนตอบสั้นๆ "ค่ะ" "นั่นแหละคือจุดเริ่มต้น ตอนที่ตามหา นนท์ ในตอนนั้น เอกสารการยืนยันตัวตนหลายอย่างยังไม่พร้อม จะตามหาคนทั้งคนต้องมีตัวตนที่ชัดเจน ตอนนั้นเรื่องของลุงทินยังไม่เรียบร้อย คุณพ่อของหนูเลยใช้ตัวตนของเขา แต่ใช้ผลตรวจของลุงทินไปเปรียบเทียบ DNA กับนนท์ มันเลยเป็นชื่อของพ่อ" ฝนร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอถามแม่ด้วยเสียงสั่นๆ "แล้วแม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงคะ?" "แม่ก็ต้องรู้สิ...วันที่ นนท์ หายไปมันเกิดขึ้นเพราะแม่เอง...วันนั้นถ้า นนท์ ไม่พยายามจะช่วยหนู เขาคงไม่โดนรถชนแล้วหายไปแบบนั้น มันเป็นความรู้สึกผิดที่แม่แบกไว้ตลอดเวลา" "งั้นตอนเด็กพี่เอกก็เคยเจอฝนแล้วเหรอคะ?" "ใช่จ้ะ...ตอนนั้นหนูอายุไม่กี่เดือน นนท์ เข้ามากับพ่อของหนูและพ่อของเขา ในตอนนั้นลุงทินกับพ่อมาทำธุระเรื่องของลุงทิน นนท์ ที่มาด้วยก็จะมาอยู่กับแม่แล้วมาเล่นเป็นเพื่อนหนู วันนั้นหนูต้องไปรับวัคซีนเลยเกิดเหตุการณ์นั้น แม่มัวแต่เป็นห่วงหนูจนลืมไปว่า นนท์ หายไป พอจะพยายามตามหาแม่กลับไม่มีข้อมูลอะไรสักอย่าง พ่อหนูก็ให้ความร่วมมือแบบที่หนูเห็นแหละ" ฝนกอดแม่แล้วร้องไห้ เธอทั้งเสียใจกับการกระทำที่คิดจะจบชีวิตตัวเอง และรู้สึกดีใจที่เธอไม่ใช่ "น้องสาว" ของผู้ชายที่เธอรัก เธอทั้งยิ้มทั้งร้องไห้ กอดแม่ไว้แน่นเอกเปิดประตูเข้ามา เห็นฝนที่ฟื้นได้สติแล้ว เขาวิ่งเข้าไปกอดเธอด้วยความดีใจสุดหัวใจ นวลกับฟ้าเห็นดังนั้นจึงเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ เพื่อให้ทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกัน
เอก: (กอดฝนแน่นด้วยน้ำตา) "ทำไม...ทำไมถึงทำแบบนี้! รู้ไหมพี่เจ็บปวดแค่ไหน! ถ้าฝนเป็นอะไรไป...พี่จะอยู่ได้ยังไง! ไม่สงสารพี่บ้างเลยเหรอ! ไหนบอกว่าจะอยู่เคียงข้างพี่ไม่ให้พี่อยู่คนเดียว...แล้วนี่ทำไมถึงจะทิ้งพี่ไป!" ฝน: (ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน) "ฝน...ไม่รู้จะทำยังไง...ฝนหาทางออกไม่ได้...แค่คิดว่าผู้ชายที่ฝนรักเป็นพี่ชายตัวเอง...ฝนทรมานจนแทบขาดใจ...ถ้าต้องมีชีวิตอยู่...แต่ต้องรักพี่ในฐานะน้องสาว...ฝนทำไม่ได้...ฝนทำไม่ได้..." เอกเข้าใจความทุกข์ทรมานของเธอ เขาจึงกอดเธอไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม เอก: "พี่ขอโทษ...ถ้าพี่จำเรื่องราวได้เร็วกว่านี้...เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น..." ฝน: "ไม่ใช่ความผิดของพี่! ฝนต่างหากที่สู้กับมันไม่ไหว...ฝนกลัวไปหมดทุกอย่าง...กลัวว่าถ้าเรื่องของเรามันกลายเป็นเรื่องบาป...กลัวว่าถ้าฝนท้อง...แล้วลูกที่คลอดออกมาต้องมีพ่อเป็นพี่ชายของแม่...ฝนจะสู้กับปัญหานั้นได้ยังไง...ฝนรับไม่ไหวจริงๆ ..." เอกกอดเธอไว้แน่นที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เอก: "มันไม่มีอะไรแล้วนะ...ต่อไปนี้พี่จะดูแลฝนให้ดีกว่านี้...พี่จะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก...มีอะไรต้องบอกพี่นะ...อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ แบบนี้อีก...สัญญากับพี่นะคนดี" ฝนพยักหน้ารับทั้งน้ำตาแล้วกอดเอกไว้แน่น ในใจของเธอตอนนั้นรู้สึกโล่งใจราวกับได้หลุดพ้นจากนรกทั้งเป็น เมื่อได้รู้ความจริงว่าผู้ชายที่เธอรักไม่ใช่พี่ชายของเธอ...ความรักที่เคยเป็นบาปหนักได้กลายเป็นความรักที่บริสุทธิ์อีกครั้ง...หัวใจที่แตกสลายกลับมาประสานกันอีกครั้งด้วยอ้อมกอดนี้นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







